ก้นยังนั่งไม่ทันร้อน พ่อค้าหน้าเืสมควรตายนี่คิดจะขูดรีดนางอีกแล้ว
ในใจมู่จื่อหลิงโมโหนัก!
เหตุใดที่พบพ่อค้าหน้าเืผู้นี้ นางไม่เคยได้เปรียบเลย
“เถ้าแก่มู่ นี่คือชาดำอี่เย่ [1] ที่ข้าดัดแปลงขึ้นมาโดยเฉพาะ เป็ชาดำที่หอมที่สุด เข้มข้นที่สุด หายากยิ่งนัก หนึ่งพันตำลึงนี่ก็ถือว่าเห็นแก่มิตรภาพอันดีของพวกเรามาคิดให้ท่าน ปกติไม่ใช่เพียงแค่นี้แน่” เย่จื่อมู่พูดลอยๆ อย่างมีเหตุผลรองรับ
มู่จื่อหลิงเบ้ปากอย่างอารมณ์เสีย “ชิ! ใครมีมิตรภาพอันดีกับท่านกัน แปะทองบนหน้าให้มันน้อยๆ หน่อย”
คิดแต่ว่าจะขูดรีดนางอยู่ทุกขณะจิต ยามนี้มาบอกว่ามีมิตรภาพอันดีกับนาง
มิตรภาพดียังรีดไถปานนี้? หน้าไม่อายนัก!
“ก็ใช่น่ะสิ จะว่าอย่างไรพวกเราก็หนีการไล่ล่าของหมาป่ามาด้วยกัน จะตรงใดก็ยังนับว่าเป็มิตรภาพที่ดี” เย่จื่อมู่ลุกขึ้นอย่างสง่างาม ลูบคางอันเกลี้ยงเกลา แสร้งครุ่นคิด พูดอย่างช้าๆ “อืม มิอาจนับว่ามิตรภาพดี อย่างไรก็สามารถนับได้ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุข”
มุมปากมู่จื่อหลิงกระตุกอย่างอับจนคำพูด หน้าผากปรากฏเส้นดำสามเส้นดังตุบๆๆ
ก่อนหน้านี้ยังมิตรภาพดีอยู่เลย ต่อมาก็กลายเป็ร่วมทุกข์ร่วมสุขแล้ว ต่อไปจะไม่เปลี่ยนเป็ร่วมเป็ร่วมตายหรือ?
ต่อให้หน้าหนาแค่ไหนก็มิได้หนาด้วยวิธีนี้นี่!
ทว่า วันนี้มาหาพ่อค้าหน้าเืผู้นี้เพื่อคิดบัญชีก่อนหน้าให้ชัดเจน แล้วยังต้องให้เขาช่วย มิอาจไหลไปตามเื่นี้ได้แล้ว
มิเช่นนั้น นางจะต้องถูกพ่อค้าหน้าเืผู้นี้ยั่วโทสะจนเส้นเืสมองแตกเป็แน่ ดังนั้น จะต้องไม่ให้พูดไร้สาระต่อไปเด็ดขาด
มู่จื่อหลิงถลึงตาใส่เย่จื่อมู่อย่างขุ่นเคือง บ่นออกมาอย่างอดไม่อยู่ “พ่อค้าหน้าเื ท่านบอกสิท่านรับเงินข้าไปแล้ว เหตุใดจึงไม่มีความรับผิดชอบปานนั้น ไม่ช่วยจนถึงที่สุด เพราะเหตุใดวันนั้นจึงไปไม่ร่ำลาสักคำ?”
