ูเาต้าฮวง คือ สถานที่จัดกิจกรรมล่าสัตว์ของสำนักชางหวงในครั้งนี้ ูเาต้าฮวงตั้งอยู่ที่เทือกเขาซึ่งอยู่ห่างออกไปหนึ่งพันห้าร้อยหลี่ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของสถานศึกษาชางหวง ที่นั่นมีสัตว์ปิศาจดุร้ายมากมาย อันตรายอย่างยิ่ง หากไม่ระวังอาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่ต่อให้เป็เช่นนี้ ในนั้นก็ยังมีโอกาสอยู่อีกมากมาย
มีสมุนไพริญญา ผลไม้ิญญา และสิ่งล้ำค่าอยู่มากมาย
ดังนั้น หากทำสำเร็จคือโชคดี แต่หากทำไม่สำเร็จก็หมายถึงชีวิต!
กิจกรรมล่าสัตว์ในแต่ละปีมีศิษย์จำนวนไม่น้อยก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว และก็มีศิษย์เสียชีวิตอยู่ที่นี่
ในบรรดานั้น ผู้ที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงคือ ซูเฉินเทียนและรั่วเฉินอวี่ เห็นว่าคนทั้งสองเคยล่วงลึกเข้าไปด้านในของรอบนอกูเาตามลำพังและได้รับาเ็สาหัสเกือบเสียชีวิต แต่หลังจากนั้นระดับขั้นของคนทั้งสองก็เลื่อนขึ้นพรวดพราด เป็ไปได้ว่าอาจจะเหยียบย่างเข้าสู่ขั้นเสวียนฟ้าแล้ว
ดังนั้น กิจกรรมล่าสัตว์จึงเป็ที่ชื่นชอบในสถานศึกษาชางหวง ศิษย์สำนักในที่มีความสามารถอยู่บ้างต่างแย่งชิงกันไป มีแรงกดดันย่อมมีพลังขับเคลื่อน
พวกเขากระหายความสามารถเช่นเดียวกัน
เซียวเฉินมาถึงลานกว้างของสถานศึกษาชางหวงก็เห็นป้ายประกาศตั้งอยู่ที่นั่น บนป้ายเขียนจำนวนคน เวลา รวมทั้งเงื่อนไขในการเข้าร่วมกิจกรรมล่าสัตว์ครั้งนี้เอาไว้ด้วย
“อีกครึ่งเดือนหรือ...”
เซียวเฉินยิ้มกล่าว เวลาครึ่งเดือนเพียงพอให้เขาเตรียมตัว ไม่แน่ว่าจะย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้าด้วยความช่วยเหลือของคัมภีร์หงสาานิรวาณ ต่อให้ทำไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องพยายามเพิ่มขีดความสามารถ
“ผู้าุโ ข้าก็อยากเข้าร่วมกิจกรรมล่าสัตว์”
เซียวเฉินยิ้มพลางมองบุรุษวัยกลางคนที่นั่งรับสมัครอยู่ตรงนั้น บุรุษผู้นั้นมองเซียวเฉินแวบหนึ่งแล้วถามว่า “ชื่ออะไร มีความสามารถเพียงใด”
“เซียวเฉิน ขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าระดับต้น”
ผู้าุโจดชื่อเซียวเฉินลงไป จากนั้นจึงบอกว่า
“เรียบร้อย จำไว้ว่าอีกครึ่งเดือนค่อยมารวมตัวกันที่นี่ หากเลยเวลาจะไม่รอ”
“ศิษย์ขออำลา” เซียวเฉินหันกายจากไป
กิจกรรมล่าสัตว์ครั้งนี้ ไยมิใช่เป็การเปิดหูเปิดตาครั้งหนึ่ง เห็นว่าคนบนผังชางหวงมาเข้าร่วมกันทุกคน แม้กระทั่งสามอันดับแรกก็ยังมาเข้าร่วมกิจกรรมนี้ด้วย
เซียวเฉินกลับถึงที่พักของตนเองก็ฝึกวิชาต่อ
แม้ว่าเซียวเฉินจะร่ำเรียนกระบวนท่าแรกในคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์จนเป็ ทว่ายังไม่ช่ำชอง อีกทั้งคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์นี้ถือเป็เคล็ดวิชาขั้นดินแล้วในบางความหมาย อานุภาพแกร่งกร้าว เป็เคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เซียวเฉินเคยพบเห็นมา
และเป็ไพ่ตายใบสำคัญของเขา!
