Chapter 23
หลายวันผ่านไป
เหมือนจะเป็เช้าที่ดีอีกวันของกรีน ถ้าไม่ได้ตื่นมาแล้วพบว่าในวันนี้ตัวเขาเองมีอาการปวดหัว เขาเริ่มหงุดหงิดนิดหน่อย เพราะไม่ชอบเวลาที่ตัวเองป่วย ถ้ายิ่งมีแพลนสำหรับทำอะไรบางอย่างแล้ว ก็ทำให้ตัวเขายิ่งไม่ชอบใจเข้าไปใหญ่ ที่ต้องนอนอยู่บนเตียงเฉย ๆ เพราะอาการป่วย
พอรู้ตัวว่าร่างกายมีอาการแปลก ๆ กรีนก็รีบโทรบอกเวย์กับเกรซทันที ว่าวันนี้จะไม่ได้เข้าไปที่ร้าน เพราะเขายังไม่รู้ว่าอาการของเขาจะหนักหรือเปล่า ถ้าหนักแล้วไปติดใครสักคน ก็คงจะพากันวุ่นวายเพิ่มขึ้นไปอีก กรีนจัดการอาบน้ำให้สบายตัว จากนั้นก็ส่งข้อความไปบอกเ้าแมวน้อยที่อยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับเขาตอนนี้ว่ารู้สึกไม่สบาย ไม่อยากจะให้อีกคนเข้ามาใกล้ เพราะว่ากลัวจะติดไข้
กรีน : พี่กรีนไม่ค่อยสบายนะครับตัวเล็ก
กรีน : หาอะไรกินเองก่อนนะ
กรีน : ไม่อยากเอาไข้ไปติด
เพราะว่าไม่ได้ออกไปจากห้อง ก็เลยไม่รู้ว่าคนน้องตื่นหรือยัง แต่ก็ไม่ได้้าคำตอบ เพราะแค่ทิ้งข้อความไว้ น้องก็น่าจะเห็นมันแล้ว หลังจากกดส่งข้อความเรียบร้อย กรีนก็กลับมาที่เตียงและล้มตัวลงนอนเช่นเดิม
ผ่านไปได้ประมาณชั่วโมง ทางด้านของเ้าเหมียวตัวน้อยที่เพิ่งตื่นมา ก็ยืดลำตัวสวยและขนนุ่ม ๆ ออกเพื่อไล่ความเมื่อยออกจากร่างกาย มองดูนาฬิกาพร้อมกับความใ วันนี้เขาตื่นสายกว่าปกติมาก ๆ เพราะปกติแล้วในทุกวันกรีนจะมาปลุกก่อนจะออกไปทำงานเสมอ แต่วันนี้เขาได้ตื่นด้วยตัวเอง
หลังจากที่คิดกับตัวเองสักพัก ก็เดินเข้าห้องน้ำไป กลายร่างไปเป็มนุษย์เหมือนอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน อาบน้ำรอบเช้าเรียบร้อยแล้วก็เดินลงมากินมื้อเช้าเหมือนปกติ ไม่ลืมที่จะหยิบโทรศัพท์คู่ใจที่ใช้ไว้หาอะไรดูขณะกินลงมาด้วย
ป๋ายเดินไปที่ส่วนครัว หยิบจับชามและช้อนมาตั้งวางอย่างชินมือ จากนั้นก็เอื้อมไปหยิบกระปุกที่บรรจุอาหารเม็ดสำหรับแมว เทมันลงในชามในปริมาณที่คิดว่าพอดีสำหรับมื้อเช้า จากนั้นก็ถือมันมานั่งกินที่โต๊ะกินข้าวเหมือนอย่างเคย
มือบางกดเบอร์โทรศัพท์เพื่อหาอะไรดูระหว่างกินข้าว แต่ก็ไปสะดุดตากับแจ้งเตือนของคนที่เป็เ้านายเขาเสียก่อน ป๋ายส่งนิ้วไปกดที่แถบการแจ้งเตือนเพื่อเข้าหน้าแอพพลิเคชั่นข้อความ หลังจากอ่านข้อความ คิ้วก็ขมวดขึ้นและมองขึ้นไปที่ชั้นบน
"พี่กรีนไม่สบายเหรอ?" ป๋ายบ่นกับตัวเอง
สุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะทิ้งอาหารมื้อเช้าที่เขาเพิ่งจะเทมันลงไปในชามไว้บนโต๊ะ เดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน ตำแหน่งห้องของเ้านายคนโปรดของเขา มือเล็กส่งไปเคาะที่ประตูเบา ๆ และโน้มหูไปแนบกับบานประตูเพื่อฟังเสียง แต่ก็ไม่ได้รับเสียงตอบรับอะไรกลับมา
"พี่กรีน เค้าเข้าไปนะ"
ป๋ายเอ่ยขออนุญาต ก่อนที่จะหมุนลูกบิดประตูและเปิดมันออกช้า ๆ สิ่งแรกที่ััได้เมื่อเข้าไปในห้องของกรีนคือความเย็นของแอร์ที่หนาวกว่าปกติอยู่พอสมควร
"ทำไมนอนแอร์เย็นขนาดนี้เนี่ยเ้านาย"
คนตัวเล็กบ่นขึ้นมาพร้อมกับเดินไปที่ข้างเตียงของอีกคน ก็พบกับเ้านายของเขาที่ห่มผ้าขึ้นไปถึงคอ กำลังนอนหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ ป๋ายส่งมือขึ้นไปอังที่หน้าผากของคนพี่ เหมือนที่คนพี่เคยทำกับเขา ก่อนเบะปากคว่ำลงเพราะรับรู้ได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่สูงกว่าปกติ และมือที่กำลังอังหน้าผากก็เหมือนจะทำให้กรีนรู้สึกตัวขึ้นมา
"ตัวเล็ก เข้ามาทำอะไรครับ? ไม่ได้อ่านข้อความพี่เหรอ?"
"ก็เพราะเค้าอ่านนี่ไงเค้าถึงเข้ามา พี่กรีนตัวร้อน ๆ เป็เตาผิงเลยนะ"
"พี่ไม่ได้เป็อะไรมากครับ ขอโทษที่ตอนเช้าไม่ได้ไปปลุกนะ เธอกินข้าวหรือยัง?"
"เค้ากำลังจะกิน แต่เห็นข้อความพี่กรีนก่อน เลยขึ้นมาหา" กรีนยิ้มออกมาหลังจากที่ได้ฟังคำตอบจากคนน้อง
"ทำหน้าอะไรแบบนั้น พี่ไม่ได้เป็อะไรเลย" กรีนส่งมือออกมาจากผ้าห่มเพื่อลูบหัวน้องเบา ๆ
"ไม่เป็อะไรได้ไง พี่กรีนเสียงไม่เหมือนเดิมเลยนะ หน้าผากเหมือนเตาผิง หายใจก็ร้อน ๆ ด้วย"
"ไม่เบะครับ เดี๋ยวพี่ก็หาย" เลื่อนมือที่ประจำอยู่ที่หัวน้องลงมาที่ปากบางที่กำลังเบะ ค่อย ๆ เกลี่ยช้า ๆ
"พี่กรีนไม่สบายเจ็บหรือเปล่า? เค้าโอ๋ ๆ นะ" คนตัวเล็กโน้มตัวลงไปกอดคนพี่เอาไว้หลวม ๆ
"ไม่เจ็บครับ เธอกอดก็หายแล้ว"
"เค้าทำยังไงพี่กรีนถึงจะหายไว ๆ"
"นอนเยอะ ๆ กินยา แป๊บเดียวก็หายแล้วครับ"
"งั้นเค้าให้พี่กรีนนอนนะ"
"ครับ เธอลงไปกินข้าวได้แล้ว"
ป๋ายกอดกรีนอยู่สักพักก่อนจะยอมปล่อย เขาเดินไปปรับแอร์ให้เย็นน้อยลง และเดินออกจากห้องของคนพี่ไป มื้อเช้าของป๋ายหม่นกว่าทุกครั้ง เพราะเขารับรู้ว่าคนโปรดของเขาไม่สบาย
"เห้อ ทำยังไงดีนะ?" หลังจากที่กินมื้อเช้าหมดไปครึ่งชามก็ถอนหายใจและบ่นออกมาอีกครั้ง
คนตัวเล็กชะงักขึ้นเมื่อคิดอะไรในหัวได้ จัดการเก็บชามและช้อนที่ใช้สำหรับมื้อเช้า เทเศษอาหารเม็ดที่เหลือลงถังขยะ และล้างชามกับช้อน เรียบร้อยแล้วก็จัดการต่อสายหาพี่ชายของกรีนทันที
[ตัวเล็ก ว่าไง?]
