นอกเมืองจูเซียน ใจกลางกลุ่มแสงหมื่นจั้ง!
ศิษย์ตระกูลผู้ฝึกฌานทุกคนต่างก็มารวมตัวกันเพื่อตรวจสอบ
“ท่านเซียน แสงหมื่นจั้งกับไอมงคลพันสายต่างก็มาจากถ้ำแห่งนี้ แต่ว่าในถ้ำกลับไม่มีอะไรอยู่เลย!” เนี่ยเทียนป้าขมวดคิ้วกล่าวคำ
จางเสินซวีกำพัดกระดาษขาวในมือ หรี่ตามองนิมิตมงคลบนฟ้า “ดูท่าจะไม่ใช่สมบัติที่ถือกำเนิดขึ้นที่นี่ แต่เป็ปรากฏการณ์จากของวิเศษบางอย่าง ก่อนหน้านี้เคยมีอะไรอยู่ที่นี่?”
“ก่อนหน้านี้?” เนี่ยเทียนป้ามองไปทางสานุศิษย์จากหลากหลายตระกูลอย่างฉงนฉงาย
“ก่อนหน้านี้? ที่นี่ไม่มีอะไรอยู่เลยขอรับ ข้าลองสำรวจดูแล้ว แม้แต่ถ้ำก็ไม่มีนะขอรับ!” ศิษย์ตระกูลเนี่ยคนหนึ่งร้องบอก
“เป็ไปไม่ได้ ร่องรอยภายในถ้ำนี้จะต้องเกิดจากการขุดเป็เวลานาน! แล้วจะไม่มีถ้ำอยู่ได้อย่างไร? พวกเ้าไม่ได้ค้นหากันให้ถี่ถ้วนหรอกรึ?” เนี่ยเทียนป้าถลึงตา
“ประมุขเนี่ย ที่นี่ข้าเองก็เคยตรวจดูแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีถ้ำอยู่จริงๆ!”
“ข้าเองก็ตรวจดูรอบๆ แต่ที่นี่ไม่เคยมีถ้ำมาก่อน!”
.........
......
...
คำบอกกล่าวของผู้ฝึกฌานทั้งหลายสร้างความฉงนสนเท่ห์แก่เนี่ยเทียนป้า ไม่เคยมีถ้ำมาก่อน? พวกเ้าตาบอดกันหรือไร? เห็นชัดว่าร่องรอยภายในถ้ำมีมานานแล้ว บางจุดมีตะไคร่ขึ้นเสียด้วยซ้ำ เ้ากำลังจะบอกว่ามันเพิ่งงอกขึ้นมารึไง?
ตอนนั้นเองจางเสินซวีก็โบกพัดกระดาษขาวในมือแรงๆ ทีหนึ่ง ต้นไม้ใบหญ้ารอบข้างแหวกทางออก เผยให้เห็นหลืบถ้ำทั้งหมดสิบสองแห่ง
“อ๋า? นี่มันอะไร?” เนี่ยเทียนป้าอุทานอย่างแปลกใจ
“ฐานค่ายกล!” จางเสินซวีเปลี่ยนสีหน้า
“ฐานค่ายกล?”
“มิผิด เดิมทีที่นี่เคยมีวงกตตื้นเขินอำพรางถ้ำเอาไว้อยู่ การที่พวกเ้าจะมองไม่เห็นถ้ำจึงไม่ใช่เื่แปลก หลืบถ้ำพวกนี้สะเปะสะปะอย่างที่สุด น่าจะเป็เพราะว่าคนที่จัดวางค่ายกลนี้อย่างลวกๆ กำลังรีบร้อนนั่นเอง!” จางเสินซวีเอ่ยด้วยสีหน้าหม่นมัว
“มีคนเพิ่งทำการหลบหนีออกไปจากที่นี่? ทั้งที่กำลังหลบหนีอย่างไม่คิดชีวิตก็ยังไม่ลืมที่จะหอบข้าวของไปด้วย? นี่ นี่คือหวังเค่อ?” เนี่ยเทียนป้าหน้าเปลี่ยนสีในบัดดล
“หวังเค่อ?” จางเสินซวีทำหน้างง
“จะต้องเป็หวังเค่อแน่ มันถึงกับซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆ เมืองจูเซียน มันยังหนีไปได้ไม่ไกล รีบตาม รีบตามไปเร็วเข้า!” เนี่ยเทียนป้าะโสั่งการอย่างตื่นเต้นยินดี
เหล่าผู้ฝึกฌานแยกย้ายกันไปตามล่าโดยไม่รอช้า เนี่ยเทียนป้ากล่าวขอตัวก่อนจะตามไปสมทบกับเหล่าประมุข อย่างไรเสีย ใครจับหวังเค่อได้ก็จะได้ตัวองค์หญิงโยวเยว่และก็จะได้รางวัลจากจางเสินซวีด้วยเช่นกัน!
