ภารกิจของเครื่องเล่นด่านรองสุดท้ายนั่นคือการให้สมาชิกในทีมคนใดคนหนึ่งถ่ายรูปเซลฟีกับผีให้ครบทุกสัญชาติในบ้านผีสิง
“...” โนเอลจ้องมองภาพตรงหน้าแล้วก็คล้ายว่าสติใกล้จะหลุดลอยออกไป
ให้ตาย... แค่พี่มากพระโขนงเขายังไม่กล้าดูคนเดียวเลย แล้วนับประสาอะไรกับบ้านผีสิงโฮรรร ฮือออแม่จ๋าาาา < (TOT) >
“ฉันไม่ค่อยถูกกับอะไรแบบนี้เลย ยิ่งเป็พวกจั๊มป์สแกร์” รูบี้หันมาพูดกับเขา เธอเอียงหัวเล็กน้อย แล้วพูดด้วยสีหน้าน่ารัก “คุณฮันนี่กลัวผีมั้ยคะ”
“นิดหน่อยครับ” โนเอลพูดด้วยสีหน้าสบาย ๆ แม้ว่าตอนนี้ในกระเพาะจะเกิดคลื่นมหาสมุทรขนาดย่อมหมุนวนไปทั่วจนรู้สึกมวนท้อง
“คุณมิดไนต์อาจจะต้องแบกพวกเราอีกเกมแล้วหรือเปล่า” รูบี้หันไปพูดกับคนหน้ามึนที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ครั้งนี้ เราจะพยายามทำตัวให้เป็ประโยชน์นะคะ” สโนว์พูดกับมิดไนต์ด้วยท่าทางไม่มั่นใจนัก
พนักงานเปิดประตูบ้านผีสิงให้พวกเขาเข้าไป ภารกิจเซลฟีกับผีหลากสัญชาติจึงได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็ทางการ
กลุ่มคน 4 คนพร้อมตากล้องอีก 1 คนทยอยเดินเข้าไปภายในบ้านผีสิง บรรยากาศด้านในถูกจัดให้เป็พื้นที่ซึ่งมีเพียงแสงไฟสลัว ทั้งยังมีทางเดินค่อนข้างคับแคบ
“กรี๊ดดดดดดด!”
“ว้ายเหี้ย!”
แน่นอนว่านี่คือบ้านผีสิง การเดินทางภายในที่แห่งนี้จึงไม่ใช่เื่ง่าย ตลอดการเดินทางจะต้องมีตัวอะไรสักอย่างมาฮึ่มฮั่มแฮ่ใส่ จังหวะจั๊มป์สแกร์มากมายถึงขนาดที่ทำให้หนึ่งในหญิงสาวหลุดสบถคำหยาบ สโนว์หันไปขอโทษขอโพยตากล้อง ก้มโค้งจนหน้าแทบจะจุ่มพื้นเพื่อแสดงอาการสำนึกผิด
“ใมากเลยค่ะ คุณฮันนี่จิตแข็งมากเลยไม่หลุดอุทานสักคำ” หลังจากจั๊มป์สแกร์รอบที่ 3 รูบี้ก็หันหลังมาพูดกับเขายิ้ม ๆ
“...” โนเอลฉีกรอยยิ้มที่แห้งแล้งยิ่งกว่าทะเลทรายไปให้
ไม่ใเพราะตอนนี้สติโนเอลหลุดไปั้แ่เจอจังหวะจั๊มสแกร์แรกเรียบร้อย ตอนนี้เขาเหมือนิญญาลอย ๆ ที่กำลังไหลไปตามคนอื่น
พวกเขาเดินมาเกือบห้านาทีแล้ว สภาพแวดล้อมรอบกายเปลี่ยนไปกลายเป็เส้นทางที่ทำเลียนแบบโรงพยาบาลร้าง สองข้างทางรายล้อมไปด้วยห้องผู้ป่วยที่ดูอย่างไรก็ไม่น่ามาฝากชีวิตรักษา
ปัง!
