ร่างกายของหนิงเทียนเปล่งประกายอยู่ในโลกของการแกะสลักหิน เส้นลมปราณทั้งเก้าของเขาสั่นไหว กระแสวังวนพลังกำลังก่อตัวขึ้นในเส้นลมปราณที่เก้า นี่เป็สัญญาณว่าเขากำลังจะเข้าสู่ขั้นสองของขอบเขตผนึกดารา
หนิงเทียนใมาก ความลับที่ซ่อนอยู่บนแผ่นศิลาทั้งสิบสามแผ่นกลายเป็วิธีการควบแน่นของประตูิญญา พวกมันเจาะทะลุถึงกันภายใต้การนำทางของประตูสู่์ และสิ่งนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในร่างกายของหนิงเทียน
ประตูิญญาเป็คำที่ใช้เรียกเส้นทางิญญา ซึ่งเป็แิที่แตกต่างจากแสงิญญาที่หนิงเทียนเคยขัดเกลาก่อนหน้านี้
ว่ากันว่าประตูิญญาสามารถนำไปสู่ยมโลกได้ สิ่งที่ดูดซับไว้คือแสงแห่งพลังิญญาที่ปล่อยออกมาจากดวงิญญา ซึ่งต่างจากการขัดเกลาจิติญญามนุษย์โดยตรง
แน่นอนว่าในกระบวนการขัดเกลาจิติญญามนุษย์และในกระบวนการแยกแสงิญญา การดูดซับแสงแห่งพลังิญญาเป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แผ่นศิลาสิบสามแผ่นที่ชายชราแกะสลักไว้ มีโลกแห่งความเป็จริงและสมบูรณ์แบบอยู่ภายใน แสงแห่งจิติญญาที่เล็ดลอดออกมาเป็พลังทางจิติญญาหรือพลังิญญาซึ่งเป็ชนิดหนึ่ง
ในขณะนี้ร่างกายของหนิงเทียนกำลังกลืนกินและดูดซับพลังงานนั้น เพื่อใช้ในการควบแน่นกระแสวังวนพลังและสร้างหอคอยพลังขึ้นใหม่
ชั้นแรกมีวังวนเก้าแห่ง ชั้นสองมีวังวนแปดสิบเอ็ดแห่ง และชั้นสามมีวังวนเจ็ดร้อยยี่สิบเก้าแห่ง ซึ่งมีโครงสร้างเดียวกับหอคอยพลังในเส้นลมปราณแรกทุกประการ
ชายชรามองหนิงเทียน ดวงตาสีฟ้าเป็ประกายด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกประหลาด ดูเหมือนจะมีความชื่นชมอยู่บ้าง
ความลับที่ซ่อนอยู่ดังกล่าวถูกค้นพบโดยหนิงเทียน บางทีนี่อาจเป็เหตุและผลระหว่างพวกเขา
การแกะสลักหินจากแผ่นศิลาทั้งสิบสามแผ่นนั้นมีพลังทางจิติญญาที่น่าทึ่ง หนิงเทียนเชี่ยวชาญมันบนพื้นฐานของขอบเขตผนึกดาราขั้นแรก ซึ่งเร็วกว่าตอนที่เขาควบแน่นหอคอยพลังในการปลูกเส้นลมปราณแรกมาก
แต่คราวนี้สถานการณ์แตกต่างออกไปเล็กน้อย สิ่งที่ควบแน่นคือพลังจิตซึ่งประกอบด้วยพลังิญญาและแสงิญญา สิ่งนี้ช่วยปรับปรุงการฝึกฝนของเขาในเส้นทางแห่งจิติญญาอย่างมาก
กระแสวังวนพลังในชั้นหนึ่งและสองถูกควบแน่นอย่างรวดเร็ว กระแสวังวนพลังในชั้นสามใช้เวลานานขึ้นนิดหน่อย สิ่งที่ยากและสำคัญที่สุดคือกระแสวังวนพลังในชั้นสี่ ซึ่งมีจำนวนมากถึงหกพันห้าร้อยหกสิบเอ็ดแห่ง ทำให้หนิงเทียนกังวลว่ามีพลังิญญามากพอที่จะดูดซับหรือไม่?
เมื่อครั้งที่หนิงเทียนก้าวข้ามเข้าสู่ขอบเขตผนึกดาราและควบแน่นหอคอยพลัง มีกระดูกชั้นยอดนับไม่ถ้วนสลายตัวในสระน้ำสีดำเพื่อมอบพลังให้แก่เขาจนเพียงพอ
คราวนี้แผ่นศิลาสิบสามแผ่นที่ชายชราแกะสลักจะช่วยให้เขามีพลังเพียงพอหรือไม่?