จางเสินซวีไม่ได้ห้าม เพียงแต่ยังคงไม่อาจเข้าใจ เหตุใดหวังเค่อผู้นั้นถึงต้องกระทำการอึกทึกครึกโครมเพื่อดึงดูดพวกมันมาที่นี่ด้วย? หรือว่า...?
“องค์หญิงโยวเยว่ นี่เ้าใช้ะเิเพื่อเยาะเย้ยข้าที่จับเ้าไม่ได้อยู่สินะ?” ดวงตาของจางเสินซวีทอประกายเย็นเยียบ
ไกลออกไปทางวัดเก่าที่ถูกทิ้งร้างแห่งหนึ่ง วัดแห่งนี้เก่าแก่ทรุดโทรม ภายในมีพระพุทธรูปอยู่เพียงครึ่งองค์ แต่บนแผ่นกระดานที่เก่าผุยังสามารถมองเห็นตัวอักษรที่ผ่านลมผ่านฝนได้สามตัว ‘วัดสะกดมาร’
หวังเค่อ องค์หญิงโยวเยว่และจางเจิ้งเต้าหอบหายใจกันอยู่สักพัก
แม้ว่าทั้งสามจะเป็ผู้ฝึกฌานในขอบเขตเซียนเทียน แต่การวิ่งข้ามระยะทางยาวไกลอย่างนี้ในอึดใจเดียวก็ยังคงกินแรงอยู่ไม่น้อย
“ปลอดภัยแล้วล่ะ เกือบไปแล้วเชียว อีกนิดก็จะถูกจับได้อยู่แล้ว!” จางเจิ้งเต้าทิ้งตัวลงกับพื้นพลางเอ่ยอย่างหวาดผวา
“ขืนเป็เช่นนี้ต่อคงจะไม่รอด จำต้องปลอมตัวกันสักหน่อย รูปลักษณ์ของเราสามคนออกจะเสี่ยงเกินไป!” หวังเค่อเอ่ยปนหอบ
“ใช่ ใช่ ปลอมตัว ข้าลืมไปได้ยังไงนะ ไม่ได้การแล้ว ข้าจะต้องปลอมตัวสักหน่อย พวกมันจะได้จำข้าไม่ได้!” จางเจิ้งเต้าเด้งตัวขึ้นมากะทันหัน
“ปลอมตัว? ข้าถนัดเื่นี้! พวกเ้าคอยข้าสักเดี๋ยว! ห้ามแอบมองนะ!” องค์หญิงโยวเยว่เปลี่ยนสีหน้า
ขณะที่พูดองค์หญิงโยวเยว่ก็เดินไปด้านหลังพระพุทธรูปในวัดเพื่อแปลงโฉม
“จางเจิ้งเต้า การปลอมตัวของเ้า...?” หวังเค่อมองจางเจิ้งเต้า
“วางใจเถอะ นี่คือทักษะหากินของข้า ข้าทำได้อยู่แล้ว เ้ารอเดี๋ยว นอกวัดมีแม่น้ำอยู่สายหนึ่ง ข้าจะใช้ผิวน้ำนั่นแทนกระจกประทินโฉม!” จางเจิ้งเต้าว่า
หวังเค่อผงกศีรษะ จากนั้นก็เอาเสื้อผ้าออกมาจากกระเป๋าเก็บของเพื่อผลัดเปลี่ยน
หลังจากสวมเสื้อผ้าเสร็จแล้ว หวังเค่อก็เช็ดถูธงเล็กสิบสองหน้าที่เพิ่งนำออกมาจากกระเป๋าเก็บของเบาๆ
“ดีที่ข้าไหวตัวทัน แต่ว่าธงสิบสองหน้าผืนนี้ข้าซื้อมาในราคาสูงลิ่วเลยนะ! น่าเสียดายที่ครั้งนี้รีบร้อนเกินไป ตอนที่ดึงออกมาใช้เลยเสียหายไปกว่าครึ่ง เฮ้อ!” หวังเค่อถอนหายใจบาง
สักพักองค์หญิงโยวเยว่ที่แต่งตัวเป็บุรุษก็เดินออกมาจากหลังพระพุทธรูป
เพราะขาที่ค่อนข้างยาว องค์หญิงโยวเยว่ที่อยู่ในคราบบุรุษก็ยังคงสูงโปร่ง นางสวมหมวกเพื่ออำพรางเรือนผมยาวของนาง แต่ทรวงอกยังนูนเด่นขึ้นมาเล็กน้อย ยังดีที่ชุดบุรุษกว้างพอที่จะปกปิดอำพรางได้อย่างเต็มกลืน ส่วนรอยแผลเป็บนใบหน้าก็ยังดูสะดุดตาอยู่บ้าง
