“ลองรับฝ่ามือนี้ดู!” เสียงะโเสนาะหูดังขึ้นมา ขณะเดียวกันพลังแก่นแท้ก็หลั่งไหลเข้าสู่ฝ่ามือขวาเรียวงามนั้น ฝ่ามือหยกที่ใสราวกับแก้วมีเส้นด้ายสีทองกำลังหมุนวนอยู่ เมื่อฉินหรูเยียนสะบัดฝ่ามือออกไป! เสียงคำรามราวคลื่นสึนามิก็ดังก้องไปทั่วทั้งหอประลอง!
เด็กสาวผู้นี้กำลังต่อสู้ด้วยความสนุกสนาน เรียกใช้วิชาฝ่ามืออันทรงพลังที่สุดของนางในทันที นั่นคือ ‘ฝ่ามือคลั่งคำราม’ ซึ่งเป็หนึ่งในวิชา ‘ทะเลคลั่งสามระลอก’ ของนาง!
แสงสีฟ้าส่องสว่างเรืองรองปรากฏขึ้น ถาโถมเข้าดั่งคลื่นสึนามิโหมกระหน่ำใส่เซียวหลิงอวิ๋นด้วยพลังน่าสะพรึง!
“หมัดเกลียวสายฟ้า” เซียวหลิงอวิ๋นก็ไม่กล้าประมาทเช่นกันเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฉินหรูเยียนที่กำลังบ้าคลั่ง เขาเลือกใช้หมัดเกลียวสายฟ้า ซึ่งเป็ท่าไม้ตายอันทรงพลังที่สุดของตนทันที หมัดขวาของเขาพุ่งออกไปอย่างรวดเร็วเป็สามหมัดติดต่อกัน สองหมัดแรก่สั้นมาก โดยทั้งสองหมัดยื่นออกไปเพียงครึ่งหนึ่ง ก่อนจะชักหมัดกลับ จากนั้นหมัดที่สามถึงจะเป็การะเิพลังทั้งหมัด แขน และเอวออกไป!
สามหมัดซ้อนทับกันกลายเป็กระบวนหมัดที่น่าทึ่ง! พุ่งเข้าใส่ฝ่ามือั์สีฟ้าครามราวกับคลื่นทะเล!
“เปรี้ยง!”
เส้นด้ายสีทองที่แผ่ลำแสงสีฟ้าครามโดยรอบพลันะเิออกอย่างรุนแรง พลังลมปราณกระจัดกระจายออกไปจนทำให้ทั้งเซียวหลิงอวิ๋นและฉินหรูเยียนกระเด็นออกมา!
“ตุบๆๆ!” เมื่อร่างกายเพรียวบางของฉินหรูเยียนสามารถพลิกตัวลงมายืนบนพื้นได้ ก็ต้องถอยหลังไปอีกหลายก้าวทีเดียวจึงจะสามารถทรงตัวอยู่! จากเมื่อสักครู่ที่มือทั้งสองข้างขาวใสราวกับแก้ว บัดนี้กลับมาเป็สีขาวดังเดิมั้แ่เมื่อไรก็ไม่ทราบ ไม่สิ ฝ่ามือขวาที่เหมือนดั่งหยกมีหยดเืไหลลงมาด้วย!
ทางด้านเซียวหลิงอวิ๋น ตัวของเขาปลิวไปไกลถึงแปดเมตร ลงมายืนที่พื้นแล้วถอยหลังไปสองก้าว เขากะพริบตาปริบๆ จากนั้นก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น! กำปั้นขวามีเืไหล!
เซียวหลิงอวิ๋นมองไปยังฉินหรูเยียนที่อยู่ห่างออกไปยี่สิบเมตร แสงเรืองรองสีฟ้าครามจางหายไปแล้ว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยการครุ่นคิด แล้วลุกขึ้นมา ยกมือขึ้นปาดเืจากมุมปาก และทำสัญญาณมือห้ามหยางลู่ที่กำลังรีบวิ่งเข้ามาเพื่อทำแผลที่ฝ่ามือของฉินหรูเยียน!
