เมื่อมาถึงตลาดมืด พวกเขาก็ตรงไปยังที่แห่งหนึ่ง โจวชิงหวาเดินเข้าไปข้างใน ไม่นานก็กลับออกมาพร้อมสมุดบัญชีเล่มหนึ่ง เมื่อไล่สายตาดู ก็พบรายชื่อผู้ที่ซื้อชะมดเชียงไปในวันที่สวีซื่อถูกวางยา
ระหว่างทาง ขณะที่ผ่านหน้าร้านขายเครื่องประดับ กำไลไข่มุกราตรีเส้นหนึ่งก็ดึงดูดสายตาของหนีเจียเอ๋อร์ จนนางต้องหยุดมอง
ั้แ่โตมา นี่เป็ครั้งแรก ที่หญิงสาวเห็นคนใช้ไข่มุกราตรีมาร้อยทำเป็สร้อยข้อมือขาย
โจวชิงหวาที่อยู่ข้างๆ มองตามสายตาอีกฝ่าย ก่อนจะเดินลิ่วเข้าไปในร้าน แล้วหยิบสร้อยข้อมือไข่มุกราตรีมาจ่ายเงิน
ความรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้หนีเจียเอ๋อร์อดกระตุกยิ้มมุมปากมิได้...
ช่างมือเติบยิ่งนัก!
ถึงกับควักเงินซื้อมาได้ โดยไม่มีอิดออด
โจวชิงหวาสะบัดสร้อยข้อมือ แล้วยักคิ้ว “อยากได้หรือไม่? เช่นนั้น เ้าก็ลองเรียกข้าว่าพี่ชิงหวาก่อนสิ แล้วจะมอบให้”
ได้ยินเช่นนั้น หนีเจียเอ๋อร์ก็กลอกตา ก่อนเอ่ย “อา… ของดีๆ เช่นนี้ ขืนปล่อยให้อยู่ในมือเ้า ก็อาจจะเสียหายได้ ดังนั้น...”
ว่าแล้ว ก็ยื่นแขนออกไป “พี่ชิงหวา มอบให้ข้าเถิด!”
โจวชิงหวาคลี่ยิ้ม พลางสวมสร้อยให้ จากนั้นก็คว้าข้อมือนางขึ้นมาชื่นชม “เครื่องประดับทุกชิ้นที่ข้าเลือกสรร ล้วนเหมาะสมกับเ้าเป็ที่สุด!”
หญิงสาวมองสร้อยข้อมือ แล้วยิ้มให้ “ขอบคุณนะ”
เขาแสร้งทำทีเป็ใ “โอ้... เ้าก็รู้จักเกรงใจข้าด้วยหรือนี่!”
หนีเจียเอ๋อร์แสยะยิ้ม “เกรงใจ? น้ำเสียงของข้ามันสื่อเช่นนั้นหรืออย่างไร!”
โจวชิงหวายกมือกุมหน้าผาก ก่อนพูดอย่างหน่ายใจ “อา! มาคิดๆ ดูแล้ว น้องสาวของข้าก็มักจะทำตัวเอาแต่ใจ และไร้เหตุผลแบบนี้เสมอ”
หนีเจียเอ๋อร์ยิ้ม...
ทำตัวเอาแต่ใจและไร้เหตุผล? ดูเหมือนจะเป็เช่นนั้น...
แต่ก็เป็เพราะเขามักจะคอยตามใจ ทั้งยอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ยิ่งกว่าพี่ชายแท้ๆ เสียอีกน่ะสิ!
ชีวิตนี้ นางต้องขอบคุณเขาในหลายๆ เื่!
…
่เที่ยง ของวันถัดมา
เหล่าสตรีทั่วทั้งเมือง ซึ่งได้รับเทียบเชิญให้เข้ามาร่วมงานเลี้ยงของสวีซื่อ ต่างทยอยเดินทางมายังจวนสกุลหนีอย่างไม่ขาดสาย ยกเว้นฮูหยินสวีและสวีอี๋เหนียง ที่ั้แ่หนีเจียเอ๋อร์สะบั้นรักกับสวีเพ่ยหรานเป็ต้นมา ก็ไม่ปรารถนาจะย่างกรายมายังจวนแห่งนี้อีก
วันนี้ สวีซื่อสวมชุดสีแดงสด ใบหน้าเต็มไปด้วยความสุข โดยมีบ่าวรับใช้ห้อมล้อมดูแลอย่างใกล้ชิด
หนีจวิ้นหว่านยืนอยู่ข้างๆ พลางกวาดตามองไปทั่วงานด้วยสีหน้าเรียบเฉย
ส่วนเว่ยอี๋เหนียง จนถึงตอนนี้ ก็ยังมิได้ก้าวออกจากเรือน ด้วยสุขภาพทรุดโทรม จากการตรอมใจเพราะเป็ห่วงบุตรสาว
สวีซื่อเข้ามาพบปะทักทายแเื่ที่มาร่วมงาน ด้วยรอยยิ้มอันกว้างขวาง
ไม่ไกลกันนัก นายท่านหนีลอบมองท่าทีรื่นเริงของภรรยาด้วยความอัดอั้นตันใจ คิดจะปลีกตัวออกจากงานไปหาเว่ยอี๋เหนียง แต่ก็ถูกพ่อบ้านเข้ามาเรียกเอาไว้เสียก่อน
พ่อบ้านใหญ่วิ่งเข้ามาหา ด้วยท่าทีตื่นเต้น “นายท่าน คุณชายโจวพาคุณหนูกลับมาแล้วขอรับ!”