ในตอนนั้นเองจู่ ๆ ก็มีเสียงคล้ายกับอะไรบางอย่างทุบออกมาจากผนัง พวกเขาทั้งหมดสะดุ้งตัวโยน แม้แต่โนเอลที่สติหลุดไปแล้วยังใจนิญญาเผลอวิ่งกลับเข้าร่าง
“เมื่อกี้ใครเคาะอะไรหรือเปล่าคะ” สโนว์ถามเสียงสั่น
ปัง! ปัง! ปัง!
จากเสียงทุบผนังเพียงครั้งเดียว แปรเปลี่ยนกลายเป็เสียงทุบรัวเร็วอย่างบ้าคลั่ง พร้อมกับมีเสียงฝีเท้าหนึ่งดังขึ้นตามมาติด ๆ ในทีแรก มันยังเป็เสียงแ่เบาจนเกือบไม่ได้ยิน จนกระทั่งมันเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับว่าฝีเท้านั้นกำลังพุ่งตรงมายังจุดที่พวกเขาอยู่
ทั้งห้าคนยังยืนอยู่เฉย ๆ แล้วเสียงฝีเท้านั้นเป็เสียงของใคร...
“กรี๊ดดดดดดด!!!”
“อ๊ากกกกกกกกก!!”
วินาทีนั้นทุกคนต่างพร้อมใจกันวิ่งหนีเ้าสิ่งที่กำลังตามมาไล่หลัง อะดรีนาลินสูบฉีดทำให้บุคคลทั้งหมดวิ่งได้รวดเร็วมากกว่าปกติ หากให้ใครสักคนมาจับความเร็วในตอนนี้ คาดว่าพวกเขาคงจะได้เหรียญทองโอลิมปิกกันหมด
“อ๊ากกกกก!”
โนเอลเป็หนึ่งในคนที่วิ่งสุดแรงเกิด เขาไม่รู้ว่าตนวิ่งมาไกลแค่ไหนแล้ว แต่เมื่ออะดรีนาลินหยุดหลั่ง ความเหนื่อยล้าเข้ามาแทนที่ ร่างกายจึงพามาหยุดยังพื้นที่หนึ่งซึ่งเงียบสงัด ไม่มีเสียงฝีเท้า ไม่มีเสียงทุบผนังอีกต่อไปแล้ว
รวมถึงไม่มีคนด้วย...
“...” โนเอลที่พึ่งตั้งสติได้ กวาดตามองสำรวจรอบ ๆ แล้วจึงได้รู้ตัวว่า ตนเองกำลังฉิบหายของจริง
แม้จะรู้ว่าเป็ของปลอม ทว่าทุกอย่างในบ้านผีสิงทำนั้นทำได้สมจริงและน่ากลัวเกินไป ภาพของผีผู้หญิงตัวหนึ่งที่คลานออกมาจับขาเขายังคงติดตาไม่หาย
ฮืออออ โฮรรร ฮึก...ฮืออออ แม่จ๋าาาาาช่วยด้วยยยยยยย (T0T) เขาทำไม่ได้ เขาออกไปจากที่นี่ไม่ได้ด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้แค่ให้ก้าวขาเดินออกไปก็ยังทำไม่ไหวเลย... ไม่นะ หรือว่า Simple Honey จะต้องติดอยู่ในนี้ตลอดกาลลลลโฮรรรร < (TTOTT) >
“ฮันนี่?”
ในระหว่างที่กำลังคิดว่าอาจจะต้องฉีกผ้า กรีดเืตัวเองออกมาเพื่อเขียนจดหมายลาตาย ตอนนั้นก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านหลัง โนเอลหันขวับไปตามเสียงเรียก แล้วเมื่อได้เห็นภาพชายร่างท้วมคนหนึ่งที่ถือแบกกล้องอันใหญ่ไว้กับตัว วินาทีนั้นโนเอลก็คล้ายกับว่าจะได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์
“พี่ตากล้อง!”
โนเอลไม่รอช้าวิ่งเข้าไปยืนเบียดกับตากล้องรายการทันที
“คนอื่นไปไหนหมดแล้วครับ หลงกันเหรอ?”