หยางลู่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเืออกจากมือทั้งสองข้างของเซียวหลิงอวิ๋นอย่างตั้งใจ ในขณะที่ทาขี้ผึ้งรักษาแผล นางก็พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย “ก่อนที่จะเริ่มประลอง พวกเ้าบอกว่าจะแค่ประลองฝีมือกันเฉยๆ แต่พอเริ่มสู้กันจริง เหตุใดถึงได้กลายเป็ศัตรูสองคนที่เข้าห้ำหั่นกันอย่างเอาเป็เอาตายไปได้เล่า?” เมื่อเห็นว่านางคงคาดหวังคำตอบนี้จากเซียวหลิงอวิ๋นไม่ได้ นางจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาในทันทีและถามต่อ “ศิษย์พี่หรูเยียนเป็อะไรไปหรือ?”
“สถานการณ์ของนางค่อนข้างพิเศษ ยิ่งการต่อสู้ดุเดือดและปะทะกันมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งช่วยให้นางบรรลุได้มากขึ้นเท่านั้น การต่อสู้เมื่อครู่คงทำให้นางจับจุดอะไรบางอย่างได้จึงเข้าสู่สภาวะเข้าฌาน!”
“เ้าว่าเข้าฌานงั้นหรือ? ศิษย์พี่หรูเยียนกำลังเข้าฌานอย่างงั้นหรือ?” หยางลู่เบิกตาโต!
“อื้ม พูดเบาๆ หน่อย อย่าไปรบกวนนาง!”
หยางลู่ปิดปากที่อ้าค้างอยู่ด้วยมือข้างหนึ่งพร้อมกับพยักหน้า แต่ดวงตาของนางกลับเต็มไปด้วยความใและความอิจฉา!
...
ขณะนั่งอยู่บนพื้นข้างๆ เซียวหลิงอวิ๋น หยางลู่มองกลับไปกลับมาระหว่างฉินหรูเยียนและเซียวหลิงอวิ๋นอยู่หลายครั้ง ความคิดต่างๆ นานาผุดขึ้นในใจ!
เดิมทีตระกูลหยางก็เป็ตระกูลใหญ่ แต่ใน่ร้อยปีมานี้ตกต่ำลงไปอย่างมาก ยิ่งใน่สามชั่วอายุคนมานี้ มีเพียงสี่คนที่สามารถเปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จ หนึ่งในนั้นเสียชีวิตไปแล้ว ตอนนี้จึงเหลือเพียงแค่สามคนเท่านั้น คนที่เก่งที่สุดในเวลานี้ก็ยังอยู่แค่ขั้นผู้ใช้พลังิญญาระดับกลางเท่านั้น
หยางลู่และลูกพี่ลูกน้องของนางอีกสองคนกลายเป็คนที่น่าคาดหวังมากที่สุดที่จะเปิดเส้นลมปราณได้สำเร็จในรุ่นนี้ แต่ด้วยทรัพยากรและเงินทุนของตระกูลหยาง พวกเขาสนับสนุนได้อย่างมากสุดเพียงสองคนเท่านั้น อีกคนต้องพึ่งพาตนเองเท่านั้น และมีแต่ต้องเปิดเส้นลมปราณให้สำเร็จได้ จึงจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูล
หยางลู่เป็คนที่มีศักดิ์ศรี ความจริงบีบบังคับให้เด็กสาวที่ขี้อาย น่ารัก แต่ทะนงตนคนนี้ต้องตัดสินใจทำบางอย่าง!
ประการแรก คือต้องเป็ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่สนิทสนมที่สุดกับฉินหรูเยียนและจ้าวหนีอิ่ง!
ซึ่งประการนี้ก็ทำได้สำเร็จมานานแล้ว ทั้งยังประสบความสำเร็จมากเสียด้วย!