“เป็อย่างไรบ้าง? เ้าคงจะจำข้าในตอนนี้ไม่ได้แล้วสิท่า?” องค์หญิงโยวเยว่หมุนตัวก่อนถามอย่างคาดหวัง
หวังเค่อ “…!”
หวังเค่อมองข้ามจิตสำนึกของตนเองเอ่ยออกมาว่า “เอ่อ อีกแค่นิดเดียวข้าก็เกือบจะจำท่านไม่ได้อยู่แล้ว!”
“เ้ายังจำข้าได้? เป็ไปไม่ได้! ตอนข้าปลอมตัวเป็บุรุษอยู่ในวังไม่เห็นจะมีใครจำข้าได้สักคน!” องค์หญิงโยวเยว่อุทาน
ก่อนหน้านี้เ้าเป็องค์หญิงของราชสำนัก ใครจะกล้าขัดปณิธานเ้า?
“ยังไงก็เถอะ ข้าก็ยังจำท่านได้อยู่ดีนั่นแหละ!” หวังเค่อบอกตามตรง
“นี่ไม่น่าเป็ไปได้นะ...!” องค์หญิงโยวเยว่คอตก
“พี่หวัง องค์หญิง ข้าปลอมตัวเสร็จแล้ว พวกท่านดูว่าเป็อย่างไร” เสียงของจางเจิ้งเต้าดังมาจากนอกตัววัด
องค์หญิงโยวเยว่หันมอง แต่ที่เห็นกลับเป็แม่เฒ่าอวบอ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามาจากนอกตัววัด หน้าอกหน้าใจของท่านแม่เฒ่าส่ายไหวตามจังหวะก้าวเดิน แต่ทันทีที่เห็นใบหน้าของแม่เฒ่านางนี้ คนทั้งสองก็ต้องหน้าแข็งทื่อ นั่นเพราะเครื่องหน้าของนางถูกประทินโฉมจนไม่ต่างอะไรกับผีร้ายตัวหนึ่ง ริมฝีปากที่แดงเป็เืมาแต่ไกลชวนให้กล้ามเนื้อบนใบหน้าขององค์หญิงโยวเยว่บิดกระตุกขึ้นมา
บนโลกนี้ถึงกับมีสตรีที่อัปลักษณ์ขนาดนี้อยู่ด้วย? เมื่อเทียบกันแล้วพี่หญิงใหญ่ของหวังเค่อกลายเป็น่ารักจิ้มลิ้มไปเลย
“จาง จาง จางเจิ้งเต้า? จะ เ้าปลอมตัวเป็อิสตรี?” องค์หญิงโยวเยว่อุทานอย่างติดๆ ขัดๆ
“ใช่แล้ว! ยังดีที่ข้าเก็บแตงโมลูกเล็กไว้สองผล เอามาวางบนหน้าอกข้าได้พอดิบพอดีเลยเชียว!” จางเจิ้งเต้าเอามือถูหน้าอกพลางยิ้มกริ่ม
แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้หนังศีรษะของหวังเค่อต้องชาวาบ
“พี่หวัง ข้าปลอมตัวเป็อย่างไรบ้าง?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างคาดหวัง
“การปลอมตัวของเ้าแม้ว่าจะปกปิดโฉมหน้าเ้าได้ก็จริงอยู่ แต่ไม่รู้ทำไมข้าถึงได้อยากทุบตีเ้าเหลือเกิน!” หวังเค่อเอ่ยด้วยสีหน้าพิกล
“ฮ่าฮ่า งั้นก็เท่ากับว่าสำเร็จ! ว่าแต่ทำไมท่านทั้งสองถึงยังไม่ลงมืออีกเล่า?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างภาคภูมิใจ
“ข้า!” สีหน้าขององค์หญิงโยวเยว่แข็งทื่อขึ้นมาทันที
เ้าตาบอดรึไง? เ้าปลอมเป็หญิง ส่วนข้าปลอมเป็ชาย แค่นี้ก็ดูไม่ออกหรือไง?
