ภูตฟันน้อยกลับบ้านอย่าง 'ผู้มีชัยชนะ' เพียงแต่ฟันหายไปหนึ่งซี่
ฟันซี่นี้ไม่ได้นำกลับมา แต่กลับไปฝังอยู่ในบ้านของผู้อื่น
เฉียวเยว่บีบมืออย่างกระสับกระส่าย ถามบิดาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก "ท่านพ่อ ท่านแม่จะโกรธข้าหรือไม่?"
นางคิดแล้วคิดอีก ก็ถามอีกว่า "ท่านแม่จะตีก้นข้าหรือไม่?"
ซูซานหลางทำหน้าบึ้งตึง "ตอนนี้เพิ่งรู้จักกลัวรึ?"
"รู้แล้ว รู้แล้ว ข้ารู้แล้วเ้าค่ะ" เฉียวเยว่ตอบทันควัน
ซูซานหลางถอนหายใจ "ตอนแรกพวกเรายังกังวลว่าพี่ิเยว่ของเ้าจะส่งจดหมายให้อวี๋อ๋อง วุ่นอยู่เป็ครึ่งค่อนวัน แต่คนหลงบุปผา [1] ตัวจริงกลับกลายเป็เ้ากระต่ายอ้วนน้อยเสียเอง เ้าพูดมาเ้ากล้าทำได้อย่างไร?"
จดหมายฉบับนั้น เขาอ่านแล้วยังประหม่าอย่างมาก
เขา... เอ๊ะ ไม่ถูกสิ เดี๋ยวนะ!
จู่ๆ ความเป็ไปได้เพียงหนึ่งเดียวก็ผุดขึ้นในสมอง สีหน้าย่ำแย่กว่าเดิม
ถึงแม้ว่าเขาจะรู้ว่าบุตรสาวตัวน้อยมักจะเขียนบทกวี และเขียนอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่บ่อยครั้ง แต่ผู้อื่นไม่รู้นี่ อวี้อ๋องทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้มเยี่ยงนั้นคงไม่... คงไม่คิดว่าเขาเป็คนเขียนหรอกกระมัง?
เขาเขียนให้ภรรยาของตนเองแต่ถูกเด็กน้อยแอบเอาไปคัดลอก คิดแบบนี้ค่อยดูน่าเชื่อมากกว่า
ชั่วขณะนี้ซูซานหลางแทบลมจับ
เฉียวเยว่เห็นสีหน้าของบิดาเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีกก็งุนงง "ท่านพ่อ เป็อะไรไปหรือเ้าคะ สีหน้าแย่มากเลย"
ยามนี้บิดาของนางช่างน่าสงสารยิ่งนัก นางถอนหายใจเอ่ยว่า "กลับไปกินข้าวเยอะๆ นะเ้าคะ จะได้บำรุงร่างกาย"
ซูซานหลางหันไปมองบุตรสาว เด็กหญิงฟันหลอฉีกยิ้มยิงฟันตลกแทบตาย เพียงชั่วพริบตาเดียวความกลัดกลุ้มในใจของซูซานหลางก็สูญสลายไปหมด เห็นเพียงรอยยิ้มน่าขบขันของนาง แล้วเขาจะพูดอันใดได้อีกเล่า
ซูซานหลางถอนหายใจ "เ้าทำให้พ่อวิตกกังวลได้ทุกวัน ดูน้องชายเ้าสิเชื่อฟังแค่ไหน"
เฉียวเยว่หัวเราะ "เชื่อฟัง? ท่านพ่อ ท่านพูดเหลวไหลอันใดเ้าคะ"
พวกเขาสองพี่น้องเป็เด็กดื้อในแบบที่แตกต่างกัน เฉียวเยว่ดื้อแบบแสดงออก แต่ฉีอันกลับดื้อเงียบ ยกตัวอย่างเช่น เขาหลงใหลในการเขียนอักษรวาดภาพเป็ที่สุด ถึงกับไปหยิบตำราล้ำค่าที่มีเพียงเล่มเดียวของซูซานหลางมาเขียนตาม ผลปรากฏว่าตำราดีๆ ถูกเขาทำเลอะน้ำหมึก