"พี่บลู พี่กรีนไม่สบาย"
[ครับ? แล้วกรีนเป็อะไรมากหรือเปล่า?] บลูขานรับกลับมาด้วยน้ำเสียงกังวล เมื่อรับรู้ว่าน้องชายของเขาไม่สบาย
"พูดเสียงไม่เหมือนเดิม แล้วก็หน้าผากร้อนเหมือนเตาผิง"
[อ่า น่าจะป่วยท้ายปีแหละ ปกติกรีนจะชอบป่วย่ปลายปี เพราะอากาศเปลี่ยน]
"แต่ว่าเปิดแอร์เย็นมาก เค้าเข้าห้องพี่กรีนไปเค้าสั่นเลยนะพี่บลู"
[กรีนเป็แบบนั้นแหละ ชอบเปิดแอร์เย็น ๆ ตอนป่วย เปิดแอร์ไว้หนาว ๆ แล้วก็ห่มผ้าตั้งหลายชั้น]
"ใช่ ๆ ๆ เค้าเข้าไปพี่กรีนห่มผ้าถึงคอเลย"
[เคยเป็แบบไหนก็แบบนั้นจริง ๆ]
"เค้าต้องทำอะไรบ้างพี่บลู เค้าอยากให้พี่กรีนหายไว ๆ"
[คอยเช็คอุณหภูมิแอร์ในห้องกรีนบ่อย ๆ ก็ได้ตัวเล็ก]
"เค้าปรับแล้วนะ ตอนก่อนออกมา"
[เดี๋ยวก็ลุกมาลดอยู่ดี]
"โอ๊ะ ดื้อนะเนี่ย"
[ดื้อจริง ๆ นั่นแหละ]
"แล้ว ๆ ๆ พวกอาหาร พี่กรีนต้องกินอันไหนอ่ะ?"
[ป๋ายจะเข้าครัวเหรอครับ?]
"ตอนนี้เค้าอยู่ในครัวนะ"
[ไม่ต้องทำดีกว่า เดี๋ยวจะเจ็บตัวเอา ใช้ไฟใช้เตามันอันตรายนะป๋าย]
"ไม่เอา เค้าอยากทำ"
[โอเค ๆ ไม่งอแงค่ะ พี่ให้ทำข้าวต้มให้กรีน โอเคไหม?]
"ได้ เค้าโอเค"
[แต่ตอนทำเธอคุยกับเวย์นะ พี่ต้องเข้าประชุมแล้ว อีกสักพักพี่จะให้เวย์โทรไป ห้ามทำอะไรก่อนเด็ดขาดเลยนะตัวเล็ก]
"เค้ารับทราบ!"