แต่ท้ายที่สุดองค์หญิงโยวเยว่ก็เข้าใจ ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ในวังพวกนางกำนัลจงใจพะนอเอาใจนาง การปลอมเป็ชายของนางกับการปลอมเป็หญิงของจางเจิ้งเต้าเรียกว่าคนละชั้นกันั้แ่แรกแล้ว
“องค์หญิงโยวเยว่ เอาเป็ว่าให้ข้าช่วยท่านแต่งองค์ทรงเครื่องเป็อย่างไร?” จางเจิ้งเต้าออกความคิด
แต่งให้เป็เหมือนอย่างเ้านี่น่ะหรือ? ข้าขอตายซะยังดีกว่า!
“เ้าอย่าเข้ามานะ!” องค์หญิงโยวเยว่อุทานเสียงหลง
“ท่านไม่เชื่อฝีมือข้า?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างแคลงใจ
“พี่หวัง ในเมื่อองค์หญิงโยวเยว่ไม่เชื่อใจข้า งั้นเอาเป็ว่าข้าช่วยแปลงโฉมให้ท่านก่อนดีหรือไม่?” จางเจิ้งเต้าเปลี่ยนเป้าหมายมาเป็หวังเค่อ
“ไม่จำเป็ ข้าทำเองได้!” หวังเค่อรีบห้ามจางเจิ้งเต้าที่ทำท่าจะขยับเข้ามาไว้ทันที
“พี่หวัง ท่านเองก็มีลูกเล่นอยู่ไม่น้อย ท่านตั้งใจจะแปลงโฉมยังไงกันรึ?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างสงสัยใคร่รู้
“เป้าหมายของการแปลงโฉมคือไม่ให้ใครก็ตามจำใบหน้าเ้าได้ เพราะฉะนั้นขอแค่แปะเซนเซอร์ไว้ก็พอแล้ว! ไม่จำเป็ต้องเสียสละมากมายเหมือนอย่างเ้า!” หวังเค่อมองดูใบหน้าของจางเจิ้งเต้าด้วยแววตาพิกล
“เซนเซอร์? หมายถึงอะไร?” จางเจิ้งเต้าถามอย่างโง่งม
หวังเค่อนำขวดขนาดเล็กออกมาใบหนึ่งแล้วเปิดจุก ทันใดนั้นก็สามารถมองเห็นของเหลวใสที่อยู่ด้านในได้
“แค่ทาเ้าสิ่งนี้ลงบนหน้าก็พอแล้ว! แถมยังจะดีกว่าของเ้าด้วย!” หวังเค่ออธิบาย
“ทาเ้าสิ่งนี้ก็พอแล้ว? เป็ไปไม่ได้ ทักษะการแปลงโฉมของข้ายืนหนึ่งเลยเชียวนะ” จางเจิ้งเต้าทำหน้าไม่เชื่อถือเลยแม้แต่น้อย
ทักษะการแปลงโฉมยืนหนึ่งคือการเปลี่ยนโฉมให้ดูอัปลักษณ์ว่างั้น? องค์หญิงโยวเยว่หนังตากระตุก มองดูขวดขนาดเล็กในมือของหวังเค่อ
ยาใสในขวดนั่นใช้ทำประโยชน์อะไรได้? แต่ไม่ว่าจะมีประสิทธิภาพแค่ไหนก็จะต้องดีกว่าใบหน้าเขลอะเครื่องสำอางของจางเจิ้งเต้าแน่ๆ ครั้นแล้วองค์หญิงโยวเยว่ก็เทออกมาครึ่งหนึ่งก่อนละเลงลงบนดวงหน้าของตนเอง
“องค์หญิงโยวเยว่ อย่าทายาเยอะขนาดนั้น!” หวังเค่อร้องห้าม
แต่ก็สายเกินไป เพราะว่าอยู่ๆ ดวงหน้าขององค์หญิงโยวเยว่ก็แดงเรื่อ ก่อนที่ตุ่มแดงจะเห่อขึ้นเต็มดวงหน้า เครื่องหน้าของนางถูกกลืนหายไปในเสี้ยวพริบตา
“ซี๊ดด~~~~!”