หนิงเทียนไม่รู้และไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเื่นี้ ยามนี้เขากำลังเข้าใจความลึกลับของประตูิญญาอย่างจริงจัง ด้วยตรงจุดนี้ดูเหมือนจะมีวิถีแห่งการโจมตีแอบแฝงเอาไว้ด้วย
เมื่อประตูิญญาแข็งแกร่งขึ้น อักขระรูปแบบิญญาจึงเริ่มปรากฏขึ้นบนประตู ก่อนจะพัฒนาเป็ท่าสังหาริญญา
้าของแผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณที่เก้า ประตูสู่์ส่องสว่างทะลุประตูิญญา บางครั้งประตูทั้งสองก็สลับกันไปมา บางครั้งก็รวมเข้าด้วยกัน มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
จุดมุ่งหมายหลักของหนิงเทียนคือการควบแน่นกระแสวังวนพลัง อีกส่วนหนึ่งของพลังถูกใช้เพื่อทำความเข้าใจท่าสังหารขั้นสูงที่อยู่ในประตูิญญา
ชายชราและิญญาอาวุธเฝ้ามองอย่างเงียบๆ ภายใต้เวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็วและเงียบงัน
เมื่อกระแสวังวนพลังชั้นสี่ถูกควบแน่น หอคอยพลังจิติญญาก็ถูกเปิดใช้งาน โลกทั้งใบบิดเบี้ยวและสั่นสะท้าน แผ่นศิลาทั้งสิบสามแผ่นส่งเสียงดังก้องอยู่ในหู พวกมันถูกเปิดใช้งานโดยอัตโนมัติ และปลดปล่อยพลังจิตอันเข้มข้นออกมา
วังวนเ่าั้เปรียบเสมือนิญญาที่หิวโหยกลับชาติมาเกิด พวกมันดูดซับพลังจิตอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งแสงบนแผ่นศิลากลายเป็เสาแห่งแสงพันรอบตัวหนิงเทียน จากนั้นฉากที่แปลกประหลาดและไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนก็ปรากฏขึ้นในใจของเขา
ในขณะเดียวกันประตูิญญาก็เข้ามาแทนที่ประตูสู่์ อักขระิญญาที่กะพริบในประตูมิติชัดเจนและสมบูรณ์ยิ่งกว่าเก่า และพัฒนาเป็ทักษะปะาิญญาที่ทรงพลังที่สุด
นี่คือการโจมตีิญญา แตกต่างจากการโจมตีทางกายภาพทั่วไป ควบคุมได้ยาก ต้องใช้พลังจิตและจิติญญาที่แข็งแกร่ง
ประตูมิติภายนอกร่างกายของหนิงเทียนปรากฏขึ้น เส้นลมปราณที่เก้าขยายขึ้นอีกสิบเท่า ยามนี้มันทรงพลังยิ่งกว่าเส้นลมปราณแรกแล้ว
หอคอยพลังิญญากลืนกลิ่นอายจิติญญาอันน่าสะพรึงกลัว ทั้งยังกระตุ้นกฎแห่ง์ ทำให้ทัณฑ์์ปรากฏขึ้น
ิญญาอาวุธวาดหทัยส่งเสียงร้องแปลกๆ ขณะที่ชายชรามีท่าทีประหลาดใจเล็กน้อย ทำให้เกิดทัณฑ์์ขึ้นภายในโลกแกะสลักหินแห่งนี้ได้ ซึ่งสิ่งนี้สื่อให้เห็นได้ว่าหนิงเทียนเปลี่ยนแปลงไปมากเพียงใดในคราวนี้
อัสนีศักดิ์สิทธิ์คำราม สายฟ้าิญญาสีชาดพุ่งเข้าโจมตีหนิงเทียน ขัดเกลาจิติญญาของเขา ฝึกฝนจิตใจของเขา และพยายามทำลายเขา
ทว่าหนิงเทียนทรงพลังเหนือกว่ามาก เขากำลังยืดเส้นยืดสายทั้งกล้ามเนื้อและกระดูกภายใต้ทัณฑ์์เพื่อต่อกรกับสายฟ้าศักดิ์สิทธิ์ จิติญญาของเขาเต็มไปด้วยแสงสว่างที่กลืนแสงแห่งหายนะแห่ง์ หอคอยพลังทั้งสองแห่งในร่างกายเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้เขาบรรลุถึงขีดจำกัดที่สมบูรณ์แบบของสภาวะปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็ในด้านความแข็งแกร่งทางร่างกายและความแข็งแกร่งทางจิติญญา