สิบวันต่อมา ช่ำชองกระบวนท่าแรกของคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์
เซียวเฉินย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าระดับกลาง!
จากนั้นเซียวเฉินก็ไปที่หอหลิงเป่าในสถานศึกษาชางหวง ตอนนี้เขาขาดอาวุธคู่มือชิ้นหนึ่ง เขาเลือกใช้กระบี่ นอกจากเพื่อฝึกคัมภีร์กระบี่ทัณฑ์์แล้ว ยังมีอีกสาเหตุหนึ่ง คือกระบี่เคลื่อนไหวได้คมกริบ ได้ทั้งรุกและรับ
ภายในหอหลิงเป่า เซียวเฉินตรงไปที่จุดแลกเปลี่ยน บอกผู้าุโของหอหลิงเป่าด้วยความเคารพว่า “ผู้าุโ ศิษย์เซียวเฉินอยากได้กระบี่โบราณเล่มหนึ่ง!”
ผู้าุโมองเซียวเฉินแวบหนึ่ง
“ของธรรมดาหรือของิญญา”
เซียวเฉินกล่าว “กระบี่ิญญาระดับกลาง”
จากนั้นผู้าุโก็พาเซียวเฉินมาที่หอกระบี่ เซียวเฉินมองกระบี่นับหมื่นเล่มแล้วรู้สึกตาลาย ผู้าุโแห่งหอหลิงเป่าแนะนำอยู่ด้านข้าง “กระบี่ิญญาโบราณ มีทั้งหมดสามพันหกร้อยห้าสิบเล่ม ในบรรดานั้นมีกระบี่ิญญาระดับกลางห้าร้อยสามสิบสองเล่ม เ้าเลือกเอาเองเถอะ”
เซียวเฉินพินิจพิจารณากระบี่ตรงเบื้องหน้า
เขาเลือกแล้วเลือกอีก ท้ายที่สุดสายตาก็จับนิ่งอยู่ที่กระบี่โบราณไร้ฝักเล่มหนึ่ง ตัวกระบี่กับด้ามกระบี่เชื่อมต่อกันเป็เนื้อเดียว แม้เก่าแก่แต่กลับคมกริบ วางไว้ที่ใดก็จะแผ่ปราณกระบี่ออกมาเล็กน้อย
“กระบี่ดี” เซียวเฉินจิ้มกระบี่ไร้ฝักเล่มนั้น
ผู้าุโมีสีหน้าตะลึงงัน
จากนั้นเอ่ยว่า “กระบี่เล่มนี้ไม่ขาย มอบให้เท่านั้น”
เซียวเฉินอึ้งงัน จากนั้นกล่าว “ท่านจะมอบให้ข้าหรือ”
ผู้าุโคนนั้นยิ้ม “หากเ้าหยิบได้ ข้าก็จะมอบให้ เป็อย่างไร”
เซียวเฉินมองผู้าุโอย่างฉงน
“ท่านพูดแล้วนะ” ว่าแล้วสายตาก็จับนิ่งอยู่ที่กระบี่โบราณตรงเบื้องหน้า กระบี่โบราณมิใช่พวกกระบี่หนัก แต่กลับให้ความรู้สึกทั้งหนาและหนัก ทำให้เซียวเฉินรู้สึกถึงคมกระบี่มาแต่ไกล
เซียวเฉินเดินไปข้างหน้า ยื่นมือไปกุมด้ามกระบี่แล้วออกแรงยก กระบี่โบราณนั้นไม่ขยับเลยสักนิด แต่เซียวเฉินรู้ว่าตนเองออกแรงเต็มที่แล้ว
เป็ไปได้อย่างไร
กระบี่เล็กขนาดนี้ เหตุใดจึงหนักปานนั้นได้!