หลังจากนั้นบลูก็วางสายไป คนตัวเล็กนั่งใจจดใจจ่อรอให้เวย์โทรมาบอกวิธีสำหรับการทำข้าวต้มให้กรีน สำหรับกรีนแล้ว บนโลกนี้เหลือคนที่รู้จักเขาเป็อย่างดีอยู่ 2 คน ก็คือบลูกับเวย์ เื่ส่วนตัวบางเื่ที่ตัวกรีนเองยังไม่เคยสังเกตุเห็น บลูกับเวย์ก็รับรู้มัน
อย่างเช่นข้าวต้มที่จะทำในวันนี้ กรีนจะรั้นนิดหน่อยถ้าหากว่าไม่สบาย เกี่ยวกับการกินเช่นกัน เ้าตัวจะไม่รู้ตัวว่าเขาจะเลือกกินใน่ที่เขาป่วย อาหารอ่อนสำหรับคนป่วยอย่างโจ๊กหรือข้าวต้ม กรีนก็เลือกกินโดยที่เขาไม่รู้ตัว จะมีก็แต่บลูกับเวย์ที่สังเกตเห็น ว่าอาหารสำหรับกรีนตอนป่วยเป็แบบไหน
ครืด ครืด~
รอไม่นานเท่าที่คิด สายเรียกเข้าจากเวย์ถึงป๋ายก็เข้ามา ป๋ายไม่รอช้า กดรับอย่างรวดเร็ว
"พี่เวย์"
[ป๋าย กรีนมันป่วยหนักเหรอ?]
"อันไหนคือหนัก เค้าก็ไม่รู้นะพี่เวย์"
[แต่นอนอยู่ ไม่ได้ลุกไปไหนใช่ไหม?]
"ใช่นะ ตอนนี้พี่กรีนนอนห่มผ้าถึงคออยู่บนห้องเลย เค้าต้องขึ้นไปเช็ดตัวให้พี่กรีนเหมือนที่ในละครทำหรือเปล่าพี่เวย์?"
[ตอนนี้ยังไม่ต้องครับ เดี๋ยวให้มันกินข้าวก่อน ถ้าไม่ได้กินข้าวมันก็คงจะนอนอยู่บนเตียงแบบนั้นทั้งวัน]
"ไม่ดีเลย"
[นั่นแหละครับ แล้วเราทำกับข้าวเป็ด้วยเหรอ?]
"แหะ ๆ ไม่นะ แต่เค้าอยากทำ" ป๋ายหัวเราะเบา ๆ ออกมา แล้วก็ตอบคำถามของเวย์
[ไม่เป็ไร สูตรข้าวต้มไอ้กรีนเวลาป่วยมันไม่มีอะไรเลยครับ ทำง่ายมาก อย่างแรกป๋ายเปิดกล้องให้พี่ก่อน]
"เปิดกล้อง อ๋อ ๆ เค้าต้องมาตรงนี้ แล้วก็กดตรงนี้ พี่เวย์เห็นเค้าไหม ๆ" คนตัวเล็กพึมพำกับตัวเองออกมา พยายามใช้ฟังก์ชันในการเปิดกล้องวิดีโอคอลตามที่กรีนเคยสอน
[เห็นแล้วครับ ป๋ายเอาโทรศัพท์ไปพิงไว้ที่ผนังนะ ให้พี่เห็นป๋ายทั้งตัว] พอได้ยินป๋ายก็รีบทำตามคำบอกของเวย์ทันที
หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมแล้ว เวย์ก็เริ่มอธิบายให้ป๋ายฟังทีละขั้นตอนว่าข้าวต้มสำหรับกรีนตอนป่วยต้องทำยังไงบ้าง ซึ่งถ้าถามว่ามันแตกต่างจะข้าวต้มทั่วไปหรือเปล่า มันก็ไม่ได้ต่างมากนัก เพียงแต่ในตอนเด็กที่กรีนป่วย จะเป็พ่อของกรีนที่จะทำข้าวต้มให้
