ผู้ที่เคยเป็ศิษย์ของนิกายหยุนไห่ต่างลุกขึ้นและจ้องหลินเฟิงเขม็งราวกับอยากมองให้ชัดกว่านี้ หรือพูดให้ถูกก็คือพวกเขามองไปยังแหวนที่หลินเฟิงสวมอยู่
ไม่นาน หลินเฟิงก็ชักมือกลับมาไพล่หลังแล้วพูดกับพวกเขาว่า “ผู้ที่ยินดีจะติดตามข้าจงยืนขึ้น”
หัวใจของศิษย์จากนิกายหยุนไห่ต่างเต้นไม่เป็จังหวะ ในดวงตาของพวกเขาปรากฏแสงแห่งความหวังขึ้นมา แหวนวงนั้นเป็ของท่านประมุข แสดงว่าหลินเฟิงกับพวกเขาล้วนเหมือนกัน เป็ศิษย์จากนิกายหยุนไห่เหมือนพวกเขา!
“ข้ายินดีที่จะติดตามท่าน”
ในตอนนั้นเองร่างหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหน้ากรง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น
“ข้าก็ยินดีที่จะติดตามท่านด้วยเช่นกัน”
“ข้าด้วย”
เหล่าทาสเริ่มแสดงตัวและลุกขึ้นยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ฉากดังกล่าวสร้างความตกตะลึงให้กับพ่อค้าทาสเป็อย่างมาก ดวงตาของเขาฉายแววงงงวยเล็กน้อย ทำไมทาสเหล่านี้ถึงยินดีติดตามหลินเฟิงไป? ไม่ใช่ว่าหลินเฟิง้าพาพวกมันไปตายหรอกหรือ?
หรือว่าพวกมันไม่ชอบถูกขังรวม?
ป้าเตาและอีเสวี่ยก็รู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์ตรงหน้า พวกเขามองไปที่หลินเฟิงด้วยสายตาสงสัย ทั้งที่หลินเฟิงก็พูดอย่างชัดเจนแล้วว่าจะใช้พวกเขาเป็ตัวเปิดทางเข้าป่า แล้วทำไมคนพวกนี้ถึงยินดีที่จะไป?
ผ่านไปสักพักก็มีทาสผู้ฝึกยุทธ์มากกว่า 30 คนที่ยืนขึ้นและเดินมาด้านหน้ากรง ทำให้หลินเฟิงรู้สึกซาบซึ้งใจ ดูเหมือนจะมีผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์สังหารหมู่ที่นิกายหยุนไห่เป็จำนวนไม่น้อย ถึงแม้พวกเขาจะไม่ถูกสังหาร แต่สุดท้ายก็ถูกบังคับให้กลายเป็ทาส บางคนต้องตายไประหว่างการต่อสู้บนลานประลองเชลย ส่วนบางคนก็ถูกประมูลขาย
“ปล่อยพวกเขาออกมา ข้า้าทาสเหล่านี้”
หลินเฟิงกล่าวอย่างเฉยชา ทำให้ดวงตาของพ่อค้าเปล่งประกายขึ้น เขารีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าในใจจะนึกสงสัยอยู่บ้าง ทว่าโอกาสขายทาสเป็จำนวนมากขนาดนี้ใช่ว่าจะมีง่ายๆ เขาจะเอาไปทำอะไรก็เื่ของเขา
“ท่านแน่ใจหรือว่าท่าน้าให้ข้าปล่อยทาสเหล่านี้ออกมา?” ทันใดนั้นดวงตาพราวระยับของพ่อค้าทาสก็เปลี่ยนเป็จริงจัง ราวกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน แม้แต่อารมณ์ก็เปลี่ยนไป
หลินเฟิงมองพ่อค้าทาสด้วยสายตาประหลาด แต่ทันใดนั้นเขาก็นึกบางอย่างขึ้นได้ พ่อค้าทาสอาจกังวลว่าหลินเฟิงแข็งแกร่งไม่พอที่จะควบคุมทาสเหล่านี้ อย่าลืมไปว่าพวกเขาทั้งหมดล้วนเป็ทาสผู้ฝึกยุทธ์
“ปล่อยออกมาเถอะ” หลินเฟิงพยักหน้า เขาเข้าใจความกังวลของพ่อค้าทาส แต่หลินเฟิงจำเป็ต้องกังวลว่าจะควบคุมพวกเขาไม่ได้ด้วยเหรอ?
