ความหวังดีของภรรยาตัวน้อย เขาต้องรับไว้
เขาแข็งแกร่งแล้วจะได้ปกป้องนางได้ดียิ่งขึ้น มอบชีวิตสุขสบายที่นาง้าให้กับนาง
เช่นเดียวกับคราวก่อน เจียงหงหย่วนกินโอสถชำระไขกระดูกได้ไม่นานก็ปวดท้อง
จากนั้นร่างกายขับสิ่งสกปรกที่ทั้งดำทั้งเหม็นออกมา เมื่อเทียบกับคราวก่อนแล้วปริมาณคราวนี้น้อยกว่า
ดูท่าหลังจากขับสิ่งสกปรกออกคราวก่อน สิ่งสกปรกในร่างกายคงน้อยลงมาก
คิดว่าคืนนี้จะได้กอดภรรยาตัวน้อยนอน ในใจเจียงหงหย่วนร้อนรุ่มแทบทนไม่ไหว
เขาอาบน้ำไปสามรอบ ใช้สบู่จนเล็กลงไปหนึ่งวงจึงจะเลิกรา
ยกแขนขึ้นดม หอมแล้ว ไม่มีกลิ่นเหงื่อ วางใจได้
กลับเข้ามาในห้อง ภรรยาตัวน้อยห่มผ้าเรียบร้อยแล้ว กำลังพิงหัวเตียงอ่านหนังสือ ตะเกียงบนหัวเตียงเปล่งแสงสลัวสีเหลือง ทั่วทั้งห้องตกอยู่ในบรรยากาศคลุมเครือ
เจียงหงหย่วนเดินไปแย่งหนังสือไปวางบนโต๊ะ
“กลางคืนแสงตะเกียงมืดสลัว ไม่ต้องอ่านหนังสือแล้ว ระวังสายตาจะเสีย” เจียงหงหย่วนพูด
หลินหวั่นชิวยิ้ม “ข้าอ่านรอท่านแค่ครู่เดียว ปกติไม่ได้อ่านตอนกลางคืน”
รอเขา…
บุรุษหนุ่มได้ฟังแล้วรู้สึกอบอุ่นในใจยิ่งนัก
ดวงตาภรรยาตัวน้อยยกโค้งขึ้น ช่างงดงามหยาดเยิ้ม
ลำคอเจียงหงหย่วนหดเกร็ง
เขาขึ้นเตียงไปดึงหลินหวั่นชิวเข้าอ้อมอก คนหนึ่งพิงหัวเตียง คนหนึ่งพิงในอ้อมอกบุรุษหนุ่ม
“พรุ่งนี้ข้าจะไปทำทะเบียนสมรสที่ที่ทำการอำเภอให้เรียบร้อย” เจียงหงหย่วนเกยคางบนศีรษะของหลินหวั่นชิวและถูไปมาเบาๆ
“ไว้ก่อนเถิด จัดการเื่บ้านเหล่าหลินให้เสร็จก่อนค่อยว่ากัน” หลินหวั่นชิวพูด
เจียงหงหย่วนไม่เห็นด้วย “ไม่ต้องรอ ถ้าแค่ภรรยาตัวเองยังปกป้องไม่ได้ หัวบนคอคงไม่ต้องเก็บไว้แล้ว”
ภรรยาดีเช่นนี้ ต้องมีตราประทับจากทางการถึงจะรับประกันความปลอดภัย
“แล้วแต่ท่าน” คำพูดของบุรุษหนุ่มแข็งกระด้างไม่น่าฟัง แต่หลินหวั่นชิวฟังแล้วกลับหวานชื่นไปถึงใจ
“ลุงหวางบอกว่าถ้าบ้านเหล่าหลินไปฟ้องว่าข้าอกตัญญูจะกระทบต่อการสอบของหงหนิง” เสียงหลินหวั่นชิวเล็กมาก ทั้งนุ่มทั้งเบา ปัดลงบนหัวใจเจียงหงหย่วนราวกับขนนก
“ไม่กระทบ หงหนิงเป็พี่น้อง ไม่ใช่ลูก ส่งผลกระทบไม่ถึงเขา อีกอย่าง แทนที่จะปล่อยให้บ้านเหล่าหลินดูดเื ข้าเอาเงินไปโปรยให้ขอทานยังดีเสียกว่า! วางใจเถิด หากพวกเขาไม่ทำสิ่งใดเกินเลยก็ปล่อยไป แต่หากเกินเลยขึ้นมา ข้าจะจัดการให้พวกเขาไม่ถึงตายแต่ก็ต้องรับบทเรียนครั้งใหญ่!”
