หลังจากกินอาหารเสร็จ เท้าของกู้เจิงก็ปวดขึ้นมา ชุนหงจึงประคองนางกลับไปที่ห้อง
เมื่อเสิ่นเยี่ยนเข้ามาในห้อง ก็เห็นภรรยากำลังใช้มือพัดแผลที่เท้าเพื่อบรรเทาความเ็ปอยู่ นึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วเขาก็เจ็บใจ แต่เมื่อเห็นท่าทางของภรรยาก็ช่างน่าขันนัก ใครบอกนางกันว่าพัดแบบนี้แล้วจะหายเจ็บแผล?
“อีกสองวันก็หาย ่สองวันนี้ก็อย่าลุกจากเตียง” เสิ่นเยี่ยนนำผ้าห่มมาคลุมเท้านางไว้เพื่อจะได้ไม่เย็นเท้า
“ถ้าไม่ลุกจากเตียง ท่านพ่อท่านแม่คงคิดว่าเท้าข้าาเ็หนักมากแน่เ้าค่ะ” พวกเขาต้องเรียกหมอให้นางแน่ กู้เจิงกล่าวอีกว่า “ข้าไม่ต้องเดินทั้งฝ่าเท้าหรอกเ้าค่ะ ใช้สันเท้าเดินเอาก็ได้”
เสิ่นเยี่ยน “...” เขานึกภาพภรรยาเดินด้วยสันเท้าไม่ออกเลย
“ท่านพี่ คนที่จับข้าไปคือองค์ชายสามเสี่ยนอ๋องจริงๆ หรือเ้าคะ?” กู้เจิงถามขึ้น
“ใช่”
“ท่านบอกว่าจะมอบของตอบแทนให้เขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็ท่านอ๋อง ท่านไม่กลัวหรือเ้าคะ” กู้เจิงกังวลขึ้นมา
เสิ่นเยี่ยนนั่งลงข้างเตียง ั์ตาเ็ามองภรรยาด้วยความอบอุ่น “ถึงข้าจะเป็แค่ขุนนางเล็กๆ แต่ข้าอยู่ในค่ายทหารมานาน การจะทำเื่อะไรก็นับว่าง่ายดายนัก”
การจะแตะต้องเสี่ยนอ๋องไม่ใช่เื่ง่าย กู้เจิงรู้ว่าเสิ่นเยี่ยนยังมีอีกหลายด้านที่นางไม่รู้จัก เขาไม่พูด นางก็ไม่ถาม แต่อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ นางก็เห็นเขาในหลายๆ ด้านแล้ว
“หากแม้แต่คนในครอบครัวข้ายังไม่อาจปกป้องได้ ข้าก็จะไม่เข้าสู่เส้นทางการเป็ขุนนาง ใช้ชีวิตอยู่กับเ้าไปวันๆ เหมือนกับที่ท่านพ่ออยู่กับท่านแม่”
กู้เจิงนิ่งอึ้ง นางไม่เคยคิดอยากจะออกไปทำงานที่ไร่ั้แ่เช้าจรดค่ำเหมือนพ่อแม่สามีนะ “ข้าอยากจะค้าขายให้ร่ำรวย และ กลายเป็เศรษฐีแห่งต้าเยว่เ้าค่ะ”
“ดี” เสิ่นเยี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากเสิ่นเยี่ยนออกไปทำงาน กู้เจิงกับชุนหงก็ออกมานั่งรับแดดคุยกันที่ลานบ้าน
ชุนหงนั่งยองๆ กับพื้นนวดเท้าให้กู้เจิง พร้อมกับบ่นพึมพำ “คุณหนูอาจเดินเหินไม่สะดวก แต่ยังโชคดีที่ไม่ได้รับาเ็ที่เอ็นและกระดูก มิเช่นนั้นคงได้นอนติดเตียงแน่เ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเรียกหมอมาตรวจดูจริงๆ หรือ?” นายหญิงเสิ่นที่กวาดลานบ้านอยู่หันมาถาม
“ไม่ต้องหรอกเ้าค่ะ พรุ่งนี้ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ” กู้เจิงยิ้ม นางหยิบสะดึงมาเริ่มปักตุ๊กตาหิมะ
“จริงสิ อากุ้ยบอกว่าพรุ่งนี้ก็สามารถไปเริ่มงานที่หอสมุดของเ้าได้แล้ว งานของเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว” นายหญิงเสิ่นแจ้งข่าวแก่กู้เจิง
“เร็วขนาดนี้เลยหรือเ้าคะ?” กู้เจิงตาเป็ประกาย นางนึกว่าต้องรอนานกว่านี้เสียอีก