“หากท่านยืนยันเช่นนั้น ข้าก็จะปล่อยพวกมัน” พ่อค้าทาสคนนั้นกล่าวพลางพยักหน้า จากนั้นพ่อค้าทาสก็เดินไปยังประตูกรงเพื่อปลดล็อกโซ่ที่ล่ามไว้ และเปิดประตูกรง เขาหันไปพูดกับทาสเ่าั้ว่า “ผู้ที่เต็มใจจะติดตามเขาจงก้าวออกมาทีละคน หากพวกเ้ากล้าตุกติก โทษสถานเดียวคือตาย!”
เมื่อพ่อค้าทาสกล่าวจบ เขาก็ปลดปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงออกมา ทำให้หลินเฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย
แข็งแกร่งมาก อย่างน้อยการบ่มเพาะของพ่อค้าทาสคนนี้ จะต้องอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 7
ทาสเ่าั้ต่างก้มหน้าลง ก่อนจะพากันเดินออกจากกรงทีละคน ขณะเดียวกันหัวใจของพวกเขาก็เต้นโครมครามด้วยความตื่นเต้น พวกเขาจ้องมองหลินเฟิงอย่างกระตือรือร้น ไม่ช้า… ทาสทั้ง 32 คนก็มายืนอยู่เื้ัหลินเฟิง
“ทั้งหมดเท่าไร?” หลินเฟิงถามเสียงเรียบ
“ทาส 8 คนอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 1 จำนวน 9 คนอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 2 ทาส 7 คนอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 3 อีก 5 คนอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 4 ทาสจำนวน 3 คนอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 5 และอีก 1 คนอยู่ในขอบเขตแห่งจิติญญาขั้นที่ 6 ทั้งหมดเป็หินหยวนระดับกลาง 3,400 ก้อนขอรับ”
พ่อค้ากล่าวหลังจากคำนวณอย่างถี่ถ้วน
หลินเฟิงพยักหน้าก่อนจะแบมือออก ทันใดนั้นบนฝ่ามือก็ปรากฏแสงสว่างขึ้น หยวนชี่ฟ้าดินพลันหลั่งไหลมารวมกันบนฝ่ามือของเขาอย่างหนาแน่น ไม่ช้า… บนฝ่ามือของหลินเฟิงก็ปรากฏหินหยวนเป็จำนวนมาก
“แหวนมิติ!”
พ่อค้าทาสพลันตกตะลึง คนคนนี้มีแหวนมิติ?! ดูเหมือนว่าตัวตนของคนคนนี้จะไม่ธรรมดาเสียแล้ว
“ลองนับดู!”
หลินเฟิงวางหินหยวนลงบนพื้นขณะที่กล่าวออกมา
พ่อค้าทาสมองกองหินหยวนที่พื้นและยิ้มกว้าง “ไม่ต้องนับหรอก เชิญท่านพาทาสเหล่านี้กลับไปได้เลย”
“อืม” หลินเฟิงพยักหน้าและหันกลับไปมองทุกคน ก่อนจะกล่าวว่า “ตามข้ามา”
พูดจบหลินเฟิงก็เดินนำออกไป ทาสผู้ฝึกยุทธ์ทั้ง 32 คนก็เดินตามหลังหลินเฟิงไปเงียบๆ เป็ระเบียบจนน่าใ
เหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยเกิดขึ้นในการซื้อขายทาส ช่างน่าประหลาดใจนัก คนเหล่านี้ดูเหมือนเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของหลินเฟิงก็ไม่ปาน พวกเขาแต่ละคนต่างเดินตามหลินเฟิงอย่างเป็ระเบียบราวกับทหาร
พ่อค้าทาสคนนั้นมองไล่หลังกลุ่มหลินเฟิงไปด้วยความประหลาดใจ แววตาของเขาปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา ก่อนจะะโว่า “นายน้อยโปรดเดินทางดีๆ นะขอรับ!”