“อื้ม ข้าเชื่อท่าน” หลินหวั่นชิวเปลี่ยนท่า นางนอนซบในอกเจียงหงหย่วน มือโอบบนเอวเขา
ลมหายใจเจียงหงหย่วนถี่รัวขึ้นมาทันที
เขาอยากทำตัวเป็สัตว์สักครั้ง อยากจับภรรยาตัวน้อยกินประเดี๋ยวนี้
แต่สุดท้ายก็ทำลายบรรยากาศตอนนี้ไม่ลง
ภรรยาตัวน้อยนอนซบอยู่ในอ้อมอก ทำให้เขาอยากกอดนางเช่นนี้ไปชั่วฟ้าดินสลาย
หลินหวั่นชิวหลับไปทั้งอย่างนี้
หลับสนิทมากด้วย
มือน้อยๆ ของนางลู่ตกลง สายตาเจียงหงหย่วนมองมาที่ใบหน้านาง ยกมือลูบใบหน้านางเบาๆ
ใบหน้านางนุ่มราวกับไข่ที่ปอกเปลือก เขาต้องระมัดระวัง กลัวลงมือหนักแล้วจะทำใบหน้านี้แตก
ขนตายาวของนางทอดยาวลงมาพอทำให้เกิดเงา ขยับเบาๆ เป็ครั้งคราว ในใจเขาคันยุบยิบแทบทนไม่ไหว
เขาอุ้มภรรยาตัวน้อยไปวางใต้ผ้าห่มอย่างระมัดระวัง เป่าตะเกียงแล้วมุดเข้าผ้าห่มไปกอดนางจากด้านหลัง
ฝ่ามือหนาลูบไล้ไปทั่ว ลาดตระเวนไปมาในเขตของตัวเองและทิ้งเครื่องหมายไว้
กลิ่นของภรรยาตัวน้อยลอยเข้าจมูก กอดภรรยาตัวน้อยแล้วเหมือนได้กอดโลกทั้งใบ ใจเขาถูกเติมเต็ม
เต็มจนรับผู้ใดหรือเื่อื่นๆ เข้ามาไม่ได้อีก
กอดโลกทั้งใบของตัวเอง เจียงหงหย่วนผล็อยหลับไปเช่นกัน
ทั้งคู่นอนหลับสนิท
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินหวั่นชิวตื่นมาในอ้อมอกเจียงหงหย่วน ลืมตามาเห็นใบหน้ามีแผลเป็ของเขา
แต่แผลเป็เหมือนจะจางลงมากแล้ว ไม่ได้น่ากลัวเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก
นางอดเอื้อมมือไปลูบแผลเป็ไม่ได้ มันทอดยาวจากดวงตาข้างซ้ายมาถึงใบหน้าฝั่งขวา ไม่รู้โดนสิ่งใดมา
ตอนโดนต้องเจ็บมากแน่
นางนึกถึงภาพเหตุการณ์อันตรายต่างๆ ยิ่งนึกก็ยิ่งปวดใจ
แขนและมือเขาเต็มไปด้วยแผลเป็ ทั้งยังเป็แผลเป็ประเภทที่ของใหม่ของเก่าทับซ้อนกันไปมา
จังหวะที่นิ้วหลินหวั่นชิวลูบผ่านริมฝีปากเจียงหงหย่วน จู่ๆ มันก็ถูกอมเข้าไป
ลิ้นเขาตวัดพันใส่
หลินหวั่นชิวรีบหดนิ้วกลับ จะลุกขึ้นแต่ถูกเจียงหงหย่วนดึงเข้าอ้อมกอด ชนเข้ากับหน้าอกแข็งหนาของเขา
หน้าอกนางเจ็บไปหมด
อยากนวดเหลือเกิน
“โอ้ ออกแรงเยอะไปหน่อย ข้านวดให้นะ” ขณะที่กำลังหงุดหงิด มือหนาของเจียงหงหย่วนก็ปกคลุมลงมา
หลินหวั่นชิวหลบไม่ทัน ถูกเขาจับเข้าเต็มฝ่ามือ
ออกแรงจน…อยากหยิบมีดมาตัดมือเขา!
