นิ้วของชายวัยกลางคนขยับเบาๆ คาถาที่ฟังเข้าใจยากถูกร่ายออกมาจากปากอย่างรวดเร็ว ประกายแสงสีแดงแพรวพราวก็พุ่งออกมาจากร่าง ทันใดนั้นแท่นบูชาก็ร้อนผ่าวขึ้นจนไม่สามารถเพ่งมองตรงๆ ได้ จากนั้นดาบเปลวเพลิงที่ร้อนระอุก็ลุกไหม้ขึ้นมา มือของชายวัยกลางคนก็ตวัดชี้ไปทางซุนเฟยอย่างรวดเร็ว...
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในพริบตา
ฝูงชนที่มองจากด้านล่าง ต่างไม่ทันได้ตอบสนองอะไรขึ้นมา แม้แต่เสียงร้องใก็ไม่ทันได้เปล่งออกมา
ชายวัยกลางคนยืนอยู่ด้านหลังซุนเฟย ตอนนี้เองก็ซุ่มโจมตีด้วยดาบ ซุนเฟยไม่ทันสังเกตเห็นในตอนแรก ความร้อนที่แฝงมากับดาบเปลวเพลิงนั้น ดาบในมือชายวัยกลางคน เหวี่ยงเป็วิถีดาบในอากาศแบบแปลกๆ เพียงปลายดาบััก็เหมือนได้รับจุมพิตแห่งความตาย เห็นเพียงดาบแทงเข้าไปด้านหลังของซุนเฟย ทะลุที่หัวใจ...
แต่...
ทันใดนั้นก็เื่แปลกๆ ก็เกิดขึ้น
เพียงเสี้ยววินาที ร่างของซุนเฟยก็พลิกตัวหลบไปทางขวาอย่างไม่น่าเชื่อ ดูเหมือนเป็การเคลื่อนไหวตามสัญชาตญาณ มันประจวบเหมาะกับดาบของชายวัยกลางคนที่แทงเข้ามาพอดี ดาบเปลวเพลิงแทงพลาดไป
และตอนนี้เอง บรรดาคณะทูตที่อยู่ด้านล่างแท่นบูชาก็คล้ายจะเพิ่งเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ใบหน้าของพวกเขาแสดงความตะลึงออกมาอย่างเห็นได้ชัด เสียงร้องอุทานดังออกมาจากปากพวกเขาอย่างควบคุมไม่ได้
ดร็อกบากับทหารองค์รักษ์คนอื่นๆ ที่ยืนอยู่รอบๆ แท่นบูชามีปฏิกิริยาฉับไวมาก พวกเขาะโออกมาเสียงดังว่า ‘คุ้มครององค์าา’ จากนั้นก็ชักดาบพุ่งเข้ามา...แต่หลังจากพุ่งเข้ามาได้ห้าหกก้าว พวกทหารองครักษ์ต่างก็พากันหยุดเท้าอย่างงงงวย เพราะเขาสังเกตเห็นองค์าาของพวกเขาส่ายมือเป็เชิงไม่ให้ขึ้นมา
ซุนเฟยใช้มือขวาแตะเบาๆ ที่ดาบเปลวเพลิง
“นักเวทธาตุไฟสี่ดาว? เ้าเป็ใคร? ทำไมถึง้าสังหารข้า?”
ซุนเฟยเรียกถุงมือของตัวละครคนเถื่อนออกมา นี่เป็ถุงมือเวทมนตร์สีเงินสวยงาม มีพลังป้องกัน 21 และขณะเดียวกันยังป้องกันเวทมนตร์ธาตุไฟและธาตุไฟฟ้าได้ 25% ดังนั้นซุนเฟยจึงพอที่จะจับดาบเปลวเพลิงที่สร้างขึ้นจากธาตุไฟบริสุทธิ์นี้ได้ เขารับรู้ถึงความร้อนระอุที่แผดเผาบนตัวดาบเปลวเพลิงได้ดี ทำให้ซุนเฟยสามารถยืนยันได้ว่าชายตรงหน้าจะต้องเป็นักเวทสี่ดาวระดับต้น...แต่ปัญหาคือ ตัวเขาเหมือนจะไม่รู้จักชายคนนี้ แล้วทำไมเขา้าสังหารตนด้วย? หรือว่า...จะมีคนบงการเขา?
