ทหารหนุ่มเซี่ยเฉิงเย่จ้องอย่างโกรธเกรี้ยวและตบเย่เฟิงท่ามกลางสายตาของทุกคนในตระกูลเซี่ย!
เปรี้ยง!
เสียงดังชัดเจน แต่สถานการณ์กลับต่างจากที่คาด เย่เฟิงตบซ้ำด้วยมืออีกข้างจนเซี่ยเฉิงเย่กระเด็นไปกระแทกกำแพงที่ตกแต่งอย่างหรูหรา เืไหลจากมุมปากของเขา!
เหตุการณ์นี้เป็อีกครั้งที่ทุกคนในห้องตกตะลึงมาก พนักงานสาวสวยวิ่งออกจากห้องเพื่อรายงานผู้จัดการโรงแรม
“เฉิงเย่ เป็ยังไงบ้าง?” เซี่ยิ่รีบวิ่งไปหาน้องชายของตนด้วยสีหน้าโกรธเกรี้ยว เด็กนั่นกล้าลงมือกับทหาร มันจะมากเกินไปแล้ว!
เซี่ยผิงฮุยเห็นดังนั้นก็ไม่สามารถทนเฉยได้อีก เขายืนขึ้นะโเสียงดัง “หยุดได้แล้ว!”
“ทำไม อยากโดนด้วยอีกคนเหรอ?” เย่เฟิงหันไปมองและถามอย่างเฉยชา
“แก...” เซี่ยผิงหฮุยโกรธจนตัวสั่น “แกชื่อเย่เฟิงใช่ไหม? ทำไมถึงไร้มารยาทแบบนี้?”
“ฮ่าๆ คุณพูดเื่การศึกษากับฉันงั้นเหรอ?” เย่เฟิงเหลือบมองเซี่ยหมิน “สั่งสอนลูกสาวตัวเองก่อนเถอะ”
เซี่ยผิงฮุยได้ยินดังนั้นก็พูดไม่ออก เมื่อครู่เซี่ยิ่เรียกซูเมิ่งหานว่า ‘นังตัวดี’ เมื่อเห็นแฟนสาวถูกคนอื่นเหยียดหยาม ก็เป็เื่ปกติที่เย่เฟิงทนไม่ไหว แต่เมื่อคนที่เจ็บตัวคือลูกของตัวเองก็คงเป็ไปไม่ได้ที่จะเห็นด้วยกับคำพูดของอีกฝ่าย “แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะตบคนอื่นได้! ขอโทษลูกสาวฉันก่อนแล้วฉันจะถือว่าเื่นี้ไม่เคยเกิดขึ้น”
เซี่ยผิงฮุยบอกว่าจะไม่เอาเื่ที่ตบเซี่ยิ่ แต่ไม่ได้บอกว่าจะไม่เอาเื่ที่ตบเซี่ยเฉิงเย่ด้วย เห็นได้ชัดว่าชายชราเป็พวกจิ้งจอกเ้าเล่ห์ ก่อนอื่นให้เย่เฟิงขอโทษเพื่อไม่ให้ตนขายหน้า จากนั้นใช้ลูกชายเป็ข้ออ้างเพื่อเล่นงานเด็กหนุ่ม ช่างเป็ตาเฒ่าเ้าเล่ห์ที่ร้ายกาจ!