ยามนี้มั่นใจได้แปดถึงเก้าส่วนว่า เป็เพราะหลงเซี่ยวอวี่มาหานาง เขาถึงไป
ส่วนพวกเขาจะพบหรือไม่พบกัน นางก็ไม่อยากสนใจแล้ว
ยามนี้นางมาเพื่อจับผิด กับเื่ที่เย่จื่อมู่เผ่นโดยไม่ส่งเสียงสักแอะ จะต้องเค้นจนถึงที่สุด
เย่จื่อมู่แบมืออย่างไร้ความผิด รับคำอย่างเป็ปกติยิ่งนัก “ข้ากลับอยากบอกว่า ผู้ใดก็ไม่รู้นอนหลับราวกับหมู เรียกอย่างไรก็ไม่ตื่น”
ที่จริงแล้ว เขาก็อยากรู้นักว่าเหตุใดวันนั้นเด็กสาวผู้นี้จึงบังเอิญนัก หลับได้อย่างร้ายกาจประหนึ่งคนตาย มิน่าเล่าฉีอ๋องจึงได้สูญเสียการควบคุม
โทสะมู่จื่อหลิงอัดแน่นอยู่ในทรวงอก
สิ่งใดเรียกว่านางหลับเหมือนหมู?
ถ้ามิใช่เพราะหมอนี่อยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะอยากสลัดให้พ้นโดยเร็ว นางจะวางใจไปสกัดยาในระบบซิงเฉินหรือ
นางกำลังสกัดยาอย่างยากลำบาก เ้าหมอนี่กลับดีนัก เผ่นไปเพียงลำพังไม่ส่งเสียงสักแอะ ยามนี้กลับพูดพลิกลิ้นว่านางหลับเหมือนหมู เกินไปแล้ว!
มู่จื่อหลิงค้อนใส่เขาอย่างอารมณ์เสีย “เช่นนั้นเสื้อผ้าดีๆ ของข้าจะขาดวิ่นได้อย่างไร ทั้งยังมีเืหมาป่าเต็มตัว เป็อุบายของท่านหรือไม่?”
จนถึงตอนนี้นางก็คิดไม่ออก เป็มือของใครกันแน่ที่ซวย กินอิ่มว่างจนไม่มีอะไรทำ ทำทั้งตัวนางเหมือนได้รับาเ็จนเกินเยียวยา
“เืหมาป่าอันใด? เถ้าแก่มู่อย่าได้ปรักปรำข้า วันนั้นข้าได้รับาเ็ เืไหลมากเพียงนั้น วิ่งได้ก็โชคดีเหลือแสนแล้ว จะยังมีแรงไปฆ่าหมาป่า?” เย่จื่อมู่หน้าไม่แดงใจไม่เต้น พูดด้วยความมั่นอกมั่นใจ
ล้อเล่นน่ะ ถ้าให้เด็กสาวผู้นี้รู้ว่าเป็อุบายของเขา ยังจะไม่พ่นไฟใส่เขาเสียตอนนี้ ซักถามเขาจนถึงที่สุดหรือ
เย่จื่อมู่คิดในใจว่า เื่ที่เขาทำในวันนั้น ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่ไม่น่าเชื่อนั่น เขาจดจำไว้ในใจก็พอแล้ว ต่อให้มีสิ่งเน่าในท้องก็มิอาจพูดออกมา!
ดวงตามู่จื่อหลิงหรี่ลงน้อยๆ ในใจปรากฏความสงสัย
หรือว่าเป็หลงเซี่ยวอวี่? นั่นยิ่งเป็ไปไม่ได้
นางยอมเชื่อว่าเป็การกลั่นแกล้งของพ่อค้าหน้าเืที่น่าเชื่อถือไม่ได้ผู้นี้ดีกว่า ไปเชื่อว่าหลงเซี่ยวอวี่ที่รักสะอาดขั้นสุดยอดจะว่างไม่มีเื่ทำจนเอาเืหมาป่ามาป้ายตน
ทว่า ยามนี้ไม่ใช่เวลามาสะสางเื่นี้
มู่จื่อหลิงกัดฟันด้วยความโกรธแค้น “แต่ท่านก็จะทิ้งข้าไว้ในดงสัตว์ป่าเพียงลำพังมิได้ หรือว่าท่านไม่กลัวว่าข้าจะตกต้นไม้ถูกหมาป่าคาบไป?”