ปัญหาก็คือตนเองจะด่าก็ไม่ได้ จะตีก็ไม่ได้ ถึงอย่างไรเด็กก็ตั้งใจใฝ่ศึกษา นึกมาถึงตรงนี้ ซูซานหลางก็รู้สึกปวดกระเพาะขึ้นมา
แต่อยู่ต่อหน้าบุตรสาว เขายังต้องโต้แย้ง "เขาเป็คนใฝ่รู้ เชื่อฟังมาก มีแต่เ้านี่แหละตัวแสบ ออกไปข้างนอกยังเขียนจดหมายรักให้หนุ่มรูปงาม"
ซ้ำยังเขียนได้ดีมากเสียด้วย จนปัญญาจะพูดจริงๆ
เฉียวเยว่หัวเราะคิกคัก เกาะแขนของซูซานหลาง "ท่านพ่อ ท่านก็เขียนให้ท่านแม่เหมือนกันมิใช่หรือ... โอ๊ย"
ก้นน้อยๆ ถูกตีอีกแล้ว
พอกลับมาถึงเรือน ไท่ไท่สามก็อุ้มเฉียวเยว่ขึ้นมาตรวจสอบั้แ่หัวจรดเท้าด้วยความเป็ห่วง "อยู่ดีๆ เหตุใดฟันหน้าหักได้เล่า ลูกรักของแม่"
นางปวดใจจะแย่อยู่แล้ว
เฉียวเยว่ส่ายหน้า "ไม่เป็ไรเ้าค่ะ พวกมันแค่พ้นจากตำแหน่งอย่างทรงเกียรติ เดี๋ยวฟันใหม่ของข้าก็งอกขึ้นมาเอง"
มีฟันขึ้นใหม่ไม่ผิด แต่เด็กผู้หญิงมักจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ
"วันหลังพวกเราจะไม่ไปจวนอวี้อ๋องอีกแล้ว อวี้อ๋อง..."
เห็นสองพ่อลูกทำสีหน้าชอบกล ไท่ไท่สามก็ร้องในใจว่าแย่แล้ว รีบถามทันที "ก่อเื่มาอีกแล้วรึ?"
เฉียวเยว่เอานิ้วมือชนกัน "แหะๆๆ"
พอทราบความจริงทั้งหมด ไท่ไท่สามก็แทบจะลมจับ ตบแผ่นหลังอวบเ้าเนื้อของบุตรสาวเบาๆ "เ้าป่วนข้าทั้งวันไม่พอ ยังไปก่อเื่ข้างนอกอีกหรือ? หากข้ารู้ว่าเ้าทำเื่เช่นนี้อีก ข้าจะตีเ้าให้ตาย"
เฉียวเยว่ทำผู้อื่นาเ็เพราะ "ก้อนไขมันน้อยๆ" ถึงสองครั้งสองหน ไท่ไท่สามจึงตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้นางกินตามใจปากเช่นนี้อีกต่อไป เดิมทียังเผื่อทางหนีทีไล่ไว้บ้าง แต่ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว
ซูซานหลางรู้สึกว่าบุตรสาวอ้วนเกินไปมานานแล้ว ย่อมให้การสนับสนุน ไม่ใช่เพื่อความงาม แต่อ้วนเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ
เพียงคนเดียวที่มีสีหน้าขมขื่นก็คือเฉียวเยว่
ไท่ไท่สามกำชับกับบ่าวไพร่ในเรือน "พวกเ้าฟังให้ดี หากข้ารู้ว่าใครแอบให้ของกินกับนาง ข้าจะไล่ออกจากเรือน โดยไม่สนว่าพวกเ้าจะเป็ใคร"
เด็ดขาดเป็ที่สุด
ความเคลื่อนไหวของทางไท่ไท่สามไม่ช้าก็ล่วงรู้ไปถึงหูของทุกคน ฮูหยินผู้เฒ่าอมยิ้มคุยกับนายท่านผู้เฒ่า "ต้องเป็เพราะวันนี้เฉียวเยว่ออกไปก่อเื่อันใดอีกแน่ มิเช่นนั้นคงไม่เป็เช่นนี้"