ด้วยความที่บ้านกรีน คนที่ทำงานเป็ส่วนใหญ่ก็คือแม่ ส่วนพ่อจะดูแลความเรียบร้อยในบ้าน แล้วด้วยความที่พ่อของกรีนไม่ได้เป็คนที่ทำอาหารมาั้แ่แรก เลยทำให้ต้องเรียนรู้ตอนที่มาอยู่กันเป็ครอบครัว รสชาติจึงมีความเฉพาะตัว เพราะพ่อของกรีนไม่ได้ปรุงรสตามสูตรในอินเตอร์เน็ต หรือตามที่คนอื่นบอก แต่จะทำการล็อกสูตรก็ต่อเมื่อลูก ๆ ของเขาบอกว่าอร่อย ด้วยความที่ติดรสชาติแบบนั้นมาั้แ่เด็ก เลยทำให้กรีนมักจะโหยหาเวลาที่ไม่สบาย เพราะมีความรู้สึกอ่อนไหว
หลังจากที่พ่อและแม่ของกรีนเสียไป กรีนก็หารสชาติเฉพาะตัวพวกนั้นไม่ได้อีกเลย เขาคิดถึงรสมือของพ่ออยู่ตลอด เพียงแต่ไม่ได้แสดงอะไรออกมาเท่านั้น แต่พอมี่เวลาที่อ่อนไหวและควบคุมความรู้สึกได้ยากอย่างเช่นตอนป่วย ก็เลยทำให้เขาไม่กินอะไรเลยถ้าไม่ใช่รสชาติอาหารที่เหมือนกับอาหารที่พ่อทำ
เวย์อธิบายไปทีละขั้นตอน ซึ่งก็เหมือนกับการต้มข้าวต้มทั่วไป จะแตกต่างก็ตอนที่ปรุงรสเท่านั้นแหละ เพราะกรีนถูกใจอาการที่มีรสเค็มนำรสอื่น แต่ไม่ใช่รสชาติที่เค็มจัด รสเค็มจะต้องนำมาก่อน แต่รสอื่นก็จะต้องตามมาด้วย นั่นคือความยากของการทำอาหารที่กรีนถูกใจ
"อย่างละ 1 ช้อนหมดเลยเหรอพี่เวย์?"
[ใช่ครับ ช้อนเดียวหมดเลย]
"แบบนี้ โอเค" คนตัวเล็กจัดการตวงเครื่องปรุงใส่ช้อนก่อนที่จะเทมันลงไปในหม้อข้าวต้ม โดยปริมาณทุกอย่างแม้กระทั่งข้าว เวย์ได้บอกทุกขั้นตอนอย่างละเอียดหมดแล้ว
[คอยคนด้วยนะป๋าย เดี๋ยวเดี๋ยวข้าวจะไหม้]
"เค้าคน ๆ ตลอดเลย"
[เก่งมาก คนต่อไปอีกประมาณ 4 นาทีแล้วก็กดปิดเตาได้เลยนะครับ พอปิดเตาแล้วก็คนต่ออีก 1 นาทีก็เสร็จแล้ว ไหนชี้ให้พี่ดูหน่อยว่าปุ่มปิดเตาคือปุ่มไหน]
"อันนี้ ๆ" ป๋ายชี้ไปที่ปุ่มที่เวย์ทวนไว้ให้ั้แ่แรกด้วยความมั่นใจ
[ป๋ายเอ้ย อันข้าง ๆ ครับ]
"อ้าว" สีหน้าที่ดูผิดหวังแสดงออกมาเมื่อรู้ตัวว่าตัวเองจำผิด
[ไม่เป็ไร แค่จำใหม่ก็ได้ ไม่ต้องหงอย เดี๋ยวข้าวต้มพี่กรีนไม่อร่อยนะ]
"งั้นเค้าไม่หงอย"
[โอเคครับ 4 นาทีได้แล้วแหละตอนนี้ ป๋ายปิดเตาเลย] พ่อครัวเหมียวจัดการกดปิดเตาตามที่เวย์บอก จากนั้นก็คนข้าวต้มในหม้ออีกประมาณ 1 นาที
"เสร็จแล้ว!"
