เหยียนซิงป้าและคนอื่นๆ บนพื้นต่างหวาดกลัวแทบสิ้นสติ นั่นคือผู้ไร้เทียมทานแห่งสำนักชื่อหยวนปัง แต่ต้องคุกเข่าแทบเท้าเยี่ยหลิงหลานด้วยความอับอายต่อหน้าทุกคนในใต้หล้าเช่นเดียวกับพวกตน นี่เป็การตบหน้าอย่างชัดเจน!
สำนักชื่อหยวนปัง เป็สำนักที่ดีที่สุดในใต้หล้า แล้วสำนักที่ดำรงอยู่อย่างน่าพรั่นพรึงเช่นนี้ ยังจะมีผู้ใดกล้ายั่วยุอีกเล่า?
แต่ยามนี้เยี่ยหลิงหลานกลับตบหน้าพวกตนอย่างไร้ความปรานี ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนกลัวแทบตาย และทำให้สำนักชื่อหยวนปังเสียหน้า
“เยี่ยซิงหาน อย่าให้มันมากไปนัก!”
เสียงโกรธขึ้งดังมาจากปลายขอบฟ้า เป็ไปไม่ได้ที่สำนักชื่อหยวนปังจะแสร้งทำเป็ไม่รู้เกี่ยวกับการเคลื่อนไหวครั้งใหญ่เช่นนี้
ผู้ไร้เทียมทานคุกเข่าลงอย่างน่าอดสู เื่นี้เกี่ยวพันถึงเกียรติยศของสำนักชื่อหยวนปัง แน่นอนว่าจะต้องมีคนออกมาแก้ไขปัญหานี้
กระแสน้ำวนสีดำสั่นไหวอยู่กลางอากาศ ราวดอกกุหลาบกำลังแบ่งบาน จากนั้นก็พุ่งเข้าปกคลุมร่างเยี่ยหลิงหลานและหนิงเทียน
“ข้าให้โอกาสเขาถึงสองครั้ง ดังนั้น นี่เป็ความผิดของเขาเอง!”
เสียงเยี่ยหลิงหลานแพร่กระจายไปทั่ว กะโหลกศีรษะของผู้ไร้เทียมทานแตกร้าว แก่นแท้โลหิตเปล่งประกายด้วยแสงหลากสี แล้วลอยไปทางเยี่ยหลิงหลาน
“ศิษย์ข้า การใช้แก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานปรับแต่งกล้ามเนื้อและกระดูกให้ผลดีมาก แม้เขาจะแก่และทรุดโทรม ทั้งยังใช้แก่นแท้โลหิตจนแทบไม่เหลือแล้ว แต่ก็ยังค่อนข้างมีประโยชน์สำหรับระดับของเ้า”
“จริงหรือ? เช่นนั้นข้าจะลองดู”
ดวงตาของหนิงเทียนลุกเป็ไฟ การได้ใช้แก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานเพื่อปรับแต่งกล้ามเนื้อและกระดูกเช่นนี้ นับเป็ความหรูหราขั้นสุดยอดอย่างแน่นอน
กายาสุวรรณะนิรันดร์เคลื่อนไหว กระดูกของหนิงเทียนเริ่มปะทุ เส้นสีทองปรากฏทีละเส้น พร้อมปลดปล่อยพลังศักดิ์สิทธิ์มหาศาล
ดวงตาของเยี่ยหลิงหลานสว่างราวคบเพลิง นางเอ่ยชมเชย “ไม่เลวเลย รากฐานแข็งแกร่ง เส้นลมปราณที่สองก็โดดเด่นยิ่งนัก”
แก่นแท้โลหิตหลากสีห่อหุ้มร่างของหนิงเทียน ทำให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาส่งเสียงกึกก้องทะลุชั้นนภา กล้ามเนื้อและกระดูกคำรามลั่นทั่วทั้งร่าง กระดูกแต่ละชิ้นแตกเป็เสี่ยง พวกมันดูดซับแก่นแท้โลหิตอย่างบ้าคลั่งจนเกิดการผลัดกระดูกราวกับเกิดใหม่
ไม่มีผู้ใดมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในกระแสน้ำวนสีดำ แต่หลังจากได้ยินสิ่งที่เยี่ยหลิงหลานพูด พวกเขาก็ตกตะลึง
การใช้แก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและกระดูกให้ลูกศิษย์นั้นสูงส่งเกินไป
“เยี่ยซิงหาน เ้าทำเกินไปแล้ว!”
