หร่านซวี่จือใช้เวลาทั้งคืนในการอ่านรายละเอียดรายรับรายจ่ายด้านการเงินของหอใบไม้ผลิสำราญทั้งหมดในหลายปีมานี้จนตาลายและสมองเบลอ เมื่อตื่นมาในตอนเช้าก็ถึงกับลืมตาไม่ขึ้น
วันนี้อากาศไม่เลว หร่านซวี่จือจึงเดินออกไปด้านนอก คนในหอเยวี่ยชุนโหลวเริ่มทำงานกันั้แ่เช้าตรู่ เมื่อเห็นหร่านซวี่จือออกมาจากห้องก็ไม่มีใครใ เพราะถึงอย่างไรร่างเดิมก็ตื่นนอนเวลาเช่นนี้เป็ประจำอยู่แล้ว
หอเยวี่ยชุนนั้นมีพื้นที่กว้างขวาง บริเวณด้านหลังมีเรือนสวนหย่อมแยกออกไปต่างหาก หร่านซวี่จือก็เดินไปทางประตูหลังเพื่อไปสำรวจดูเรือนสวนหย่อม
เรือนสวนหย่อมนั้นมีบ่อน้ำอยู่แห่งหนึ่ง หร่านซวี่จือเดินไปที่บ่อน้ำนั้นแล้วตักน้ำขึ้นมาหนึ่งกะละมังเพื่อล้างหน้า
เขาตักน้ำขึ้นมาครึ่งถังแล้วเทลงบนกะละมังไม้ น้ำใสจนสะท้อนเงาใบหน้าของเ้าสำนักชิงหยาเก๋อออกมาบนผิวน้ำ
หน้าตาของร่างเดิมนั้นจะคล้ายคลึงกับหร่านซวี่จือในโลกปัจจุบัน โดยเฉพาะดวงตากับจมูก ด้วยความที่ร่างเดิมจะเป็ลูกผู้ลากมากดีทำให้หน้าตาไม่เลวทีเดียว อีกทั้งการนุ่งห่มด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราระดับสูง ในยามปกติเขามักจะพกพัดพับ เมื่อมองจากที่ไกลๆ ก็มักจะโดดเด่นเหนือผู้คน ความหล่อเหลาองอาจเช่นนี้นี่เองที่สามารถหลอกลวงเด็กหนุ่มได้นับไม่ถ้วน
เดาว่าจินเฟิงในอดีตก็คงถูกครอบงำด้วยเหตุนี้
หร่านซวี่จือใช้น้ำล้างหน้าเพื่อทำทำให้สมองตื่นตัว
ขณะนั้นเอง ก็มีเสียงของคนทะเลาะกันดังขึ้นที่ข้างหู
เมื่อหร่านซวี่จือเงยศีรษะขึ้น พลางใช้แขนเสื้อเช็ดหยดน้ำบนใบหน้า จากนั้นก็กวาดตามองรอบทิศและรู้สึกว่าเสียงนั้นดังขึ้นเรื่อยๆ
ใครกำลังโหวกเหวกโวยวายแถวนี้?
หร่านซวี่จือขมวดคิ้วแล้วย่างเท้าไปตามทิศทางต้นเสียง
หลังจากที่เดินอ้อมแปลงดอกไม้ไป หร่านซวี่จือเห็นชายหนุ่มกับหญิงสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นท้อที่อยู่ไม่ไกลออกไป ชายหนุ่มนั้นแต่งตัวดูดีและกำลังถลึงตาอยู่ เขามีหยกประจำตัวเหน็บอยู่ตรงเอว มองดูแล้วประหนึ่งว่าเป็คุณชายบ้านเศรษฐี
ส่วนหญิงสาวสวมชุดสีฟ้า รูปร่างสะโอดสะอง ใบหน้าของเธอสวยเพริศพริ้งดุจกลีบดอกไม้บนต้นท้อ เจิดจ้าเป็ประกาย ขณะที่หร่านซวี่จือมองจากที่ไกลๆ ก็เกิดความรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเข้าใกล้ ก็ยิ่งพบจุดที่น่าแปลกประหลาด สุดท้ายถึงกับตกตะลึง
รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวคนนี้นั้นเหมือนกับไป๋หลิงฮัวไม่มีผิด
หร่านซวี่จือหยุดฝีเท้าไว้กับที่ เขาเม้มริมฝีปากแน่นเพราะเกิดความเ็ปในเบื้องลึกของหัวใจ
แรงดึงดูดของฐานข้อมูล เื่นี้หร่านซวี่จือรู้ชัดเจนดี แม้จะรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีทางเป็ไป๋หลิงฮัวในโลกที่แล้ว แต่หร่านซวี่จือก็ยังมิอาจควบคุมความขมขื่นและรู้สึกผิดในใจไม่ได้