เมื่อโจมตีพลาด ชายวัยกลางคนจึงทิ้งดาบเปลวเพลิงให้สลายไป ก่อนจะถอยหลังออกมา
“ทำไมเ้าถึงรู้ได้?” ชายวัยกลางคนเอ่ยปากถาม เมื่อถอยออกมาในระยะที่ปลอดภัยสำหรับนักเวทแล้ว
เป็เขาที่คิดไม่ออกว่าทำไมซุนเฟยถึงได้พบเขาและหลบการโจมตีที่แม้แต่พระเ้าก็ยากจะรอดครั้งนี้ของตัวเองได้ ต้องไว้ก่อนรู้ว่าเขาเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีครั้งนี้มาแล้ว เขาไม่เพียงฝึกฝนมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ยังนั่งสมาธิสะสมพลังเวทถึงสิบวันสิบคืน ทั้งยังไม่เสียดายที่จะต้องเสียเวทมนตร์ที่ล้ำค่าเพื่อที่จะย่นระยะเวลาในการร่ายเวท และเพิ่มความรวดเร็วในการโจมตี...แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดว่ามันไร้ข้อผิดพลาดกลับผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ สถานการณ์นี้มีความเป็ไปได้เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือซุนเฟยรู้อยู่ก่อนแล้วว่าตัวเองจะต้องลงมือ
สีหน้าของชายวัยกลางคนก็ปรากฏร่องรอยความยากจะเชื่อออกมา แต่เขาก็ไม่รีบร้อนที่จะหนี
เขาดูเหมือนจะไม่สนใจว่าจะถูกคนจำนวนมากรล้อมกรอบ ราวกับว่าเขาเตรียมแผนสองไว้แล้ว ในใจยังคิดถึงความเป็ไปได้ที่จะลงมืออีกครั้ง
แน่นอนว่า เขายังรอคำตอบของซุนเฟย
อย่างไรก็ตาม ตอนนั้นเองก็เกิดเื่ที่ไม่มีใครคาดคิดขึ้นอีกครั้ง
เพียงชั่วพริบตา ก็มีดาบแทงทะลุไหล่ซ้ายของชายวัยกลางคน ปลายดาบมีรอยเื
ไหลหยดลงมาบนพื้น
ชายวัยกลางคนมองมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง ลำคอของเขาเค้นเสียงคำรามออกมาอย่างโกรธเคือง เขาสะบัดมือเรียกแส้เพลิงของเขาออกมากลางอากาศ ทันใดนั้นลมร้อนก็พลันเฆี่ยนไปที่ด้านหลังของเขา เฆี่ยนไปที่ร่างของชายที่ยืนกำดาบแน่นอย่างรุนแรง เสียงร้องอึกพร้อมเืที่กระเด็นออกมา พัศดีโอเลเกร์พลันกระอักเืก่อนจะกระเด็นออกไป
ชายวัยกลางคนดึงดาบที่แทงตัวเองออกมา ขณะที่จ้องมองไปยังชายร่างอ้วนด้วยความใ
“เป็เ้า?”
ชายวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ คราวนี้ไม่ต้องรอคำตอบจากซุนเฟยแล้ว ในที่สุด เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมก่อนหน้านี้ซุนเฟยถึงสามารถหลบการซุ่มโจมตีของตัวเองด้วยดาบเปลวเพลิงได้ ที่แท้ก็เป็เ้าอ้วนที่ขี้ขลาดตาขาวคนนี้ที่หลอกเขา ไม่รู้ว่ามันใช้วิธีอะไรถึงแอบเตือนซุนเฟยล่วงหน้าได้
“แน่นอนว่าเป็ข้า เ้านับเป็ตัวอะไรที่จู่ๆ จะมาให้บิดารับใช้เ้า!”
