หลังขึ้นมาบนห้องพร้อมกับแฟนหนุ่มเรียบร้อยแล้ว เจแปนก็ปล่อยให้พอร์ตเป็คนเดินนำเข้าไปก่อน ส่วนเขาก็แวะไปหยิบน้ำเปล่าที่ตู้เย็น ถึงค่อยเดินตามคนรักไป
“นี่น่ะเหรอ งานที่กำลังทำอยู่” พอร์ตถาม ขณะที่อีกฝ่ายกำลังยืนมองโต๊ะทำงานของเจแปนที่ในตอนนี้มันกำลังมีโน้ตบุ๊กและกระดาษต่าง ๆ ที่เจแปนนำมาจดข้อมูลถูกวางทิ้งเอาไว้อยู่
“อือ” เจแปนพยักหน้ารับ จากนั้นความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งสองอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่ผู้เป็เ้าของห้องจะเป็ฝ่ายพูดขึ้นอีกหน “เราบอกแล้วนะว่าเรากำลังทำงานเตรียมส่งอาจารย์อยู่ เพราะงั้นคงไม่ได้มีเวลาให้”
“เราก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนี่” พอร์ตบอกกลับมาพลางหันมามองหน้าเจแปนเล็กน้อย “แล้วงานชิ้นนี้อาจารย์สั่งอะไรล่ะ เราสามารถช่วยได้หรือเปล่า”
“อยากช่วยงั้นเหรอ” เขาทวนคำพูด พลางหลุบตามองหาเงาของพอร์ตอีกครั้ง เนื่องจากเจแปนค่อนข้างรู้สึกประหลาดใจและกลัวว่านี่จะไม่ใช่พอร์ตตัวจริง
แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังเห็นเงาสะท้อนของอีกคนอยู่ ซึ่งมันก็เป็เื่ดีแล้ว
“กำลังมองหาอะไรอยู่เหรอ” ทันใดนั้นเสียงของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าก็ดังขึ้น ทำเอาคนที่กำลังยืนถือแก้วน้ำเอาไว้เกิดอาการสะดุ้งตัวเล็กน้อย
“เปล่า ไม่ได้มองหาอะไร” เจแปนตอบกลับไปเสียงเรียบ พร้อมสบตากับแฟนหนุ่มด้วยสายตานิ่ง ๆ ถึงค่อยพูดต่อ “ตอนนี้พอร์ตยังไม่ได้อาบน้ำเลยนี่ ถ้างั้นจะไปอาบน้ำเลยไหม? เดี๋ยวเราจะได้เตรียมชุดนอนไว้ให้”
“อืม อาบเลยก็ดีเหมือนกัน” พอร์ตพยักหน้าตอบกลับมา จากนั้นเจแปนจึงหมุนตัวเดินไปยังตู้เสื้อผ้าของตัวเอง เพื่อจัดเตรียมชุดนอนและของใช้ต่าง ๆ ให้กับคนรัก
เอาเข้าจริง... ทุกอย่างมันก็เหมือนปกตินั่นแหละ แต่มีเพียงแค่เจแปนเท่านั้นที่เกิดอาการระแวงคนรัก
เมื่อพอร์ตเดินหายเข้าไปในห้องน้ำเรียบร้อยแล้ว เจแปนก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ใบหน้าเล็กฉายความกังวลออกมาประหนึ่งว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในอันตราย ทั้งที่ความจริงแล้วมันไม่มีอะไรเลย แถมพอร์ตก็ไม่ใช่ใครที่ไหนด้วย แต่เป็คนรักของเขาที่คบหากันมานานหลายปีต่างหาก
“แล้วทำไมเราต้องไประแวงพอร์ตด้วย นั่นแฟนนะไม่ใช่ใครอื่น” เจแปนพูดเตือนสติพลางส่ายหน้าให้ตัวเองเล็กน้อย ก่อนที่ต่อมาเขาจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานอีกครั้ง ตั้งใจจะหาข้อมูลตำนานต่าง ๆ เตรียมทำงานส่งอาจารย์ต่อ
เพราะเจแปนบอกไปแล้วว่าต่อให้พอร์ตขึ้นมานอนด้วยกันในค่ำคืนนี้ เขาก็ไม่มีเวลาให้อีกฝ่ายอยู่ดีเพราะต้องทำงาน หลังจากที่อีกคนอาบน้ำเสร็จ พอร์ตจึงไม่สามารถโวยวายอะไรได้เลย นอกจากหากิจกรรมมาทำระหว่างที่รอให้เจแปนหาข้อมูลให้เสร็จ
“ตกลงคิดออกหรือยังว่าจะเขียนเกี่ยวกับเื่อะไร” ท่ามกลางความเงียบที่เข้าปกคลุมทั้งสองเป็ปกติ พอร์ตที่กำลังนอนเล่นโทรศัพท์อยู่บนโซฟาก็พูดขึ้น เพื่อทำลายความเงียบเ่าั้
“ยังคิดไม่ออกเลย มันยังไม่มีตำนานไหนที่รู้สึกเข้าตาน่ะ”
“...”