“เดี๋ยวจะมีงานมงคลอีกสองงาน แต่ยังดีที่ทั้งสองงานจัดห่างกัน” นายหญิงเสิ่นชวนคุย
“ท่านป้าเสิ่น งานแรกเป็งานของบ้านข้างหน้าที่บุตรสาวจะแต่งงาน ส่วนอีกงานเป็งานวันเกิดของเด็กที่อยู่บ้านท้ายตรอกใช่ไหมเ้าคะ?” ชุนหงถาม
นายหญิงเสิ่นตอบคำถามชุนหงด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว เ้านี่รู้ดีจริงนะ”
ชุนหงยิ้มแป้นแล้น โดยปกตินางก็เป็คนร่าเริงชอบคุยกับคนไปทั่วอยู่แล้ว “ข้าได้ยินมาว่าร้านขายขนมเปี๊ยะในตรอกนี้ก็จะแต่งภรรยาเข้าบ้านเหมือนกัน พวกเราต้องไปไหมเ้าคะ? พวกเขาก็แซ่เสิ่นเช่นกัน”
กู้เจิงเห็นชุนหงมีสีหน้าคาดหวังจนดูน่าขัน สาวน้อยคนนี้ชอบงานรื่นเริง ที่ใดมีเื่ครึกครื้นก็จะพุ่งเข้าใส่ทุกที่ นี่อายุนางก็ใกล้จะถึงวัยแต่งงานแล้ว แต่นิสัยยังเหมือนเด็กอยู่เลย
“ไม่ไปหรอก ถึงแม้จะแซ่เสิ่นเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้สนิทกันมากนัก” นายหญิงเสิ่นชี้แจง“กับบ้านพวกเขาก็มีพูดคุยกันบ้างตอน่ตรุษจีนหรือพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษ แต่ปกติก็ไม่ได้ไปมาหาสู่กันอยู่แล้ว”
ชุนหงพยักหน้ารับทราบ
“ชุนหง เ้าไปเอากระดาษกับพู่กันมาให้ข้าหน่อย” กู้เจิงมองภาพตุ๊กตาหิมะบนสะดึงที่กลายเป็รูปเป็ร่างตามแบบที่ร่างไว้
ชุนหงรีบวิ่งไปหยิบกระดาษและพู่กันออกมา “คุณหนู ท่านจะทำอะไรหรือเ้าคะ?”
“ข้าอยากจะลองทำตุ๊กตาบัณฑิตตัวเล็กๆ ดูบ้าง” ในสมองกู้เจิงตอนนี้คิดแต่จะทำของตกแต่งหอสมุด
ในตอนเย็น แม่เฒ่าฉินได้มาที่บ้านตระกูลเสิ่น
นางเข้ามาทักทายกู้เจิงถึงในห้อง และนำยามาให้กู้เจิงตามคำสั่งของนายหญิงเว่ยซื่อ
“นายหญิงได้ฟังคุณหนูสามเล่าเื่ที่เกิดขึ้นในตำหนักบูรพาแล้ว นายหญิงโกรธจนทนไม่ไหว คนที่ทำเื่เหล่านี้ช่างไม่ละอายจริงๆ เ้าค่ะ” แม่เฒ่าฉินช่วยกู้เจิงทายาลงบนฝ่าเท้า “คุณหนูใหญ่วางใจเถอะเ้าค่ะ นายหญิงบอกว่า ฟู่ผิงเซียงคนต่ำทรามเช่นนี้ นายหญิงจะไม่ปล่อยนางไปแน่”
“นายหญิงคิดจะทำอะไรหรือ?” กู้เจิงเลียบๆ เคียงๆ ถามขึ้น นางจำวิธีจัดการของนายหญิงเว่ยซื่อได้ดี อย่างตอนเื่ของเหนียนหงซาน นายหญิงถึงกับโบยสาวใช้จนตาย กู้เจิงรู้สึกว่านางโชคดีมากที่ตนเองไม่ได้เป็ศัตรูกับนายหญิงเว่ยซื่อ
“ฟู่ผิงเซียงนั่นได้ยินข่าวมาว่าเป็ชู้กับญาติผู้พี่สกุลวังนี่เ้าคะ” แม่เฒ่าฉินยิ้มเยาะ “นายหญิงคิดว่าสองคนนั้นเหมาะสมกันดีเ้าค่ะ”
กู้เจิงเข้าใจจุดประสงค์ของนายหญิงแล้ว เพียงแต่สกุลวังเป็ตระกูลพ่อค้า ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากนัก ส่วนตระกูลฟู่เป็ถึงป๋อเจวี๋ย อีกทั้งยังมีแม่ทัพเยี่ยนคอยหนุนหลัง ตระกูลฟู่ไม่มีทางให้ฟู่ผิงเซียงไปแต่งงานกับคนแบบนั้นแน่ แต่นี่ดูเหมือนว่านายหญิงอยากจะทำหน้าที่เป็แม่สื่อให้
“แม่เฒ่าฉิน ซู่เหนียงสบายดีไหม?”