“ครับ... แต่ยังไงตอนนี้เราออกไปจากที่นี่กันเถอะนะครับ”
“โอเค งั้นเดี๋ยวพี่ถ่ายต่อแล้วนะ” ตากล้องยกกล้องขนาดใหญ่ขึ้นมาวางพาดบ่า กดเปิดกล้อง เตรียมตัวถ่ายเก็บภาพผู้เข้าร่วมรายการที่ตอนนี้เหลือหนึ่งคนต่อ
“...” คนตัวสูงที่สมควรยืนอยู่หน้ากล้องเวลานี้ยังคงยืนติดหนึบอยู่กับตากล้อง ประหนึ่งว่าตัวเองได้กลายเป็ผู้ช่วยตากล้องไปแล้ว
“น้องฮันนี่ช่วยไปยืนหน้ากล้องหน่อยครับ พี่ต้องถ่ายต่อแล้ว”
โนเอลค่อย ๆ หันหน้ามาสบตากับตากล้องช้า ๆ
“พี่ถ่ายไปทั้งอย่างนี้ไม่ได้เหรอครับ” นอกจากจะไม่ได้มีท่าทียอมทำตามแล้ว ยังขยับไปเกาะแขนตากล้องให้แน่นกว่าเดิม
“ไม่ได้ครับ” ตากล้องสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม พูดกับโนเอลด้วยน้ำเสียงเ็าสุดขีด
ในขณะกำลังคิดว่าหรือทางเลือกสุดท้ายคือการบีบน้ำตา ลงไปกอดขาอ้อนวอนพี่ตากล้องให้ปรานีเขาด้วย ตอนนั้นบุคคลที่สามก็ปรากฏตัวขึ้น มองภาพชายฉกรรจ์สองคนในสภาพแนบชิดกันมากกว่าปกติ
โนเอลหันไปเจอมิดไนต์ที่กำลังมองตัวเองสลับกับตากล้องด้วยแววตาว่างเปล่าก็พลันรีบร้อนผละตัวออก
อย่าทำสายตาแบบนั้นนะ! มะ... มันไม่ใช่อย่างที่นายคิดนะคนบ้า (>O<) ฉันกับคุณธนดลเราไม่ได้เป็อะไรกัน!!!
“คนอื่นไปไหนหมดแล้วครับ” มิดไนต์ไม่ได้ใส่ใจกับภาพอันสุดประหลาดเมื่อครู่นัก เพียงหันไปถามตากล้องที่เวลานี้ดูมีสติมากที่สุด
“คงหลงอยู่ในนี้แหละ พี่ก็พึ่งมาเจอฮันนี่เมื่อกี้” ตากล้องตอบ “เหมือนฮันนี่จะกลัวผีมากจนขาแข็ง ก้าวไม่ออก มิดไนต์ช่วยพาฮันนี่เดินที เราจะได้ออกไปจากตรงนี้กัน”
“ผมไม่ได้ขาแข็ง!” โนเอลหันไปถลึงตาใส่คนที่บังอาจมาใส่ร้ายตัวเอง
แถมยังเป็ต่อหน้าศัตรูตัวฉกาจ...
