บทที่ 68 กลุ่มัเหล็ก
หลังจากเดินไปหลายร้อยหมี่ ฉู่อวิ๋นจึงปล่อยให้มู่หรงซินออกจากอ้อมกอด
“เ้าฉู่อวิ๋นคนลามก เอาเปรียบข้าอีกแล้ว!” ใบหน้างดงามของมู่หรงซินเปลี่ยนเป็สีแดง หัวใจของนางเต้นระรัว เมื่อครู่นางถูกฉู่อวิ๋นกอดแน่นมาตลอดทาง จึงรู้สึกเขินอายอย่างยิ่ง
“เปล่า...” ฉู่อวิ๋นส่ายหน้าและอธิบาย “นี่คือสถานที่ของคนแข็งแกร่ง ความแข็งแกร่งจะพิสูจน์ตัวเอง หากเมื่อครู่เราไม่ทำตัวแข็งแกร่ง คงถูกรังแกไปตลอดทาง”
“ส่วนที่ข้ากอด... อะแฮ่ม ที่ข้าโอบเ้าไว้ เพราะข้าอยากจะบอกพวกนักรบรับจ้างที่มองเ้าอยู่ว่าเ้ามู่หรงซินเป็ของข้า และพอพวกเขาเห็นความแข็งแกร่งของข้าก็จะไม่เข้ามายุ่งกับเ้าอีก”
เมื่อได้ยินคำอธิบายของฉู่อวิ๋น ใบหน้าของมู่หรงซินก็แดงขึ้นกว่าเดิม นางแลบลิ้นออกมาและพูด “ข้าไม่ใช่ของเ้าสักหน่อย! คนลามกก็คือคนลามก หยาบคายไร้มารยาทที่สุด ฮึ่ม~”
พูดจบ มู่หรงซินก็หันกลับไป ปล่อยให้ฉู่อวิ๋นยกยิ้มอย่างไม่ถือสา จากนั้นทั้งคู่ก็เดินไปข้างหน้าต่อ
ไม่นาน มู่หรงซินก็แสดงท่าทีเป็กังวลอีกครั้ง พูดกับฉู่อวิ๋น "ตอนนี้มาคิดดูแล้ว พวกอันธพาลที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มหมาป่าน่าจะมีภูมิหลังไม่ธรรมดา เมื่อครู่เ้าลงมือหนักเสียขนาดนั้น พวกเขาจะมาแก้แค้นหรือไม่?”
“วางใจเถอะ ต่อให้พวกเขาอยากจะแก้แค้น นักรบขั้นมหาสมุทรที่อยู่เื้ัพวกเขาคงไม่ทำเื่ส่งเดช ท้ายที่สุดแล้วที่มาของเราก็ไม่ชัดเจน รู้เพียงแค่พวกเรามีพลังมากั้แ่อายุยังน้อย”
“ถ้าผู้นำของพวกเขาไม่โง่ เขาก็คงจะตรวจสอบเื่ของเราก่อนลงมือแน่”
ฉู่อวิ๋นอธิบายอย่างสงบและผ่อนคลายพลางเดินไปข้างหน้าโดยไม่คิดกลัวสิ่งใด
ในขณะเดียวกัน เขามองดูนักรบที่อยู่รอบตัวอย่างเฉยเมย เห็นได้ทันทีที่พวกเขาสบตาที่เ็าของฉู่อวิ๋น ต่างก็ก้มหน้าลงและจากไปด้วยสีหน้าตื่นตระหนก บางคนถึงกับตัวสั่นล้มลงกับพื้น
“เห็นหรือยัง? คนพวกนี้เป็สายลับของกลุ่มหมาป่าที่ตามพวกเรามา” ฉู่อวิ๋นจ้องมองไปยังคนที่ล้มลง ทำให้พวกเขาวิ่งหนี เอามือกุมหน้ากุมหัวไปพร้อมกับความหวาดกลัว
“จริงด้วย! นี่ เ้าก็เหมือนกับข้า อาศัยอยู่ในเมืองไป๋หยางมาั้แ่เด็ก แล้วเ้ารู้เื่อะไรมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร?” มู่หรงซินมองฉู่อวิ๋นอย่างสงสัย
“ท่านพ่อบอกข้าน่ะ ข้าได้ยินมาว่าเขาเคยเป็นักรบรับจ้างที่เก่งมาก” ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง เขาพูดเสียงกระซิบ