โอเลเกร์ที่นอนหมอบอยู่บนแท่นบูชาพูดพลางกระอักเืออกมา ทว่าใบหน้าของเขากลับเต็มไปด้วยความภูมิใจ เขาหัวเราะลั่นพลางหันไปมองชายวัยกลางคน เขาไม่ปกปิดสีหน้าท่าทางเยาะเย้ยของตัวเองสักนิด “ฮะๆ...คิดไม่ถึงเลยใช่ไหม? ว่าบิดา...แค่กๆ บิดาที่เมื่อก่อนรักตัวกลัวตายคนนั้นจะทำแบบนี้...แค่กๆ บาร์เซิล...แค่กๆ แค่เ้าคิดจะใช้วิธีเก่ามาจัดการข้า แค่เริ่มก็ผิดแล้ว...แฮ่กๆ เพื่อองค์าาอเล็กซานเดอร์ ข้ายินดีที่จะสละชีวิตตัวเองได้ แล้วจะทรยศท่านได้อย่างไร!”
ตอนนี้โอเลเกร์ได้รับาเ็หนัก ทุกประโยคที่พูดก็มีเืไหลออกมาเสมอ แต่โชคดีที่ร่างของเขาผ่านการปรับเปลี่ยนโครงสร้างด้วย 'น้ำยาฮัลค์' ร่างกายของเขาจึงแข็งแกร่งมากกว่านักรบหนึ่งดาวทั่วไป ดังนั้น แม้จะได้รับการโจมตีด้วยด้วยความเกลียดชังจากนักเวทสี่ดาว แต่มันก็ไม่อาจคร่าชีวิตเขาได้ แต่เนื้อหาที่เขาพูดกลับทำให้ทุกคนในที่นี่ต่างพากันใ
นักเวทสี่ดาวคนนี้ ความจริงแล้วเป็บาร์เซิล
บาร์เซิล เลขานุการคนก่อนของเมืองแซมบอร์ด เป็อาชญากรของอาณาจักรในข้อหาฏ
ซุนเฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย
ก่อนหน้านี้เขาสังเกตเห็นท่าทางบอกใบ้ในดวงตาของพัศดีโอเลเกร์ บอกให้เข้าใจว่าชายวัยกลางคนผู้นี้ไม่ใช่คนของตัวเอง เป็ตัวปัญหา แต่เขากลับคาดไม่ถึงว่าจะเป็บาร์เซิลที่จู่ๆ ก็หายตัวไป อดีตเลขานุการคนนี้คงจะใช้กลเล็กๆ เพื่อเปลี่ยนหน้าตัวเองชั่วคราว แต่ถ้าสังเกตดีๆ ก็จะพบว่ารูปร่างและนิสัยไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก เพียงแต่ใครๆ ก็คาดไม่ถึงว่าคนคนนี้จะกลายเป็นักเวทธาตุไฟที่มีความแข็งแกร่งถึงสี่ดาว
การเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดนี้ ทำให้ทุกคนที่อยู่บนยอดเขาต่างอุทานออกมา
ตอนนี้ แสงแรกในยามเช้าได้ทะลุผ่านม่านหมอกเข้ามาสาดส่องลงบนยอดเขา ่เวลาที่ดีที่สุดในการสวมมงกุฎของซุนเฟยเพื่อขึ้นครองบัลลังก์เมืองแซมบอร์ดได้พลาดไปแล้ว คณะทูตและองค์ชายของทุกอาณาจักที่อยู่ด้านล่างแท่นหินต่างพากันมองไปที่แท่นหินอย่างตื่นใ เหนือแท่นบูชา มงกุฎทองคำบริสุทธิ์ที่อยู่ในมือขององค์หญิงนาตาชาแห่งราชอาณาจักรเซนิทได้ถูกวางลงบนพานเงินที่ผู้คุ้มกันด้านหลังถืออยู่ นางถอยออกมาเล็กน้อยแล้วคอยชมอย่างสนใจ เหมือนกับว่ากำลังรอดูละครอยู่