“เถ้าแก่มู่ก็ยังสบายดีมิใช่หรือ” เย่จื่อมู่ลุกขึ้น พูดด้วยน้ำเสียงแ่เบาราวกับไม่ใส่ใจ
เขาลูบคาง กวาดสายตาบนตัวมู่จื่อหลิงเสียหนึ่งรอบ “ดูสิ ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน และแขนขาก็มิได้หัก”
“ใครว่าสบายดีกัน ใครว่าแขนขาไม่หัก ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าแขนหัก และเกือบตายไปแล้ว อีกเพียงนิดเดียวก็ตายแล้ว” ดวงตามู่จื่อหลิงเอ่อคลอไปด้วยหยดน้ำโดยพลัน น้ำเสียงเจือแววสะอื้น
นางตั้งใจเน้นความด้านหลัง ในใจมีแผนการไว้แล้ว
ไม่ว่าเย่จื่อมู่จะช่วยนางด้วยเหตุผลใด ทว่า เขาสามารถเสี่ยงอันตรายช่วยชีวิตนางได้ ยินยอมให้ตนเองาเ็แต่นางไม่ได้รับาเ็แม้แต่น้อย
เช่นนั้น ในใจก็คงจะเป็ห่วงนางอยู่บ้าง?
ดังนั้น ลองดู?
หากเป็เช่นนี้จริง...บางทีอาจจะเข้าใจเย่จื่อมู่ได้บางอย่างจากเื่นี้ก็ได้
ต่อให้ไม่เข้าใจอะไรเลย นางก็ต้องนำสิ่งที่เขารีดไถไปกลับคืนมาอย่างยุติธรรม
เย่จื่อมู่มุมปากกระตุกเล็กน้อย ในใจกลับสงสัย ยายหนูนี่จะใช้อุบายอะไร?
ใบหน้าของเขาไม่เปลี่ยนสี โบกมือพูดอย่างมั่นใจ “เถ้าแก่มู่อย่าได้ล้อเล่น วันนั้นข้าเห็นคนมาช่วยท่าน ฝีมือเขาสูงส่งกว่าข้า จะเกิดเื่ได้อย่างไร”
“มีคนมาช่วยข้า แต่เขาเพียงพาข้าออกมาจากป่าสายหมอก แล้วก็ทิ้งข้าไว้คนเดียวที่นั่น จากนั้นเขาก็จากไปทิ้งข้าไว้เพียงลำพัง” ใบหน้ามู่จื่อหลิงแสร้งทำเป็น้อยอกน้อยใจและโดดเดี่ยว ในใจก็ยังไม่สบายใจ
พูดถึงเื่นี้ขึ้นมา บริเวณที่อ่อนไหวที่สุดในใจมู่จื่อหลิงก็ยังคงขมปร่าขึ้นมารางๆ ทว่าถูกนางเมินไป
พวกเขาไม่ได้ระบุชื่อแซ่ แต่ต่างฝ่ายต่างรู้ว่าคนที่พูดถึงคือผู้ใด
บางทีมู่จื่อหลิงอาจจะเสแสร้งได้สมจริงเกินไป บางทีในใจนางอาจจะน้อยใจและโดดเดี่ยวจริงๆ
เมื่อเห็นมู่จื่อหลิงน้ำตาคลอหน่วย น่าสงสารปานนี้ ก้นบึ้งหัวใจของเย่จื่อมู่ก็บังเกิดความปวดใจ
ทว่า เขาก็ยังคงไม่ใคร่จะเชื่อ คิ้วเข้มภายใต้หน้ากากขมวดน้อยๆ “ในเมื่อเขาไปช่วยท่าน จะยังทิ้งท่านไว้ที่นั่นได้อย่างไร? ข้าไม่เชื่อ”
คำพูดนี้ของเย่จื่อมู่ก็แสดงว่าดูออกว่ามีละคร!