ประการที่สอง คือพูดกับศิษย์พี่ที่สนิททั้งสองว่าตนเองชอบเซียวหลิงอวิ๋น สุดยอดอัจฉริยะที่จะปรากฏตัวสักคนในรอบหมื่นปี
ด้วยจุดประสงค์ส่วนตัว หยางลู่ได้ประกาศเื่นี้ต่อหน้าศิษย์พี่ที่สนิททั้งสองั้แ่เนิ่นๆ เพราะไม่ว่าจะเป็รูปร่างหน้าตา ฐานะทางบ้าน หรือพร์ หยางลู่นับว่าด้อยที่สุดในบรรดาสามสาว! หยางลู่รู้ตัวเองดีว่าหากไม่ทำให้ศิษย์พี่ที่สนิททั้งสองคนล่วงรู้ถึง ‘ความรู้สึก’ ของนางั้แ่เนิ่นๆ แล้วทำให้ทั้งคู่หันมาสนับสนุนตนเองให้ได้คบหากับเซียวหลิงอวิ๋นไม่ได้ ตัวนางก็ไม่มีทางสู้ศิษย์พี่ทั้งสองได้เลย!
นี่คือการขจัดคู่แข่งที่แข็งแกร่งที่สุดทั้งสองออกไปั้แ่เนิ่นๆ!
ซึ่งในประการนี้ หยางลู่ก็ยังประสบความสำเร็จอีกเช่นเคย!
ทั้งฉินหรูเยียนและจ้าวหนีอิ่งเมื่อล่วงรู้ถึงความรู้สึกของนางแล้ว ต่างก็ให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่!
แม้แต่ฉินหรูเยียนยังเป็คนพานางมาหาเซียวหลิงอวิ๋นด้วยตนเอง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลใด ในระหว่างที่ฉินหรูเยียนและเซียวหลิงอวิ๋นต่อสู้กันอย่างดุเดือดนั้น หยางลู่กลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก! ตอนนี้เมื่อเห็นทั้งสองนิ่งเงียบกันไปทั้งคู่ ความไม่สบายใจและความกังวลก็ยิ่งแจ่มชัดขึ้นไปอีก!
ไม่ได้การ! ข้าหยางลู่คนนี้จะต้องคว้าเซียวหลิงอวิ๋น สุดยอดอัจฉริยะที่ในรอบหมื่นปีจะปรากฏสักคนเอาไว้ให้ได้ ไม่ว่าจะเป็ใคร ข้าก็จะไม่ยอมยกให้ทั้งนั้น!
หากเป็ก่อนหน้านี้ หยางลู่คงรู้สึกชื่นชอบเพียงความเป็อัจฉริยะและความเก่งกาจของเซียวหลิงอวิ๋นเท่านั้น!
ทว่าั้แ่รอบแพ้คัดออกจนถึงรอบสิบคนในวันนี้ เมื่อเห็นพลังอันน่าทึ่งของเซียวหลิงอวิ๋น และบุคลิกนิสัยที่ยอดเยี่ยมเหนือใคร ก็ทำให้หยางลู่ตัดสินใจได้ในที่สุดที่จะลดความเหนียมอายของตัวเองลง และเข้าหาเขาด้วยตัวเอง! แน่นอนว่านี่ก็เป็การวางแผนเพื่ออนาคตของนางเอง แต่ตัวนางก็มีความรู้สึกที่ดีต่อเซียวหลิงอวิ๋นอย่างแท้จริงด้วยเช่นกัน!
...
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ภายใต้แสงเทียนที่สว่างไสว เซียวหลิงอวิ๋นก็ฟื้นฟูพลังปราณมาได้เกือบเต็มเปี่ยมแล้ว อาการาเ็ทุเลาลงไปมาก จึงเดินไปที่มุมห้องและเริ่มสอนวิชาดาบให้กับหยางลู่อย่างตั้งใจ!