การเดินไปบนถนนใหญ่พร้อมกับคนทั้ง 32 คนที่มีตราประทับอยู่บนใบหน้า จะไม่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนรอบข้างได้อย่างไร? ขนาดอยู่ในตลาดซื้อขายทาสยังเรียกความสนใจได้มากขนาดนี้ ถ้าหากออกไปข้างนอกก็ยิ่งกลายเป็จุดสนใจของผู้คนเป็จำนวนมากทันที
…
ในคฤหาสน์ที่ไม่ไกลจากสำนักเทียนอี้ หลินเฟิง ป้าเตา อีเสวี่ยและทาสทั้ง 32 คนต่างเดินเข้ามาที่ลานกว้างในคฤหาสน์ ซึ่งมีูเาจำลองและศาลาตั้งอยู่ นอกจากนี้ยังมีสะพานข้ามแม่น้ำเล็กๆ พาดเหนือสระน้ำขนาดกลาง มองเผินๆ ดูเหมือนทะเลสาบก็ไม่ปาน
ที่นี่คือคฤหาสน์ที่หลินเฟิงเพิ่งซื้อมา เขาใช้หินหยวนระดับกลางถึง 500 ก้อนในการซื้อคฤหาสน์หลังนี้มา นับได้ว่าเป็ราคาที่สูงลิ่ว
แต่หลินเฟิงจำเป็ต้องซื้อสถานที่แห่งนี้ เพราะมันใกล้กับสำนักเทียนอี้ที่สุดแล้ว ถึงแม้ว่าหลินเฟิงจะได้รับอภิสิทธิ์จากสำนักเทียนอี้ แต่เขาก็ไม่อยากให้ทุกคนล่วงรู้ทุกการเคลื่อนไหวของเขา นอกจากนี้หลินเฟิงไม่สามารถนำศิษย์จากนิกายหยุนไห่จำนวนมาก เข้าไปเรียนในสำนักเทียนอี้ได้ มันคงดูไม่ดีเท่าไร
ทาสทุกคนที่มาจากนิกายหยุนไห่ล้วนจ้องไปที่หลินเฟิงอย่างตั้งตารอ พวกเขาต่างรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย และอยากรู้ว่าภายใต้หน้ากากสีเงินนั้นจะมีโฉมหน้าเป็อย่างไร?
คนที่มีแหวนของท่านประมุขได้ เป็ใครกัน?
หลินเฟิงกวาดสายตามองพวกเขาด้วยแววตาสงบนิ่ง ก่อนเปิดปากพูดออกมาว่า “พวกเ้าคงผ่านความลำบากมามากสินะ”
กล่าวจบเขาก็ยกมือขึ้นถอดหน้ากาก ท่ามกลางสายตาจับจ้องของทุกคน วินาทีที่หน้ากากถูกดึงออก หัวใจของพวกเขาแทบหยุดเต้น
“อึก!”
เมื่อได้เห็นโฉมหน้าของหลินเฟิง หัวใจของทุกคนพลันเต้นระรัวอย่างใ ไม่มีใครในนิกายหยุนไห่ที่ไม่รู้จักอัจฉริยะฟ้าประทานอย่างหลินเฟิง!!!
ในอดีต หลินเฟิงเป็สุดยอดอัจฉริยะที่โดดเด่นที่สุดของนิกาย เขาสังหารศิษย์สายในของนิกายเป็จำนวนมาก อีกทั้งยังสามารถล้มเหวินเริ่นเหยียน ศิษย์สายในอันดับหนึ่งได้อย่างง่ายดาย
หลินเฟิงเป็คนเดียวที่กล้าทวงถามถึงการลงโทษผู้าุโจากท่านประมุข
ในตอนนั้นทุกคนต่างก็คิดว่าหลินเฟิงคือความหวังของนิกาย และสักวันหนึ่งหลินเฟิงจะนำพานิกายกลับไปสู่ความรุ่งโรจน์อีกครั้ง
แต่ยังไม่ทันได้จะเริ่ม นิกายก็ล่มสลายลงไปเสียก่อน
และในวันนี้พวกเขาก็ได้เห็นหลินเฟิงด้วยตาของตัวเองอีกครั้ง ศิษย์อัจฉริยะของนิกายหยุนไห่ในวันวาน ผู้ซึ่งยึดมั่นในแนวทางของตัวเองและปฏิเสธคำชวนของต้วนเทียนหลางโดยไม่ลังเล ทันใดนั้นหัวใจของพวกเขาก็พลันสั่นไหวขึ้นมา
หลินเฟิงยังมีชีวิตอยู่จริงๆ!