ในมุมที่เย่จื่อมู่มองไม่เห็น ดวงตามู่จื่อหลิงก็ปรากฏความเ้าเล่ห์ นางม้วนแขนเสื้อขึ้นมาสูงๆ เผยให้เห็นแขนที่ได้รับาเ็ของตน
“ท่านดูสิ ข้ามิได้พูดโกหก ตรงนี้ถูกลูกศรแทงทะลุ ถ้ามิใช่เพราะยามนั้นหลบอย่างว่องไว ลูกศรคงไม่ถูกแขน แต่ถูกตรงนี้ จากนั้นข้าก็จะตายอยู่ที่นั่นแล้ว” มู่จื่อหลิงสูดจมูกอย่างน่าสงสาร และยกนิ้วชี้ไปที่ตำแหน่งหัวใจ
นางเกือบจะยกนิ้วโป้งให้ทักษะการแสดงของตนเอง เชยชมขนานใหญ่ นางรู้สึกว่าตนเองจะแสดงได้สมจริงเกินไปแล้ว
เป้าหมายที่มาในวันนี้ จะสำเร็จหรือไม่ ต้องดูที่ก้าวนี้แล้ว
ดวงตามู่จื่อหลิงมองเย่จื่อมู่เป็เวลานาน
ไม่ทำให้นางผิดหวังจริงดังคาด
เย่จื่อมู่เห็นาแของมู่จื่อหลิงที่ยังมีเืซึมออกมาที่ผ้าพันแผล สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที แขนข้างนั้นแดงไปหมด มองแล้วเสียดแทงั์ตาเขาเป็พิเศษ
สายตาเขาจับจ้องไปยังแขนข้างที่ได้รับาเ็ของมู่จื่อหลิงนิ่ง ราวกับผู้ใดก็มองความหมายในั์ตาของเขาไม่ออก ครู่หนึ่ง เขาถึงพูดอย่างช้าๆ ว่า “เจ็บหรือไม่?”
แม้เย่จื่อมู่จะสวมหน้ากาก อารมณ์บนใบหน้ายังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่มู่จื่อหลิงก็ยังคงจับความผิดปกติในแววตาเฉลียวฉลาดของเขาได้อย่างรวดเร็ว
เห็นได้ว่าเย่จื่อมู่กำลังเป็ห่วงนาง แต่เป็เพราะเหตุใดกันแน่?
ในใจมู่จื่อหลิงคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก
แต่ ยามนี้นางก็ไม่อาจคิดมากเกินไปได้ อย่างน้อยๆ ก็พิสูจน์ได้ว่าการเจ็บตัวของนางมีประโยชน์
“ศรหนาเพียงนั้น แขนถูกแทงทะลุ ท่านว่าจะเจ็บหรือไม่เล่า? ข้าต้องให้ท่านดูาแหรือไม่ ท่านจะได้รู้ว่าตอนนั้นข้าเจ็บเพียงใด” มู่จื่อหลิงแสร้งน้อยอกน้อยใจเป็ที่สุด มือก็ทำท่าประกอบราวกับกลัวว่าจะยังไม่พอ เตรียมแกะผ้าพันแผลออก
เย่จื่อมู่รีบดึงมือที่จะแกะผ้าพันแผลออกของนางไว้ สีหน้าเคร่งขรึม “อย่าขยับ พูดมาว่าเกิดอันใดขึ้น?”
เห็นยายหนูนี่าเ็ เขาปวดใจยิ่งนัก
ในระหว่างที่ครุ่นคิด เย่จื่อมู่ก็ขมวดคิ้ว แววตามีความสงสัย หรือว่าหลงเซี่ยวอวี่จะทิ้งยายหนูผู้นี้ไว้ที่นั่นจริงๆ? ทำให้นางได้พบกับมือสังหารอีกครั้ง?
ท่าทางสูญเสียการควบคุมตัวของหลงเซี่ยวอวี่เพราะมู่จื่อหลิงก่อนหน้านี้ทำให้เขาไม่อยากจะเชื่อนัก
แต่สีแดงทิ่มแทงั์ตานี่ก็บอกเขาว่า หลงเซี่ยวอวี่จะทิ้งนางไว้จริงหรือไม่จริงไม่สำคัญแล้ว เพราะหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้ปกป้องมู่จื่อหลิงอย่างแท้จริง ทำให้นางาเ็
ความคิดของฉีอ๋องผู้นั้น ทำให้ผู้อื่นเดาไม่ออกจริงๆ
รู้เช่นนี้แต่แรก เขาคงพานางกลับมาเลย จะยังวางอุบายให้มากมายไปไยกัน ช่างเปล่าประโยชน์โดยแท้
เป็ครั้งแรกที่ได้เห็นเย่จื่อมู่จริงจังเช่นนี้ ในใจมู่จื่อหลิงก็อึ้งไป
ทันใดนั้น ในใจนางก็ปรากฏความรู้สึก ใช้วิธีนี้หลอกลวงผู้อื่น ไม่ดีอย่างมากใช่หรือไม่?