หายนะอันน่าสะพรึงกลัวนี้น่ากลัวอย่างยิ่งต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด แต่หนิงเทียนไม่กลัว เขาทะยานขึ้นไปบนท้องฟ้า พุ่งเข้าสู่บ่ออัสนีแล้วคำรามลั่นทั้งร่างเปื้อนเื
แผ่นศิลาสิบสามแผ่นทะยานสู่ท้องนภา โฉบอยู่รอบกายหนิงเทียน พลังจิตจำนวนมากหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเขา ทำให้หอคอยพลังสว่างขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อกระแสวังวนพลังทั้งหมดในเส้นชีพจรที่เก้าถึงจุดอิ่มตัว หลังจากหอคอยพลังมีความเสถียรอย่างสมบูรณ์แล้ว ประตูิญญาที่อยู่ข้างกายหนิงเทียนก็เปล่งประกายด้วยความผันผวนของจิติญญา ซึ่งทำให้ิญญาทุกดวงตื่นตระหนก แสงแห่งิญญารวมตัวกันที่ประตูมิติ ก่อนจะกลายเป็แสงกระบี่ที่แยก์และโลกออกจากกันด้วยเสียงคำรามเพียงครั้งเดียว
ทัณฑ์์พังทลายลงตามเสียงสะท้อน พลังแห่งอัสนีจางหายไป โลกกลับสู่ความสงบสุขอีกครั้ง มีเพียงหนิงเทียนที่ลอยตัวอย่างภาคภูมิกลางอากาศ โดยที่ในใจยังคงเฝ้าคำนึงถึงแสงกระบี่เมื่อครู่นี้ต่อไป
บงกชสีมรกตปรากฏขึ้นเบื้องหน้าหนิงเทียน มันส่องแสงพลิ้วไหว โดยที่อีกด้านมีประตูมิติซึ่งนำไปสู่์อยู่ด้านหลังของหนิงเทียน
นั่นคือประตูิญญา แสงแห่งจิติญญากำลังเปลี่ยนแปลง กลายเป็ความเรียบง่ายและสง่างาม ผสานไว้ซึ่งความยิ่งใหญ่และลึกลับ
หนิงเทียนสังเกตเห็นว่าประตูิญญาภายนอกร่างกายของเขากลับกลายเป็ประตูสู่์อีกครั้ง และยามนี้ตราประทับของประตูสู่์บนแผนที่จิติญญาที่เก้าในร่างกายก็เกิดการเปลี่ยนแปลงบางอย่าง
มันเหมือนกับประตูสองบานที่ทับซ้อนและสลับกันไปเรื่อยๆ บางครั้งก็เป็ประตูสู่์ บางครั้งก็เป็ประตูิญญา เปลี่ยนแปลงได้ตามใจชอบ แต่ประตูสู่์ยังคงเป็บรรทัดฐานหลักเช่นเดิม
หนิงเทียนเข้าสู่ขั้นสองของขอบเขตผนึกดารา และมาถึงจุดสูงสุดของขั้นสองของขอบเขตผนึกดาราทันที ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณพลังของศิลาทั้งสิบสามแผ่น
ความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นค่อนข้างชัดเจน แต่ครั้งนี้เป็การมุ่งเน้นไปที่เส้นทางแห่งจิติญญาก็เท่านั้น
จุดมุ่งหมายของเต๋าพฤกษาและเส้นทางแห่งจิติญญา ยังคงอยู่ในเส้นลมปราณและหอคอยพลังแรก
ิญญาอาวุธปรากฏขึ้น ก่อนจะััหนิงเทียนเพื่อเตือนเขาอย่างเงียบๆ
หนิงเทียนได้สติขึ้นมาพร้อมกับเริ่มต้นใหม่ เขาร่อนกายลงมาจากกลางอากาศ หยุดลงข้างกายของชายชรา ก่อนจะประสานมือแล้วพูดว่า “ขอบคุณผู้าุโที่ชี้แนะ...”
“นี่คือพร์ของเ้า ไม่จำเป็ต้องขอบคุณข้า แม้ว่าเ้าจะได้เพียงครึ่ง แต่นั่นอาจเป็สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเ้าแล้ว”
หนิงเทียนใมาก “เรียนรู้ได้เพียงครึ่งหรือ? เช่นนั้นอีกครึ่งคืออะไร?”