คนใหญ่คนโตแห่งสำนักชื่อหยวนปังคำรามด้วยความโกรธ เยี่ยหลิงหลานจงใจทำให้สำนักชื่อหยวนปังอับอายต่อหน้าทุกคนบนแผ่นดิน
“แก่นแท้โลหิตทำให้เกิดการผลัดเปลี่ยนกล้ามเนื้อและกระดูก ศิษย์ของนางจะทนได้หรือ?”
“ในขอบเขตจิตหยั่งลึก ความตายเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ภายใต้ขอบเขตเปลี่ยนผ่านยังไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานพลังอันน่าสะพรึงกลัวของแก่นแท้โลหิตได้เลย”
“เยี่ยซิงหานย่อมขัดเกลาิญญาชั่วร้ายในแก่นแท้โลหิตออกก่อนแล้ว เหตุใดเ้าต้องกังวลให้มากความด้วย?”
เหล่าคนใหญ่คนโตสนทนากัน ทั้งยังประเมินหนิงเทียนต่ำเกินไป
เยี่ยหลิงหลานไม่ได้ปรับแต่งพลังศักดิ์สิทธิ์ที่น่าสะพรึงกลัวในแก่นแท้โลหิตเลยสักนิด แต่นางให้ความสนใจอย่างใกล้ชิดกับปฏิกิริยาของหนิงเทียน
หลังจากแยกกันนานกว่าหนึ่งเดือน เยี่ยหลิงหลานก็ค้นพบว่าหนิงเทียนเปลี่ยนไปมาก แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่สองนั้นน่ากลัว และมีพลังศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถทำให้โลกแตกสลายได้
แก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานนั้นมีพลังล้นหลามอย่างยิ่ง หากััด้วยขอบเขตเปลี่ยนผ่านจะต้องตายอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม กายาสุวรรณะนิรันดร์ของหนิงเทียนก็ไม่ธรรมดา พลังทางกายภาพของเขานั้นทรงพลังยิ่งนัก ทั้งยังอยู่ในระดับสามอีกด้วย ดังนั้น เขาจึงไม่ถูกแก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานสังหารั้แ่แรก
แม้หนิงเทียนต้องเผชิญกับภัยคุกคามครั้งใหญ่ แต่เส้นลมปราณหลักทั้งสองยังคงสั่นะเืในเวลาเดียวกัน บงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวเชื่อมโยงกันก่อนจะปรากฏออกมา กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตก็เริงร่าขึ้นทันที ก่อนจะนำทางสู่การดูดซึมแล้วเริ่มขัดเกลา
นอกจากนี้ ทหาริญญาของเขาก็ช่วยดูดซับพลังบางส่วนอีกด้วย หนิงเทียนจึงสามารถต้านทานการกัดกร่อนของแก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานได้อย่างแท้จริง
ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์นั้นพิเศษและมีมนต์ขลัง ทั้งยังสามารถตั้งยุทธศาสตร์ออกล่าได้ทุกสิ่ง แม้แก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทานจะมีความลับสูงสุด ทว่ามันก็จะค่อยๆ สลายตัวต่อหน้ายุทธศาสตร์ครอง์
กายาสุวรรณะนิรันดร์ดูดซับแก่นแท้โลหิตอย่างบ้าคลั่ง ขอบเขตของมันทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง กล้ามเนื้อและกระดูกทั่วร่างแตกสลายแล้วถือกำเนิดใหม่ เืลมและอวัยวะแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่เส้นลมปราณกำลังอยู่ระหว่างกระบวนการเกิดใหม่
ดวงตาของเยี่ยหลิงหลานเต็มไปด้วยความสดใส นางพอใจมาก รากฐานของหนิงเทียนนั้นน่ากลัวยิ่งกว่าที่นางคาดไว้
ผู้ไร้เทียมทานชราภาพแห่งสำนักชื่อหยวนปังปล่อยเสียงคำรามอย่างโศกเศร้า ิญญา์แตกสลาย แก่นแท้โลหิตของเขาถูกเยี่ยหลิงหลานสกัดออกมา ซึ่งทำให้เสียชีวิตลงในที่สุด
เมื่อแก่นแท้โลหิตหมดลงเขาย่อมตกตาย ในใจจะไม่หวาดหวั่นได้อย่างไร?