ทว่า เมื่อคิดถึงเย่จื่อมู่ที่หนีไปก่อนก็ทำให้นางโมโหจนตายไปครึ่งหนึ่ง แล้วยังรีดไถเงินนางไปมากมายเพียงนั้น ในใจมู่จื่อหลิงจึงสงบลงในทันที
ในเมื่อยามนี้เย่จื่อมู่หลงเชื่อแล้ว ดูเหมือนจะเป็ห่วงอยู่บ้าง เช่นนั้นก็ควรพูดถึงเป้าหมายที่นางมาในวันนี้ได้แล้ว
มู่จื่อหลิงหลบเลี่ยงคำถามของเย่จื่อมู่ ั์ตามีหยาดน้ำคลอหน่วย ถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคือง “พ่อค้าหน้าเืท่านว่าท่านรับเงินข้าไปมากมายเพียงนั้น แต่มิได้ส่งข้ากลับมาอย่างปลอดภัย ท่านละอายหรือไม่”
แม้ปากนางจะน้อยเนื้อต่ำใจ แต่ในใจกลับลอบยินดีปรีดา ยามนี้มีความมั่นใจถึงเก้าส่วนที่พ่อค้าหน้าเืผู้นี้จะช่วยนาง ไม่เลวจริงๆ
เย่จื่อมู่รู้สึกตัวขึ้นมา เมื่อครู่นี้ยายหนูนี่กำลังใช้การเจ็บตัวมาเรียกร้องความน่าสงสาร ตอนนี้เห็นว่าแผนสำเร็จแล้ว จึงเตรียมจะเอาเงินกลับไป?
ต้องพูดว่า ไม้นี้ของนางใช้ได้ผลชะงัด แต่ไม่ว่าอย่างไรเขาก็จับทางได้
แต่าแของนางเป็ของจริง เขาดีใจที่นางใช้าแนี้มาพูดธุระ อย่างน้อยก็ทำให้ต่อไปเขาไม่ประมาทอีก
เย่จื่อมู่ลูบศีรษะของมู่จื่อหลิงด้วยรอยยิ้มบาง พูดอย่างจนปัญญา “ได้ยินเถ้าแก่มู่พูดเช่นนี้ คิดจะบิดพลิ้ว ไม่ยกกำไรห้าส่วนของหลิงซั่นถังในอนาคตให้ข้าแล้ว?”
แม้ปากจะพูดเช่นนี้ แต่เขาไม่เชื่อว่ายายหนูนี่สิ้นเปลืองแรงใจเพียงนี้ เพื่อมาเอาเงิน
จริงดังคาด...
มู่จื่อหลิงหัวเราะหึๆ อย่างนิสัยไม่ดี “ข้าไม่สนใจ ถ้าท่านไม่ช่วยเหลือข้า ก็คืนเงินข้ากลับมาทั้งหมด”
มุมปากเย่จื่อมู่กระตุก ยายหนูนี่ หางของจิ้งจอกน้อยโผล่ออกมาแล้ว
เขาส่ายศีรษะอย่างหมดทางเลือก แสร้งลำบากใจ พูดยิ้มๆ “เช่นนั้นเถ้าแก่มู่้าเงินกลับไป หรือ้าให้ข้าช่วยเหลือกัน?”
มู่จื่อหลิงแสดงออกอย่างใจกว้าง นางโบกมืออย่างองอาจ “เห็นแก่ฐานะที่ท่านรักเงินเพียงนั้น ข้าก็จะใจกว้างสักครั้ง ไม่เอาเงินกับท่านแล้ว ท่านเพียงแค่ช่วยเหลือข้าก็พอ แล้วก็เป็อันสิ้นสุด”
---------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ชาดำอี่เย่ เป็ชาที่มีชื่อเสียงของจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้