ชายชราสะบัดแขนเสื้อ ทำใบหน้าอวดดี “อย่างช้าสุดวันพรุ่ง อย่างเร็วสุด่ค่ำนี้ก็จะฟื้น ตอนนี้ลมปราณและโลหิตของเขากำลังอ่อนแอ หากจะไปให้ปากคำ เกรงว่าคงต้องพักฟื้นอีกสองสามวัน”
พูดจบ หลิงชางไห่ก็ตรงไปโรงครัว เพื่อรอหมูน้ำแดงของชีเหนียง
เดิมทีวันนี้คนของทางการตั้งใจมาสอบถามสถานการณ์ เนื่องด้วยเ้าทุกข์ยังไม่พร้อม ทางการก็มิอาจสอบสวนคดี ตอนนี้จ้าวจือชิงไม่เป็อะไรมาก พวกเขาก็ถือว่าจบภารกิจ
ตอนที่จากไป ไม่ว่าจะพูดอย่างไรท่านหมอซุนก็ไม่ยอมกลับไปพร้อมกัน
“ข้าไม่ไป พวกเ้าจบหน้าที่แล้ว แต่ข้ายังต้องรอดูคนไข้ว่าไม่เป็ไรก่อนถึงจะไปได้ พวกเ้ากลับไปก่อนเถอะ วันมะรืนข้าจะไปศาลาว่าการพร้อมกับคนไข้เอง”
ซุนโหย่วเต้าเริ่มรับรู้ได้ หมอที่แซ่หลิงนี้คงมิใช่คนในครอบครัวสกุลลั่วั้แ่แรก ลำพังวิชาการฝังเข็มรมยาของเขาก็เพียงพอให้ตั้งหลักมั่นคงได้ เขา้าอยู่ต่อเพื่อให้แน่ใจว่าคนคนนี้ใช่ท่านผู้นั้นหรือไม่
หลิงชางไห่ล่วงรู้ความคิดของเขาแต่แรกแล้ว ไม่ว่าเขาจะถามอะไร หรือเอาอกเอาใจหลิงชางไห่อย่างไร อีกฝ่ายก็ไม่สนใจไยดีราวกับไม่เห็นเขาในสายตา
ซุนโหย่วเต้าเองก็เป็คนเ้าอารมณ์เช่นกัน เมื่อเห็นว่าการประจบเอาใจมีแต่จะทำลายเกียรติของตน ฉับพลันจึงกลับไปตำบล
ดั่งที่คาด ตกค่ำจ้าวจือชิงก็ฟื้นขึ้น เพียงแต่ตอนที่ฟื้น ดวงตาพยัคฆ์ของเขาเป็ประกายเล็กน้อย แววตากระจ่างแจ่มแจ้งไร้ซึ่งความงุนงงสับสน
จวบจนได้ยินเสียงผลักประตู ดวงตาที่ใสบริสุทธิ์เมื่อครู่ก็เปลี่ยนเป็คลุมเครือในทันใด
“ฟื้นแล้วหรือ?”
ชีเหนียงนึกถึงคำพูดของหลิงชางไห่ จึงเข้ามาดูอาการของเขาอยู่ทุกๆ ่ เมื่อเห็นดวงตาของจ้าวจือชิงหรี่เล็กลงและจ้องมาพร้อมกับส่งเสียงสองที ก็รีบไปเรียกหลิงชางไห่
หลิงชางไห่มาถึงก็รู้ว่าเขาหายดีแล้ว
“ไม่เป็ไรแล้ว ดื่มยาบำลุงเืไม่กี่ชุดก็จะหายดี!” ขณะพูด เขาวางมือลงบนบ่าของจ้าวจือชิง “ร่างกายของเ้าดียิ่งนัก าแใหญ่เพียงนี้ เ้ายังแบกรับไว้ได้ อืม ผ่านพ้นเคราะห์กรรมหนักโดยไม่ตาย ย่อมมีโชคในภายหลัง วันเวลาดีๆ ของเ้ายังรอเ้าอยู่ข้างหน้า”
นับว่าหลิงชางไห่ชอบเขาจากใจจริงเช่นกัน เพียงแต่ตอนที่ฉีกยิ้มเบิกบานกลับไม่เห็นว่าคนที่เขากำลังโอบบ่านั้นเผยความรังเกียจผ่านแววตาแวบหนึ่ง
เมื่อเห็นเขากินดื่มได้ ชีเหนียงรู้สึกว่าตนเองต้องคุยเื่ราวไม่กี่วันนี้กับเขาให้ชัดเจน
“เ้ายังจำได้หรือไม่ว่าตนเองได้รับาเ็เยี่ยงไร?”