นายท่านผู้เฒ่ากลับหน้าบึ้ง ไม่พอใจอย่างมาก "ต่อให้ก่อเื่ก็ไม่อาจให้เด็กอดอาหาร พรุ่งนี้พวกเขามา เ้าก็จัดการไปเลย"
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้า "ท่านไม่ต้องเป็ห่วง ถึงท่านไม่บอกข้าก็ต้องพูดอยู่แล้ว ไกวเยว่ของเราแสนดีเช่นนี้ จะให้อดข้าวได้อย่างไร อีกอย่าง เด็กเล็กๆ หากทำผิดอันใดก็ยังแก้ไขทัน ตะกละหน่อยจะเป็ไรไป โตขึ้นก็หายไปเอง สะใภ้เ้าสามไม่รู้วันๆ คิดสิ่งใดอยู่ เื่ที่ควรใส่ใจไม่เห็นนางจะใส่ใจ เื่ที่มิควรใส่ใจกลับคิดแล้วคิดอีก"
"ถึงอย่างไรเ้าสามก็ชอบนาง เ้าอย่าเรียกร้องอะไรนักเลย นางเป็คนรู้จักโอนอ่อนผ่อนตาม รู้หนังสือและมีมารยาท" นายท่านผู้เฒ่ากล่าว
เอ่ยถึงเื่นี้ ก็นึกถึงสะใภ้ที่ไม่รู้หนังสือคนนั้น
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจ เอ่ยว่า "ตอนนี้นางกำลังตั้งครรภ์ ก็ปล่อยนางเถอะ อยู่แต่ในเรือนทั้งวันไม่ยอมออกไปไหน ไม่รู้เหตุใดถึงรู้สึกว่าจะมีคนปองร้ายตนเอง ไร้เหตุผลจริงๆ"
พูดถึงเื่นี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจ "ตอนนั้นหากข้าหนักแน่นสักหน่อยก็คงจะไม่มีเื่เหล่านี้ ล้วนต้องโทษข้า"
ท่านโหวผู้เฒ่าดึงมือของนางมากุม "ไยเ้าต้องโทษตนเองเช่นนี้? ตอนนั้นเ้ารองหลงนางไม่ลืมหูลืมตา ลูกๆ ของพวกเราล้วนแต่มั่นคงในความรัก ใช่ว่าเ้าไม่รู้เสียหน่อย ตอนเ้าใหญ่ไม่ได้สมความปรารถนา พวกเราจึงไม่กล้าบีบบังคับเ้ารองกับเ้าสามจนเกินไป พวกเขาโตๆ กันหมดแล้ว ย่อมจะมีความคิดเป็ของตนเอง พวกเราอย่าไปยุ่งเลย"
เอ่ยถึงเื่ที่ผ่านไปแล้วเ่าั้ ท่านโหวกลับคิดตก
ฮูหยินผู้เฒ่าพยักหน้าอมยิ้ม "ข้ารู้ พวกเขาจะเป็อย่างไรข้าคร้านจะยุ่งเกี่ยว ไม่ก่อเื่อะไรก็ดีแล้ว ข้าห่วงก็แต่เสี่ยวเฉียวเยว่ของพวกเรา จะไม่ให้เด็กกินข้าวได้อย่างไร"
ขณะที่สองสามีภรรยาคุยกันอยู่ ก็ได้ยินว่าซูซานหลางมาขอพบ
ท่านโหวผู้เฒ่าอึ้งงัน ก่อนทำสีหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม "เ้าเด็กนี่แผนสูง คงไม่ได้คิดมาหาเองหรอก ทั้งวันรู้แต่จะปกป้องภรรยา"
ฮูหยินผู้เฒ่ากลอกตาใส่เขา แล้วเรียกบุตรชายเข้ามา