[เก่งมาก ทีนี้ก็ตักใส่ถ้วยขึ้นไปให้กรีนมันกินได้เลยนะ เดี๋ยวพี่ไปดูหน้าร้านก่อน]
"ได้เลย เค้าขอบคุณพี่เวย์น้า เค้าขอให้พี่เวย์ขายของให้สนุก" เวย์ยิ้มเอ็นดูให้กับคำอวยพรของป๋าย จากนั้นก็โบกมือใส่กล้องแล้วก็กดวางสายไป
ทางพ่อครัวเหมียวตัวน้อยจัดการตักข้าวต้มใส่ถ้วย วางถ้วยลงบนถาดใบกลาง หยิบช้อนที่กรีนมักใช้เป็ประจำวางไว้ข้างถ้วย จากนั้นก็รินน้ำใส่แก้ววางควบคู่กันไป
คนตัวเล็กค่อย ๆ เดินขึ้นบันไดและตรงไปที่ห้องของกรีนทันที มือเล็กบิดที่ลูกบิดประตูอย่างทุลักทุเลก่อนจะดันตัวเข้าไปในห้อง วางถาดข้าวลงที่โต๊ะข้างเตียงของกรีนเบา ๆ จากนั้นก็หันกลับไปปลุกเ้านายคนโปรดของเขา
"พี่กรีน"
"อื้อ" กรีนที่นอนหลับอยู่ขยับตัวยังสะลึมสะลือ
"พี่กรีนลุกขึ้นมากินข้าวก่อนน้า"
"กี่โมงแล้วตัวเล็ก?"
"ตอนนี้ใกล้จะบ่ายโมงแล้ว" คนตัวเล็กหันมองนาฬิกาแล้วตอบกรีนกลับไป
"เธอกินข้าวแล้วใช่ไหม?"
"เค้ากินแล้วตอน 10 โมง ตอนนี้ยังไม่หิวใหม่เลย แต่พี่กรีนต้องลุกมากินข้าวก่อนนะ" ป๋ายพูดขึ้นพร้อมกับส่งมือไปอังหน้าผากของกรีน
"วัดไข้เหรอครับ?"
"ตัวพี่กรีนยังเป็เตาผิงอยู่นะ ต้องเช็ดตัวไหมนะ?"
"ไม่เป็ไรครับป๋ายป๋าย เดี๋ยวพี่ทำเอง"
"เค้าป้อนข้าวต้มก่อน พี่กรีนลุกขึ้น"
กรีนลุกขึ้นตามคำบอกของคนน้อง เขาเลื่อนตัวขึ้นมา เอาหลังและหัวพิงที่หัวเตียงเอาไว้ ป๋ายหยิบโต๊ะตัวเล็กขึ้นมาตั้งไว้บนเตียงของกรีน จากนั้นก็ยกถาดข้าวต้มขึ้นมาวาง มือเล็กคนข้าวต้มในถ้วยก่อนจะตักขึ้นมาเป็คำ เป่าเบา ๆ และจ่อมันไปที่ปากกรีน กรีนยิ้มก่อนจะปากรับ หลังจากที่ได้รับรู้รสชาติของข้าวต้ม กรีนก็เลิกคิ้วขึ้นทันที
"พี่บลูมาเหรอครับ? หรือไอ้เวย์"
"ไม่มีนะ" ป๋ายส่วยหัวเล็ก ๆ
"แล้วใครทำข้าวต้ม?" กรีนแปลกใจเล็กน้อยกับคำตอบของป๋ายที่ว่าไม่มีใครมาที่บ้าน
"เค้า ๆ ๆ เค้าทำ" คนตัวเล็กวางช้อนลงและยกมือขึ้นสูง
"เธอเหรอ?"
"ใช่แล้ว เค้าถามพี่เวย์มา"
"เข้าครัวคนเดียว?"