จางเจิ้งเต้าสูดลมหายใจหนาวเหน็บ การแปลงโฉมของหวังเค่อก็คือการใช้พิษทำให้เสียโฉมงั้นหรือ?
กับใบหน้าของตัวเองยังสามารถอำมหิตเืเย็นได้ปานนี้?
นี่มันจะโหดร้ายเกินไปแล้ว! น่าสะพรึงกลัวอะไรอย่างนี้~~~!
“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมข้าถึงรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบอย่างนี้ล่ะ?” องค์หญิงโยวเยว่ถามอย่างฉงน
ขณะกำลังสงสัยนางก็ล้วงเอากระจกขนาดกะทัดรัดออกมาส่องดู
“ผีหลอก~! เอ๊ะ ไม่สิ นี่คือใบหน้าข้า? ไม่ ไม่นะ~~~~~!”
องค์หญิงโยวเยว่หวีดร้องโหยหวน หน้าของนางเสียโฉมซะแล้วหรือ? รอยแผลเป็หนึ่งแผลนางยังแทบสิ้นหวัง แต่เสียโฉมขนาดนี้ องค์หญิงโยวเยว่ถึงกับเกิดความคิดอยากตายขึ้นมาอย่างเฉียบพลัน
“ไม่ต้องวิตกไป นั่นเป็แค่ตุ่มสิว ตุ่มสิวอักเสบเท่านั้นเอง ยาของข้าเป็ยาที่ทำให้เกิดอาการแพ้ขึ้นมาเฉยๆ แค่ทำให้ผิวหน้าระคายเคืองจนมีตุ่มเห่อขึ้นมาเท่านั้น พอไปถึงพรรคเทพหมาป่า์แล้วข้าจะใช้ยาแก้อักเสบคืนสภาพเดิมให้ท่านเอง!” หวังเค่อเร่งอธิบายเป็การด่วน
“จริงหรือ?” องค์หญิงโยวเยว่มองหวังเค่ออย่างหวั่นใจ
“วางใจเถอะ!” หวังเค่อพยักหน้ายืนยัน
ขณะที่พูดหวังเค่อก็ใช้ปลายนิ้วปาดตัวยาขึ้นมาป้ายลงบนหน้าของตัวเองเล็กน้อย ทันใดนั้น ตุ่มสิวจำนวนนับไม่ถ้วนก็ผุดขึ้นมาทันที ไม่นานเครื่องหน้าของหวังเค่อเองก็ถูกตุ่มสิวบดบังไป
หากไม่ใช่คนที่คุ้นเคยกับหวังเค่อเป็อย่างดีก็ไม่มีทางจำมันได้จริงๆ นั่นแหละ แม้จะอัปลักษณ์ไปสักหน่อย แต่ก็ยังมีเค้าความเป็คนอยู่ ดีกว่าสภาพหน้าขององค์หญิงโยวเยว่อักโข
“ทาแค่นิดเดียวก็ใช้ได้แล้ว? ทำไมเ้าถึงไม่พูดแต่เนิ่นๆ!” องค์หญิงโยวเยว่ประท้วง
“ข้าก็กำลังจะบอก แต่ท่านไม่เปิดโอกาสให้ข้าเลย!” หวังเค่อแก้ตัว
“ฮึ่ม!” องค์หญิงโยวเยว่หน้าม่อยไปพักใหญ่
“จางเจิ้งเต้า เ้าอยากลองสักหน่อยไหม?” หวังเค่อถาม
จางเจิ้งเต้ามองดูใบหน้าขององค์หญิงโยวเยว่แล้วก็ต้องหน้ากระตุกขึ้นมา “ยัง ยังขอผ่านก่อนจะดีกว่า ข้าปลอมตัวดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็ต้องพึ่งเซนเซอร์!”
