หลังจากลูกน้องแยกย้ายกลับไปหมด ร้านเต้าฮวยของเสิ่นม่านก็หาได้รับผลกระทบอะไรไม่ กลับกันยิ่งขายดีกว่าเดิม เพียงแต่คนที่มากินเริ่มมีท่าทีนอบน้อมต่อนางมากขึ้น?
ยกเว้นหนิงโม่ที่ยังคงมองนางว่าเป็คนโง่เขลาเฉกเช่นปกติ
ขณะใกล้จะปิดร้าน พ่อบ้านจางก็มา พอเจอนางก็อดไม่ได้ที่จะตะลึง “แม่นางเสิ่น เ้าดูเหมือนจะ… อุดมสมบูรณ์กว่าเดิมอีกนะ”
รอยยิ้มเป็มิตรของเสิ่นม่านหุบลงทันใด หนิงโม่หัวเราะพร้อมซ้ำเติมเข้าไปอีก
“ใช่แล้ว นางบวมน้ำน่ะ”
เสิ่นม่านกัดฟันกรอด คนบางคนหากไม่จำเป็ต้องมีปาก ได้โปรดบริจาคให้คนที่ใช้ประโยชน์ได้ดีกว่า ขอบคุณ
หากสามารถทำได้ นางหวังให้ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี้เป็ใบ้ไปเสีย
หลังจากทิ้งแผงลอยให้เป็หน้าที่ของหนิงโม่กับเด็กทั้งสาม นางก็ไปหยิบนมผงที่ทำเสร็จเมื่อคืนมาและตามจางอี้ไปจวนตระกูลจาง
นมผงผ่านการทดลองชิมจากเด็กๆ แล้ว กระทั่งหนิงโม่ที่เลือกกินก็ไม่มีสิ่งผิดปกติใดเกิดขึ้น ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเื่ผลข้างเคียง
ช่างน่าขำ ในฐานะแม่ครัวขั้นเทพ หากไร้ซึ่งความสามารถแค่นี้ แล้วจะครองโลกได้อย่างไร?
เมื่อถึงจวนตระกูลจาง นางส่งนมผงให้สาวใช้ผสมน้ำอุ่นให้อวิ๋นเอ๋อร์ดื่ม เด็กน้อยชอบรสชาติอย่างไม่ต้องสงสัย
นางเฉินเห็นดังนั้นก็ปลื้มปีติเหลือคณา
“สองวันที่ผ่านมาอวิ๋นเอ๋อร์ได้ดื่มนมถั่วเหลืองของแม่นางเสิ่น เริ่มมีเรี่ยวแรงขึ้นมาก ทั้งยังไม่อาเจียนหรือถ่ายเหลว เมื่อวานยังมีแรงหัวเราะกับข้าด้วย!”
เสิ่นม่านต่อบทสนทนาอย่างลื่นไหล “ดีเหลือเกิน นมผงนี้ยิ่งบำรุงดีกว่านมถั่วเหลืองมากนัก หลังเด็กได้ดื่มรับรองว่าต้องแข็งแรง ต่อไปร่างกายย่อมไม่อ่อนแอกว่าเด็กบ้านอื่นแน่!”
“ขอให้เป็ดั่งที่แม่นางเสิ่นกล่าว ผู้เป็มารดาหวังเพียงให้ลูกปลอดภัยแข็งแรงจนเติบใหญ่ก็ดีแล้ว”
นางเฉินถอนหายใจ เสิ่นม่านยิ้มแย้ม จากนั้นได้ยินจางอี้ที่ปรนนิบัติอยู่ข้างๆ เอ่ยขึ้นอย่างระมัดระวัง “แม่นางเสิ่น ข้า้าถามว่า เด็กน้อยทั่วไปสามารถดื่มนมนี้ได้หรือไม่?”
“หืม?” เสิ่นม่านเลิกคิ้วมองไปที่จางอี้
จางอี้ยิ้มและพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “คือว่า ภรรยาข้าเพิ่งจะคลอดลูก ร่างกายอ่อนแอไม่รับการบำรุง เด็กน้อยจึงไม่ค่อยมีนมให้ดื่มและมักจะร้องไห้ แม่นมก็ไม่ค่อยสะดวก ข้าจึงอยากถามว่า นมผงนี้ราคาแพงหรือไม่ มีสรรพคุณอย่างไร ลูกของข้าดื่มได้หรือไม่?”