เฮ่อเจิ้งหยาง เหยียนซิงป้า และคนอื่นๆ ล้วนมีเพียงความหวาดกลัว พวกเขาไม่อยากเชื่อว่ายังมีคนในโลกนี้ที่กล้ายั่วยุและเพิกเฉยต่อศัตรูที่ทรงพลังเช่นสำนักชื่อหยวนปัง
“หยุด!” ร่างั์ที่ส่องประกายแสงทองปรากฏขึ้นเหนือเมฆา จ้องมองไปยังกระแสน้ำวนสีดำที่เยี่ยหลิงหลานอยู่แล้วส่งเสียงคำราม
“ผู้ใดดูิ่ ข้าจะสังหารให้สิ้น! และผู้ใดที่รังแกศิษย์ของข้า มันต้องถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี!” เสียงของเยี่ยหลิงหลานทั้งทรงพลังและเ็า รูปลักษณ์ั์ใหญ่ไม่ได้ทำให้นางไม่ยอมแพ้ แต่กลับดุร้ายยิ่งกว่าเก่า
“เ้าจะทำากับสำนักชื่อหยวนปังของข้าหรือ?”
ั์ใหญ่คำรามอย่างดุเดือด ท้องฟ้าพังทลายลง แผ่นดินแยกออก เมฆาปั่นป่วนพุ่งตรงมายังเมืองไป่หลิง
“สำนักชื่อหยวนปังรังแกผู้ด้อยกว่า เขาซึ่งอยู่ในขอบเขตเปลี่ยนผ่านขั้นแปดมารังแกศิษย์ของข้าถึงที่ เ้าว่าเื่นี้ควรอธิบายอย่างไร?”
ความมืดมิดคืบคลานเข้ามากลืนกินหมู่เมฆที่เคลื่อนคล้อย พร้อมบดบังความสว่างแห่งฟ้าดิน
เยี่ยหลิงหลานก้าวร้าวมาก ซึ่งเป็พฤติกรรมที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง สังหารเฮ่อเจิ้งหยางเพียงผู้เดียวก็จบแล้ว เหตุใดถึงต้องสร้างปัญหามากมาย?
“เ้า้าอะไร?”
“ข้าบอกแล้วว่าข้าจะสังหารผู้ดูิ่ให้สิ้น และผู้ใดก็ตามที่รังแกศิษย์ของข้าก็จะต้องถูกสังหารอย่างไร้ความปรานี หากสำนักชื่อหยวนปังมีข้อโต้แย้งใดก็สามารถสนทนากับข้าได้ แต่ข้านิยมใช้ฝีมือมากกว่าการใช้วาจา ดังนั้น เ้าควรคิดให้ดีก่อนเข้ามาว่าเ้าจะได้กลับไปแบบมีชีวิตหรือไม่!”
นี่คือการคุกคามอย่างชัดเจน ทั้งยังเป็การยั่วยุอีกด้วย
ั์แห่งสำนักชื่อหยวนปังโกรธมากจนเขาก่นด่า “สำนักที่ทรงพลังที่สุดในใต้หล้าจะทนต่อการยั่วยุเช่นนี้ได้อย่างไร? ในเมื่อเ้าหาเื่เราอย่างเปิดเผย เช่นนั้นสำนักชื่อหยวนปังของเราก็ไม่กลัวปัญหา ข้าจะแสดงให้เ้าเห็นว่าเ้ามีความสามารถน้อยนิดเพียงใด!”