“รีบลุกขึ้นเถิด แขนไม่ชาหรือ?” ตอนนางตื่น นางกำลังนอนทับบนแขนเขา
“ชา ชาจนไม่มีความรู้สึกเสียแล้ว ช่วยนวดให้หน่อยเถิด” สายตาเร่าร้อนของเจียงหงหย่วนมองมาที่หลินหวั่นชิว แต่หลินหวั่นชิวกลับอาศัยจังหวะที่เขาปล่อยมือมาลุกจากเตียงไปใส่เสื้อผ้า
เจียงหงหย่วนใช้มือเท้าคาง มองภรรยาตัวน้อยวิ่งวุ่นไปมาเงียบๆ
“ครั้งนี้ล่าหนังสัตว์ได้แล้วข้าจะไม่ขาย จะเก็บไว้ให้เ้าทำเสื้อผ้า” เจียงหงหย่วนพูด
เสื้อผ้าของภรรยาตัวน้อยยังน้อยไปหน่อย ล่าสัตว์ขายได้เงินแล้วต้องซื้อให้อีกสองสามชุด
“อื้ม” รอบนี้หลินหวั่นชิวไม่ได้ปฏิเสธ เจียงหงหย่วนไม่มีทางล่าสัตว์ไปตลอดชีวิต ดังนั้นการเอาหนังสัตว์ที่เขาล่ามาทำเสื้อผ้าจึงมีคุณค่าด้านความหมายมากกว่าราคา
บุรุษหนุ่มได้ยินหลินหวั่นชิวตอบตกลงก็ดีใจมาก ลุกจากเตียง
“เ้านั่งก่อน ข้าจะไปตักน้ำมาให้” บุรุษหนุ่มพูด “เดี๋ยวพวกเราออกไปหาข้าวกินด้านนอก อยากกินสิ่งใดก็คิดไว้”
หลินหวั่นชิวนั่งคิดว่าจะกินสิ่งใดตามที่เขาบอกจริงๆ ตอนนี้เจียงหงหนิงไปเรียนหนังสือ ส่วนเจียงหงป๋อกินข้าวเช้าเสร็จก็อ่านหนังสืออยู่ในห้อง
ยายสวีกำลังให้อาหารล่อและเก็บกวาดลานบ้าน
เช้าวันใหม่เริ่มขึ้นแล้ว
หลินหวั่นชิวล้างหน้าแต่งตัวเรียบร้อย สวมปิ่นปักผมที่เจียงหงหย่วนซื้อให้ มอบห่อผ้าใบใหญ่ให้เขา
“นี่กระไร?” เจียงหงหย่วนถาม
หลินหวั่นชิวตอบว่า “ดอกไม้ประดับผมที่ให้กุ้ยเซียงช่วยทำ เมื่อวานข้าหาร้านรับซื้อได้แล้ว อย่างไรเสียวันนี้ก็จะออกจากบ้าน เช่นนั้นก็เอาสินค้าไปส่งด้วยเลย”
เจียงหงหย่วนรู้เื่นี้ คนบ้านหวางขอบคุณเขามาก แม้แต่หวางทงเป่าก็เอ่ยถึงเื่นี้หลายครั้ง
“เอาไปส่งที่ใด?” เจียงหงหย่วนถาม ถ้าไกลจะได้นั่งรถ
“พวกเราเดินเล่นไปเรื่อยๆ วันนี้ยังเช้าอยู่ ไปกินเต้าฮวยกันก่อนเถิด ข้าอยากกินกากถั่วแผ่น น้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋ด้วย”
อืม นางเจริญอาหารมาโดยตลอด
แม้จะกินเยอะไม่เท่าเจียงหงหย่วนแต่ก็ถือว่าเยอะสำหรับสตรีแล้ว
“ได้” เจียงหงหย่วนตอบตกลง เขาสะพายห่อผ้าขึ้นหลัง และจูงมือภรรยาตัวน้อย