“แน่นอนว่าสามารถดื่มได้” เสิ่นม่านมองเขาอย่างมั่นอกมั่นใจ
“นมผงของข้าคิดค้นมาเพื่อเด็กที่ไม่สามารถดื่มนมจากเต้าได้ เพียงแต่ราคาอาจจะแพงกว่าสักหน่อย นมผงหนึ่งถังราคาห้าตำลึง หนึ่งถังสามารถดื่มได้ราวสองเดือน”
เสิ่นม่านเสนอราคาที่อิงตามต้นทุนอย่างตรงไปตรงมา ก่อนที่นางจะมา นางแอบสอบถามราคาของแม่นมในตำบลมาก่อนแล้ว แม่นมที่ดีหน่อย เดือนหนึ่งอย่างน้อยต้องจ่ายสามถึงสี่ตำลึง เงินห้าตำลึงสำหรับตระกูลจางจึงไม่ถือว่าแพงอะไร
ส่วนราคาไม่อาจต่ำกว่านี้ได้อีก เนื่องจากการผลิตนมผงนี้ใช้กรรมวิธีค่อนข้างซับซ้อน แม้ว่าจะดีหน่อยที่มีระบบมาช่วย แต่ต่อไปหาก้าผลิตในปริมาณมาก ต้นทุนย่อมต้องสูงขึ้นไปอีก
ในท้ายที่สุด ตระกูลจางได้มอบเงินห้าตำลึงให้กับเสิ่นม่านพร้อมกับของกำนัลมากมาย เสิ่นม่านก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เพียงบอกว่าอีกสองเดือนให้หลังจะมาส่งนมผงให้อีกหนึ่งถัง ส่วนนมผงที่จางอี้้า วันรุ่งขึ้นสามารถมารับได้
ครั้งนี้ ตระกูลจางได้มอบของเต็มรถม้าให้แก่นางและยังให้รถม้าอีกหนึ่งคันมาส่งเสิ่นม่านและครอบครัวกลับหมู่บ้าน
พอผู้คนในหมู่บ้านเห็นว่า เสิ่นม่านกลับมากับรถม้า ทั้งยังนำของดีมากมายกลับมาด้วย ไม่ว่าจะเป็ผ้า เนื้อ หรือว่าของกินหลากหลายชนิด ซึ่งล้วนเป็สิ่งที่ไม่ค่อยได้เห็นตามชนบท
ตอนที่เสิ่นม่านขนของเข้าบ้าน ยังพบว่าบนรถม้ายังมีพวกเครื่องมือการเกษตรและหม้อกระทะ ของพวกนี้ล้วนทำจากเหล็กทั้งนั้น ดูก็รู้ว่าไม่ใช่ข้าวของราคาถูก
ตระกูลจางนับว่าเป็คนจริง ของกำนัลที่มอบให้ล้วนเป็ของใช้จำเป็ เสิ่นม่านกำลังกังวลว่ามีที่ดินรกร้างผืนใหญ่ตรงสวนหลังบ้านแต่ไม่มีเครื่องมือถางหน้าดิน ของกำนัลจากตระกูลจางก็ถูกมาได้ประจวบเหมาะพอดี
ทั้งครอบครัวช่วยกันขนของอย่างชื่นมื่น ของเหล่านี้ในสายตาคนนอก นับว่าเป็ของที่เลิศเลอไม่น้อย
นางจางยืนมองของบนรถอยู่ด้านนอก จนอดไม่ได้ที่จะพูดจาริษยา
“มารดาของข้าเถิด กระทั่งผู้มั่งมีที่สุดในหมู่บ้านเรายังไม่เคยซื้อของเหล่านี้กลับมา เ้าดูเนื้อเ่าั้สิ เอามารวมกันแล้วคงเท่ากับหมูครึ่งตัวที่ผ่าแบ่งหัวจรดหาง เพียงพอให้ครอบครัวนางกินไปอีกนาน”
คำพูดนี้ลอยเข้าหูนางหยางที่มาแอบสอดส่องพอดี จึงอดไม่ได้ที่จะทอดมอง ขณะนี้เด็กๆ กำลังอุ้มผ้าสีสันสวยงามห้าหกม้วนเข้าไปในบ้าน ยิ่งมองสภาพจิตใจนางหยางก็ยิ่งทรมานราวกับถูกแมวข่วน
เสิ่นม่านรูปลักษณ์ซื่อบื้อเหมือนกับหมู ไหนเลยจะเทียบกับนางได้?