“งั้นก็ตามนั้น! ตอนนี้พวกเราจะมามัวแต่ซ่อนตัวอยู่ไม่ได้ มาช่วยกันหาวิธีไปพรรคเทพหมาป่า์กันก่อนดีกว่า!” หวังเค่อขมวดคิ้วกล่าว
“ไม่ใช่ว่าเ้า้ารอให้พวกมันหากันเสร็จก่อนแล้วค่อยออกไปหรอกหรือ?”
“รอไม่ได้แล้ว ตอนที่หนีกันมาเมื่อกี้ไม่เห็นคนลอยตัวอยู่บนฟ้าหรือไง? ดูเหมือนว่าศิษย์พรรคอีกาทองคำจะมาถึงแล้ว ซ้ำร้ายยังพาเนี่ยเทียนป้าติดสอยห้อยตามมาด้วย การะเิเมื่อครู่มีนัยยะคล้ายสร้างความอับอายต่อศิษย์พรรคอีกาทองคำ น่ากลัวว่ามันจะมีวิชาเซียนติดตัวอยู่บ้าง ถึงจะช่วยไม่ได้แต่เราต้องรีบไปกันแล้ว!” หวังเค่อนิ่วหน้ากล่าว
“งั้นก็ไปกันเถอะ! ท่านนำทางไปเลย!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างคลางแคลงใจ
“ข้ายังมีโชคร้ายพัวพัน ไม่อาจนำทางได้! พวกเ้าใครจะอาสา?” หวังเค่อมองคนทั้งสอง
จางเจิ้งเต้าและองค์หญิงโยวเยว่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ข้าเอง!” องค์หญิงโยวเยว่โพล่งขึ้นเสียงต่ำ
“ท่านรู้จักทางไปพรรคเทพหมาป่า์?” หวังเค่อถาม
“แน่อยู่แล้ว ข้าเคยเห็นแผนที่ของสิบหมื่นมหาบรรพต กระทั่งรู้จักทางลัดอยู่หลายเส้นทาง แล้วข้าจะหลงทางได้ยังไง” องค์หญิงโยวเยว่ตบอกตัวเอง
“ดี!” ทั้งสองพยักหน้า
มีองค์หญิงโยวเยว่นำทาง ทั้งสามผละจากวัดโบราณโดยไม่รอช้า การหลบหนีครั้งนี้กินเวลาสองวันสองคืน
“ดีที่ให้องค์หญิงโยวเยว่นำทาง ระหว่างทางถึงกับไม่มีวี่แววของพวกที่ออกตามล่าพวกเราอยู่เลยสักกระผีกริ้นเดียว! ฮ่าฮ่า พวกเราน่าจะออกจากวงล้อมของพวกมันแล้วล่ะ!” จางเจิ้งเต้าเอ่ยหน้าระรื่น
หวังเค่อนิ่วหน้าเล็กน้อย “แต่ทำไมข้าถึงได้สังหรณ์ใจไม่ดีอยู่ตลอดเวลา?”
“พวกเ้าสองคนไม่ต้องกังวล! มีข้านำทางซะคน พวกเ้าหายห่วงได้เลย!” องค์หญิงโยวเยว่ว่า
หวังเค่อนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ การะเิตัวเองของ ‘แสงมหาพิธี’ ครั้งก่อนยังแจ่มชัดอยู่ในความทรงจำ หวังเค่อหยุดตัวเองไม่ให้คาดหวังในตัวองค์หญิงโยวเยว่มากเกินไป
“ดูนั่น พ้นเขาลูกหน้าไปเมื่อไหร่ก็จะเห็นเมืองเซียนแล้วล่ะ!” องค์หญิงโยวเยว่กล่าวอย่างมั่นใจ
“งั้นหรือ?” ความกระสับกระส่ายในใจของหวังเค่อยิ่งมายิ่งรุนแรง
“ไป!”
