ร่างไร้ศีรษะของหลี่จวิ้นหลงกระแทกพื้นอย่างแรง พร้อมกับจูไป่เหนี่ยวกระอักเื ในที่สุดก็พยุงร่างกายไว้ไม่ไหวจึงทรุดลงกับพื้น
เมื่อตู้เจวียนเห็นชายสวมหน้ากากพร้อมกับศีรษะของหลี่จวิ้นหลงหลุดจากบ่ากระเด็นขึ้นฟ้า ก็ใกลัวแทบเสียสติ ขาทั้งสองอ่อนแรง เืจากาแที่เกิดจากมีดบินห้าเล่มยังไม่หยุดไหลจนเกือบจะหมดสติ
“อย่า... อย่าฆ่าฉัน หญ้าหลิงซีอยู่ที่เขา...” หญิงหน้ากลมชี้มือสั่นเทาไปทางจูไป่เหนี่ยว ความหวาดกลัวกระจายทั่วใบหน้า
เย่เฟิงเห็นเช่นนั้นก็ได้แต่ส่ายหัว ไม่รู้ว่าจูไป่เหนี่ยวชอบอะไรในตัวผู้หญิงคนนี้ ถึงกับเต็มใจสละชีวิตเพื่อเธอ อย่างไรโลกใบนี้ก็ไม่มีกฎเกณฑ์ใดอธิบายความรักได้ คงมีเพียงจูไป่เหนี่ยวเท่านั้นที่เข้าใจความคิดรู้สึกนั้น
เย่เฟิงก้าวเข้าไปนั่งยองๆ ข้างจูไป่เหนี่ยวเพื่อตรวจอาการาเ็ของเขา ชายคนนี้ยังไม่ตาย แต่น่าเสียดายที่คงจะทนอยู่ได้ไม่นาน อย่าว่าแต่เย่เฟิงเลย แม้แต่หมอที่มีชื่อเสียงในโลกเทวะก็ไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้
“ขอบใจมาก... นาย... เอา... กระดาษกับปากกา... ให้ฉัน... ฉันจะวาดให้นาย...” จูไป่เหนี่ยวพูดทีละคำอย่างยากลำบาก มือข้างเดียวก็แทบยกขึ้นมาไม่ได้
เมื่อเย่เฟิงเห็นดังนั้นก็ไม่พูดมาก เพียงกลับไปตรงเนินลาดชันที่ใช้ซ่อนตัวแล้วหยิบกระเป๋าสีดำใบเล็กจากพงหญ้า จากนั้นหยิบแผนที่กับปากกาโดยใช้ด้านหลังของแผนที่แทนกระดาษก่อนส่งให้จูไป่เหนี่ยว
ตู้เจวียนมองด้วยความสงสัยอยู่อีกด้าน ไม่รู้พวกเขาทำอะไรกันอยู่ ชายสวมหน้ากากคนนี้ฆ่าหลี่จวิ้นหลงแล้วควรจะค้นหาหญ้าหลิงซีโดยเร็วที่สุดไม่ใช่เหรอ? ทำไมต้องใช้กระดาษกับปากกาล่ะ?
เย่เฟิงขมวดคิ้วเพราะรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างเกะกะ จึงลุกขึ้นเดินไปหาอีกฝ่าย
“ค... คุณจะทำอะไร อย่าฆ่าฉัน... อย่าฆ่าฉันเลยนะ” เมื่อตู้เจวียนเห็นเขาขยับเข้าใกล้ก็กรีดร้อง พยายามจะวิ่งหนี แต่กลับไร้เรี่ยวแรง
พลั่ก!
เย่เฟิงใช้สันมือสับต้นคอด้านหลังของเธอ ทำให้เธอหมดสติ
เมื่อเขากลับมา จูไป่เหนี่ยววาดแผนที่ด้วยมืออันสั่นเทา แผนที่นั้นชี้บริเวณชายทะเลทางตะวันออกของจีนซึ่งน่าจะอยู่ในเขตมณฑลเจ้อเจียง จุดหมายปลายทางมีตัวอักษรขนาดใหญ่กำกับไว้ว่า ‘เคล็ดอสูรร่ำไห้’
มันคืออะไร? เย่เฟิงรู้สึกงุนงง
“สำนักอิ่นเซียน... วิชาอาวุธลับที่หายสาบสูญ... หากฝึกฝนจนถึงขั้นสูงสุดจะสามารถทำให้มีดบินมีเสียงโหยหวนของภูติผีและเสียงเห่าหอนของหมาป่า ทำร้ายโสตประสาทของผู้ที่ได้ยิน... น่าเสียดาย... ฉันไม่มีพร์...” จูไป่เหนี่ยวพูดทั้งที่ยังหลับตา “ผู้าุโผู้ที่ถ่ายทอดมันให้ฉัน... เดิมเป็คนทรยศจากสำนักอิ่นเซียน...”