จ้าวจือชิงได้ยินเสียงไพเราะที่ดังจากข้างหูจึงใจลอยเล็กน้อย สตรีผู้นี้…
ท่าทางมึนงงของเขาทำให้ชีเหนียงคิดว่าเขาจำไม่ได้
“เ้าไม่ต้องร้อนใจ ข้าเพียงแค่ถามดู ครั้งนี้เ้าได้รับาเ็เพราะไปเจอคนร้ายที่คิดไม่ดีกับสกุลลั่วของเรา น้ำใจนี้ข้าจดจำไว้แล้ว วันข้างหน้าหากมีสิ่งใดที่้าให้ข้าช่วย ข้าลั่วชีเหนียงไม่มีทางเกี่ยงงอนเป็แน่”
ขณะพูดชีเหนียงก็เงยหน้าขึ้นและเห็นเขายังคงงุนงง “คำพูดนี้ของข้ามาจากใจ แม้ว่าตอนนี้สถานะครอบครัวยังไม่ได้ดีมาก แต่ของอร่อยต้องมีแน่”
การที่จ้าวจือชิงาเ็ครั้งนี้ นางถึงได้รู้ว่าชีวิตของเขาในบ้านสกุลจ้าวไม่ได้ดีนัก ไม่ได้รับการยอมรับจากคนในครอบครัวไม่พอ กระทั่งถูกขับไล่ให้ไปอยู่บนเขา แม้เป็เช่นนี้ แต่คนผู้นี้ก็ยังมิวายคอยส่งของกินของใช้ให้ ไม่ว่าจ้าวจือชิงทำด้วยวัตถุประสงค์ใด แต่น้ำใจนี้ นางต้องตอบแทนให้ได้
“ช่างเถอะ เ้าพักผ่อนให้ดี ส่วนเื่ของทางการ เ้าไม่ต้องกังวลมาก เพียงแค่พูดไปตามความจริงเป็พอ”
ชีเหนียงดูออกว่าเหมือนเขาจะไม่อยากพูดอะไรมากนัก จึงทิ้งชาร้อนไว้และออกจากห้องไป
รอจนชีเหนียงออกจากห้อง จ้าวจือชิงถึงลดทอนความตื่นเต้นลง ั้แ่เมื่อใดกันที่ตนเห็นสตรีคนนึงแล้วตื่นเต้นเพียงนี้ นับั้แ่ก้าวแรกที่ลั่วชีเหนียงเหยียบย่างเข้ามา ตัวเขาก็เกร็งไปหมด สมองว่างเปล่า นอกจากกลิ่นชานมที่หอมหวน ก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีก
เขากุมหัวใจที่เต้นอย่างบ้าคลั่ง ใบหน้าคล้ำกลับปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้น
“ลั่วชีเหนียง…”
เขาส่งเสียงเรียกแ่เบาราวกับถูกสะกด ดูเหมือนว่าเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว จากนั้นดวงตาเป็ประกายก็จดจ้องเพดานเหนือเตียงจวบจนรุ่งสางของอีกวัน
......
จ้าวจือชิงอาการดีขึ้น คนของทางการจึงมาพาตัวเขากับลั่วชีเหนียงไปศาลาว่าการพร้อมกัน
ชีเหนียงบอกเล่าสิ่งที่ตนเองพบเห็น โดยบอกเพียงว่าตนหลบอยู่ในที่ลับและได้ยินคนที่ทำร้ายแทนตนเองว่าเป็อาลูกพี่ลูกน้องของจ้าวจือชิง จากนั้นก็ได้ยินเสียงดังตุบ นางคิดว่าเกิดเหตุอันตรายจึงรีบออกมา คิดไม่ถึงว่าจ้าวจือชิงกลับถูกทำร้ายจนาเ็สาหัสเช่นนี้
หยางหนิงพยักหน้า เขาเจอกับสตรีม่ายผู้นี้เพียงแค่สองครั้ง แต่ทุกครั้งล้วนทำให้เขารู้สึกตื่นตะลึง ตรรกะการพูดมีลำดับและเหตุผล ไม่น่าเบื่อกระชับและเข้าใจง่าย
“จ้าวกวง เ้ายอมรับหรือไม่?”
ไม้ปลุกสติดังขึ้น จ้าวกวงตัวสั่นไปทั้งร่าง อันที่จริงเขาคิดไม่ตกว่าเหตุใดตนเองจึงถูกจับขังคุกโดยไม่รู้เื่ หากรู้เช่นนี้ เขายอมจ่ายเงินให้สกุลจ้าวไปแต่แรกดีกว่า
“จ้าวกวง! เหตุใดไม่ตอบคำถาม?”