"ห้ามดุ เค้าทำเพราะเป็ห่วงพี่กรีนน้า กลัวพี่กรีนจะไม่ได้กินข้าว" ป๋ายอธิบายออกมาพร้อมกับปากที่เบะคว่ำลง กรีนที่เห็นแบบนั้นก็หยุดความคิดที่จะดุน้องไป เปลี่ยนเป็ส่งมือไปลูบที่หัวอีกคนแทน
"ขอบคุณครับคนเก่ง"
"พี่กรีนกินอีก ๆ" คนตัวเล็กยิ้มออกมาทันทีหลังจากที่เห็นว่าพี่กรีนของเขาไม่ได้ดุเขาแต่อย่างใด จากนั้นก็จัดการป้อนข้าวต้มคนป่วยต่อไป
กรีนรู้สึกดีมาก ๆ ที่วันนี้คนตัวเล็กทำข้าวต้มมาให้เขา ตัวเขาเองไม่ได้คาดหวังที่จะให้น้องมาดูแลตอนป่วยด้วยซ้ำไป เพราะไม่อยากให้คนมาใกล้ กลัวว่าจะติดไข้จากเขาไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นคือเขาไม่คิดเลยว่าน้องจะเข้าครัวและทำข้าวต้มมาให้เขา มันเป็อีกความรู้สึกหนึ่งที่แทรกขึ้นมา ในตอนแรกที่ถามว่าบลูหรือเวย์มาที่บ้านหรือเปล่าหลังจากที่ได้ชิมข้าวต้ม เพราะรสชาตินี้ หลังจากที่พ่อเขาเสียไปแล้ว ก็คงมีแค่สองคนนี้ที่ทำได้ แต่ในตอนนี้มันก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้ว และเป็คนที่เขารักมากในตอนนี้
หลังจากที่ภารกิจป้อนข้าวต้มคนป่วยเรียบร้อยแล้ว ป๋ายก็ลงมาที่ชั้นล่างของบ้าน จัดการเก็บกวาดอุปกรณ์และวัตถุดิบที่ใช้ในการทำข้าวต้มเมื่อสักครู่ให้เรียบร้อย ล้างถ้วยช้อนและแก้วที่ยกลงมาจากห้องกรีน จากนั้นก็มานั่งคิดเื่ที่ค้างคาอยู่ในใจเขา เป็เื่ที่เพิ่งผุดขึ้นมาในหัว ตอนที่เห็นกรีนกินอาหารที่เขาทำให้
'เรียนทำอาหารดีไหมนะ?'
ด้วยความที่กรีนแสดงออกมาว่าข้าวต้มที่ป๋ายทำรสชาติดี เพราะกรีนยิ้มออกมาตลอดในขณะที่กิน พอเห็นว่ากรีนยิ้ม ป๋ายเองก็ชอบใจเอามาก ๆ เขารู้สึกว่าอย่างน้อยก็ทำประโยชน์อะไรให้กรีนได้ ทำให้กรีนมีความสุขได้ ถ้าในทุกวันได้ทำอาหารรอกรีนกลับมาจากที่ทำงานมันจะมีความสุขขนาดไหน ทั้งกรีนที่ทำงานมาเหนื่อย ๆ ก็จะได้กลับบ้านมากินอะไรอร่อย ๆ ทั้งตัวเขาเองที่จะยิ้มได้ทุกวัน เพราะกรีนได้กินอาหารที่เขาทำ
'แค่คิดเหมียวก็มีความสุขแล้ว!'
ระหว่างที่กรีนพักผ่อนอยู่บนห้อง คนทางด้านล่างก็ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตสำหรับการเริ่มทำอาหาร ป๋ายเลือกเมนูที่เห็นกรีนสั่งอยู่ซ้ำ ๆ เวลาที่ได้ไปกินข้าวด้วยกันที่ร้านอาหาร เพราะคิดว่านั่นอาจจะเป็เมนูโปรดของกรีน
หลังจากที่ศึกษาข้อมูลอยู่สักพัก ป๋ายก็เริ่มลิสต์อุปกรณ์และวัตถุดิบต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในเมนูนี้
"เหมียวต้องไปซื้อของนะ"