ชายหนุ่มคนนั้นมองหญิงสาวที่คล้ายไป๋หลิงฮัวด้วยสายตาเดือดดาลและง้างมือขึ้นสูง เมื่อเห็นว่ากำลังจะฟาดลงบนใบหน้าของหญิงสาว หัวใจของหร่านซวี่จือบีบเกร็ง เขารีบรุดเดินหน้าหลายก้าวและคว้าข้อมือของชายหนุ่มคนนั้นไว้ได้ทันในเสี้ยววิสุดท้าย
เมื่อหร่านซวี่จือเดินไปใกล้สองคนนั้น ข้อมูลที่สอดคล้องกันก็แสดงขึ้นในสมอง
หญิงสาวมีนามว่าหลิงอวิ้นเป็คณิกาในหอเยวี่ยชุน แต่เดิมถูกพ่อแม่บังคับขายเข้ามายังหอนางโลม มีนิสัยโดดเดี่ยวจองหองและทิฐิสูง มักจะปฏิเสธแขกอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นแม้ว่ารูปโฉมจะงดงามแต่กลับไม่ใช่อันดับต้นๆ ของหอเยวี่ยชุน
มิน่า หร่านซวี่จือถึงไม่เคยเจอ
ชายหนุ่มที่หมายจะทำร้ายหลิงอวิ้นเป็คุณชายจากตระกูลเศรษฐีที่มีอำนาจในละแวกนี้ ครั้งแรกที่มาหอเยวี่ยชุน เขาก็ตะลึงกับรูปโฉมอันงดงามดุจเทพธิดาของหลิงอวิ้น หลงใหลได้ปลื้มอย่างมากและ้าคบหากับหลิงอวิ้น แต่กลับถูกปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงทั้งโกรธเคืองและอับอาย
“เ้าเสนอหน้ามาจากไหนกัน! ” คุณชายลูกเศรษฐีโกรธจนหน้าดำหน้าแดง ชี้หน้าหร่านซวี่จือพร้อมกับด่ากราด “ดูท่าทางเ้าสิ! เดาว่าเ้าคงเป็พวกขายประตูหลังอยู่ที่หอนางโลมแห่งนี้สินะ รู้หรือเปล่าว่าข้าคือใคร? เชื่อหรือไม่ ว่าข้าจะทำให้เ้าไปอยู่ที่ตลาดมืด! ”
ตลาดมืดคือแหล่งค้าทาสแห่งหนึ่งในเมืองนี้ แน่นอนว่าทาสเหล่านี้ต่างจากทาสรับใช้ทั่วไป ซึ่งมันคือทาสในอีกแง่มุมหนึ่ง สำหรับผู้ชายแล้วนับว่าเป็การถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรีเป็ที่สุด
หร่านซวี่จือทำแววตาเ็า “เ้าว่าอะไรนะ? ”
“หูหนวกหรือไง! ต้องให้ข้าพูดอีกครั้ง!” คุณชายลูกเศรษฐีด่ากราดต่อ “ข้าบอกว่าเ้าคือคนขายประตูหลัง…”
เมื่อสิ้นเสียง ชายหนุ่มก็เห็นเพียงใบมีดแหลมคมครึ่งนิ้วโฉบผ่านใบหน้าของเขาไปแล้วปักเข้ากับกลีบใบไม้ร่วงที่ปลิวอยู่ด้านหลัง
เืสดไหลซิบออกมาจากาแ คนผู้นั้นถึงกับสะดุ้งจนนั่งฮวบลงกับพื้น มือกุมใบหน้าแล้วชี้มาที่หร่านซวี่จือ นิ้วมือนั้นสั่นระริก “เ้าๆๆ…”
หร่านซวี่จือชักมือกลับมา แววตานั้นเย็นะเืดุจน้ำแข็ง “ไม่อยากตายก็รีบไสหัวไป”
คุณชายลูกเศรษฐีนั้นใจนใบหน้าซีดเผือด แม้จะอยากพูดต่อแต่กลับรีบกุลีกุจอลุกขึ้นจากพื้น ปากก็ด่าไประหว่างที่ถอยหนีไป
หลิงอวิ้นที่อยู่ด้านหลังแววตาสั่นไหวแต่ยังคงมีใบหน้ายโสจองหองไม่ต่างไปจากเดิม จากนั้นเธอก็โน้มตัวลงเอ่ยกับหร่านซวี่จือเสียงค่อย “ขอบพระคุณนายท่าน”
หร่านซวี่จือเองก็ไม่ได้พูดอะไรพร้อมกับโบกมือ จากนั้นหันหลังแล้วเดินจากไป
ขณะที่รับประทานอาหารค่ำ หร่านซวี่จือให้หวังเซวียนเรียกทุกคนมารวมตัวกัน สถานที่รวมตัวกันคือชั้นหนึ่งของหอเยวี่ยชุน ส่วนเขานั้นยืนอยู่บนชั้นสอง กล่าววาจาดั่งผู้นำ