“ข้าน้อย…ข้าน้อย…” จ้าวกวงใอย่างมาก เขาจำได้ว่าผู้อยู่เื้ับอกไว้ หากตนถูกจับได้ ชีวิตต้องจบสิ้นแน่
ท่าทางอ้ำอึ้งของเขาชัดเจนว่ามีปัญหา หยางหนิงเข้าใจทันทีและหันไปทางจ้าวจือชิง
“จ้าวจือชิง เหตุใดเ้าจึงมีปัญหาทะเลาะกับจ้าวกวง?”
จ้าวจือชิงที่ถูกตั้งคำถามคิดอยู่ชั่วครู่ “วันนั้นข้าจะไปหาท่านหมอหลิงเพื่อคืนของที่เขาลืมไว้ที่บ้านข้า ใครจะรู้ว่ากลับเห็นเงาลับๆ ล่อๆ อยู่หน้าบ้านสกุลลั่ว ข้าเป็บุรุษตัวสูงใหญ่ เห็นเื่เช่นนี้มีหรือจะนิ่งนอนใจไม่สนได้
คิดไม่ถึงว่า ข้ายังไม่ทันได้จับตัวเขา เขาก็รีบวิ่งหนี ใต้เท้า หากในใจปราศจากความคิดไม่ซื่อ ไยคนผู้นี้จึงต้องร้อนตัวเยี่ยงโจร?”
จ้าวจือชิงหาได้รู้ไม่ว่าฝีปากคมคายของตนทำเอาคนทั้งหมดถึงกับใ โดยเฉพาะหลี่ชุนฮัวที่เหมือนกินแมลงวันเข้าไปและมองเขาอย่างรังเกียจ
“ถูกต้อง หากจิตใจบริสุทธิ์ย่อมต้องไม่หวาดกลัว” หยางหนิงเห็นด้วยกับจ้าวจือชิงอย่างมาก “ดังนั้นพวกเ้าทั้งสองจึงเกิดความขัดแย้งกันบนเขาด้วยเื่นี้หรือ?”
“ใต้เท้าช่างปราดเปรื่อง!”
เพียงคำว่าใต้เท้าช่างปราดเปรื่องของจ้าวจือชิง ทำให้บทสรุปของเื่นี้กลายเป็ความหมายดั่งที่หยางหนิง้าจะสื่อ
“ดี!” หยางหนิงชี้ไปที่จ้าวกวงและเอ่ยถามเสียงดังฉะฉาน “จนถึงตอนนี้แล้ว เ้ายังมีสิ่งใดจะพูดอีก? เริ่มแรกเ้าทำพฤติกรรมคิดทำชั่วอยู่นอกประตูบ้านสกุลลั่ว พอถูกคนพบเห็นก็มุ่งหมายทำร้ายคน! จ้าวกวง เ้าสำนึกผิดหรือไม่?”
จ้าวกวงได้ฟังคำกล่าวโทษ จึงรีบโบกมือปัด “ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยมิกล้า ข้าน้อยจะมีความคิดชั่วร้ายอะไรได้ เพียงแค่ได้ยินว่าสกุลลั่วมีการค้าขายใหญ่โต จึงคิด้าไปช่วยเพื่อหาเงินสักก้อน ก็แค่้าหาเงินสักก้อนขอรับ!”
เหอะเหอะ! หาเงินสักก้อน! ใครบ้างไม่รู้ว่าจ้าวกวงคืออันธพาล หาเงินสักก้อน ความหมายไม่ใช่ว่า้าไปขโมยเงินสักก้อนหรอกหรือ
“จ้าวกวง เ้าแน่ใจหรือว่าเ้าไปหาเงินไม่ได้ไปลักขโมยเงิน?” หยางหนิงมีใจขู่เขา
จ้าวกวงได้ยินคำว่าขโมยเงินถึงกับตะลึง ตนได้รับคำสั่งให้ทำลายการค้าขายของสกุลลั่ว เดิมทีก็เพื่อเงิน แต่หากคนผู้นั้นรู้ว่าตนเองล้มเหลว ชีวิตน้อยๆ ของเขาต้องจบสิ้นแน่ เทียบกับการถูกขังสามเดือนห้าเดือนเพราะข้อหาขโมยแล้ว แน่นอนว่าข้อหาขโมยเงินถือว่าคุ้มค่ากว่า
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้าน้อย้าไปขโมยเงิน ไปขโมยเงินขอรับ!”
จ้าวกวงยอมรับด้วยตนเองว่าขโมยเงิน พร้อมทั้งยอมรับผิดชอบค่ารักษาของจ้าวจือชิง เื่นี้จึงจบลงที่จ้าวกวงยอมจ่ายค่าชดเชยและถูกขังคุก
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้