ั์ใหญ่พุ่งตัวข้ามห้วงมิติเวลา มุ่งหน้าตรงมายังเมืองไป่หลิง
ฉากนี้ทำให้ทั้งใต้หล้าตกตะลึง ยอดฝีมือจากทั่วสารทิศต่างสนทนากันถึงเื่นี้
สำนักชื่อหยวนปังเปิดตัวผู้ไร้เทียมทานคนที่สองแล้ว นี่เป็การสู้จนตายกันไปข้างกับสำนักวั่นจื๋อหรือ?
ผู้บำเพ็ญสายรากพฤกษาค่อนข้างกังวล โดยเฉพาะสี่สำนักหลักในเมืองไป่หลิง พวกเขาไม่เคยคาดคิดว่าสิ่งต่างๆ จะกลายเป็เช่นนี้
“ยินดีต้อนรับสู่ความตาย!” เยี่ยหลิงหลานเยาะเย้ย
ความมืดรอบตัวแผ่ขยายออกไปอย่างรวดเร็ว ผู้ไร้เทียมทานล้มคุกเข่าลงต่อหน้านางพร้อมส่งเสียงกรีดร้องลั่น ศีรษะของเขาะเิ แก่นแท้โลหิตเหือดแห้ง ร่างกายเน่าเปื่อยภายในความมืดมิด ซึ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนท้องนภา ฝนโลหิตโปรยปรายและสายอัสนีทำทั้งโลกาะเืลั่น
“โอ้์! ผู้ไร้เทียมทานล้มลงแล้ว ฝนโลหิตะเืใต้หล้าอีกครา!”
“เยี่ยซิงหานสังหารผู้ไร้เทียมทานของสำนักชื่อหยวนปัง! นี่เป็การต่อสู้กับความเป็ความตายหรือไม่?”
“คาดว่าเื่นี้คงไม่จบลงง่ายๆ แล้ว”
การเสียชีวิตของผู้ไร้เทียมทานทำให้ผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนตกตะลึง ทุกคนคิดว่าเยี่ยซิงหานจะปล่อยผู้ไร้เทียมทานชราภาพของสำนักชื่อหยวนปังเป็อิสระหลังจากทำให้อับอาย ทว่านางกลับสังหารเขาต่อหน้าทุกคนจริงๆ
ั์ใหญ่คำรามด้วยความโกรธพร้อมทะยานขึ้นฟ้า “เ้าคนแซ่เยี่ย! เ้ารังแกกันเกินไปแล้ว ลงนรกเสียเถอะ!”
“แล้วยามที่พวกหยวนซิวสังหารเหล่าจื๋อซิวที่แข็งแกร่งของข้า เหตุใดไม่คิดว่าเป็การรังแกกันเกินไปบ้างเล่า?” เยี่ยหลิงหลานเยาะเย้ย
ความมืดม้วนตัวพุ่งเข้าหาั์ใหญ่ ทั้งสองฝ่ายปะทะกันกลางอากาศ แสงแห่งการทำลายล้างกวาดพื้นปฐี ก่อตัวเป็ห้วงมิติเวลาที่เริ่มพังทลาย และบดขยี้ภูผาธารายาวไกลหลายพันลี้
เมื่อผู้ไร้เทียมทานพิโรธ ฟากฟ้าก็พังทลาย แผ่นดินแตกสลาย ภูผาธาราเปื้อนโลหิต พื้นดินสีเืทอดยาวสุดสายตา
เสียงคำรามะเืฟ้าดังก้องไปทั่วอาณาจักรแห่งดวงดาว สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจนถึงแก่นแท้ ประกายฟ้าคำราม เมฆดำโห่ร้อง การต่อสู้ระหว่างเยี่ยหลิงหลานกับั์ใหญ่ทำให้เกิดความตื่นตระหนกไปทุกสารทิศ ห้วงมิติเวลาแตกสลาย ภูผาธาราคร่ำครวญ
คลื่นแห่งการทำลายล้างปกคลุมอาณาบริเวณรอบูเาไป่หลิง เืจากก้อนผลึกแก่นแท้โลหิตทะลักลงพื้นดิน ทำให้เหล่าพฤกษาและอสูริญญาจำนวนนับไม่ถ้วนแย่งกันดูดซับพลัง
“บ้าเอ๊ย! ควรตาย...อ๊าก!” ั์ใหญ่ร้องลั่น น้ำเสียงเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและโกรธขึ้ง เขาถูกโจมตีจนแขนขาหักและต้องถอยกลับไปด้วยร่างนองเื