ซุนเฟยมองไปที่อดีตเลขานุการบาร์เซิลอย่างเ็า เขาปลดปล่อยกลิ่นอายอันตรายออกมาจากร่างอย่างต่อเนื่อง
ในเมื่อชายคนนี้ปรากฏตัวออกมาเอง ถ้าอย่างนั้นก็ฉวยโอกาสนี้สังหารเขาทิ้งเสีย ไม่อย่างนั้น หากนักเวทระดับสี่ดาวคนนี้มุ่งมั่นจะแก้แค้นเขาแล้วไปลงกับเมืองแซมบอร์ด...เมืองแซมบอร์ดในตอนนี้ไม่อาจรับมือเขาไหวแน่ เขาจะเป็หายนะของเมืองอย่างหนึ่ง
ในขณะเดียวกัน บาร์เซิลที่ยกมือปิดปากแผลบนไหล่ของตัวเองก็พลันครุ่นคิดบางอย่างในหัวอย่างรวดเร็ว
เขารู้สึกถึงกลิ่นอายของซุนเฟยที่เริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เขารู้แล้วว่าวันนี้ตัวเองคงไม่อาจลงมือสังหาราาสมควรตายคนนี้ได้ ในใจพลันขมขื่นเล็กๆ คิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตัวเองที่ตอนนี้ทะลวงจนมาถึงระดับสี่ดาวแล้ว และยังเตรียมแผนการอย่างยากลำบากมาเป็เวลานานขนาดนี้ แต่ก็ยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายได้ ดูเหมือนว่าแผนการต่อไปคงต้องเลื่อนออกไป...
“คิดไม่ถึงว่าเ้าจะกลายเป็สุนัขที่รู้ความขนาดนี้” บาร์เซิลจ้องมองไปที่พัศดีโอเลเกร์ที่กำลังได้รับาเ็อย่างดุร้าย ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจบางอย่าง เขาร่ายคาถาอย่างเร่งรีบออกมาจากปาก เห็นเพียงร่างของเขาที่ลุกท่วมไปด้วยไฟที่ร้อนระอุ ราวกับเปลวไฟขนาดั์ เขาะโไปทางซุนเฟย “ข้าจะสู้กับเ้า...”
เปลวไฟที่ลุกทั่วร่างเริ่มลุกไหม้อย่างรุนแรงในขณะที่พุ่งออกไป
ดูเหมือนพระอาทิตย์ดวงเล็กๆ ที่ลอยอยู่เหนือแท่นบูชา
ทุกคนต่างก็คิดว่าบาร์เซิลเป็หมาจนตรอกที่คิดจะเผาร่างตัวเองด้วยเวทมนตร์แล้วตายไปพร้อมๆ กับซุนเฟย แม้แต่ซุนเฟยเองก็คิดแบบนั้น ดังนั้นเขาจึงตั้งสมาธิเตรียมพร้อมรับมือกับอีกฝ่าย...แต่ ใครจะรู้ว่า เมื่อเขาพุ่งไปได้ไม่กี่ก้าว จะมีสัตว์อสูรธาตุไฟสามสี่ตัวคำรามทะยานออกมาจากร่างของบาร์เซิล และทางที่เหล่าสัตว์อสูรมุ่งไป ไม่ใช่ซุนเฟย...
แต่เป็...องค์หญิงนาตาชาแห่งราชอาณาจักรเซนิท!
“ฮ่าๆ อเล็กซานเดอร์ หากข้าสังหารผู้หญิงคนนี้เสีย ดูสิว่าเ้าจะมีคำอธิบายอะไรไปกล่าวกับราชอาณาจักรเซนิท...ให้เ้ากับเมืองแซมบอร์ดต้องตกตายไปเสีย!”
บาร์เซิลหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เขากล้าลงมือกับองค์หญิงแห่งราชอาณาจักร?