“ว่าแต่พอร์ตอยากเสนออะไรหรือเปล่า เสนอมาได้เลยนะ” เจแปนพูดต่อ เผื่อว่าคนรักของเขาจะมีไอเดียที่พอเข้าตากันบ้าง
“ดอพเพลแกงเกอร์ไง”
“...”
“เจแปนเคยได้ยินตำนานนี้หรือเปล่า?” พอร์ตเสนอกลับมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรในคำพูดนั้น ทว่ามันกลับทำให้คนที่ได้ยินเกิดอาการชะงักไปเสียได้
ทำไมพักหลังมานี้ตำนานดอพเพลแกงเกอร์ที่เจแปนไม่เคยรู้จักมาก่อน ถึงคอยวนเวียนอยู่รอบตัวของเขาจัง หากคนนี้ไม่พูดคนนั้นก็พูดอยู่ดี เจแปนนึกในใจ ก่อนที่ต่อมาเขาจะผละมือออกจากแป้นพิมพ์ตรงหน้าแล้วหันกลับไปมองคนรัก เนื่องจากเขาอยากเห็นปฏิกิริยาของพอร์ต ระหว่างที่กำลังสนทนากัน
“ทำไม... พอร์ตถึงได้เสนอตำนานนี้เหรอ” เจแปนถามกลับไปอย่างใคร่รู้
“ไม่รู้สิ อยู่ดี ๆ มันก็ผุดขึ้นมาในหัวน่ะ”
“...”
“แต่ยังไงเจแปนลองเอาเื่นี้ไปคิดดูก็แล้วกัน เพราะเราคิดว่าเื่นี้มันไม่น่าจะไปซ้ำกับใครได้นะ”
“ใช่ มันไม่น่าจะซ้ำใครแน่นอน เพราะมันไม่ค่อยมีคนรู้จักเื่ดอพเพลแกงเกอร์หรอก” เจแปนว่า ขณะที่เขาก็กำลังสบตากับคนรักตาไม่กะพริบ “นี่เราแปลกใจมากเลยนะเนี่ยที่พอร์ตเองก็รู้จักเื่ดอพเพลด้วย”
“ทำไมถึงแปลกใจล่ะ” อีกฝ่ายถามกลับ
“ก็พอร์ตดูเหมือนไม่ใช่คนที่สนใจเื่ลี้ลับหรืออะไรพวกนี้เท่าไร”
“...”
“พอร์ตที่เรารู้จักดูเป็คนที่เชื่ออะไรที่เป็หลักวิทยาศาสตร์มากกว่าเื่ทำนองนี้น่ะ เราก็เลยแปลกใจนิดหน่อย” เจแปนพูดเหมือนคนที่ไม่ได้คิดอะไร ก่อนที่ต่อมาเขาจะตัดสินใจถามอะไรบางอย่างต่อ เพราะไหน ๆ ทั้งสองก็ได้พูดเื่นี้กันแล้ว
เจแปนจึงไม่อยากปล่อยให้โอกาสนี้ผ่านไปเฉย ๆ
“พอพวกเราได้คุยเื่พวกนี้กันแล้ว งั้นเราขอถามอะไรบางอย่างหน่อยสิ” เขาเกริ่นขึ้นก่อน ตั้งใจจะมองท่าทีของคนรักว่าจะมีอาการเช่นไร
“จะถามอะไรเหรอ” พอร์ตยังคงถามกลับมาด้วยท่าทีปกติเช่นเคย
“พอร์ตเชื่อเื่ดอพเพลแกงเกอร์มากแค่ไหนเหรอ?” เขากลั้นใจถามอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งการถามของเจแปนในครั้งนี้มันก็ทำให้พอร์ตที่ไม่เคยหลุดพิรุธอะไรออกมา ถึงกับนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเลื่อนสายตามองมาที่เจแปน เหมือน้าคาดเดาว่าอะไรที่ทำให้เขาถามอีกฝ่ายเช่นนี้
“เราเป็คนเสนอตำนานนี้ให้เจแปนเอง งั้นมันก็หมายความว่าเราต้องเชื่อตำนานพวกนี้อยู่พอสมควรสิ” นานเกือบนาทีกว่าที่พอร์ตจะตอบอะไรกลับมา
“...”