เยี่ยหลิงหลานดุร้ายมากจนฟ้าดินแตกสลาย ภูผาธารามลายสิ้น ห้วงมิติเวลาไหลย้อนกลับ ก่อนทุกอย่างจะหยุดนิ่ง
ทิศทั้งสิบพังทลายลง เหล่าิญญาร่ำไห้ คลื่นผันผวนที่น่าสะพรึงกลัวทำให้ทุกทิศตื่นตระหนกจนเกิดเสียงกรีดร้องระงมไกล
ความมืดเข้าปกคลุมก่อนที่แสงสีแดงจะดับลง ั์ใหญ่คุกเข่ากลางอากาศ แขนทั้งสองข้างหัก หูทั้งสองข้างถูกตัดขาด ดวงตานองไปด้วยเื พร้อมส่งเสียงร้องด้วยความสิ้นหวัง
“ตายเสียเถิด!”
เสียงเ็าดังก้องไปทั่วโลกา มือหยกเพรียวบางกระทบกับิญญา์ั์ใหญ่ดุจสายฟ้า ทำให้ศีรษะของเขาแตกสลาย ก่อนที่นางจะดูดซับจิติญญาของเขา
ฟ้าดินล้วนตกอยู่ในความสับสนอลหม่าน เืหลั่งริน ผู้ไร้เทียมทานคนที่สองของสำนักชื่อหยวนปังเสียชีวิตลงแล้ว สิ่งนี้ทำให้ท้องนภาเกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง และทำให้ทั้งใต้หล้าตกตะลึง
ดอกบัวสีนิลปรากฏขึ้นแล้วจ้องมองจักรวาลอย่างเย่อหยิ่ง ร่างอันงดงามยืนอยู่ท่ามกลางมวลผกา พร้อมทอดสายตาออกไปแสนไกล
ตรงเส้นขอบฟ้ายังคงมีสายฟ้าคำรามและภัยพิบัติมากมายปรากฏ ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดตกอยู่ในความสับสน
กล้วยไม้ราตรีเป็เหมือนบุปผารัตติกาล สายน้ำทมิฬวนเวียนอยู่ข้างกาย ปรากฏการณ์เบื้องนภาที่กำลังทำลายโลกมีทั้งขึ้นและลง
ณ ตอนนี้ ความเงียบปกคลุมโลกา ผู้คนนับไม่ถ้วนมองร่างนั้นด้วยสายตาหวาดผวา
สิ่งนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เหล่าจื๋อซิวอย่างมาก หลังจากผ่านไปหลายปี ในที่สุดก็มีผู้กล้าเผชิญหน้ากับหยวนซิว เช่นนี้จะไม่ทำให้เืของคนเดือดได้อย่างไร?
ใบหน้าของกลุ่มหยวนซิวล้วนมืดมน การต่อสู้ของเยี่ยซิงหานไม่เพียงแต่ตบหน้าสำนักชื่อหยวนปังเท่านั้น ทว่ายังเป็ภัยคุกคามต่อเชื้อสายหยวนซิวอีกด้วย
สตรีนางนี้เป็ที่รู้จักในนามบุปผารัตติกาลเช่นเดียวกับจักรพรรดิแห่งราตรี นางเป็สตรีผู้งดงามที่สุดในเชื้อสายจื๋อซิว ซึ่งว่ากันว่าในอดีตนางมีความสามารถและความงามอย่างน่าทึ่ง และยามนี้ตัวตนนางก็ยิ่งน่าตกตะลึง
สำนักชื่อหยวนปังโกรธจัด แต่ในเมื่อเื่ราวดำเนินมาถึงจุดนี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถก้าวหน้าหรือถอยหลังได้มากกว่านี้อีก
ผู้ไร้เทียมทานสองคนเสียชีวิตติดต่อกัน การสูญเสียนี้ค่อนข้างน่าใ หากผู้ไร้เทียมทานถูกส่งออกไปอีกครั้ง ค่าเสียหายจากการสังหารเยี่ยซิงหานนั้นย่อมมากเกินจะรับไหว
แต่หากหยุดเพียงเท่านี้จะเกิดอะไรขึ้นกับหน้าตาของสำนักชื่อหยวนปังเล่า? ทุกคนในโลกจะไม่ดูถูกพวกเขาหรือ?