ทุกคนต่างได้แต่ยืนอึ้ง
นี่เป็พลังโจมตีของนักเวทสี่ดาวที่เผาผลาญพลังเวทตัวเองทั้งหมดในการโจมตีครั้งเดียว แน่นอนว่านี่ไม่ใช่พลังที่นักรบหญิงซูซานผู้มีพลังสามดาวระยะต้นที่อยู่ด้านหน้าขององค์หญิงนาตาชาจะสามารถต้านทานได้ สัตว์อสูรธาตุไฟทั้งห้าตัวต่างพุ่งมาทางองค์หญิงพร้อมเปลวไฟที่รุนแรง พวกมันต่างกลืนกินเปลวไฟสีฟ้าที่นักรบหญิงซูซานปล่อยออกมาโจมตีพวกมันอย่างง่ายดาย
ในใจของซุนเฟยพลันตื่นใ
จิตใต้สำนึกสั่งให้เขาใช้ทักษะ 'ะโ' พุ่งทางองค์หญิง...ซุนเฟยจำเป็ต้องช่วยนางไว้ ไม่อย่างนั้นถ้าองค์หญิงสิ้นพระชนม์บนยอดเขาเมืองแซมบอร์ดจริงๆ ภายใต้ความโกรธเกรี้ยวของราชอาณาจักเซนิท เมืองแซมบอร์ดคงจะจบสิ้นเป็แน่
ในขณะเดียวกันบาร์เซิลก็ร่ายเวทมนต์อีกครั้ง
ปรากฏปีกเพลิงงอกออกมาจากด้านหลังเขา ร่างของเขาบินออกไปจากแท่นบูชาอย่างรวดเร็วดุจดาวตก เขาบินผ่านหัวของเหล่าคณะทูตทุกอาณาจักร เขาบินไปทางหน้าผาที่มีโซ่ตรึงแนวตั้ง แม้ว่าเขาจะถูกโอเลเกร์แทงเข้าที่ไหล่จนได้รับาเ็สาหัส และการใช้เวทมนตร์ร่ายคาถาระดับสูงติดต่อกันถึงสองครั้งก็ทำให้เขาแทบจะสูญเสียพลังเวทไปเกือบหมด แต่เขาจะอาศัยโซ่ตรึงแนวตั้งตรงหน้าผาช่วยพยุงตัวเอง พลังของเขาในตอนนี้สามารถพาตัวเองหนีรอดออกไปจากยอดเขาตะวันออกได้ ไว้รอมีโอกาสครั้งต่อไปเขาจะกลับมาก่อกวนซุนเฟยอีกครั้ง
เมื่อเห็นหน้าผาอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าของบาร์เซิลเผยรอยยิ้มออกมา
“อเล็กซานเดอร์ เ้ารอก่อนเถอะ ข้าจะกลับมาอีก จะทำให้เ้าไม่อาจนอนหลับได้อย่างสงบสุข ฮ่าๆๆๆ!”
เขาะโลงพื้น ก่อนจะะโลงหน้าผา
แต่
“ไอ้หนอนแมลงชั้นต่ำ เ้ากล้าลงมือกับองค์หญิง!”
ใน่เวลาสำคัญ ก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีเปลวไฟสีม่วงพลันปรากฏออกมาข้างกายองค์หญิง แล้วมีร่างเงาเพรียวบางปรากฏออกมาจากเปลวไฟสีม่วง ใบหน้าสวยหวานไม่มีท่าทีใ เพียงมือเรียวตวัดกลางอากาศเบาๆ สัตว์อสูรเพลิงที่กำลังพุ่งเขามาก็พลันสลายหายไปกลางอากาศ
ไม่น่าเชื่อ!
พลังโจมตีของนักเวทสี่ดาว ถูกกำจัดทิ้งไปอย่างง่ายได้
วินาทีต่อมา
เงาร่างสีม่วงก็กะพริบ ก่อนจะปรากฏร่างขึ้นเหนือหัวของบาร์เซิลที่กำลังหลบหนีออกไปได้หลายร้อยเมตร และกำลังจะะโลงจากหน้าผา...
“กล้าลงมือกับองค์หญิง อย่าหวังว่าจะรอด!”