แต่ไฉนผู้หญิงคนนี้กลับคิดค้นอาหารที่เรียกว่าเต้าฮวยขึ้นมาได้ ขายดีในตำบลยังไม่พอ บัดนี้ยังได้รู้จักกับตระกูลใหญ่อย่างตระกูลจาง ราวกับปลาหลี่ะโผ่านประตูั กลายเป็บุคคลที่นางไม่อาจเทียบได้!
เหตุใดนางจึงไม่มีโชคเช่นนี้บ้าง คิดค้นบางอย่างและเข้าตาคหบดีผู้มั่งคั่งในตำบล?
แข่งเรือแข่งพายแข่งกันได้ แต่แข่งวาสนาแข่งกันไม่ได้! นางหยางหมดแก่ใจที่จะทนฟังคนรอบข้างพูดอะไรได้อีก นางรีบจ้ำกลับบ้านด้วยความโมโห
พอกลับถึงบ้านก็เห็นคังต้าจ้วงกำลังนอนอ้าแขนอ้าขาอย่างเกียจคร้าน ห่มผ้าห่มเน่าที่หอบมาด้วยตอนลี้ภัย ข้าวของด้านในก็สะเปะสะปะ กระทั่งชุดที่นางหวงแหนไม่ยอมใส่ยังมีรอยปะอยู่สามถึงสี่รอย!
เมื่อเทียบกับบ้านโอ่อ่าของเสิ่นม่านแล้ว นับว่าบ้านนางสัปปะรังเคอย่างสุดจะทน
นางหยางสั่งสมไฟโกรธไว้จนแน่นอก จากนั้นพุ่งเข้าไปทุบตีและด่าว่าสามี นางกระชากคังต้าจ้วงให้ลุกขึ้นจากเตียงและโอดครวญสิ่งที่เกิดขึ้นในบ้านเสิ่นม่านวันนี้ให้เขาฟัง
คังต้าจ้วงนอนเกียจคร้านอยู่บ้านหลายวัน เมื่อได้ยินมาว่าเสิ่นม่านหาเงินได้มากมาย ในใจซึ่งสะสมไฟคุกรุ่นเพราะเคยมีเื่บาดหมางกันมาก่อน
พอตอนนี้ได้ยินนางหยางตัดพ้อว่าบ้านเสิ่นม่านมีของมีมูลค่าอะไรบ้าง ชั่วขณะนั้นเขาก็กำหนดเป้าหมายในใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาต้องชิงสูตรทำเต้าฮวยของเสิ่นม่านมาให้ได้!
ตราบใดที่พวกเขามีสูตรเต้าฮวย เช่นนั้นสกุลคังก็สามารถหาเงินได้แม้กระทั่งยามนอน!
เมื่อคิดได้ก็ลงมือทำ! คืนนั้นเขาก็วางแผนไปสอดส่องที่บ้านของเสิ่นม่าน
......
ท้องฟ้าค่อยๆ เข้าสู่่มืดค่ำ คนในหมู่บ้านโม๋ผานนอนกันเร็ว ่เวลาราวยี่สิบนาฬิกาเศษ ไฟในหมู่บ้านก็ดับมอดเรียงรายกันไป
หลังจากอาหารค่ำไม่นานนัก เสิ่นม่านกลับเข้าห้องของตนและนำของกำนัลที่ได้จากจวนตระกูลจางออกมาลงบันทึกไว้และเริ่มจัดแจง
นางแบ่งเนื้อบางชนิดที่ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน เพื่อที่จะนำไปแบ่งให้เพื่อนบ้านในวันรุ่งขึ้น
หลังจากจัดการเรียบร้อย นางก็ง่วงจนทนไม่ไหว จึงดับไฟและทิ้งตัวลงนอนบนเตียง
ไม่รู้ว่าหลับไปนานเท่าใด จู่ๆ นางก็ได้ยินเสียงเตือนดังเสียดหูจนทำให้ตื่น
“คำเตือน คำเตือน มีบุคคลไม่ทราบสถานะบุกเข้ามาภายในบ้าน…”
-----