“ไปครับ” มิดไนต์ไม่ได้ใส่ใจ หันมาพยักหน้าเป็เชิงบอกให้เดินมาหาตนเองด้วยสีหน้าเรียบเฉย
เห็นหน้าตามึน ๆ โทนเสียงราบเรียบราวกับสายน้ำเอื่อย ๆ เฉกเช่นทุกวัน แต่ไม่รู้ทำไมถึงทำให้โนเอลรู้สึกสงบใจได้ เขายอมเดินตรงไปหยุดยืนข้าง ๆ อีกฝ่าย รู้สึกประหม่าเล็กน้อยเมื่อคิดถึงสภาพอันน่าอเนจอนาถเมื่อครู่ของตน
โนเอลตั้งมั่นแล้วว่าจะแค่เดินเบียดมิดไนต์ไปตลอดทาง แต่กลับกลายเป็ว่าในระหว่างกำลังเดินอยู่ จู่ ๆ ก็มีร่างอะไรบางอย่างร่วงตุ้บลงมาจากเพดานจนเขาสะดุ้งโหยง รีบขยับตัวไปเกาะแขนคนข้างตัวให้เป็หลักยึด ฝังใบหน้าลงบนลาดไหล่คนข้าง ๆ อย่างลืมตัว
โนเอลไม่รู้เลยว่าตนเองเผลอทำอะไรลงไป จวบจนกระทั่งรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นที่มาลูบหลังมือซึ่งเกาะแขนอีกฝ่ายเอาไว้เบา ๆ
“มันไปแล้วครับ” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างหู ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดลงใบหูจนชวนให้เขารู้สึกจั๊กจี้ วินาทีนั้นความรู้สึกวูบวาบบางอย่างพลันไหลพล่านไปทั่วร่าง
กลิ่นหอมจาง ๆ ที่มาจากตัวของอีกฝ่ายในครั้งนี้คล้ายว่าจะชัดขึ้นมากกว่าทุกวัน
โนเอลรีบปล่อยแขนคนข้างตัวอัตโนมัติ ความรู้สึกแปลกประหลาดในใจบางอย่างทำให้ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาอีกฝ่าย
“ครับ” เขาเพียงแค่ตอบรับเสียงเบา แล้วหลังจากนั้นก็ก้มหน้า เดินตัวแข็ง ๆ อย่างไม่เป็ธรรมชาติไปจนถึงทางออก โดยที่ไม่มีจั๊มป์สแกร์ใดทำให้โนเอลใได้อีก
ในทีแรกพวกเขาตั้งใจว่าจะรอรูบี้กับสโนว์ที่หน้าทางออก แต่เพราะตากล้องบอกว่าอีกทีมกำลังจะทำภารกิจเสร็จแล้ว พวกเขาจึงตกลงไปทำภารกิจสุดท้ายบนชิงช้า์ต่อ
ตอนที่ถูกทีมงานแจ้งเตือนเื่ภารกิจ โนเอลจึงค่อยนึกได้ว่าที่บ้านผีสิงก็มีภารกิจเหมือนกัน
“แล้วภารกิจที่บ้านผีสิง...”
“ผมถ่ายมาหมดแล้วครับ” มิดไนต์ตอบออกไปแล้วก็มีท่าทีไม่มั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย “คิดว่าน่าจะครบนะครับ”
“...” ให้ตายเถอะ หมอนี่มันยังเป็คนจริง ๆ อยู่หรือเปล่า
“อยากลองเช็กดูมั้ยครับ”
“ไม่ครับ!” โนเอลรีบปฏิเสธทันควัน แค่การอยู่ในบ้านผีสิงหลังนั้นหลายสิบนาทีก็มากเกินพอ ถ้าหากต้องมาดูรูปถ่ายเซลฟีกับผีอีก ชีวิตหลังจากนี้โนเอลคงไม่อาจยิ้มได้ กลายเป็ Dark Honey ผู้ไม่รู้จักแสงสว่างตลอดกาล
ตอนไปถึงชิงช้า์ ตากล้องก็โบกมือลาบอกว่าจะเก็บภาพอยู่ด้านหลัง ปล่อยให้โนเอลกับมิดไนต์ไปขึ้นกระเช้ากันสองคน
ท้องฟ้าถูกย้อมกลายเป็สีดำ ส่วนพื้นโลกด้านล่างนั้นถูกย้อมไปด้วยสีสันของแสงไฟระยิบระยับจากไฟประดับ
มิดไนต์กวาดสายตามองหาหมีตัวั์ซึ่งเป็มาสคอตของสวนสนุกแห่งนี้ แล้วเมื่ออีกฝ่ายมองเห็นจึงยกกล้องโกโปรที่ถือขึ้นมาถ่าย ภารกิจสุดท้ายของพวกเขาเลยลุล่วงไปได้ด้วยดี