“เย่เฟิง...” ซูเมิ่งหานเห็นเย่เฟิงโมโหแล้วลงมือกับคนอื่นเพื่อเธอ ทำให้ใจของเธอยุ่งเหยิง หญิงสาวดึงแขนเสื้อของคนข้างตัว
เธอสะใจที่เห็นเซี่ยิ่ถูกเย่เฟิงตบ เพราะถูกกดขี่มาเป็สิบปี โดยเฉพาะตอนเด็กที่ไม่ได้ถูกแม่เลี้ยงตีเพียงครั้งสองครั้ง แต่เธอไม่้าเห็นเย่เฟิงทำเช่นนั้น แม้เขาจะมีแก๊งอสรพิษ์หนุนหลัง แต่ก็เทียบกับตระกูลเซี่ยไม่ได้เลย ถึงเขาจะเป็ญาติของหัวหน้าแก๊งอสรพิษ์ แต่การขัดแย้งกับตระกูลเซี่ยก็เกิดปัญหาอยู่ดี ยิ่งกว่านั้นซูเมิ่งหานชอบแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี
คนตระกูลเซี่ยที่เหลือเห็นเซี่ยเฉิงเย่ถูกเย่เฟิงตบอย่างแรงก็ไม่มีใครกล้าออกมารับหน้าเขาแม้แต่คนเดียว ก่อนหน้านี้พวกเขามาที่นี่เพื่อสนับสนุนให้เซี่ยิ่ทวงสิ่งที่เรียกว่า ‘ความยุติธรรม’ แต่ไม่รู้จักเย่เฟิงมาก่อน จึงเลือกมองท่าทีของผู้นำตระกูล
เซี่ยผิงฮุยลุกขึ้นก่อนมองลูกชายด้วยสายตาคลุมเครือพร้อมพยักหน้าให้ จากนั้นเบนสายตาไปที่เย่เฟิงและเอ่ยปาก “ทำไม เห็นแก่หน้าตาลูกผู้ชาย เลยไม่คิดจะขอโทษสินะ?”
ในความคิดของเขา แม้เย่เฟิงจะได้รับการสนับสนุนจากแก๊งอสรพิษ์ แต่ก็เป็นักเรียนมัธยมปลายเท่านั้นดังนั้นตนจัดการอีกฝ่ายได้ไม่ยาก แต่เหนือความคาดหมายของชายชรา เด็กหนุ่มไม่คิดจะขอโทษแต่อย่างใด
“เพราะซูเมิ่งหานขอไว้ เื่นี้ผมจะไม่เอาเื่แล้วกัน” เย่เฟิงไม่สนใจคนที่จ้องมา เขานั่งลงและพูดเนิบนาบ “ในเมื่อมากันเเล้ว งั้นก็คงอธิบายได้ว่าทำไมคุณยายของเมิ่งหานถึงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์?”
“อุบัติเหตุทางรถยนต์อะไร?” เซี่ยผิงฮุยตะคอกอย่างเ็า
“อุบัติเหตุรถยนต์อะไร เกี่ยวอะไรกับพวกเรา ทำไมพวกเราต้องอธิบายล่ะ” เซี่ยิ่กังวลเล็กน้อย เธอพยามปฏิเสธข้อกล่าวหาของเย่เฟิงพร้อมกับส่งสายตาให้เซี่ยเฉิงเย่ ชายหนุ่มเข้าใจทันที เขาพยักหน้าแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาส่งข้อความ
“ใช่เหรอ? ในเมื่อไม่ยอมรับ ฉันก็ไม่บังคับพวกคุณ” เย่เฟิงยิ้มพลางมองซูซิ่นชางและเซี่ยผิงฮุยที่นั่งอยู่ด้วยกันแล้วหันมาจับมือซูเมิ่งหานลุกขึ้นเพื่อจากไป
พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไร้ประโยชน์ เย่เฟิงให้แก๊งอสรพิษ์ตรวจสอบเื่นี้ได้ เขาไม่เชื่อว่าตนจะไม่พบเบาะแส
“หยุด! ต่อยคนแล้วก็จะไป ไม่คิดว่ามันง่ายไปหน่อยเหรอ!” เซี่ยเฉิงเย่ซึ่งหน้าบวมแดงข้างหนึ่งก้าวไปขวางที่ประตูพลางจ้องฝ่ายตรงข้ามเขม็ง
เย่เฟิงจูงมือซูเมิ่งหานขณะมองเซี่ยิ่ “ง่ายมาก ให้เธอขอโทษเมิ่งหานแล้วผมก็จะขอโทษ!”