อย่างน้อยต้องหนักหลายร้อยชั่ง ตัวกระบี่ควรทำให้เบาสิ กระบี่หนักขนาดนี้ จะกวัดแกว่งได้อย่างไร?
จะสังหารศัตรูได้เช่นไร?
แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด เซียวเฉินกลับชอบกระบี่เล่มนี้จากใจจริง!
จากนั้นออกแรงอีกครั้ง แต่กระบี่โบราณยังไม่ขยับดังเดิม เซียวเฉินประหลาดใจ ตนเองมีความสามารถขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้า แม้จะไม่ถือว่ามีเรี่ยวแรงเยอะเป็พิเศษ แต่ยังยกสิ่งของหนักพันชั่งได้อย่างไม่มีปัญหา หรือว่ากระบี่เล่มนี้จะหนักเกินพันชั่ง
“ผู้าุโ นี่คือกระบี่อะไร” เซียวเฉินอดหันไปถามไม่ได้
“กระบี่นี้นามว่า เบิกฟ้า!”
“เบิกฟ้า...” ชื่อดี ทรงพลัง เซียวเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป พลังเสวียนบนมือทั้งสองข้างเจิดจ้าจับตา ทว่าบนมือทั้งสองข้างนั้นกลับมีเส้นเืปูดโปน ส่วนเรี่ยวแรงก็เพิ่มขึ้นสี่เท่า นี่คือขีดจำกัดสูงสุดของเซียวเฉิน สามารถยกสิ่งของหนักสี่พันห้าร้อยชั่งได้!
นี่คือเคล็ดวิชาขั้นนิลที่มาจากคัมภีร์หงสาานิรวาณ แรงัเถื่อนยุคกำเนิดโลก!
ตูม!
แผ่นดินสั่นะเื!
ตัวกระบี่เปล่งเสียงคำราม เสมือนขับลำนำและคล้ายกำลังต่อต้าน
แต่เซียวเฉินกลับไม่คลายมือ กุมด้ามกระบี่ออกแรงยกขึ้น พริบตา ปลายกระบี่หลุดออกจากพื้น ตัวกระบี่แผ่ปราณโดยไร้ที่สิ้นสุด กดดันบรรดากระบี่ ทำให้กระบี่อื่นๆ ส่งเสียงคร่ำครวญ
เสมือนถูกผู้เป็ราชันกำราบจนไม่กล้าต่อต้าน
“ฮ่า...”
เซียวเฉินคำราม มีเส้นเืปรากฏบนแขน ชูเบิกฟ้าขึ้น คราวนี้ผู้าุโแห่งหอหลิงเป่าอ้าปากกว้างด้วยความใ
เขาถึงกับชูกระบี่ได้!
กระบี่เล่มนี้หนักอย่างน้อยห้าพันชั่งขึ้นไป อย่าว่าแต่ขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าเลย แม้แต่ผู้เข้มแข็งขั้นเสวียนฟ้าก็ไม่แน่ว่าจะขยับได้
ทว่าเด็กหนุ่มตรงเบื้องหน้าชูมันได้
น่าสะพรึงเกินไปแล้ว!