ทั้งสามข้ามเขาลูกนั้นกันทันที จากนั้นก็ลงมาอยู่บนที่เปิดโล่งแห่งหนึ่ง แต่แล้วสีหน้าของพวกมันก็ต้องแข็งทื่อ นิ่งค้างกันอยู่อย่างนั้น
“ข้างหน้านั่นดูเหมือนจะมีวัดโบราณอยู่แห่งหนึ่ง?” องค์หญิงโยวเยว่เอ่ยด้วยสีหน้าแปลกๆ
“แถมยังดูเหมือนวัดที่พวกเราใช้คุ้มกะลาหัวกันเมื่อสองวันก่อนทุกระเบียดนิ้วอีกด้วย? แม่น้ำที่อยู่ด้านข้างนั่นเองก็ใช่? ข้ากระทั่งเคยแปลงโฉมอยู่ตรงนั้น!” จางเจิ้งเต้าด้วยเอ่ยด้วยสีหน้าเหม่อลอย
ทั้งสามเดินตรงเข้าหาวัดโบราณทันที มองดูแผ่นกระดานเก่าผุบนนั้น
หวังเค่อหน้าดำทะมึน “เหมือนทุกระเบียดนิ้วอันใด? วัดสะกดมาร นี่ก็คือวัดสะกดมารแห่งเดิม พวกเรากลับมาที่เดิม!”
“พวกเราวิ่งวุ่นกันอยู่สองวัน แต่สุดท้ายก็กลับมาที่เดิม?” จางเจิ้งเต้าเอ่ยอย่างตื่นตะลึง
“อาจจะ อาจจะ...!” เสียงขององค์หญิงโยวเยว่ลีบเล็กลงไปไม่น้อย
“องค์หญิงโยวเยว่ ท่านคงจะไม่ได้เป็พวกหลงทิศหรอกใช่ไหม?” หวังเค่อถามด้วยสีหน้าแปลกพิกล
“อึก ทะ ทักษะการจำแนกทิศทางของข้าก็แค่บกพร่องไปนิดหนึ่งเท่านั้นเอง ข้า...!” องค์หญิงโยวเยว่คอตกหน้าม่อย
หวังเค่อ “…!”
จางเจิ้งเต้า “…!”
ทั้งสามคนวิ่งวุ่นกันอยู่สองวัน สุดท้ายก็วนกลับมาที่เดิม? ตัวข้าฉลาดหลักแหลมมาตลอดชีวิต แต่วันนี้ถึงกับตาบอด ให้คนหลงทิศนำทางเสียได้?
ขณะนั้นทั้งหวังเค่อและจางเจิ้งเต้าต่างก็พิโรธโกรธาหาใดเปรียบ
“นั่นใคร?” มีเสียงหนึ่งดังมาจากในวัด
สองวันก่อนที่วัดยังคงปลอดคน แต่ตอนนี้กลับมีคนอยู่ข้างใน?
หวังเค่อ จางเจิ้งเต้าและองค์หญิงโยวเยว่เดินเข้าไปดู แต่ที่เห็นกลับเป็เนี่ยเทียนป้าเดินออกมาด้วยใบหน้าถมึงทึง
เนี่ยเทียนป้า?
หวังเค่อแทบกระอักเืเก่าออกมา องค์หญิงโยวเยว่พาพวกตนวิ่งเป็หนูติดจั่นกันอยู่สองวัน สุดท้ายกลับพามาหาเนี่ยเทียนป้า? นี่คือปฏิบัติการอะไรสักอย่างหรือเปล่า? ครั้งก่อนแสงมหาพิธีอะไรนั่นก็เล่นงานพวกตนซะอ่วมมาแล้ว มาครั้งนี้ก็ยังจะขุดหลุมฝังพวกตนอีกงั้นหรือ?