ซูซานหลางคารวะบิดามารดา หลังจากนั้นก็รินน้ำชาให้กับตนเอง ท่านโหวผู้เฒ่าทำตาขวางใส่เขา "เวลานี้จะมาทำไม รบกวนเวลาพักผ่อนของพวกเรา"
ซูซานหลางกลับทอยิ้มทำตัวสบายๆ "ท่านพ่อไม่พบหน้าลูกหนึ่งวัน ก็ไม่คิดถึงหรือขอรับ"
ท่านโหวผู้เฒ่ารู้สึกอับจนถ้อยคำ "เ้ามีอะไรก็พูดมา อย่ามาใช้ไม้นี้กับข้า"
ซูซานหลางอมยิ้ม "แท้จริงแล้วก็ไม่มีอันใดหรอกขอรับ เพียงแต่่นี้เฉียวเยว่อ้วนขึ้นอีกแล้ว ข้าคิดว่าควรจะเตือนผู้าุโด้วยว่าอย่าตามใจปากนางนัก"
พูดถึงเื่นี้ ท่านโหวผู้เฒ่าก็เดือดดาลขึ้นมา ตบโต๊ะดังปึง
"สมองของเ้ามีปัญหาใช่หรือไม่ หากตอนเ้าเด็กๆ พวกเราไม่ให้เ้ากินข้าว ป่านนี้ก็คงอดตายไปแล้ว ตอนนี้อยู่ดีๆ ก็จะไม่ให้เด็กกินข้าว พวกเ้ากินมูลมาหรือไร เ้ากับภรรยาของเ้าสมควรไปคุกเข่าที่โถงบรรพชนจริงๆ"
ท่านโหวผู้เฒ่าโกรธมากจริงๆ
ซูซานหลางรู้สึกว่าตนเองไม่ได้รับความเป็ธรรมอย่างยิ่ง แต่ยังคงพูดต่อ "มิใช่ไม่ให้เฉียวเยว่กินข้าว เพียงแต่จะไม่ให้นางกินอาหารมื้อปรกติและขนมมากเกินไป เด็กที่กินมากเกินขอบเขต อ้วนเกินไปไม่ดีต่อสุขภาพ"
ท่านโหวยังคงตบโต๊ะ ตวาดด้วยความโมโห "เด็กเล็กตัวจ้ำม่ำไม่ดีตรงไหน เติบโตไปย่อมจะผอมเอง ตอนพี่รองของเ้ายังเด็กก็กินจวนอ้วนเป็หมู ตอนนี้ก็เป็คุณชายผอมเพรียวมิใช่หรือ เด็กๆ ต้องอวบอ้วนหน่อยถึงจะดี จะลดความอ้วนอันใด ควบคุมอาหารการกินอันใด ข้าว่าเ้าสมองมีปัญหา"
เหล่าสาวใช้หน้าประตูต่างไม่กล้าเปล่งเสียง คังหมัวมัวรีบไล่คนออกไป
"พี่รองผอมก็เพราะทำให้สตรีเหน็ดเหนื่อย"
พอคำพูดนี้หลุดออกมา ความกระอักกระอ่วนก็บังเกิด แต่ไม่ช้า ท่านโหวผู้เฒ่าก็ร้องะโต่อไป "เ้าอย่ากลิ้งกลอกให้มันมากนัก ข้าจะบอกให้เ้ารู้ หากเ้ากล้าไม่ให้เสี่ยวไกวเยว่ของข้ากินอาหาร ข้าจะลงโทษเ้าให้ไปคุกเข่าที่โถงบรรพชน ให้เ้าสองสามีภรรยาคุกเข่าตราบชั่วฟ้าดินสลายไปเลย"
ท่านโหวผู้เฒ่าหยุดพักหายใจครู่หนึ่ง ก่อนพูดต่อ "พรุ่งนี้ข้าจะไปหาพ่อตาของเ้ากับฉีจือโจว ดูซิว่าพวกเขาจะสนใจหรือไม่"
นี่คือจะไปหาแนวร่วม
ซูซานหลางอับจนวาจา เขาลองกล่าวเหตุผล "ท่านพ่อ เื่นี้ท่านต้องฟังข้าพูด"
"ข้าไม่ฟัง อย่างไรเสียก็ห้ามรังแกไกวเยว่ของข้าเป็อันขาด"
เป็ซิ่วไฉพบทหารจริงๆ คุยกันไม่รู้เื่
"ท่านพ่อ วันนี้เฉียวเยว่ทับอวี้อ๋องแขนหักอีกแล้วขอรับ" ซูซานหลางกล่าวอย่างจริงจัง
ท่านโหวผู้เฒ่า "..."