“ไม่ใช่สิ เราขอเปลี่ยนคำพูดได้หรือเปล่า” คนรักของเจแปนพูดขึ้นคล้าย้าเปลี่ยนคำตอบของตัวเองกะทันหัน
“แล้วพอร์ตจะตอบว่าอะไรเหรอ” เจแปนถามกลับไป
“ก็เรานี่ไงดอพเพลแกงเกอร์”
“...”
“ฮ่า ๆ นิ่งไปเลยเหรอ เราล้อเล่นน่า” พูดจบ พอร์ตก็ะเิเสียงหัวเราะออกมาเหมือน้าทำให้บรรยากาศระหว่างทั้งสองดีขึ้น แต่ทว่าเจแปนกลับไม่ได้รู้สึกขำตามเลยแม้แต่นิด
ตรงข้ามกัน... เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจแปนก็ถึงกับใจกระตุกวูบและความกลัวก็เข้าเล่นงานเขาโดยพลัน
“เราไม่เห็นจะรู้สึกขำเลยสักนิด นี่มันน่าตลกตรงไหนกัน” เจแปนพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด
“แต่เราขำไง”
“...”
“แล้วเจแปนล่ะ เชื่อตำนานพวกนี้หรือเปล่า” คราวนี้พอร์ตเป็ฝ่ายถามกลับมาบ้าง ทำเอาคนที่ถูกถามถึงกับคิดหนัก ไม่รู้ควรตอบไปตามตรงหรือควรจะแสร้งบอกว่าตัวเองไม่เชื่อเื่พวกนี้ดี
“ไม่เชื่อ” หลังใช้เวลาคิดอะไร ๆ แล้ว เจแปนก็ตัดสินใจตอบกลับไปอย่างนั้น เขาพยายามโกหกทั้งหน้านิ่ง แม้ตัวของเจแปนจะรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนที่โกหกหรือเก็บซ่อนอาการเก่งนัก
“โกหก เจแปนเชื่อมันต่างหาก” และมันก็เป็อย่างที่คิดไว้จริง ๆ เมื่อเวลาต่อมาเขาถูกพอร์ตสวนกลับมาอย่างรู้ทัน
“...”
“เราคบกันมาตั้งกี่ปี ทำไมเราถึงจะไม่รู้ล่ะว่าตอนนี้เจแปนกำลังโกหกกันอยู่” พอร์ตพูดต่อ ในขณะที่เจแปนก็มีการเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย ถึงค่อยถามกลับไป
“แล้วยังไงต่ออ่ะ ถ้าเราเชื่อเื่พวกนี้แล้วมันยังไงต่อเหรอ?” เจแปนถามคนรัก
“เราก็จะถามต่อไงว่าแปนอยากเห็นร่างดอพเพลแกงเกอร์หรือเปล่า?” อีกฝ่ายเอ่ย ซึ่งนั่นก็ทำให้คนที่ตั้งท่าจะโต้ตอบต้องนิ่งไปอีกรอบ เนื่องจากเขาไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรต่อในหลังจากนี้
และเจแปนก็เดาไม่ออกด้วยว่าพอร์ตถามกันจริงจังหรืออีกฝ่ายก็แค่้าอำเล่นเท่านั้น
“ว่ายังไงล่ะ อยากเห็นร่างดอพเพลแกงเกอร์รึเปล่า” พอร์ตถามย้ำอีกหน เมื่อเ้าตัวเห็นว่าเจแปนเสียอาการนานเกินไป
“พ—พอร์ตถามแบบนี้หมายความว่ายังไงเหรอ เราไม่เห็นจะเข้าใจเลย” เจแปนเริ่มพูดเสียงสั่น เมื่อความกลัวที่เขามีเป็ทุนเดิมมันเริ่มทำงานอีกแล้ว
“เราก็จะทำให้เจแปนได้รู้จักกับร่างดอพเพลแกงเกอร์จริง ๆ ไง”
“...”