พอคิดได้ดังนั้น คนตัวเล็กก็ไม่รอช้า เค้าเขียนโน้ตถึงเ้านายแล้วแปะไว้หน้าประตูห้อง ว่าเขาจะออกไปซื้อของที่ซุปเปอร์มาเก็ต กรีนที่กำลังพักผ่อนก็ไม่ได้รับรู้สิ่งที่คนตัวเล็กจะบอกแต่อย่างใด เพราะถ้ารู้ ก็คงจะไม่ปล่อยให้อีกคนออกจากบ้านแน่นอน
สำหรับวิธีในการเดินทาง คนตัวเล็กเลือกที่จะเรียกรถไป เลือกซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ไปอยู่บ่อย ๆ เพราะเขาคุ้นเคยที่สุด ป๋ายค่อนข้างกังวลกับสิ่งที่กำลังจะทำ เพราะั้แ่มาอยู่กับกรีน เขาไม่เคยออกไปไหนมาไหนคนเดียว แต่ก็เพราะอยากที่จะโตขึ้น อยากทำอะไรให้ได้เยอะขึ้น เลยเลือกที่จะลองทำมัน ทั้งการนั่งรถ การซื้อของ และการทำอาหาร
ซุปเปอร์มาร์เก็ต
"อันนี้ อ้าว หรืออันนี้อ่ะ เหมียวงงไปหมดแล้ว ทำไมหน้าตาเหมือนกันขนาดนี้"
หลังจากที่ถึงซุปเปอร์มาร์เก็ตเรียบร้อยแล้ว ป๋ายก็ไม่รอช้า ตรงไปที่โซนของสดทันที สำหรับวัตถุดิบอย่างอื่นที่ดูรูปก็พอจะรู้ว่าเป็อันไหน ป๋ายก็จัดการหยิบมันใส่ตะกร้าเรียบร้อยแล้ว แต่วัตถุดิบที่หน้าตาคล้ายกันหลายอย่างอย่างผักใบเขียวแต่ละชนิด ป๋ายใช้เวลาเลือกมันอยู่นานมาก ยืนทะเลาะกับตัวเองอยู่สักพัก สุดท้ายก็ตัดสินใจเลือกตามความรู้สึกไป เพราะยังไงเขาก็แยกมันไม่ออกอยู่ดี
"เนื้อหมู กระเทียม ผัก ๆ สีเขียว แครอทสีส้ม" เลือกวัตถุดิบอยู่เป็ชั่วโมงจนครบรายการที่ลิสต์มา จากนั้นก็มายืนทวนแต่ละอย่างที่หยิบมา ถึงแม้ว่าจะไม่แน่ใจในวัตถุดิบบางอย่าง แต่ก็ปล่อยให้มันเป็ไป
ครืด ครืด~
หน้าจอที่โชว์หน้ารายการวัตถุดิบและอุปกรณ์สำหรับทำอาหารในตอนแรก ตอนนี้กลับโชว์สายเรียกเข้าจากเ้านายคนโปรดของเขา ป๋ายกลืนน้ำลายก่อนจะกดรับสาย
[ป๋ายป๋าย]
"แหะ ๆ เค้ามาซื้อของน้า"
[เดี๋ยวจะโดนดุจริง ๆ แล้วนะ ออกไปคนเดียวแบบนี้ได้ยังไง?]
"ก็เค้าต้องซื้อของจริง ๆ"
[แล้วทำไมไม่บอกพี่]
"เค้าบอกแล้วน้า กระดาษที่หน้าประตู"
[หมายถึงบอกให้พี่พาไป]
"ไม่เอาซี่ พี่กรีนตัวเป็เตาผิงอยู่ จะพาเค้ามาได้ยังไง ต้องพักผ่อนนะ นอนเยอะ ๆ"
[จริง ๆ เลยนะป๋าย แล้วนี่เธอไปที่ไหน?]
"ก็ ที่ที่พี่มาเค้ามาซื้อขนมบ่อย ๆ"
[จำได้หรือไงว่าเขาจ่ายเงินกันยังไง?]
"จำได้ ๆ เค้าหยิบบัตรสี่เหลี่ยมที่พี่กรีนให้มา แค่ยื่นให้พี่คนสวยที่เคาน์เตอร์ก็เรียบร้อยแล้ว"
[ทีแบบนี้ล่ะจำดีนะตัวเล็ก รีบกลับมานะครับ เดี๋ยวพลังงานก็หมดอีก เธออยู่หน้าเตาทำข้าวต้มให้พี่นั่นก็ใช้พลังงานเยอะแล้วนะรู้ไหม?]
"เค้ารับทราบ กำลังจะไปติ๊ด ๆ แล้ว"
[โอเคครับ ถ้าหลงให้รีบบอกพี่เลยนะ]
"โอเคเลย!"
'พี่กรีนจะต้องได้กินอาหารที่อร่อยที่สุดจากเหมียวป๋ายป๋าย!'