นอกจากนี้หลินเฟิงยังช่วยพวกเขาออกมาจากตลาดค้าทาส ทำให้พวกเขาไม่ต้องถูกปฏิบัติเหมือนทาส และไม่ต้องทนกับความอัปยศอีกต่อไป
“ไม่จำเป็ต้องมองข้าแบบนั้นและไม่ต้องดีใจเกินไปด้วย อย่าลืมสิว่าบนใบหน้าของพวกเ้ายังมีตราประทับทาสอยู่ และในใจของพวกเ้าก็ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกอัปยศที่ไม่สิ้นสุด” เมื่อหลินเฟิงเห็นสายตายินดีของพวกเขาก็พ่นวาจาดับอารมณ์อย่างเ็า และวาจาที่โหดร้ายนั่นก็ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งใจ ใช่แล้ว บนใบหน้าของพวกเขายังคงมีตราประทับทาส ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่อาจหลุดพ้นจากตราประทับนี้ได้ พวกเขายังคงมีสถานะเป็ทาสเช่นนั้น
“พวกเ้าลืมไปแล้วหรือว่านิกายของพวกเราถูกทำลายยังไง? พวกเ้ายังจดจำใบหน้าของคนที่ยัดเยียดตราประทับเหล่านี้ไว้บนหน้าของพวกเ้าได้หรือไม่?” หลินเฟิงกล่าวออกมาช้าๆ ทำให้ในใจของทุกคนเกิดความเคียดแค้นขึ้น ต้วนเทียนหลาง… เป็มัน!!! มันทำลายนิกายของพวกเขาและเป็คนที่ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็ทาส
“เพราะนิกายหยุนไห่ไร้พลังถึงได้ถูกทำลายลง ก็เหมือนกับพวกเ้าเพราะพวกเ้าอ่อนแอ ดังนั้นพวกเขาถึงสามารถประทับตราทาสไว้ที่หน้าของพวกเ้าได้ ข่มเหงรังแกหรือแม้แต่ปฏิบัติต่อพวกเ้าราวกับไม่ใช่คน!” หลินเฟิงพูดเสียงเข้มขึ้นมา “หากในอนาคตพวกเ้ายังอ่อนแอเช่นนี้ สุดท้ายก็ไม่อาจหลุดพ้นจากชะตากรรมที่น่าอดสูไปได้ พวกเ้าจะยังคงเป็ทาส และสักวันหนึ่งพวกเ้าอาจถูกคนที่แข็งแกร่งกว่าจับพวกเ้านำไปขายเป็ทาสเช่นเดิม และท้ายที่สุดก็ถูกปฏิบัติเหมือนสัตว์เดรัจฉานตัวหนึ่ง!!”
แม้คำพูดของหลินเฟิงจะโหดร้ายไปบ้าง แต่ทุกประโยคก็ทำให้หัวใจของทุกคนเต้นเร็วขึ้น หากพวกเขาไม่แข็งแกร่งขึ้นก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงโชคชะตาได้
“หากไม่อยากถูกรังแก ถูกปฏิบัติเหมือนทาส ถูกผู้อื่นรังแกและอยากหลุดพ้นจากความเ็ป ความอัปยศ... หากอยากเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเอง ก็มีแค่ทางเดียวเท่านั้น” หลินเฟิงหยุดไปชั่วครู่ ก่อนจะกวาดสายตามองทุกคน “พวกเ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น! แข็งแกร่งขึ้นไปเรื่อยๆ! เฉพาะผู้ที่มีพลังเท่านั้นที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองได้!”