“เรานี่แหละดอพเพลแกงเกอร์” พอร์ตว่าต่อ โดยประโยคทำนองนี้อีกฝ่ายก็เคยพูดมันออกมาแล้ว เมื่อตอนก่อนหน้านี้ แล้วเพราะอย่างนั้น...เจแปนจึงไม่ค่อยแน่ใจนักว่าหนนี้ที่พอร์ตพูดมันออกมาอีก มันเป็ความจริงหรืออีกฝ่ายก็แค่้าหยอกเล่นเหมือนอย่างเคยกันแน่
ทั้งที่ทั้งสองคบกันมานานหลายปีแล้ว และเจแปนก็มั่นใจมากว่าตัวเขารู้จักตัวตนของคนรักดียิ่งกว่าใคร ประหนึ่งว่าเป็หนึ่งในครอบครัวของอีกฝ่าย ทว่าเวลานี้เจแปนกลับกลายเป็คนที่ไม่สามารถเดาใจคนรักได้เลย เหมือนว่าเขาไม่เคยรู้จักพอร์ตมาก่อน
...ไม่เคยรู้อะไรเลย
“ถึงกับเงียบไปเลยเหรอ?” เสียงของอีกฝ่ายดังขึ้นอีกหน
“ฮ่า ๆ นี่พอร์ตจะอำเราเล่นใช่ไหม รอบนี้เราไม่หลงกลหรอกนะ” พูดจบ เจแปนก็เป็ฝ่ายส่งเสียงหัวเราะออกมาบ้าง ซึ่งมันก็ดูเป็การหัวเราะที่แสนจะฝืนเต็มทน เพราะเจแปนไม่ได้อยากหัวเราะออกมาจริง ๆ แต่เขาก็แค่ไม่รู้จะแสดงอาการแบบไหนออกมาในสถานการณ์เช่นนี้ต่างหาก
“เปล่า ครั้งนี้เราไม่ได้หลอก”
“...”
“แต่เรากำลังพูดเื่จริง” พอร์ตตอบกลับมา พร้อมใช้ดวงตาคมจ้องลึกเข้ามาในดวงตาของเจแปน เหมือน้าแสดงออกถึงความจริงใจ แต่ในตอนนี้เจแปนไม่ได้้าความจริงใจ เขาอยากให้พอร์ตเฉลยความจริงออกมาว่าอีกฝ่ายกำลังโกหกกันต่างหาก
“ล—แล้วเราจะเชื่อได้ยังไงว่าพอร์ตกำลังพูดเื่จริง” หลังเริ่มขำไม่ออกกับสถานการณ์ที่กำลังเป็อยู่ เวลาต่อมาเจแปนก็ถามอีกครั้งด้วยท่าทีจริงจังไม่ต่างจากคนตรงหน้า
“เราเชื่อนะว่าแปนมีวิธีพิสูจน์ความจริงได้”
“...”