“ถ้าอย่างนั้นเราควรทำอย่างไรดี? หากมีใครรู้ตัวตนของเรา บางทีข่าวอาจไปถึงท่านพ่อของข้า แล้วเขาอาจส่งคนมาจับเราที่นี่” มู่หรงซินรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาและกระทืบเท้าอย่างกังวล ไม่คิดว่าความงามของนางจะเป็บ่อเกิดปัญหาเช่นนี้
“ดังนั้น เราจึงต้องไปที่ลานจัตุรัสให้เร็วที่สุด มองหากลุ่มนักรบรับจ้างที่แข็งแกร่งฝีมือดีแล้วเข้าร่วมเสีย” ฉู่อวิ๋นพูด
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หรงซินก็พยักหน้าแล้วเดินตามฉู่อวิ๋นต่อ
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็มาถึงจัตุรัสที่ว่างเปล่าซึ่งเป็ศูนย์กลางของหมู่บ้านหงอู้ ถนนทุกสายเชื่อมต่อกันทุกทิศทาง มองเห็นได้กว้างขวาง หากเปรียบเทียบกับถนนแคบๆ และทรุดโทรมเมื่อก่อนนี้ ดูมีชีวิตชีวากว่ามาก
ลานจัตุรัสนี้เป็ที่นิยมมาก มีเหล่านักรบต่างะโเสียงดัง ทั้งขายยาอายุวัฒนะ อาวุธ และวัตถุดิบยา นอกจากนี้ยังมีผู้คนกำลังประลองฝีมือกันอยู่ เสียงกวัดแกว่งกระบี่ส่งเสียงดังกึกก้อง
แต่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของลาน กลับมีนักรบรับจ้างเพียงไม่กี่คนจากกลุ่มต่างๆ นั่งอยู่ที่นั่นอย่างสงบเงียบ บ้างเหม่อลอยไร้สติ บ้างก็เข้าสู่นิทราไปแล้ว
“ที่นี่ล่ะ” ฉู่อวิ๋นที่มองเห็นว่านักรบรับจ้างอยู่ที่ไหน จึงเดินไปพร้อมกับมู่หรงซิน
ทันทีที่เขาเดินเข้าไป ดวงตาที่เฉียบคมจำนวนนับไม่ถ้วนก็จ้องมองมาที่เขา แรงกดดันที่ส่งมาราวกับเสือที่้าสังหารคน น่าสะพรึงกลัวมาก ฉู่อวิ๋นก้มหน้าลงเล็กน้อย
แต่เขาคุ้นเคยกับบรรยากาศที่รุนแรงและเยียบเย็นนี้ดี จึงดึงมู่หรงซินเข้ามาใกล้อย่างเงียบๆ และเดินไปข้างหน้าต่อ
“โอ้ ช่างเป็หนุ่มน้อยที่ไม่แย่จริงๆ! คราวที่แล้ว มีคนโง่คนหนึ่ง สบตาข้าแค่ครั้งเดียวก็กลัวจนแข้งขาอ่อนไม่กล้าเข้ามาแล้ว ฮ่าๆ” นักรบรับจ้างหนุ่มคนหนึ่งกัดผลผิงกั่ว[1]แล้วพูดติดตลกด้วยสายตาชื่นชม
เมื่อได้ยิน นักรบรับจ้างคนอื่นๆ ก็หัวเราะเสียเต็มที่ เหลือบมองไปที่ฉู่อวิ๋นที่จู่ๆ ก็โผล่มาที่นี่ด้วยความสนใจใคร่รู้
ในหมู่พวกเขา มีหลายคนจ้องมองมู่หรงซินด้วยดวงตาลุกโชน
“นี่ เ้าหนู มาที่นี่มีกงการอันใด?” นักรบที่กำลังกัดผลผิงกั่วชื่อเฟิงเยี่ยน เขาลุกขึ้นยืน ถามฉู่อวิ๋นด้วยรอยยิ้ม
“ข้ากับเพื่อน้าเข้าร่วมกลุ่มนักรบรับจ้างชั่วคราว เพื่อพาตัวเองให้รอดจากป่าสีเื” ฉู่อวิ๋นตอบด้วยท่าทีที่ทั้งไม่ถ่อมตัวไม่หยิ่งผยอง ในขณะเดียวกันก็บังมู่หรงซินที่อยู่ข้างหลังไว้อย่างแเี
ฉู่อวิ๋นไม่รู้นิสัยใจคอของนักรบรับจ้างกลุ่มนี้จึงต้องระวังตัวไว้ก่อน หากอีกฝ่ายคิดไม่ดีต่อมู่หรงซิน เขาก็สามารถหยุดพวกเขาได้ทันท่วงที