โนเอลนั่งอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามกับมิดไนต์ เขาจึงได้มีโอกาสสังเกตอีกฝ่ายอย่างละเอียด มิดไนต์ยังคงเหมือนเดิม เป็มิดไนต์ที่นิ่งเฉย เ็า ตั้งกำแพงแยกตัวออกมาจากโลกมนุษย์ แต่อาจจะเป็เพราะแสงไฟส่องสว่างของชิงช้า์ที่อาบร่างกายอีกฝ่าย จึงทำให้มิดไนต์ในเวลานี้ดูนุ่มนวล น่ามอง แลดูกลมกลืนไปกับสีสันที่สวยงามของโลกยามค่ำคืน
ราวกับภาพการเปิดตัวของตัวละครหลักในนิยายสักเื่
โดดเด่นและน่าจดจำ
ั์ตาสีดำสนิทคู่นั้นยังเอาแต่จับจ้องภาพวิวทิวทัศน์ด้านนอกอย่างตั้งใจ ไม่รู้ว่าสิ่งใดในสวนสนุกกำลังดึงดูดความสนใจของอีกฝ่ายได้ขนาดนี้
ส่วนโนเอลก็กำลังถูกคนตรงข้ามดึงดูดความสนใจไว้ไม่ต่างกัน
แล้วโนเอลนึกสงสัยว่ามิดไนต์จะรู้สึกเสียดายหรือเปล่า ที่ไม่ได้มาใช้่เวลาท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติก และเป็ใจนี้กับหญิงสาวที่ตนหมายปอง
“รูบี้... กับสโนว์” ในที่สุดโนเอลก็ตัดใจละสายตาออกไปมองทิวทัศน์ด้านนอกได้ “ถ้าหากได้ขึ้นมานั่งกับพวกเธอก็คงดีนะครับ”
โนเอลเห็นทางหางตาว่าประโยคนั้นทำให้มิดไนต์หันมามองเขา
“ขอโทษด้วยนะครับ” ทว่าประโยคที่อีกฝ่ายตอบรับกลับมานั้นไม่ใช่ประโยคที่โนเอลคาดคิด “คุณน่าจะบอกผมก่อน เราจะได้ไม่ต้องขึ้นมาด้วยกัน”
“ผมไม่ได้หมายความว่าไม่อยากขึ้นมากับคุณนะครับ” โนเอลหันขวับไปมองมิดไนต์ ไม่รู้ทำไมถึงต้องรีบละล่ำละลักแก้ตัวเพราะไม่อยากให้มิดไนต์เข้าใจผิด “แค่แบบ... นี่มันรายการเดต ก็เลยคิดว่าคุณคงจะรู้สึกดีมากกว่าถ้าได้ขึ้นมากับผู้หญิง”
“ขึ้นกับคุณฮันนี่ผมก็ไม่ได้รู้สึกแย่ครับ”
มิดไนต์พูดแค่นั้น แล้วจึงหันกลับไปมองภาพทิวทัศน์ด้านนอกต่อ
ชิงช้า์หมุนวนครบหนึ่งรอบแล้ว ทว่ามันยังไม่ได้ปล่อยพวกเขาลง แต่กลับเริ่มหมุนวนอีกรอบอย่างช้า ๆ
“เดี๋ยวผมถ่ายรูปให้คุณดีมั้ยครับ”
โนเอลจ้องมองมิดไนต์ที่อยู่ท่ามกลางสีสันสดใสของสวนสนุกแล้วก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา จนหลุดปากพูดออกไปโดยที่สมองยังไม่ทันได้ประมวลผล
“ครับ?”
“ถ่ายคุณที่นี่... วิวมันสวยนะครับ” โนเอลพูดแบบนั้นขณะจ้องมองคนตรงหน้าตาไม่กะพริบ
“ผมไม่ค่อยขึ้นกล้องเท่าไรหรอกครับ”
“...”
“ผมถ่ายให้คุณดีกว่ามั้ยครับ” มิดไนต์กล่าวเสียงนุ่ม “คุณหน้าสวยมากคงเข้ากับที่นี่”
“...”
ฮะ?
คำชมที่ไม่คาดคิดดังขึ้น หัวใจของโนเอลพลันกระตุกไปชั่วขณะ แต่สิ่งที่มันไม่ชั่วขณะคือหูของเขาที่ได้ยินเพียงเสียงวิ้ง ทั้งในหัวสมองยังรันประโยคเมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้งซ้ำ ๆ
คุณหน้าสวยมากคงเข้ากับที่นี่
โนเอลจ้องมองคนตรงข้ามอย่างไม่อยากเชื่อสายตา แต่อีกฝ่ายทำราวกับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไร เพียงแค่เอียงคอเล็กน้อยขณะจ้องหน้าเพื่อรอคอยคำตอบของเขา
“ผม... ผมคือ...”