“แปนเองก็รู้จักตำนานดอพเพลแกงเกอร์ไม่ใช่เหรอ เพราะงั้นก็น่าจะรู้วิธีเช็กเบื้องต้นสิ”
เมื่อคนรักบอกมาเช่นนั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมทั้งสองอยู่นานพักใหญ่ เจแปนที่ยังนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงานเช่นเคยก็จ้องหน้าคนรักพร้อมนึกถามกับตัวเองในใจว่าเขาควรจะเอายังไงต่อดี
ซึ่งเวลาต่อมาเจแปนก็เลือกที่จะทำตามคำแนะนำของคนรัก ด้วยการตรวจสอบร่างดอพเพลแกงเกอร์แบบเบื้องต้น นั่นก็คือการมองหาเงาตามตัวของพอร์ตที่เพื่อนสนิทของเขาเคยบอกว่า ร่างดอพเพลแกงเกอร์มันจะไม่มีเงาตามตัว
ทว่าสิ่งที่เจแปนกำลังเห็นอยู่ในตอนนี้ มันกลับทำให้เขาต้องขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ เนื่องจากเจแปนก็ยังมองเห็นเงาตามตัวของพอร์ตเช่นเดิม ไม่ได้เป็คนไร้เงาเสียหน่อย
“นี่พอร์ตแกล้งกันอีกแล้วสินะ เพราะเราก็เห็นอยู่เนี่ยว่าพอร์ตก็มีเงาเหมือนคนทั่ว ๆ ไป งั้นจะเป็ร่างดอพเพลได้ไง” เจแปนพูดพลางถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเขาคิดว่าตัวเองกำลังถูกคนรักแกล้งกันอีกแล้ว
“แล้วแปนมั่นใจไหม?” พอร์ตถามกลับมา ทำเอาคนที่เพิ่งจะโล่งใจไปหยก ๆ ต้องเกิดอาการไม่แน่ใจอีกหน
“เราจะเช็กได้ยังไงล่ะ ในเมื่อเรารู้แค่ว่าร่างดอพเพลแกงเกอร์มันจะไม่มีเงาตามตัว เรารู้แค่เท่านั้นจริง ๆ” คราวนี้เจแปนเป็ฝ่ายถามกลับไปบ้าง เพราะถึงแม้เขาจะรู้จักตำนานดอพเพลแกงเกอร์ แต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเจแปนจะเป็ผู้เชี่ยวชาญในเื่นี้สักหน่อย และวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นเขาก็รู้แค่เท่านั้น ไม่รู้จักวิธีอื่น
“นั่นสินะ” พอร์ตพึมพำกลับมา ทว่าเวลาเดียวกันนั้นเจแปนก็นึกอีกวิธีหนึ่งออกพอดี แล้วเพราะอย่างนั้นเขาจึงตัดสินใจพูดมันออกไปอย่างไม่รีรอ
“พอร์ต”
“...”
“พัตเตอร์”
“ว่ายังไง” คนตรงหน้าไม่ทำเพียงขานรับอย่างเดียว แต่อีกฝ่ายยังมีการระบายยิ้มออกมาด้วย ซึ่งรอยยิ้มของแฟนหนุ่มในตอนนี้ มันก็เป็รอยยิ้มเดียวกันกับที่เจแปนเคยเห็นเมื่อนานมาแล้ว ที่เขาเคยเกิดอาการขนลุกให้กับรอยยิ้มนั้น เนื่องจากั้แ่ที่คบหากันมาหลายปี เจแปนยังไม่เคยเห็นรอยยิ้มแบบนี้จากคนรักมาก่อน
“คราวนี้เชื่อหรือยังว่าเราเป็ดอพเพลแกงเกอร์ ไม่ใช่พอร์ตที่เจแปนรู้จัก” อีกฝ่ายถามต่อ ในขณะที่เจแปนก็ได้ช็อกไปแล้ว
ในตอนนี้เจแปนกำลังรู้สึกเหมือนตัวเองได้หลุดเข้ามาในหนังสยองขวัญเป็ที่เรียบร้อยแล้ว...
เมื่อได้รับการเฉลยความจริงจากร่างดอพเพลแกงเกอร์ เจแปนก็รู้สึกว่าสมองของเขามันหยุดพักการทำงานกะทันหัน เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรต้องทำแบบไหนหรือรู้สึกอย่างไรกับสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ดี
เจแปนควรจะวิ่งหนีออกไปจากห้องั้แ่ตอนนี้ดีไหม แล้วถ้าเขาทำแบบนั้นคนตรงหน้าจะวิ่งตามออกไปหรือเปล่า ขณะที่เขากำลังนั่งนิ่ง ๆ พยายามจะไม่แสดงออกว่าตัวเองรู้สึกกลัวร่างดอพเพลแกงเกอร์ที่กำลังจ้องกันอยู่ในตอนนี้มากแค่ไหน ความคิดมากมายก็กำลังตีกันอยู่ในหัวของเจแปนจนยุ่งเหยิงไปหมด
“ไม่ต้องกลัวนะ เราไม่ทำร้ายเจแปนหรอก”
“...”