เขาพูดไม่ทันจบประโยคก็สูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนสิ้นลมไป
“...” เย่เฟิงไล่สายตาตรวจสอบแผนที่อย่างระมัดระวังก่อนรับมาแล้วยืนไว้อาลัยให้จูไป่เหนี่ยวพักหนึ่ง
จากนั้นใช้กระบี่เจินชี่ขุดหลุมข้างๆ เพื่อฝังร่างไร้ิญญาของจูไป่เหนี่ยว ถึงอย่างไรที่นี่ก็ไม่ใช่โลกเทวะแต่เป็มหานครใหญ่ในยุคปัจจุบัน ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่จะทิ้งศพไว้แบบนี้ ส่วนศพของหลี่จวิ้นหลงถูกเย่เฟิงโยนลงหน้าผาชันแล้วอาศัยกระแสน้ำไหลเชี่ยวในแม่น้ำพัดลอยไป
หลังจากจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เย่เฟิงก็หยุดอยู่ข้างกายของตู้เจวียนซึ่งหมดสติ ตรวจสอบเล็กน้อยว่ามีดบินห้าเล่มนั้นไม่ได้โดนจุดสำคัญของเธอ แต่บนมีดพวกนั้นกลับมีพิษร้ายแรงบางอย่างอยู่
เย่เฟิงลังเลสักพักก็หยิบขวดยาเล็กๆ ออกจากกระเป๋าแล้วเทยาแก้พิษออกมาสองเม็ด ก่อนยัดเข้าปากหญิงสาว
ไม่ว่าจะได้ผลหรือไม่ เขาก็พยายามสุดกำลังแล้ว
“รักชั่วนิรันดร์ ผลสุดท้ายกลับเป็การทรยศ” เย่เฟิงยืนขึ้นเต็มความสูงแล้วมองกองดินที่ฝังร่างจูไป่เหนี่ยวเป็ครั้งสุดท้าย จากนั้นหันกายไปจากที่นี่
เขานึกถึงซูเมิ่งหาน สุดท้ายแล้วจะเป็อย่างไรหากเขาใช้ชีวิตอยู่กับซูเมิ่งหานตลอดไป? ไม่มีใครรู้เช่นกัน แต่เธอเชื่อใจเขาและเขาเองก็เลือกเชื่อใจอีกฝ่ายเช่นกัน
‘เคล็ดอสูรร่ำไห้ วิชาอาวุธลับที่หายสาบสูญของสำนักอิ่นเซียน... ถ้ามีเวลา ลองไปตามหามันก็ไม่แย่นัก จะได้เข้าใจวรยุทธ์ของโลกนี้ว่าเป็อย่างไร’ เย่เฟิงคิดในใจ ชายหนุ่มรู้ว่าวิชาอาวุธลับของสำนักอิ่นเซียนไม่ง่ายเหมือนกับการปามีดบิน อานุภาพอาวุธลับของพวกเขามีพลังมากกว่าที่คนธรรมดาปาออกไปหลายขุม ย่อมมีเส้นทางการเคลื่อนย้ายพลังภายในโดยเฉพาะแน่นอน
เขาวิ่งเลียบแม่น้ำสายเล็กซึ่งห่างจากพงหญ้าออกมาไม่ไกล มุ่งหน้าไปซากสุสานโบราณที่จุดหมายปลายทาง ทันใดนั้นก็เห็นเงาร่างสองสายที่ตนเคยพบมาก่อน ไม่คิดเลยว่าจะเป็สองคนในเสื้อสีเทาสวมหมวกฟาง แบกห่อผ้าใบกันน้ำทรงยาวบนหลัง ดูเหมือนอาวุธอะไรสักอย่าง
คนคู่นั้นอยู่อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำไม่ไกลจากเย่เฟิง กำลังมุ่งหน้าไปทิศทางเดียวกับเขา โชคดีตอนนี้ชายหนุ่มอยู่ในที่รกครึ้มด้วยต้นไม้ใบหญ้า ฝ่ายตรงข้ามจึงไม่สังเกตการมีอยู่ของเขา
“ไม่รู้ว่าพวกวิหารดาบ์จะแข็งแกร่งแค่ไหน...” เย่เฟิงระมัดระวังมาก จะให้อีกฝ่ายรู้ไม่ได้ว่าหญ้าเจียหลานหลิงถูกเขาดูดซับไปแล้ว ขณะคิดเปลี่ยนเส้นทาง คำพูดของพวกเขากลับดึงความสนใจของเย่เฟิง
“ว้าว คุณหนูใหญ่ตระกูลหลงคนนั้นน่าจะอยู่ข้างหน้าพวกเรา” ผู้หญิงงามหยดย้อยพูดอย่างกระตือรือร้น