มันเป็เพียงคำชมธรรมดา เคยมีคนตั้งกี่พันกี่หมื่นที่เอ่ยปากชมด้วยคำคำนั้น แล้วมิดไนต์ก็เป็แค่หนึ่งในคนจำนวนเป็หมื่นเป็พันนั่น
“ครับ?”
ใช่สิ... ลำดับถัดไปตามธรรมเนียม เขาต้องชมอีกฝ่ายกลับตามมารยาท
ั์ตาสีดำสนิทส่องสะท้อนกับแสงไฟจนวิบวับสวยงาม กรอบดวงตารูปอัลมอนด์ จมูกโด่ง ริมฝีปากบางรูปกระจับ แบบนี้จะไม่ชมว่าหล่อเหลาได้อย่างไร
“คุณ... คุณก็...”
“...”
“ค... คุณเองก็...” คุณเองก็หล่อมากเช่นกัน
ทว่ายังไม่ได้อ้าปากพูดต่อ จู่ ๆ ลิ้นกับฟันของโนเอลก็ดันทะเลาะกันขึ้นมา ฟันเ้าปัญหากัดกร้วมลงไปเต็ม ๆ ลิ้น ความเ็ปแล่นขึ้นฉับพลันจนโนเอลหลุดอุทาน
“โอ๊ย!”
เสียงนั้นทำให้มิดไนต์ใจนรีบโน้มตัวเข้ามาดูด้วยความเป็ห่วง
“เป็อะไรหรือเปล่าครับ!”
โนเอลที่ก้มหน้าลงไปร้องโอดโอย เมื่อเงยหน้าขึ้นจึงได้พบกับใบหน้าหล่อเหลาคมคาย ั์ตาสีดำสนิทที่วิบวับสวยงามในระยะประชิดก็ยิ่งทำให้เขาผงะ
“ไม่เป็ไรครับ!” โนเอลรีบร้อนอยากดันตัวมิดไนต์ให้ถอยห่างไปจากตน แต่เพราะแค่จะััตัวอีกฝ่ายก็ยังไม่กล้ามากพอ จึงได้แต่ขยับไปมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ “ผม...”
“...”
ในหัวเขาต้องพยายามอย่างหนัก เพื่อคิดหาคำพูดให้มิดไนต์ออกห่างไปจากเขาก่อนที่โนเอลหัวใจจะวาย
“งะ... งั้นคุณถ่ายรูปผมให้หน่อยนะครับ”
คำพูดนั้นดูเหมือนจะได้ผล มิดไนต์จ้องค้างที่ใบหน้าโนเอลนานสองถึงสามวินาทีอย่างเป็ห่วง แล้วจึงยอมเอนหลังกลับไป ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายภาพของเขา
ส่วนโนเอล นายแบบชื่อดังที่ผ่านการถ่ายแบบมาหลายร้อยชิ้นก็ทำได้แค่ยืดตัวนั่งหลังตรง ดวงตาจ้องมองไปที่กล้องด้วยท่าทางแข็ง ๆ ราวกับกำลังถ่ายรูปบัตรประชาชน
ผู้ชายที่ไหนเขาชมกันว่าสวย อิตาบ้าเอ๊ย! (>//<)
ฉากในบ้านผีสิงของฮันนี่นั้นช่างน่าอเนจอนาถ ภาพลักษณ์คาสโนวา เสือผู้หญิง หนุ่มหน้าสวย หรืออะไรก็ตามแต่ได้แหลกสลายเหลือเพียงเด็กชายป้ำ ๆ เป๋อ ๆ คนหนึ่ง
“โธ่เ้าลูกชาย ทำไมรายการถึงได้ใจร้ายให้เล่นภารกิจยาก ๆ แบบนี้ด้วยคะ!” คุณต่ายไม่อาจทนเห็นภาพลูกชายตัวโย่งต้องไปตกระกำลำบากได้