เดินทางท่องใต้หล้า พึงระวังยุทธภพ
“หืม? ถ้าเช่นนั้นเ้ากับน้องสาวคนงามคนนี้อยากเข้าร่วมกลุ่มนักรบรับจ้างกลุ่มไหนเล่า? ที่นี่มีนักรบรับจ้างหลายกลุ่ม แม้ว่าพวกเขาจะยอมรับนักรบเพิ่ม แต่ย่อมไม่ยอมรับนักรบที่อ่อนแอแน่นอน” เฟิงเยี่ยนหัวเราะเบาๆ และพูดอย่างไม่แยแสนัก
“เข้าร่วมกลุ่มไหน?” ฉู่อวิ๋นนิ่งไปครู่หนึ่ง จากนั้นมองไปรอบๆ สังเกตนักรบรับจ้างกลุ่มต่างๆ ก่อนจะเห็นว่าลวดลายบนเสื้อผ้าของพวกเขาแตกต่างกันไป เห็นได้ชัดว่าเป็สัญลักษณ์กลุ่มของพวกเขา
จากนั้น ฉู่อวิ๋นก็เบนสายตากลับมามองที่ลวดลายบนแขนเสื้อของเฟิงเยี่ยน นั่นคือัดำที่ยืนอยู่บนพื้น ร่างกายห่อหุ้มด้วยเกราะเหล็ก ดูสง่างามและทรงพลัง
“ข้าเลือกกลุ่มของเ้า” ฉู่อวิ๋นชี้ไปที่เฟิงเยี่ยน เขารู้สึกว่าแม้ชายคนนี้จะมีท่าทางเหลาะแหละ แต่สายตาที่มองไปที่มู่หรงซินไร้ซึ่งเจตนาชั่วร้าย คงจะเป็คนที่เชื่อถือได้
ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดของฉู่อวิ๋น นักรบคนอื่นๆ ก็หัวเราะออกมา เสียงหัวร่อดังสนั่นลั่นลานจัตุรัส
“เ้าโง่คนนี้เลือกกลุ่มที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ประมาณตนจริงๆ!”
“กลุ่มัเหล็กมีชื่อเสียงด้านการสนับสนุนผู้แข็งแกร่ง ถ้าเ้าเด็กนี่อยากเข้าร่วม เกรงว่าต้องเสียสละคนงามที่อยู่ข้างๆ เพื่อความหวังอันน้อยนิดนั่นแล้ว ฮ่าๆ!”
นักรบรับจ้างหัวเราะเยาะเขาไม่หยุด พวกเขารู้สึกว่าฉู่อวิ๋นอ่อนแอเกินไป ไม่เช่นนั้นคงไม่ต้องมาขอความคุ้มครองจากกลุ่มนักรบรับจ้าง คงเพราะทำเื่ผิดมาแล้ว้าหลบหนีกระมัง
เฟิงเยี่ยนมองดูฉู่อวิ๋น เลิกคิ้วดูเงียบๆ จากนั้นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นบนริมฝีปากของเขา พูดว่า "กลุ่มัเหล็กของเราข้ามผ่านป่าสีเืมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน มีเ้าเพิ่มก็ไม่มาก ขาดเ้าไปก็ไม่น้อย พวกเ้าทั้งสองจะเข้าร่วม ก็ได้อยู่...”
“แต่ว่านะเ้าหนู อยากเข้าร่วมก็ต้องมีเงื่อนไขหน่อยนะ”
“เงื่อนไขอะไร?” ฉู่อวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อยและขยับมาปกป้องมู่หรงซินโดยไม่รู้ตัว ทำให้หัวใจของนางเต้นแรงขึ้น
“วางใจเถอะ กลุ่มัเหล็กของเราสูงส่ง ไม่คิดใช้ประโยชน์จากคนงามหรอก” เฟิงเยี่ยนเห็นท่าทางที่ตื่นตัวของฉู่อวิ๋นก็ยิ้มพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ความแข็งแกร่งคือสิ่งที่เราไล่ตาม ขอแค่เ้าเอาชนะสมาชิกในกลุ่มของเราได้ เ้าก็สามารถเข้าร่วมกับเราโดยไม่มีข้อแม้ใดเพิ่มอีก!”