ชายชรากล่าวว่า “เ้าเข้าใจความหมายของมัน แต่ละเลยสิ่งที่ผิวเผินที่สุด แต่นั่นไม่สำคัญอีกต่อไปแล้ว ทุกคนล้วนมีวิถีที่ต่างกัน ไม่จำเป็เดินทางเส้นทางของข้า เพียงแค่ต้องก้าวหน้าต่อไป”
ชายชราไม่ได้พูดอะไรมาก เขาโบกแขนเสื้อก่อสายลมหวนที่พัดร่างของหนิงเทียนและิญญาอาวุธปลิวออกไปในทันที
หลังจากออกจากโลกแกะสลักหิน หนิงเทียนก็กลับมายังแผ่นศิลาและพบว่าราตรีกาลยังไม่ผ่านเลยไป สิ่งมีชีวิตแห่งความมืดจำนวนมากด้านนอกโล่แสงยังคงบ้าคลั่งเช่นเดิม
“วาดหทัย รู้หรือไม่ว่าอีกครึ่งที่ข้าเพิกเฉยคือสิ่งใด?”
“เ้าโง่ เป็วิธีการแกะสลัก แผ่นศิลาทุกแผ่นและงานแกะสลักหินทุกชิ้นคือโลก เขาสามารถแกะสลักโลกได้ นั่นเรียกได้ว่าเป็สิ่งมีชีวิตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเลยทีเดียว แต่เ้ากลับมองข้ามมันไป วิธีการแกะสลักนี้ไม่ต่างจากการกลั่นอาวุธ เ้าเชี่ยวชาญในวิชาจิตรกรรมิญญาและทักษะขัดเกลาอาวุธด้วยแสงิญญา แต่สิ่งที่เ้าวาดนั้นยังเป็จินตนาการ ในท้ายที่สุดจำเป็ต้องสลักตัวอ่อนของอาวุธในระหว่างกระบวนการขึ้นรูปลงไปด้วย”
หนิงเทียนย่อมรู้เื่นี้ดี แต่เขารู้สึกว่าทักษะการแกะสลักของชายชรานั้นลึกซึ้งและซับซ้อนเกินไป การใช้กระบี่รวมไปถึงทักษะกระบี่นั้นช่างเลิศล้ำ แต่คนทั่วไปย่อมไม่มีเวลาเพียงพอและไม่สามารถเรียนรู้ได้
อันที่จริงแล้วหนิงเทียนยังคงจำทักษะกระบี่ของชายชราได้หลายกระบวนท่า เขามองดูสถานการณ์รอบตัวเขา แล้วพูดกับิญญาอาวุธว่า “เรียกข้าเมื่อเข้าสู่่รุ่งสาง”
หนิงเทียนนั่งอยู่หน้าแผ่นศิลา แล้วเริ่มนึกถึงกระบวนการแกะสลักของชายชราอย่างระมัดระวัง ผสมผสานทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เข้ากับทักษะขัดเกลาอาวุธ หลังจากการไตร่ตรองบางอย่าง เขาก็ได้รับอะไรมากมายจริงๆ
“พู่กันิญญาเปรียบดั่งมีด วาดสลักโครงร่าง แสงิญญาเป็วัสดุ จารึกตัวตน”
บางครั้งหนิงเทียนก็พูดกับตัวเอง บางครั้งก็สะบัดพู่กันิญญา ทดลองสิ่งต่างๆ ด้วยตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกเหมือนเวลาเพิ่งผ่านไปเพียงครู่หนึ่ง กลับพบว่ารุ่งเช้ามาเยือนแล้ว
ความมืดมิดจางหายไป โลกกลับคืนสู่สภาพเดิม แผ่นไร้แสงส่องสว่าง พืชพรรณในูเาและป่าไม้ยังคงเดิม ราวกับว่าทุกสิ่งในความมืดไม่เคยเกิดขึ้น
ิญญาอาวุธเรียกหนิงเทียน และเตือนเขาว่าถึงเวลาที่ต้องจากไปแล้ว
หนิงเทียนมองแผ่นศิลาด้วยดวงตาเปล่งประกาย
“สามารถเคลื่อนย้ายแผ่นศิลานี้ได้หรือไม่?”