“แต่เพราะภารกิจวันนี้ ทำให้ผมรู้เลยครับว่าคุณมิดไนต์เป็แฟนหนุ่มที่พึ่งพาได้ขนาดไหน” คุณไก่พูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ถ้าผมเป็คุณฮันนี่แล้วเจอผู้ชายที่มารับเราออกจากบ้านผีสิง พาไปนั่งชิงช้า์ต่อ หลังลงมาผมคงคุกเข่าขอเขาแต่งงาน”
“ฉากนั่งชิงช้า์ด้วยกันของคุณฮันนี่กับคุณมิดไนต์ โรแมนติกจนชวนใจสั่นเลยค่ะ” คุณเหมียวพูดไปก็ยิ้มไป สีหน้าท่าทางล่องลอยอย่างมาก “หรือว่าพล็อตนิยายวายจะมีอยู่จริง”
“ถ้ามิดไนต์เป็ Heart Breaker จริง ๆ นี่อันตรายมากเลยนะครับ ขนาดผู้ชายยังเสียอาการให้เขา เมื่อกี้นี้ก็มีจังหวะที่ผมเผลอใจเต้นออกมาด้วยนะ” คุณเสือออกความคิดเห็นบ้าง
“แต่ถ้าคุณฮันนี่เป็ Heart Breaker ก็อันตรายเหมือนกันครับ ไม่ใช่อันตรายต่อผู้เข้าร่วมรายการนะ แต่อันตรายต่อตัวเอง แค่นั่งกับคุณมิดไนต์สองต่อสองยังเสียอาการจนกัดลิ้น ถ้าไปเดตกับผู้หญิงคนอื่นจริง ๆ จะไม่ทำลิ้นตัวเองขาดเลยเหรอครับ”
ประโยคนั้นของคุณไก่ สร้างเสียงหัวเราะให้กับพิธีกรที่เหลือ
“น่ากลัวเหลือเกินค่ะ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดหลังจบรายการมั้ย คงไม่ใช่ว่าคุณฮันนี่ต้องออกกลางรายการเพราะไปรักษาแผลในปากหรอกนะคะ” คุณต่ายถามพลางมองไปยังทิศทางหลังกล้องที่มีโปรดิวเซอร์นั่งอยู่
“แต่หลังจากนี้ ผู้ชมทุกท่านอาจจะได้เห็นคุณฮันนี่เืกบปากอีก ดังนั้นเราขอแจ้งไว้ตรงนี้เลยนะคะ ว่าเขาไม่ได้เป็โรคร้ายอะไร เขาแค่กำลังเขินค่ะ”
หลังจบ่ภารกิจในส่วนสนุก ผู้เข้าร่วมรายการทั้งหมดก็กลับมาที่บ้านพัก แต่ก่อนคืนนั้นจะสิ้นสุด ผู้เข้าร่วมรายการต้องส่งข้อความให้กันอีกครั้ง ซึ่งผลลัพธ์นั้นไม่ได้แตกต่างจากคืนแรกมากนัก จะมีก็แค่โอลีฟที่เปลี่ยนจากส่งข้อความให้กับมิดไนต์ไปเป็คริมสันที่อยู่ทีมเดียวกัน
รายการจบลงพร้อมพิธีกรที่ปรบมือให้กับเรียลลิตี้ตอนดังกล่าว แล้วในจังหวะที่พูดเพื่อบอกลาผู้ชม คุณต่ายก็พูดพึมพำขึ้นมาเบา ๆ
“แต่แอบเสียดายนะคะ”
“เสียดายอะไรครับ”
“เสียดายที่คุณฮันนี่กับคุณมิดไนต์เขาไม่ส่งข้อความให้กัน”
ทุกคนพากันหัวเราะครืน ในสถานการณ์นั้นหากเปลี่ยนใครคนใดคนหนึ่งให้เป็ผู้เข้าร่วมรายการฝ่ายหญิง ไม่ว่าอย่างไรสถานการณ์อันแสนโรแมนติก และชวนใจสั่นนั้นคงก่อกำเนิดคู่เดต คู่ใหม่อย่างแน่นอน
tag ; #ฮันนี่มิดไนต์
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้