“เอาเข้าจริงไม่มีใครหวังดีกับเจแปนเท่าเราแล้วล่ะ แม้กระทั่งตัวของพอร์ตเองก็ยังไม่ได้หวังดีกับเจแปนเท่าเราเลย”
“ที่มาแสดงตัวแบบนี้ นาย้าอะไรเหรอ” เจแปนรวบรวมความกล้าแล้วถามออกไปเสียงห้วน เริ่มแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาไม่โอเคและตั้งตัวเป็ศัตรูกับคนตรงหน้า
“้าเจแปนไง” อีกฝ่ายตอบกลับมาทันที คล้ายกับคำถามของเขามันไม่ต้องใช้ความคิดเยอะ
“หมายถึงชีวิตน่ะเหรอ” คราวนี้เจแปนถามทั้งเสียงเบาหวิว ซึ่งคนตรงหน้าก็รีบส่ายหน้าปฏิเสธกลับมาทันทีถึงค่อยพูดต่อ
“เราไม่อยากได้ชีวิตของเจแปนหรอก”
“...”
“แต่เรา้าเจแปนต่างหาก”
“เราไม่เห็นจะเข้าใจเลย” เจแปนบอกกลับไป โดยเวลาต่อมาร่างดอพเพลแกงเกอร์ก็ทำเพียงแค่ระบายยิ้มออกมาจาง ๆ ก่อนที่เ้าตัวจะบอกบางอย่างกับเขาด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“ตอนนี้เจแปนอาจยังไม่เข้าใจอะไรนัก แต่ไม่เป็ไรนะ... เพราะเดี๋ยวเราจะทำให้เห็นเองว่าที่เราหมายถึงมันคืออะไร”
“เรากลัว” เมื่อได้ยินเช่นนั้น เขาก็รีบพูดต่อทันที
“ไม่ต้องกลัว เราบอกไปแล้วไงว่าไม่ได้ทำร้ายไม่ได้จะเอาชีวิต”
“แต่พอร์ต...”
“เราไม่ได้ชื่อพอร์ต” ยังไม่ทันที่เจแปนจะได้พูดให้จบประโยคดี ร่างดอพเพลแกงเกอร์ก็พูดขัดขึ้นมาเสียก่อน เหมือนเ้าตัวไม่ค่อยพอใจนักที่เจแปนเรียกชื่อแฟนหนุ่มของตัวเอง
“เราชื่ออะไร จำไม่ได้แล้วเหรอ? แต่ตอนก่อนหน้านี้แปนก็ยังเรียกอยู่เลยนี่” อีกฝ่ายพูดต่อทั้งหน้านิ่ง ดวงตาคมแบบเดียวกับพอร์ตฉายความไม่สบอารมณ์ออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“พัตเตอร์” เจแปนรีบเปลี่ยนคำเรียกใหม่ และนั่นก็ทำให้ความไม่พอใจที่คุกรุ่นอยู่ในดวงตาคมนั้นเริ่มลดความรุนแรงลง “การที่นายทำแบบนี้มันไม่ดีเลยนะ”
“แล้วแปนเป็ใครมาบอกว่ามันไม่ดี?” อีกฝ่ายถามกลับมา
“...”
“เราคิดมาดีแล้วว่าการที่เราทำแบบนี้ มันจะดีต่อทั้งตัวเราและตัวแปนเอง เพราะงั้นเชื่อเถอะว่าทุกอย่างมันจะดี”
หากจะถามว่าเจแปนยังคงกลัวร่างดอพเพลแกงเกอร์ของคนรักหรือเปล่า เขาก็จะตอบไปตามตรงว่ายังคงกลัวสุดหัวใจ แต่เนื่องด้วยตอนนี้เจแปนกำลังอยู่กับร่างดอพเพลแกงเกอร์เพียงลำพัง ไม่กล้าเสี่ยงทำอะไรที่อุกอาจนัก นั่นจึงทำให้เขาต้องปล่อยให้ทุกอย่างเป็ไปตามน้ำก่อน
“เราว่าตอนนี้แปนไม่มีอารมณ์ทำงานส่งอาจารย์หรอก เพราะงั้นเราว่าสองคนไปเข้านอนกันเถอะ”
“ฮะ? หมายถึงนอนด้วยกันน่ะเหรอ” เจแปนถามคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยเชื่อหูนัก
“ใช่ นอนด้วยกัน” อีกฝ่ายพยักหน้าตอบกลับมาและพูดต่อ คล้ายกับรู้ว่าเจแปนกำลังคิดอะไรอยู่ “แค่นอนด้วยกันไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น”
“...”