“ศิษย์พี่ กระบวนดาบตายตัว แต่คนมีชีวิต ในการต่อสู้จริง เราไม่ควรยึดติดกับกระบวนดาบให้มากนัก ต้องทำให้กระบวนดาบออกมาจากใจเรา กล่าวคือเราจะต้องเข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่าต่างๆ อย่างถ่องแท้เสียก่อน แล้วจึงค่อยมองหาหลักที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้บางจุดซึ่งซ่อนอยู่ในทุกๆ การเปลี่ยนแปลง นั่นคือสิ่งที่เรามักกล่าวกันว่า ‘แม้ร้อยพันหมื่นเปลี่ยนแปลง แต่ใจความยังคงเดิม’ เปลี่ยนจากความซับซ้อนไปกลายเป็ความเรียบง่าย
“ยิ่งเราเข้าถึงหลักการ ‘แม้ร้อยพันหมื่นเปลี่ยนแปลง แต่ใจความยังคงเดิม’ นี้ได้มากเท่าใด เราก็จะยิ่งเข้าถึงการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ได้มากขึ้นเท่านั้น สามารถละทิ้งข้อจำกัดที่ไม่จำเป็ไปได้ ใช้ความสามารถในการเปลี่ยนแปลงให้เต็มที่ เปลี่ยนจากความเรียบง่ายให้กลับกลายเป็ความซับซ้อนอีกครั้ง”
“การเปลี่ยนจากความซับซ้อนให้กลายเป็ความเรียบง่าย แล้วเปลี่ยนจากความเรียบง่ายให้กลายเป็ความซับซ้อน ทั้งสองจุดนี้จะต้องสอดคล้องกัน มิใช่มุ่งเน้นไปที่จุดใดจุดหนึ่งเพียงอย่างเดียว หากปราศจากความเข้าใจถึงการเปลี่ยนจากความซับซ้อนให้เป็ความเรียบง่ายแล้ว เราจะเข้าสู่ 'ความซับซ้อน' ในระดับที่สูงขึ้นได้อย่างไร หากปราศจากความเข้าใจถึงกระบวนดาบและทักษะดาบอย่างลึกซึ้ง หลังจากที่เปลี่ยนจากความเรียบง่ายให้กลายเป็ความซับซ้อนแล้ว เราจะสามารถ 'ทำให้เรียบง่าย' ได้อย่างไร?”
“ฮ่าๆ ความรู้ทางทฤษฎีเหล่านี้ พูดน่ะมันง่าย แต่การทำให้ได้จริงนั้นไม่ใช่เื่ง่ายเลย มา เรามาลองทดสอบในการต่อสู้จริงกันเลยดีกว่า!”
“ได้สิ!” เมื่อได้ยินคำพูดสุดท้ายของเซียวหลิงอวิ๋น ดวงตาคู่งามของหยางลู่ก็เปลี่ยนจากความงุนงงกลายเป็ความตื่นเต้นและเปล่งประกายแทน
นางถือดาบด้วยมือขวาและตั้งสมาธิ: “ขอศิษย์น้องได้โปรดชี้แนะด้วย!”
“ศิษย์พี่ก็ระวังตัวด้วย!” เซียวหลิงอวิ๋นยิ้ม แทงดาบใหญ่เหล็กดำในมือของเขาออกไปด้วยท่วงท่าธรรมดาสามัญ เป็การแทงออกไปตรงๆ เท่านั้น!
เดิมทีหยางลู่เห็นเซียวหลิงอวิ๋นแทงดาบออกมาอย่างธรรมดาครั้งนี้ เดิมทีนางยังรู้สึกประหลาดใจอยู่ แต่ในไม่ช้าั์ตาของนางก็หดแคบลงทันที!
นางรู้สึกประหลาดใจเมื่อพบว่าการแทงออกมาอย่างธรรมดาของอีกฝ่ายที่ดูลวกๆ และมีจุดอ่อนมากมาย ขณะกำลังจะใช้กระบวนท่า นางก็พบว่าจุดอ่อนที่ดาบของอีกฝ่ายได้เปลี่ยนไปแล้ว ภายใต้การชักนำของพลัง นางได้เปลี่ยนกระบวนท่าอีกครั้ง!
แต่ไม่ว่านางจะเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างไร ก็ไม่สามารถไล่ตามความถี่ในการเปลี่ยนแปลงจุดอ่อนบนดาบของอีกฝ่ายได้ จนกระทั่งปลายดาบใหญ่เหล็กดำของเซียวหลิงอวิ๋นกำลังจะแทงมาถึงตัวแล้ว หยางลู่ก็ยังไม่สามารถตัดสินใจเลือกกระบวนป้องกันได้! ในขณะนี้ใบหน้าสวยงามของนางมีหยดเหงื่อกาฬไหลซึมออกมา!