ฮูหยินผู้เฒ่า "..."
หลังจากนั้นพักใหญ่ ท่านโหวผู้เฒ่าก็หน้าแดงก่ำ "เขาทำมาจากกระเบื้องเคลือบหรือไร ไยถึงบอกว่าหักก็หัก นี่เป็ครั้งที่สองแล้ว ไกวเยว่ของพวกเราช่างน่าสงสารยิ่งนัก ถูกผู้อื่นปรักปรำใส่ร้าย"
ซูซานหลางพูดไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก "เฉียวเยว่อ้วนเกินไปจริงๆ ขอรับ ไม่ใช่ว่ามิให้นางกิน แต่หากยังกินเช่นนี้ต่อไป หนึ่งไม่ดีต่อสุขภาพ สองความอ้วนของนางอาจก่อให้เกิดปัญหาได้ง่าย พวกเราไม่อาจให้เกิดขึ้นเป็ครั้งที่สามนะขอรับ"
เห็นท่านโหวผู้เฒ่าตั้งท่าจะตะเบ็งเสียงอีก ซูซานหลางก็รีบดักคอ "ยิ่งไปกว่านั้น ไทเฮากับฝ่าาทรงรักอวี้อ๋องมากเพียงใด พวกเราก็รู้ดี"
เมื่อเอ่ยถึงไทเฮากับฮ่องเต้ ท่านโหวผู้เฒ่าจึงสงบลง
"ไทเฮาทรงโปรดอวี้อ๋องถึงเพียงนั้น ถ้าเหตุเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าต้องทรงเอาความกับพวกเราแน่ ถึงแม้อวี้อ๋องจะไม่ใส่พระทัย แต่มิได้หมายความว่าผู้อื่นจะเป็เหมือนกัน พวกเราควบคุมการกินของเฉียวเยว่เป็การลงโทษ เป็การทำให้ผู้อื่นเห็น มิใช่ว่าพวกเราไม่ทำอันใดสักอย่าง ท่านว่าถูกต้องหรือไม่?"
ซูซานหลางรู้สึกเหนื่อยใจอย่างยิ่ง
ท่านโหวผู้เฒ่าถอนหายใจ อ่อนลงได้ในที่สุด "เช่นนั้นก็แอบให้นางกินสิ แค่แกล้งทำเป็พิธีก็พอแล้ว ไยต้องไม่ให้กินจริงๆ เล่า"
"มิใช่ไม่ให้กินขอรับ ให้นางกินข้าว แต่ไม่อาจให้กินอย่างตามใจ ยิ่งไปกว่านั้นท่านบอกให้นางลดความอ้วน แต่ถ้าไม่เห็นผลสักนิดจะมีใครเชื่อ? การทำเช่นนี้หากผู้อื่นเห็นเข้าก็จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่"
ซูซานหลางกล่าวอีกครั้ง "เฉียวเยว่เป็บุตรของพวกเรา พวกเราไม่โหดร้ายกับนางหรอกขอรับ นอกจากนี้ นางก็สมควรถูกควบคุม ท่านไม่รู้ ่นี้นางทำแต่เื่เหลวไหลจริงๆ ถึงกับเขียนจดหมายรักถึงอวี้อ๋อง แน่นอนว่าเฉียวเยว่ของพวกเราไม่เข้าใจความหมายอันใดเลย คิดว่าเป็การแสดงถึงมิตรภาพอันบริสุทธิ์ใจ เื่นี้... พูดง่ายแต่ฟังยากยิ่ง"
ท่านโหวผู้เฒ่าเบิกตากว้าง "เฉียวเยว่ของพวกเราเขียนจดหมายรักเป็ด้วยรึ? ฮ่าๆๆ สมกับเป็หลานสาวของข้าซูชิงหย่วน เชื้อไม่ทิ้งแถวจริงๆ"
ซูซานหลาง "..."
อยากสบถคำหยาบบ้าง ควรทำอย่างไร?
...
[1] หลงบุปผา เป็คำสแลง ใช้เรียกผู้หญิงที่คลั่งไคล้ผู้ชาย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้