“แต่อันที่จริงถ้าคืนนี้เราสองคนจะมีอะไรกัน มันก็ไม่ใช่เื่ผิดนะ เพราะยังไงมันก็ไม่ใช่ครั้งแรกของเราอยู่แล้ว” อีกฝ่ายพูดต่อ ทำเอาเ้าของห้องถึงกับหูผึ่งและเกิดอาการช็อกไปอีกครั้ง
“หมายความว่าไงเหรอ” เจแปนถามทั้งเสียงเบาหวิว ภาวนาขอให้มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดอยู่ในตอนนี้
“แปนกำลังคิดอะไรอยู่ เราก็หมายความตามนั้นนั่นแหละ”
“ไม่จริง” เจแปนเถียงทันทีแล้วพูดต่ออย่างชัดถ้อยชัดคำ “นายอย่ามาโกหก เราสองคนไม่เคยมีอะไรกันมาก่อน”
“คิดดี ๆ เจแปนมั่นใจในคำตอบของตัวเองมากแค่ไหน” พัตเตอร์ถามกลับมา โดยในเวลาเดียวกันนั้นบทสนทนาบางประโยคที่เกิดขึ้นในคืนนั้น มันก็ผุดขึ้นมาในหัวของเจแปนพอดี ซึ่งนั่นก็ทำให้เขาต้องพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง และเกิดความรู้สึกผิดต่อแฟนหนุ่มตัวจริงกะทันหัน เพราะนั่นมันก็ไม่ต่างจากการนอกกายคนรักเลยแม้แต่นิด ต่อให้เจแปนจะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม
แต่ยังไงมันก็เป็การนอกกายอยู่ดี
“คราวนี้เชื่อกันแล้วใช่ไหมว่าเราสองคนเคยมีอะไรกันแล้ว” พัตเตอร์ถามขึ้นอีกครั้ง เมื่ออีกฝ่ายได้เห็นท่าทีที่แสนจะไม่โอเคของเจแปนแล้ว
“นี่นาย้าอะไรกันแน่”
“...”
“นาย้าจะให้เรารู้สึกผิด รู้สึกว่าตัวเองกำลังทำบาปกับแฟนตัวเองเหรอ” เจแปนถามอย่างไม่เข้าใจ และมันก็เป็อีกครั้งที่อีกฝ่ายส่ายหน้าปฏิเสธกลับมาให้
“เราไม่เคย้าให้เจแปนไปรู้สึกผิดกับพอร์ตเลย” พัตเตอร์พูด “แต่เราก็แค่้าจะให้เจแปนได้รู้ว่าพวกเราสองคนมีความลึกซึ้งกันมากแค่ไหนต่างหาก”
“...”
“เราไม่ใช่คนแปลกหน้าของกันและกันด้วยซ้ำ”
นอกจากเจแปนจะเกิดความกลัวร่างดอพเพลแกงเกอร์ของคนรักแล้ว ในเวลานี้เขายังต้องมาแบกรับความรู้สึกผิดที่มีต่อคนรักของตัวเองอีก
บนเตียงขนาดใหญ่ ระหว่างที่เจแปนกำลังนอนพลิกตัวหันหลังให้อีกคน เขาก็ได้ประสบปัญหานอนไม่หลับ เนื่องจากเกิดอาการคิดไม่ตกไม่รู้ว่าตัวเองควรจะจัดการยังไงกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ดี เหมือนเจแปนกำลังหลุดเข้ามาในหนังสยองขวัญจริง ๆ แถมยังเป็หนังสยองขวัญที่พ่วงความแฟนตาซีเข้ามาด้วย เพราะมันเกี่ยวเนื่องกับสิ่งลี้ลับ
“ทำไมถึงยังไม่นอนอีก?” ท่ามกลางความมืดมิดภายในห้อง ทันใดนั้นเสียงของพัตเตอร์ก็ดังขึ้น
“แล้วจะให้เรานอนหลับได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้เรากำลังนอนกับใครก็ไม่รู้”
“...”