เมื่อได้ยิน ฉู่อวิ๋นก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก ดวงตาของเขาจ้องเขม็งแล้วพูดว่า “ได้ เป็อันตกลง!”
“นี่นี่นี่! อย่าไปตกลงสุ่มสี่สุ่มห้าสิ ถ้าพวกเขาส่งนักรบขั้นมหาสมุทรมาสู้กับเ้า เ้าได้ตายแน่ๆ เชียว!” มู่หรงซินเลิกตาจ้องมองเฟิงเยี่ยนและดึงแขนของฉู่อวิ๋นลงมากระซิบ
“น้องสาว กลุ่มัเหล็กของเราจะไร้ยางอายขนาดนั้นได้อย่างไร? คู่ต่อสู้ของเขาคือผู้นี้!” เฟิงเยี่ยนกล่าวด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ปรบมือเป็สัญญาณให้ชายผู้แข็งแกร่งที่สูงราวสองหมี่ห้าเดินออกมา
“ว้าว! เสี่ยวเฟิง เ้าถึงกับให้เ้าั์สู้กับเ้าเด็กอ่อนนี่เลยหรือ?”
“สือเหล่ยคนนี้เคยฉีกทึ้งสัตว์ปีศาจระดับแปดทั้งเป็ด้วยมือเปล่ามาแล้ว เ้าไร้มนุษยธรรมเกินไปกระมัง!”
เมื่อเห็นดังนั้น นักรบรับจ้างบางคนที่อยู่ข้างๆ พวกเขาก็ตกตะลึง ั์ตาปรากฏร่องรอยของความหวาดกลัว
ทว่าเฟิงเยี่ยนก็ยังคงมีสีหน้าไม่แยแสและพูดกับฉู่อวิ๋นว่า "เ้าหนู เ้าั์นี่ชื่อสือเหล่ยเป็คนที่ดุร้ายที่สุดในบรรดานักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณในกลุ่มนักรบรับจ้างของเรา ขอแค่เ้าชนะเขาได้ ก็จะได้เข้าร่วมกลุ่มของเราทันที”
ทันทีที่เขาพูดจบ เฟิงเยี่ยนก็หัวเราะเบาๆ หมุนตัวไปรอบๆ และะโกลับไปที่นั่ง มอบสนามต่อสู้ให้สือเหล่ย
ฉู่อวิ๋นก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว พบว่าแขนข้างหนึ่งของสือเหล่ยใหญ่กว่าเขาทั้งตัว แค่มองดูก็รู้ว่าน่ากลัวมาก
“เ้าเด็กยังไม่หย่านมเอ๋ย แขนของเ้าใหญ่พอเทียบกับข้าได้หรือไม่?” สือเหล่ยพูดพร้อมยกแขนขึ้น กล้ามเนื้อของเขาเต่งตึง เส้นเืปูดปูนนูนเด่น เบ่งอยู่ตรงหน้าฉู่อวิ๋น มองดูน่ากลัว
“หืม? ดูเหมือนเขาจะแข็งแกร่งมาก” ดวงตาของฉู่อวิ๋นจริงจัง ไม่กล้าประมาท
ถัดจากเขา มู่หรงซินก็ปิดปากด้วยความกลัวเล็กน้อย แม้ว่าชายร่างใหญ่คนนี้จะเป็เพียงนักรบขอบเขตควบแน่นพลังปราณ แต่เมื่อดูขนาดกล้ามเนื้อของเขา เห็นได้ชัดว่าพละกำลังไม่น้อยเลย
“หืม? ด้านนั้นมีการแสดงดีๆ ให้ดูหรือ?”
“พวกเ้ารีบไปดูเร็ว สือเหล่ยจากกลุ่มัเหล็กกำลังจะสั่งสอนบทเรียนให้คนดูอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเด็กคนนั้นคงจะไม่รอดแน่!”
ทุกคนในลานจัตุรัสถูกดึงดูดความสนใจ พวกเขาต่างรีบมาที่ทิศตะวันออกเฉียงใต้และเริ่มพูดคุยกัน
ในหมู่บ้านหงอู้มีนักรบมากมายนับไม่ถ้วน ทุกคนคุ้นเคยกับการประลองยุทธ์ แต่ทว่าคราวนี้กลับกลายเป็การต่อสู้กันระหว่างหนุ่มน้อยกับชายร่างใหญ่ ทำให้ทุกคนรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“เด็กน้อย ถูกข้าตีเข้าก็อย่าร้องไห้เสียเล่า! เสียกระดูกไปไม่กี่ชิ้นหรอก! ดูกระบวนท่า!”