“ศิษย์พี่จะไม่สวนกลับมาหรือ?” ในเวลานี้เสียงดังฟังชัดของเซียวหลิงอวิ๋นดังก้องอยู่ในหูของหยางลู่!
หยางลู่สะดุ้งทั้งตัว เงยหน้าขึ้นมองดาบยาวสีดำสนิทตรงหน้าราวกับเพิ่งตื่นขึ้นจากฝันร้าย ตัวของนางถอยหลบไปที่มุมหนึ่งอย่างรวดเร็ว ดาบหลอมสายรุ้งในมือขวาของนางยื่นออกไปอย่างรวดเร็ว วาดดาบเป็เส้นโค้ง ฟันไปที่ดาบใหญ่เหล็กดำของเซียวหลิงอวิ๋น!
ดาบใหญ่เหล็กดำในมือของเซียวหลิงอวิ๋นพลันกระเด้งขึ้นข้างบน ในเสี้ยววินาทีต่อมา ดาบก็พุ่งมาข้างหน้าราวกับฝ่าฝืนกฎธรรมชาติโดยสิ้นเชิง ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของหยางลู่!
การฟันครั้งนี้มุ่งเป้าไปยังชั่วขณะที่หยางลู่เพิ่งใช้พลังเก่าหมดไป และยังไม่ได้รวบรวมพลังขึ้นมาใหม่
หยางลู่หลับตา ตัวนางถอยหลบออกมาอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ในขณะที่ฟาดฟันดาบออกไปเพื่อป้องกัน!
เซียวหลิงอวิ๋นไล่ตามมาอย่างกระชั้นชิด ดาบใหญ่ในมือเขาฟันเสยขึ้น ฟันไปที่ข้อมือที่ถือดาบของหยางลู่! บังคับให้สาวน้อยคนนี้ต้องถอยหลังไปอีกครั้ง!
เสี้ยววินาทีต่อมา ดาบใหญ่ในมือของเซียวหลิงอวิ๋นก็เปลี่ยนกระบวนอีกครั้ง คราวนี้ฟันเข้าไปยังเอวที่เปิดโล่งอยู่ของนาง
เมื่อเผชิญกับกระบวนดาบที่จู่ๆ ก็มาและจู่ๆ ก็ไปของเซียวหลิงอวิ๋น หยางลู่ใช้ดาบหลอมสายรุ้งในมือฟันไปด้านข้าง วาดเป็ครึ่งวงกลม เพื่อปกป้องจุดอ่อนที่หน้าอกและหน้าท้องของนาง!
แต่นางเพิ่งจะฟันออกไปได้ครึ่งเดียว เซียวหลิงอวิ๋นก็สะบัดข้อมือขึ้นมาเบาๆ ดาบที่ยื่นออกไปกระเด้งสวนขึ้นมา หลบออกจากการโจมตีของดาบสั้นของอีกฝ่ายในทันที เสี้ยววินาทีต่อมา ปลายดาบก็หมุน ป๊าบ! ด้านข้างของดาบใหญ่ฟาดไปที่ข้อมือขวาของหยางลู่ ทำให้ดาบสั้นหลุดออกจากมือของนางทันที!
“ดาบที่ดี!” เสียงปรบมือดังมาจากไม่ไกล!
ทั้งคู่เงยหน้าขึ้นมองพร้อมกัน พบว่าฉินหรูเยียนได้สติจากการเข้าฌานแล้ว!
“ศิษย์พี่หรูเยียนได้สติแล้ว!” ใบหน้าของหยางลู่เต็มไปด้วยความยินดี
เซียวหลิงอวิ๋นมองไปยังฉินหรูเยียนที่ยืนอยู่อย่างสง่างามในชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสุทธิ์
ยอดเยี่ยม! เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกได้ถึงความสงบนิ่งราวกับูเาที่ทั้งสูงและน่าเกรงขามตรงหน้า!
จากการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เพียงอย่างเดียว เซียวหลิงอวิ๋นรู้ว่าการต่อสู้เมื่อครู่ช่วยนางได้มาก แม้ว่าพลังยุทธ์จะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก แต่ความแข็งแกร่งของนางกลับเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด!