“แถมยังไม่ใช่คนอีก”
“แต่ก็ไม่ใช่ผีนะ” พัตเตอร์ตอบกลับมาอย่างมีอารมณ์ขัน แต่เจแปนกลับไม่ได้รู้สึกขำตามเลยแม้แต่นิด
“...”
“หยุดคิดมากได้แล้ว ปล่อยให้ทุกอย่างเป็ไปด้วยตัวของมันเถอะ” อีกฝ่ายไม่พูดเปล่า แต่เจแปนที่ยังนอนหันหลังให้เช่นเคยก็ยังรู้สึกได้ว่าพัตเตอร์มีการเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ และโอบกอดเขาไว้จากด้านหลังด้วยััที่อ่อนโยน
“อย่ามากอดเรา” เจแปนพูดเตือนทั้งน้ำเสียงแข็งกระด้าง
“นอนได้แล้ว พรุ่งนี้มีเรียนนี่” พัตเตอร์ทำเมินคำพูดนั้นแล้วรีบบอกกลับมา คล้าย้าเปลี่ยนเื่
“...”
“นอนนะ เดี๋ยวเราจะกล่อมแปนเอง” สิ้นเสียงของพัตเตอร์ ฝ่ามือหนาก็ถูกยื่นมาลูบไล้เส้นผมของเจแปนเหมือน้ากล่อมอย่างที่พูดจริง ๆ โดยตัวของเจแปนเองก็ไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด เขาเลือกที่จะปล่อยให้พัตเตอร์ทำแบบนั้นกับตัวเองอย่างเงียบ ๆ ทว่าก่อนที่เจแปนจะเคลิ้มหลับไปนั้น เขาก็มีการพลิกตัวหันกลับไปเผชิญหน้ากับอีกคนเสียดื้อ ๆ
เจแปนจ้องมองร่างดอพเพลแกงเกอร์ของคนรักด้วยสายตาสับสนอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่เวลาต่อมาเขาจะตัดสินใจพิสูจน์บางอย่างด้วยการเอาหูไปแนบที่กลางแผ่นอกของพัตเตอร์ เพื่อเช็กอะไรบางอย่าง
ตึกตัก ๆ
“ทำไมนายเหมือนมนุษย์ทุกอย่างเลยล่ะ” เจแปนพูดออกมาอย่างไม่เข้าใจ
เพราะอะไรที่เขาเคยเข้าใจมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็เื่ที่บอกว่าร่างดอพเพลแกงเกอร์ไม่มีเงาตามตัวหรือไม่มีหัวใจก็ตาม แต่เวลานี้สิ่งนั้นที่เขาเคยเข้าใจมา มันก็เป็แค่เื่เข้าใจผิดเท่านั้น เนื่องจากดอพเพลแกงเกอร์ที่กำลังนอนกล่อมเจแปนอยู่ในตอนนี้ มีทุกอย่างที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะมีเลย
แต่ทำไมตอนนั้นในบางครั้งเจแปนถึงไม่เห็นเงาตามตัวของพัตเตอร์ล่ะ? ขณะที่กำลังปรับเปลี่ยนความเข้าใจของตัวเองเสียใหม่ จู่ ๆ เหตุการณ์หนึ่งที่เจแปนเคยประสบพบเจอมาตอนก่อนหน้านี้ มันก็ผุดขึ้นมาในหัวเขาเสียอย่างนั้น
และแน่นอน... มันทำให้เจแปนเกิดความสับสนอีกแล้ว
“ที่เจแปนถามเราว่าทำไมเราถึงเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง เราว่าเรามีคำตอบให้แปนนะ”
“...”
“นั่นก็เป็เพราะเราจะมาแทนที่พอร์ตยังไงล่ะ” เป็อีกครั้งที่พัตเตอร์ตอบกลับมาทั้งรอยยิ้ม ซึ่งรอยยิ้มของอีกฝ่ายมันก็ยังแฝงไปด้วยความหลอนเช่นเคย