“ถ้าเ้ารู้สึกว่าตนแข็งแกร่งพอก็ลองดูสิ”
“ข้ากำลังถามเ้า”
“อย่ามาถามข้า ข้าจะไม่ทำอะไรโง่ๆ เช่นนั้นแน่”
หนิงเทียนไม่พอใจ การถูกม้วนภาพดูแคลนเช่นนี้ช่างน่าอายอย่างแท้จริง
แต่หนิงเทียนก็เข้าใจเช่นกันว่าแผ่นศิลานี้ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ เขาจึงหันหลังและจากไป
ูเาทอดยาวไปสุดลูกหูลูกตา หนิงเทียนมองไปในทิศทางเดียวและปีนขึ้นไปบนูเา จำนวนอสูรที่เห็นระหว่างทางมีน้อยมาก
“ทั้งหมดล้วนตายในความมืดหรือ? พวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ไหนเมื่อความมืดมาเยือน?”
ปัญหานี้กวนใจหนิงเทียนมาโดยตลอด เพราะเขาไม่เข้าใจว่ามีแผ่นศิลาหรือที่พักพิงที่คล้ายกันกี่แห่งในโลกนี้ ที่สามารถปกป้องสิ่งมีชีวิตให้ปลอดภัยในคืนที่มืดมิดได้
วาดหทัยถูกหนิงเทียนเก็บไปแล้ว สาเหตุหลักมาจากน้ำเสียงดูถูกของวาดหทัยที่ทำให้หนิงเทียนไม่สามารถทนได้ ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดคุยกับมัน
หนิงเทียนเดินทวนลม ข้ามูเา ก่อนจะถูกดึงดูดด้วยทิวทัศน์ตรงหน้า
ตรงนั้นมีแม่น้ำไหลเชี่ยว ปราสาทโบราณ ต้นไม้เก่าแก่ขนาดใหญ่ ทั้งยังมีนกั์บินโฉบไปมา
ภาพตรงหน้าไม่ต่างจากภาพวาดที่ดึงดูดสายตาของหนิงเทียนได้อย่างดี เขาปีนขึ้นไปบนูเาแล้วข้ามเขามา ในที่สุดก็พบทิศทางที่ถูกต้องหลังจากเดินทางไกล
หนิงเทียนเร่งถลาลงมา และในอีกหนึ่งชั่วยามต่อมาเขาก็มาถึงปราสาทริมแม่น้ำแล้ว
มันมีลักษณะทรุดโทรมและเก่าแก่ มันยังคงยืนหยัดอยู่ได้หลังจากยืนหยัดผ่านลมหนาวน้ำค้างแข็งมานาน
ตัวปราสาทครอบคลุมพื้นที่หนึ่งร้อยหมู่[1] แต่กลับมีประชากรเบาบาง
เมื่อมองแวบแรกมันดูเหมือนเมืองที่ว่างเปล่า แต่ทันทีที่หนิงเทียนมาถึงนอกประตูเมือง เขาก็ััได้ว่ามีผู้บำเพ็ญ
หลังจากระบุตัวตนอย่างระมัดระวังแล้ว ดูเหมือนจะมีคนหกคนในเมืองนี้ โดยมีจื๋อซิวหนึ่งคน ซิงซิวสองคน และหยวนซิวสามคน
ประตูเมืองที่มีรอยด่างและผุพังไปนานแล้ว ปราสาทหินดูรกร้างอย่างยิ่ง โดยมีวัชพืชรกและต้นไม้แห้งเหี่ยวอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุกที่เต็มไปด้วยร่องรอยแห่งความทรุดโทรม
หนิงเทียนเข้าไปในปราสาทอย่างเงียบๆ ราวกับภูตผี ท่ามกลางสายลมที่พัดผ่านร่างที่ทำให้เกิดเสียงอันแ่เบา
มีลานกว้างตั้งอยู่ลึกเข้าไปในปราสาท ซึ่งมีรูปปั้นหินลิงั์ขนาดใหญ่ยืนตระหง่านด้วยความสูงประมาณเจ็ดจั้ง
มันเบิกตากว้างด้วยความโกรธและแสดงออกถึงความดุร้าย ในมือถือไม้ไว้แน่น และกำลังแหงนหน้ามองนกั์บนต้นไม้ใหญ่นอกเมือง
มีร่างหกร่างยืนเรียงกันอยู่ในลานกว้าง ดวงตาของพวกเขาจับจ้องอยู่ที่ด้านหลังของรูปปั้นหินลิงั์ นั่นก็เพราะตรงจุดนั้นมีแผนที่สลักไว้ ซึ่งเป็บันทึกภูมิประเทศของโลกใบนี้
---------------------------------------
[1] หมู่ (亩) คือหน่วยวัดพื้นที่ของจีน โดย 1 หมู่ = 1/15 เฮกตาร์ หรือ 0.41667 ไร่