ทันใดนั้น สือเหล่ยก็เริ่มนำการต่อสู้ ทุกย่างก้าวทำลายพื้นดิน ราวกับวัวกระทิงที่พุ่งขึ้นไปบนูเาด้วยแรงกดดันอันไม่มีที่สิ้นสุด
“ตึง!”
สือเหล่ยเหวี่ยงหมัดอย่างแรงใส่ฉู่อวิ๋นในทันที ทั้งทรงพลังและรวดเร็ว ไม่น่าเชื่อว่าชายร่างใหญ่ที่แข็งแกร่งพอๆ กับวัวคนนี้ จะคล่องแคล่วได้ขนาดนี้
ชั่วครู่ต่อมา ทันทีที่ออกหมัด ฝุ่นควันก็ลอยฟุ้งขึ้นสู่ท้องฟ้า ทำให้ทุกคนต้องปิดจมูกและอุทานด้วยความประหลาดใจ
“แค่ก ให้ตายเถอะ! เ้าเด็กนั่นแพ้แล้วหรือ?”
“ดูท่าแล้วคงจะเพิ่งออกมาเจอโลกภายนอก ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ”
“หืม? แค่นี้ก็จบแล้วเหรอ?” เฟิงเยี่ยนยืนพิงกำแพง เหลือบมองลานต่อสู้อย่างสบายๆ และกัดผิงกั่วอีกหนึ่งคำ “ดูเหมือนข้าจะมองผิดไป ที่แท้ก็แค่เด็กอ่อนปวกเปียกคนหนึ่ง”
แต่สื่อเหล่ยแตกต่างจากคนอื่นๆ สีหน้าในตอนนี้เปลี่ยนไป เขาะโ “ให้ตายเถอะ! ตีไม่โดนเลย! เ้าลิงนั่นหายไปไหนแล้ว?”
ยามนี้ เมื่อฝุ่นควันกระจายหายไป ทุกคนก็เห็นร่างเพรียวเล็กะโขึ้นไปในอากาศ ท่าทางของเขาแ่เบาและสง่างาม นั่นก็คือฉู่อวิ๋น
“ที่แท้ก็แค่ภาพลวงตา พลังนี้เทียบกับข้าแล้วยังห่างไกลนัก!” ฉู่อวิ๋นดูผ่อนคลาย จากนั้นเขาก็ร่อนตัวลงมาจากท้องฟ้า ะโขึ้นไปบนหัวของสือเหล่ย ทำให้เขาะโว่า “น่าตายนัก! ออกไปนะ เ้าลิงจ๋อ!"
“จบกันแค่นี้เถอะ”
ฉู่อวิ๋นปรับลมหายใจด้วยพลังปราณ และปล่อยหมัดตรงไปที่คอของสือเหล่ยโดยตรง จนเกิดเสียงดังน่ากลัว
“เอื๊อก!” สือเหล่ยรับรู้ได้ว่าดวงตาของเขามืดมนลง ฝีเท้าแ่เบาคล้ายล่องลอย จากนั้นก็ล้มลงกับพื้นด้วยเสียงดังตึง
“สู้มาตั้งนาน ที่แท้ก็แค่ระดับแปดของขอบเขตควบแน่นพลังปราณ ทำข้าใไม่น้อยเลย” ฉู่อวิ๋นร่อนลงพื้นเบาๆ เหยียดมือออกมาเช็ดเหงื่อและพึมพำ
ในขณะเดียวกัน เขามองไปรอบๆ และเห็นว่าทุกคนต่างกำลังตกตะลึง บางคนอ้าปากจนกรามค้าง ลานจัตุรัสในยามนี้เงียบสงบ
“ทำไมคนพวกนี้ดูโง่จัง? มีปัญหาแล้วจริงๆ ซินเอ๋อร์ มากับข้า เราไปหานักรบผิงกั่วคนนั้นกัน” ฉู่อวิ๋นดึงมู่หรงซินซึ่งมีสีหน้าใเช่นกันมาข้างตัว และเดินจากไปอย่างสง่างาม
----------
[1] แอปเปิ้ล
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้