“เพื่อเป็การยกระดับรายรับของหอเยวี่ยชุน ตอนนี้เราจำต้องเปลี่ยนแปลงเื่ราวบางประการ” หร่านซวี่จือกระแอมเพื่อทำให้ลำคอโล่ง “นับั้แ่นี้ไป ภายในเวลาหนึ่งเดือน คนที่สามารถขึ้นมาเป็รายชื่อห้าอันดับต้น จักได้รับรายได้เป็สองเท่าจากตอนนี้ ระยะเวลาในการติดสัญญาซื้อขายถือเป็โมฆะ ั้แ่วันนี้ไปขอเพียงเก็บสะสมยอดได้ตามที่ตั้งไว้ก็สามารถมารับสัญญาซื้อขายตัวที่ข้าได้เลย”
เมื่อคำพูดนี้ออกมา คนด้านล่างถึงกับหันมองหน้ากัน แววตาเ่าั้มีความตื่นเต้นอย่างน่าเหลือเชื่อและฉายออกมาอย่างปิดบังไม่มิด
นอกเหนือจากนี้ หร่านซวี่จือยังเพิ่มรายการแสดงอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมและกำชับให้หวังเซวียนรับคนที่หลากหลายเข้ามา สำหรับผู้ที่รูปร่างหน้าตาไม่เหมาะสมกับการเป็คณิกาหรือขันทีก็ให้เปลี่ยนไปเป็พ่อครัวหรือเสี่ยวเอ้อ
หร่านซวี่จือใช้ระยะเวลาสั้นๆ เพียงสองวัน ทำให้ทุกคนเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อตัวเขา เถ้าแก่นั้นไม่อาละวาดโมโหอย่างไม่มีสาเหตุ แล้วยังคิดปรับปรุงพัฒนาหอเยวี่ยชุน สิ่งนี้มันสร้างความเหลือเชื่อให้แก่ผู้คนอย่างมากมาย
ค่ำคืนหลังจากผ่านพ้นไปสองวัน หร่านซวี่จือกำลังดูรายการบัญชีอยู่ในห้อง ก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง
“อิ่ง” หร่านซวี่จือโบกมือโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นแต่อย่างใด
เงาดำปรากฏขึ้นนอกหน้าต่าง ฉับพลันนั้น ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่สวมชุดดำและปกปิดใบหน้าทั้งหมด มีกระบี่ยาวพาดหลังอยู่หนึ่งเล่มก็ะโพลิกตัวเข้ามาจากหน้าต่าง แล้วยืนอยู่ตรงหน้าหร่านซวี่จือ เอ่ยด้วยความเคารพ “นายท่านหร่านซวี่จือ ได้ข่าวของคุณชายน้อยแล้วขอรับ”
“หืม? ” หร่านซวี่จือเลิกคิ้ว “ตอนนี้เขาอยู่ที่ใด? ”
อิ่งตอบ “ตำแหน่งในตอนนี้ คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่สะพานชีิ่ซึ่งอยู่ติดกับหอเยวี่ยชุน ทว่า สถานการณ์ของคุณชายน้อยไม่สู้ดีนักขอรับ”
เมื่ออิ่งนำทางหร่านซวี่จือมาถึงที่ ใต้สะพานชีิ่ก็มีความเคลื่อนไหวบางอย่าง
มีชายหนุ่มสี่ห้าคนกำลังล้อมเด็กน้อยคนหนึ่งไว้ ขณะที่ด่าทอก็ใช้เท้าและหมัดทำร้ายต่อยตีเด็กคนนั้นด้วยเรี่ยวแรงมหาศาล ห่างออกไปไม่กี่ก้าวจะได้ยินเสียงเท้าเตะเข้ากับเนื้อหนังดังขึ้นต่อเนื่อง
หร่านซวี่จือรับกระบี่ยาวที่อิ่งยื่นมาให้แล้วเดินหน้าหลายก้าว เท้าแตะพื้นพร้อมกับสะบัดข้อมือหนึ่งที กระบี่ยาวก็เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วพาดผ่านลำคอของคนสองคน พร้อมกันนั้นก็มีเืสีแดงสดสาดกระจาย
สองคนนั้นยังไม่ทันรู้ตัว ร่างกายกับศีรษะก็แยกออกจากกันเสียแล้ว ศีรษะร่วงหล่นบนพื้นดัง “ตุ้บ” พร้อมกับดวงตาที่ยังเบิกกว้าง
คนอื่นๆ ถึงกับตะลึงงัน ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มองดูศพของพวกพ้องอย่างไม่น่าเชื่อ หลายวินาทีหลังจากนั้นก็รีบคลานหนีไป