“ดาบของหลิงอวิ๋นน้อยนั้นเฉียบคมจริงๆ ไม่สิ ควรเรียกว่าแทบจะเข้าถึงแก่นแท้ของดาบแล้ว หากเ้าใช้ดาบหนักเล่มนี้ พี่สาวคนนี้คงไม่อาจเอาชนะเ้าได้จริงๆ!” ฉินหรูเยียนยิ้มอย่างร่าเริง รอยยิ้มอันสดใสนี้ทำให้เซียวหลิงอวิ๋นรู้สึกประหลาดใจ
เด็กสาวคนนี้ได้เปลี่ยนจากศิษย์พี่กลายเป็พี่สาวไปแล้วหรือ! นางคงอารมณ์ดีมากสินะ! ถึงได้เรียกแทนตนเองว่าพี่สาวเช่นนี้ แต่ทำไมต้องเติมคำว่า “น้อย” ห้อยท้ายไว้ที่ชื่อของข้าด้วย? เซียวหลิงอวิ๋นไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“ศิษย์พี่กล่าวชมเกินไปแล้ว ต่อให้ข้าใช้ดาบหนัก ข้าก็คงสู้ท่านในตอนนี้ไม่ได้!”
“หลิงอวิ๋นน้อยช่างปากหวานเสียจริง พูดตามตรง ในด้านของวิชาดาบแล้ว พี่สาวคนนี้สู้เ้าไม่ได้จริงๆ!” ฉินหรูเยียนพูดอย่างจริงจัง สายตาของนางมองไปที่หยางลู่ “ลู่ลู่ เ้าหาอาจารย์สอนดาบได้ถูกคนแล้วจริงๆ!”
“จริงด้วย กระบวนดาบของศิษย์น้องเมื่อครู่ยอดเยี่ยมมากจริงๆ!” ดวงตาหยางลู่เต็มไปด้วยดวงดาว ในขณะที่นางพูดต่อหน้าฉินหรูเยียน นางไม่เก็บซ่อนความชื่นชมในดวงตาเลย!
...
ภายใต้แสงเทียนที่สว่างไสว! ฉินหรูเยียนมองทั้งสองคนในลานประลอง!
“ศิษย์พี่ พลังของการฟันดาบในครั้งนี้จะลดลงไปอีกนะ” เซียวหลิงอวิ๋นใช้ดาบใหญ่เหล็กดำสาธิตพลางพูดไปด้วย!
เป็การฟันแบบเดิม ความรวดเร็วและความรุนแรงเท่าเดิม ทว่าเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของกระบวนท่าและพลังที่ลดลง จึงให้ความรู้สึกเบาบางลงกว่าเดิม ราวกับนกนางแอ่นที่กำลังโบยบินเหนือผิวน้ำ ก่อให้เกิดริ้วคลื่นเล็กๆ ที่กระจายออกไป ไม่จางหายแม้ผ่านไปเป็เวลานาน
ทำให้หยางลู่ฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้!
เซียวหลิงอวิ๋นพูดไปด้วยและสาธิตให้ดูไปด้วย เขาชี้ให้เห็นจุดที่หยางลู่ต้องปรับปรุงในกระบวนดาบของนางถึงสิบเอ็ดจุด เมื่อแก้ไขและปรับปรุงทั้งสิบเอ็ดจุดนี้ได้แล้ว จึงจะถือว่าได้ว่ากระบวนดาบนี้เข้ามือหยางลู่แล้วจริงๆ!
เมื่อหยางลู่สามารถเข้าถึงและใช้กระบวนดาบที่แก้ไขทั้งสิบเอ็ดจุดนี้ได้จนชำนิชำนาญ พลังการต่อสู้ของนางก็จะเพิ่มขึ้นมากอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฉินหรูเยียนที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ คิ้วขมวดบ้าง ผ่อนคลายบ้าง ดวงตาทงดงามของนางเป็ประกายเป็ครั้งคราว! เห็นได้ชัดว่าในฐานะผู้สังเกตการณ์ ตัวนางก็ได้ฉุกคิดและเข้าใจบางอย่างด้วยเช่นกัน!