“ไอ้เด็กเวร ฝันไปเถอะ! แกกล้าทำร้ายทหารประจำการ แกรอตายได้เลย!” เซี่ยิ่ไม่ใส่ใจเย่เฟิงเลย ตอนนี้เธออยากตบตีเขา มีหรือที่จะขอโทษ
“งั้นก็ถอยไป อย่าทำให้คนอื่นเสียเวลา มีปัญหาอะไรกับซูซิ่นชางก็จัดการกันเอง” เย่เฟิงเดินถึงหน้าเซี่ยเฉิงเย่ แววตาของเขาแสดงออกว่าไม่สนใจตำแหน่งของอีกฝ่ายแม้แต่น้อย
“ฝันไปเถอะ” เซี่ยเฉิงเย่เช็ดเืที่มุมปากขณะมองเด็กหนุ่มอย่างดูถูก “ถึงแกขอโทษตอนนี้ก็สายไปแล้ว”
ทันทีที่เขาพูดจบ ชายกลุ่มหนึ่งก็ออกจากลิฟต์ เมื่อพิจารณาจากฝีเท้าและเสื้อผ้า พวกเขาล้วนเป็ทหาร!
“พี่เซี่ย เกิดอะไรขึ้น!” ท่าทีคุกคามของทหารกลุ่มนี้ทำให้บริเวณทางเดินวุ่นวาย เมื่อลูกค้ารายอื่นและคนที่จะเข้าห้องน้ำเห็นความวุ่นวายก็กลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้
เพียงไม่กี่วินาที พวกทหารก็รวมตัวกันรอบประตูห้องปิดกั้นทางออกของเย่เฟิง กลุ่มคนเหล่านี้ล้วนเป็ผู้ใต้บังคับบัญชาของเซี่ยเฉิงเย่ พวกเขามักฝึกซ้อมด้วยกันและเรียกกันเป็พี่น้อง
ซูเมิ่งหานตื่นตระหนก “เย่เฟิง...”
“ไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่ไม่เกิดอะไรขึ้นแน่” เย่เฟิงตบไหล่คนข้างกายเบาๆ เพื่อให้เธอวางใจ จากนั้นเงยหน้าสำรวจฝ่ายตรงข้าม
“นี่...” ซูซิ่นชางไม่คิดว่าสถานการณ์จะบานปลายเช่นนี้ เขาไม่สามารถแม้แต่จะแทรกคำพูดได้เลย ชายวัยกลางคนมองพ่อภรรยาเหมือนอยากพูดอะไรบางอย่าง
“เื่นี้แกอย่ายุ่งดีกว่า เื่ของพวกทหารไม่เกี่ยวกับทั้งแกฉัน” เซี่ยผิงฮุยขัดซูซิ่นชางพลางมองเย่เฟิงและซูเมิ่งหานอย่างใจเย็น
ชายชราไม่ชอบการมีตัวตนของซูเมิ่งหาน เพราะเซี่ยิ่และซูซิ่นชางไม่มีลูกจนถึงตอนนี้ การมีอยู่ของเด็กสาวจึงเป็เื่ละเอียดอ่อน ดูเหมือนตอนนี้เป็โอกาสดีที่จะบีบให้ชายหนุ่มทิ้งลูกสาวแล้วสินะ?
เมื่อเซี่ยเฉิงเย่มีกองหนุนก็สบายใจมาก เขามองเย่เฟิงก่อนเสนอ “ถ้าตอนนี้แกร้องเหมือนหมาแล้วตบหน้าตัวเองร้อยครั้งจากนั้นคลานลอดใต้ขาฉัน ฉันอาจลองคิดดูว่าจะปล่อยแกดีไหม ว่าไงล่ะ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนในห้องต่างตกตะลึง นี่มันไม่มากเกินไปเหรอ?
……
ขณะนั้นเอง สมาชิกแก๊งอสรพิษ์หลายคนถือมีดปังตอเดินขึ้นบันไดภัตตาคารด้วยท่าทีดุดัน
ชายหน้าบากเดินนำข้างหน้า ไม่กี่นาทีที่ผ่านมาเขาได้ยินจากจ้าวอี้เปยว่ากลุ่มทหารมีเื่กับเย่เฟิง จึงรีบพาคนบุกมาทันที
ณ ห้องโถงของภัตตาคาร ผู้จัดการสั่งให้พนักงานโทรแจ้งตำรวจ สถานการณ์ไปไกลเกินกว่าที่เขาจะควบคุมได้แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้