“หวังซู่เหนียงสบายดีเ้าค่ะ เมื่อวันก่อนนางยังบ่นอยู่ว่าตัวเองอ้วน ต่อไปต้องกินให้เพลาๆ ลงหน่อย”
กู้เจิง “...” ฟังดูก็สุขสบายไม่เลว แต่สิ่งที่นางอยากถามไม่ใช่อาหารการกินของซุ่เหนียง“แม่เฒ่าฉิน ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างซู่เหนียงกับนายหญิงยังดีอยู่หรือไม่?”
แม่เฒ่าฉินมองคุณหนูใหญ่อย่างเป็กันเอง “คุณหนูใหญ่วางใจเถอะเ้าค่ะ ไม่ว่าหวังซู่เหนียงจะก่อเื่อันใดในจวน ขอเพียงนางไม่ทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของวงศ์ตระกูล นายหญิงเว่ยซื่อก็จะปฏิบัติต่อนางอย่างดีเ้าค่ะ”
กู้เจิงเบาใจ ดูท่า่นี้ซู่เหนียงของนางน่าจะสงบเสงี่ยมไม่ได้ก่อความวุ่นวายใด
เมื่อเสร็จธุระ แม่เฒ่าฉินก็ขอตัวกลับ ชุนหงจึงเดินออกมาส่งที่หน้าบ้าน
ยามดึกอากาศยิ่งทวีความหนาวเหน็บมากขึ้น ชุนหงจึงเข้ามาเติมถ่านในห้องให้กู้เจิง ก่อนจะแยกไปที่ห้องของตน
กู้เจิงเอนตัวลงบนเตียงอย่างเกียจคร้าน นางหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านรอเสิ่นเยี่ยน ตอนนี้นางสามารถอ่านเขียนและเข้าใจตัวอักษรในยุคนี้ได้แล้ว
“ทำไมยังไม่กลับมาอีกนะ?” กู้เจิงแปลกใจ ปกติเสิ่นเยี่ยนกลับดึกไม่บ่อยนัก
ขณะที่กู้เจิงกำลังคิดจะนอนนั้น นางก็ได้ยินเสียงจากด้านนอก “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ากลับมาแล้ว”
“วันนี้ทำไมกลับมาช้านัก? รีบไปล้างเนื้อตัวแล้วเข้านอนเถอะ”
“ขอรับ”
ไม่นานประตูห้องก็เปิดออก เสิ่นเยี่ยนเดินเข้ามา
“ท่านพี่ ข้างนอกหิมะตกอีกแล้วหรือเ้าคะ?” กู้เจิงเห็นบนศีรษะและไหล่ของเสิ่นเยี่ยนมีเกล็ดหิมะติดอยู่
“ตกไม่หนักมากนักหรอก” เสิ่นเยี่ยนเห็นกู้เจิงกำลังจะเข้านอนแล้ว “เ้ารีบนอนเถอะ”
ชุนหงเคาะประตูห้อง ก่อนเปิดเข้ามาพร้อมกับน้ำร้อน “ท่านบุตรเขย เช็ดเนื้อตัวสักหน่อยเถอะเ้าค่ะ”
“ต่อไปถ้าข้ากลับดึกขนาดนี้เ้าก็ไปนอนเถอะ ไม่ต้องรอข้า ข้าจะไปเอาน้ำเอง” เสิ่นเยี่ยนไม่เคยเห็นชุนหงเป็คนรับใช้ กู้เจิงปฏิบัติต่อชุนหงเหมือนน้องสาว เขาก็จะทำเช่นกัน
“ขอบคุณท่านบุตรเขยเ้าค่ะ แต่นี่เป็เื่ที่บ่าวควรทำอยู่แล้ว” ท่านบุตรเขยพูดเช่นนี้ ชุนหงรู้สึกดีใจมาก นางรู้ว่าคุณหนูกับท่านบุตรเขยดีต่อนาง แต่การปรนนิบัติพวกเขาเป็สิ่งที่นางควรทำ ต่อให้ท่านบุตรเขยพูดเช่นนั้น แต่นางก็ต้องทำตามหน้าที่
รอจนเสิ่นเยี่ยนล้างหน้าล้างตาเสร็จ ชุนหงก็ถืออ่างไม้ออกไป
“ทำไมวันนี้ท่านถึงกลับมาช้านักเ้าคะ?” กู้เจิงที่ยังไม่ยอมนอนถามขึ้น
“ข้าไปแวะพูดคุยกับเหล่าสหายที่ค่ายทหารมา” เสิ่นเยี่ยนถอดเสื้อนอกก่อนปีนขึ้นเตียง
เช้าวันถัดมา แผลที่ฝ่าเท้าของกู้เจิงเหมือนจะดีขึ้นมาก ตุ่มน้ำใสๆ เริ่มแห้งและไม่เจ็บแล้ว