เอ่ยจบ โจวชิงหวาและหนีเจียเอ๋อร์ก็ปรากฏตัวขึ้น ทั้งสองเดินเคียงข้างกันเข้ามาในห้องโถง โดยมีสือหวู่ตามมาติดๆ
นายท่านหนีเบิกตากว้าง... บุตรสาวที่หายไปนานกว่าหนึ่งเดือน ได้มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าแล้ว!
สายตาของแขกในงาน ต่างจับจ้องพวกเขาเป็ตาเดียว
สวีซื่อก็หันมามองด้วยเช่นกัน
“กรี๊ด…!” นางกรีดร้องด้วยความตื่นตระหนก
หนีจวิ้นหว่านรีบเข้าไปพยุงมารดาทันที “ท่านแม่ นั่นน้องหญิงอย่างไรเล่า! เกิดอะไรขึ้นหรือเ้าคะ?”
ด้วยเกรงว่านายท่านหนีจะสงสัย หลินมามาจึงเข้ามาปลอบประโลม ทั้งยังกระซิบเตือนนายหญิงของตน
“นายท่าน ให้คนจับตัวไว้ นางตายไปแล้ว นี่คือผี... นางเป็ผี!” สวีซื่อตะเบ็งเสียง ราวกับจะเสียสติ
ดวงตาเรียวสั่นระริก มองนายท่านหนีสลับกับหนีเจียเอ๋อร์ที่ยืนอยู่หน้าประตู ด้วยความหวาดกลัว
ใบหน้ามีเืฝาดเช่นนี้ บ่งบอกได้ว่านางยังมีชีวิตอยู่ เช่นนี้แล้ว จะเป็ผีไปได้หรือ?
นายท่านหนีหรี่ตาลง ก่อนตะคอกเสียงดัง “สวีซื่อ เบิกตาดูให้ดีๆ นี่คือเสี่ยวเอ๋อร์ ลูกของเราอย่างไรเล่า!”
ผลปรากฏว่า สวีซื่อกำลังสร้างความอับอายต่อหน้าแขกผู้สูงศักดิ์!
คิดไว้ไม่มีผิด... เขาไม่ควรจัดงานเลี้ยงั้แ่แรก!
น่าอับอายยิ่งนัก!
หนีเจียเอ๋อร์เดินเข้าไปหาสวีซื่อ วางมือเล็กลงบนไหล่ของนางเบาๆ แต่กลับถูกอีกฝ่ายปัดออกอย่างแรง “ไปเสีย... เ้าจงหายไปเสีย!”
หนีเจียเอ๋อร์แสยะยิ้ม ก่อนโน้มตัวลงกระซิบข้างหู “ท่านแม่ ข้ายังมีเื่ต้องสะสางกับท่าน เช่นนี้แล้ว จะไปได้อย่างไร?”
คล้ายเพิ่งได้สติ... ทั้งน้ำเสียงและความอบอุ่นที่ััได้บนไหล่ ทำให้สวีซื่อรู้แล้วว่าตัวเองถูกหลอก
นางจึงพยายามตั้งสติ ดวงตาเรียวจับจ้องหนีเจียเอ๋อร์เขม็ง
หญิงสาวเหยียดยิ้มบางๆ ก่อนยืดตัวขึ้น
เมื่อเห็นท่าทีของมารดา หนีจวิ้นหว่านก็เริ่มไม่แน่ใจแล้ว ว่าตนคิดถูกหรือคิดผิด ที่ส่งข่าวของหนีเจียเอ๋อร์ให้โจวชิงหวา?
นางหันไปเอ่ยกับมารดาเบาๆ “ท่านแม่ ลุกขึ้นก่อนเถอะ!”
สวีซื่อจึงยอมลุกขึ้นแต่โดยดี
หนีเจียเอ๋อร์กับโจวชิงหวาเดินเข้าไปหานายท่านหนี “นายท่าน เพื่อรักษาหน้าตาของสกุลหนี ข้าว่ารอให้แเื่กลับไปก่อน แล้วค่อยมาพูดคุยกันดีกว่าขอรับ!”
พอได้ยินชายหนุ่มเอ่ยเช่นนั้น เขาก็พยักหน้า “ต้องขอโทษแทนฮูหยินด้วย อาจจะเป็เพราะนางกำลังตั้งครรภ์จึงอ่อนไหวง่าย หากเ้าไม่รังเกียจก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อน เดี๋ยวข้าจะให้พ่อบ้านพาไปที่โต๊ะอาหาร”
เมื่อเกิดเื่ขึ้น แขกที่มาร่วมงาน จึงทยอยขอตัวกลับจวนไปด้วยความงุนงง
หลังจากทุกคนกลับไปหมดแล้ว ตอนนี้ภายในจวนก็เหลือเพียงนายท่านหนี หนีจวิ้นหว่าน สวีซื่อ หนีเจียเอ๋อร์ โจวชิงหวา และสือหวู่
ก่อนพูดคุยกัน นายท่านหนีก็ให้พ่อบ้านไปเฝ้าประตูห้องเอาไว้ ทั้งยังกำชับอย่างหนักแน่น ว่าห้ามผู้ใดย่างกรายเข้ามาภายในห้อง หรือบริเวณโดยรอบเด็ดขาด!