ในมือของสาวน้อยชุดม่วงดึงดาบสั้นออกมาก่อนจะจ้วงแทงลงไป บาร์เซิลร้องโหยหวน เืไหลทะลักออกมาจากด้านหลังราวกับน้ำพุ เห็นได้ชัดว่าาแที่ได้รับมันร้ายแรงมาก...
ยังไม่จบ
ตอนนี้เองก็มีลูกธนูสีฟ้าเปล่งประกายขึ้น พุ่งเข้ามาจากด้านหลัง ทะลุร่างด้านหลังของบาร์เซิลอย่างแม่นยำ เพียงชั่วพริบตาก็มีไอเย็นปกคลุมร่างของบาร์เซิล ท่ามกลางเสียงร้องโหยหวน ร่างของบาร์เซิลก็ค่อยๆ ตกลงไปตามแนวหน้าผา ไม่ช้าก็หายลับไปในม่านเมฆ!
ธนูดอกนี้ เป็ซุนเฟยที่เปลี่ยนเป็ 'โหมดนักรบอเมซอน' ยิงออกมาจากที่ไกลๆ ด้วยธนูเวทมนตร์น้ำแข็ง นับว่าเป็การตายที่น่าประทับใจมาก
หน้าผาสูงขนาดนี้ อีกทั้งยังได้รับาเ็สาหัสมาก บาร์เซิลไม่รอดอย่างแน่นอน
ซุนเฟยถอนหายใจออกมาเบาๆ
เื่ทุกอย่างราวกับจะผ่านไปด้วยดี
แต่วินาทีต่อมา ทันใดนั้นในใจของเขาก็พลันมีสัญญาณเตือนขึ้นมา จากนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่น่าเชื่อขึ้น
หนึ่งคมดาบสะดุดตา กำลังลอยเข้ามาจะเจาะเข้าที่หัวขององค์หญิงนาตาชา
สองคมมีดที่เย็นะเืที่ไม่อาจต้านทานได้กำลังบุกเข้ามาจู่โจมตรง่เอวทั้งซ้ายขวาขององค์หญิงนาตาชาอย่างรวดเร็ว
ลูกธนูขนนกสีขาวที่มีหัวลูกศรสทองแหลมคมสามดอก ยิงมาจากฝูงชนพุ่งขึ้นไป้าแท่นบูชาอย่างเงียบๆ ธนูทั้งสามดอกต่างเล็งไปที่ หัว ลำคอ หัวใจขององค์หญิงนาตาชา
กรงเล็บเหล็กสีขาวคู่หนึ่งปรากฏขึ้นมาจากด้านหลังขององค์หญิงนาตาชาอย่างไม่น่าเชื่อ พร้อมเสียงฝ่าอากาศแหลมคมดังขึ้น ประกายแสงแหลมคมเจือด้วยพิษร้ายจ้วงเข้ามาที่ด้านหลังองค์หญิงอย่างรุนแรง
ทันใดนั้นเอง เปลวไฟคลื่นพลังสีส้มก็กะพริบขึ้นมาท่ามกลางพื้นแท่นบูชาใต้เท้าขององค์หญิง ก่อนจะมีเงาร่างครึ่งท่อนบนผุดออกมา สองมือกำกระบี่ทหารม้าที่คมกริบแน่น ก่อนจะฟันไปที่เรียวขาทั้งสองข้างองค์หญิงอย่างเหี้ยมโหด
การโจมตีทุกสารทิศในเวลาเดียวกัน พุ่งเป้าจู่โจมมาที่ร่างอันแสนเปราะบางขององค์หญิง
ไม่ว่าจะเป็การโจมตีใด มันก็เพียงพอที่จะคร่าชีวิตขององค์หญิงที่ไม่มีศิลปะการต่อสู้คนนี้ได้อย่างง่ายดาย
เห็นได้ชัดว่า นี่เป็การลอบสังหารที่วางแผนไว้อย่างดี
มันคือกับดักแห่งความตาย!
---------------------
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้