“เื่หญ้าจินเย่ครั้งที่แล้วทำมือไม้อ่อนไปชั่วขณะ ถ้าครั้งนี้เจอกันอีก ฉันจะฆ่าเธอภายในดาบเดียวแน่นอน” ชายผู้มืดมนเลียริมฝีปากแห้งผากของตัวเอง ดูคล้ายปีศาจกระหายเื
“ฉันรู้ว่านาย้าจับเป็เธอ แต่ครั้งนี้คนตระกูลหลงมากันเยอะ มันคงไม่ได้ง่ายขนาดนั้น” หญิงสาวแค่นเสียงไม่พอใจ
“ฉันรู้น่ะที่รัก” ชายคนนั้นเหยียดยิ้ม “แต่จะไม่ลิ้มลองรสชาติผู้หญิงแบบนั้นได้ยังไง? ต่อให้เป็แค่ศพก็สวยงาม...” ที่แท้ครั้งก่อนหลงหว่านเอ๋อร์แย่งหญ้าจินเย่จากคู่หูประหลาดคู่นี้ และตอนที่หมดสติจากการหลบหนีก็ได้รับความช่วยเหลือจากเย่เฟิง
‘ช่างไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีกันเลยจริงๆ’ เย่เฟิงด่าในใจ ถ้าหลงหว่านเอ๋อร์ตกอยู่ในมือสองคนนี้ก็ไม่ต้องคิดเลยว่าจะมีจุดจบอย่างไร ไม่นึกเลยว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็พวกกินบนเรือนขี้รดบนหลังคา จนตอนนี้ก็ยังตามจัดการเขาทุกหนทุกแห่ง ช่างไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ
“ใครน่ะ!” ทันใดนั้นชายมืดมนก็ตวาดเสียงดังจนเย่เฟิงใ
แต่เขาก็สังเกตได้อย่างรวดเร็ว ไม่ใช่ว่าอีกฝ่ายเห็นตนแล้ว แต่เห็นคนตัดไม้สวมหมวกฟางคนหนึ่งซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็เพียงคนธรรมดา
คนตัดไม้แบกตะกร้าสมุนไพรไว้บนหลัง น่าจะเป็ชาวบ้านที่เข้ามาเก็บสมุนไพรบนูเา แต่เมื่อได้พบกับพวกวิหารดาบ์สองคนนั้นก็ผงะไป จากนั้นสายตาของเขาก็ถูกดึงดูดโดยสาวสวยทรงเสน่ห์หุ่นดีที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งชัดเจนและผิวเนียนละเอียดขาวราวหิมะ จนอดมองหลายๆ ครั้งไม่ได้
“มองหาอะไร?” เสียงของชายผู้มืดมนขรึมลงอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจกับสายตาอีกฝ่ายมาก คิดว่าจะมองผู้หญิงของเขาอย่างไรก็ได้เหรอ?
“แย่...” เย่เฟิงมองผ่านพงหญ้า หัวใจของเขาพลันตื่นกลัวเมื่อเห็นความกระหายเืในแววตาของชายคนนั้น ไอ้หมอนี่คงไม่ฆ่าคนตัดไม้หรอกใช่ไหม?
ก่อนที่เย่เฟิงจะโต้ตอบ ชายคนนั้นก็ปลดห่อผ้าใบกันน้ำทรงยาวบนหลังแล้วดึงด้ามมีดที่อยู่ในนั้นออกมา
ฉัวะ!
ร่างกายขยับอย่างรวดเร็ว แสงสีส้มของอาทิตย์อัสดงกระทบดาบเล่มยาวซึ่งเงื้อสูงก่อนฟันคนตัดไม้จากบนลงล่าง
ชายคนนั้นรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ!
เย่เฟิงหวาดหวั่นอยู่ในใจ ความเร็วชั่วพริบตาของอีกฝ่ายเร็วกว่าย่างก้าวไร้เงาของเขาเสียอีก เขาตามไม่ทันเลยสักนิด หากลังเลเพียงเล็กน้อยก็ทำได้แค่เบิ่งตามองดาบเล่มนั้นฟันลงมา
ถ้าผ่าลงตรงกลาง ร่างของคนตัดไม้คงถูกแบ่งออกเป็สองซีกแน่!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้