ทุกฝ่ายต่างให้ความสนใจกับเื่นี้ และคาดเดาว่าจะจบลงอย่างไร
ทันใดนั้น เสียงลึกลับก็แพร่กระจายไปทั่วโลก
“เื่นี้ควรสิ้นสุดเพียงเท่านี้!”
เสียงนี้ทำให้ทั้งใต้หล้าตื่นใอีกครั้ง และทำให้เกิดเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน
“จวนหยวนออกโรงแล้ว!”
“ดูเหมือนพวกเขาไม่้าให้ทั้งสองฝ่ายห้ำหั่นกันต่อ”
“ความแข็งแกร่งของเยี่ยซิงหานช่างน่าใยิ่งนัก”
สำนักชื่อหยวนปังเงียบงัน ขณะที่เยี่ยซิงหานยิ้มอย่างเ็าแล้วตรงกลับไปยังเมืองไป่หลิง
“พวกเ้าจัดการตนเองเถอะ”
เหยียนซิงป้า เฮ่อเจิ้งหยาง และคนอื่นๆ ล้วนมีจวนหยวนออกหน้า และการนิ่งเงียบของสำนักชื่อหยวนปังก็เท่ากับการยอมรับความพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
“ไว้ชีวิตข้าด้วย... ได้โปรด...”
ใน่วิกฤตเช่นนี้ เฮ่อเจิ้งหยางร้องขอชีวิตด้วยเนื้อตัวสั่นคลอน และเหยียนซิงป้าก็ไม่คำนึงถึงหน้าตาเลย
เยี่ยหลิงหลานทั้งเ็าและโเี้ ความมืดเข้าปกคลุมร่างของคนเหล่านี้ ก่อนจะเกิดเสียงร้องอย่างสิ้นหวัง
หลานเซิ่งเจี๋ยและหลานซานเยวี่ยพยายามดิ้นรนหลบหนี แต่น่าเสียดายที่ความมืดมิดเข้ามา่ชิงชีวิตของพวกเขาจนหมดสิ้น หลงเหลือไว้เพียงกระดูกสองชิ้นเท่านั้น
สายลมแ่เบา สายฝนตกปรอย บรรยากาศสดชื่นอย่างยิ่ง
กระดูกกลางจัตุรัสแตกสลายกลายเป็ฝุ่น ทุกอย่างจบลง ณ ที่แห่งนี้
หนิงเทียนยังคงอยู่ข้างกายเยี่ยหลิงหลานและอาบแก่นแท้โลหิตผู้ไร้เทียมทาน ลวดลายสีทองกะพริบไหวทั่วร่าง พลังของเขาแข็งแกร่งจนน่าใ
แก่นแท้โลหิตของสองผู้ยิ่งใหญ่แห่งสำนักชื่อหยวนปังล้วนถูกหนิงเทียนดูดซับ แม้จะเป็เพียงส่วนเล็กๆ แต่สำหรับระดับของเขาแล้ว สิ่งนี้ยังคงน่าหวาดผวา
หนิงเทียนรู้สึกราวถือกำเนิดใหม่ อีกทั้งรูปลักษณ์ของเขายังเปลี่ยนไป ทว่าเขายังคงอยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นสองเช่นเดิม หากแต่กายาสุวรรณะนิรันดร์บรรลุไปถึงระดับสี่ และพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างก็เกือบถึงจุดสูงสุดแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้