เซียวเฉินอ้าปากหอบหายใจแฮ่กๆ
“ท่านพูดแล้วต้องรักษาคำพูดนะ” น้ำเสียงของเซียวเฉินแหบเล็กน้อย เพราะเมื่อครู่เขาเพิ่งเร่งเร้าพลังทั้งหมด ผู้าุโคนนั้นพยักหน้า
“เ้านำกระบี่ไปเถอะ”
เซียวเฉินผงกศีรษะ จากนั้นลากกระบี่หนักสี่ห้าพันชั่งออกจากหอหลิงเป่า แต่ในสายตาของคนภายนอก การกระทำของเซียวเฉินกลับแปลกประหลาด
เซียวเฉินที่อยู่อันดับสิบบนผังชางหวงถึงกับใช้มือสองข้างลากกระบี่ยาวสามฉื่อและก้าวย่างอย่างยากลำบาก
ทุกคนต่างหยุดมองและชี้มือชี้ไม้
“เซียวเฉินจงใจมาเล่นตลกหรือ” เขาถึงกับยกกระบี่เล่มหนึ่งไม่ไหว ทำให้ทุกคนส่งเสียงฮือฮา มีเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่ขาดทันที
“ท่าทางอันดับของเขาคงมีความจอมปลอมอยู่นิดหน่อย”
“ได้ยินว่าเขาย่างเข้าสู่ขั้นตานฟ้าสี่ชั้นฟ้าแล้ว เหตุใดจึงมีท่าทางบ้าบอแบบนี้ ทำให้สำนักในเราขายหน้าจริงๆ”
“นั่นสิ นั่นสิ”
“...”
เซียวเฉินคร้านจะมองคนเหล่านี้ เพราะเขาดูแคลนกลุ่มเศษสวะที่ไม่มีความรู้ สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้ คือ ทำอย่างไรจึงจะลากเบิกฟ้ากลับไปได้ กระบี่เล่มนี้หนักมากจริงๆ
“โอ้ นี่เซียวเฉินที่อยู่อันดับสิบบนผังชางหวงมิใช่หรือ...” ทุกคนต่างหลีกทางให้ มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินไปหา ใบหน้าของเด็กหนุ่มมีรอยยิ้มเสียดสี คนผู้นี้อยู่อันดับเก้าบนผังชางหวง มีนามว่า กู่เฉิง ความสามารถขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้า
เซียวเฉินมองเขาแวบหนึ่งแล้วเอ่ยเรียบๆ “ไสหัวไป ข้าไม่ว่างสนใจเ้า” จากนั้นก็เดินลากกระบี่ต่อ แต่กู่เฉิงกลับเดินมาตรงเบื้องหน้าของเซียวเฉินอีกครั้ง
เซียวเฉินมองเขา “ฟังภาษาคนไม่ออกหรือ”
ว่าแล้วก็เดินอ้อมไป แต่กลับถูกกู่เฉิงสกัดไว้อีกรอบ คราวนี้เซียวเฉินมีโทสะจริงๆ แล้ว มือทั้งสองข้างแผ่พลังเสวียน กู่เฉิงร้องอุทาน
“เซียวเฉิน นี่เ้ายั่วโมโหข้าหรือ เช่นนั้นข้าก็จะเล่นเป็เพื่อนเ้าสักหน่อย” ทุกคนหมดวาจา ใครยั่วโทสะใครกันแน่!
เบิกตามองดูเขาพูดจาเหลวไหล
แต่ใช้ให้ใครผู้อื่นมีความสามารถเล่า
ครู่ถัดมา ทุกคนก็ตกตะลึงตาค้าง
เนื่องจากกู่เฉิงยังไม่ทันได้ลงมือก็ถูกเซียวเฉินตบทีเดียวปลิว ทุกคนอ้าปากกว้างด้วยความใ
เซียวเฉินถึงกับตบกู่เฉิงทีเดียวปลิว!
ส่วนคู่กรณีกลับมองกู่เฉิงที่ถูกตบปลิวด้วยสีหน้าเรียบเฉยและเอ่ยเสียงชืดชา “ขั้นตานฟ้าห้าชั้นฟ้าร้ายกาจนักหรือ อันดับเก้าบนผังชางหวงก็เหิมเกริมได้หรือ เ้าไม่ล่วงเกินข้า ข้าก็ไม่เป็ฝ่ายไปล่วงเกินเ้า แต่หากเ้าล่วงเกินข้า ต่อให้เป็ซูเฉินเทียนที่อยู่อันดับหนึ่งบนผังชางหวง ข้าก็อัดเช่นกัน!”
เอ่ยจบ เซียวเฉินก็ลากกระบี่ต่อ
ฝูงชนปากอ้าตาค้าง
เซียวเฉินผู้นี้ช่างบ้าบิ่นจริงๆ