เมื่อวิ่งไปถึงสถานที่เกิดเหตุซึ่งเป็บ้านเดี่ยวเรียงรายกันอยู่ ทุกคนก็เห็นความโกลาหลที่เกิดขึ้น บ้านต้นเหตุพังทลาย บ้านหลังอื่นๆ พังบางส่วนและมีไฟโหมกระหน่ำ ชาวบ้านต่างพากันกรีดร้องด้วยความเ็ป บางคนวิ่งหนีออกมา หอบข้าวของ ลูกหลานและสัตว์เลี้ยงหนีตายออกมา ชาวบ้านหลายคนช่วยกันใช้น้ำและถังดับเพลิงฉีดดับไฟ
คนไหนที่ถูกช่วยออกมาแล้ว ทีมหมอแผนจีนจะเข้าไปดูแล พวกเขาช่วยกันจัดพื้นที่ด้านหนึ่งเอาไว้ และลงมือช่วยชีวิตคนเจ็บทันที ก่อนจะรอส่งตัวไปโรงพยาบาล นักศึกษาแพทย์บางคนก็เข้าไปช่วยขนย้ายคนเจ็บออกมาด้วย
จิงซิงอี้คอยช่วยเหลือคนไข้ร่วมกับหมอคนอื่นๆ ในระหว่างที่เขายืนขึ้นเพื่อเช็ดเหงื่อและขยับขาที่เริ่มปวดจากการนั่งคุกเข่านาน เขาก็เหลือบไปเห็นเด็กหนุ่มอายุประมาณ 16-17 ปี คนหนึ่ง ที่คอยวิ่งเข้าไปยังบ้านต่างๆ และช่วยพยุงคนเจ็บออกมา
เมื่อส่งคนเจ็บคนหนึ่งมาถึงจุดปฐมพยาบาลแล้ว จิงซิงอี้สังเกตเห็นว่า หน้าตาของเด็กหนุ่มซีดเผือดและเริ่มหายใจหอบผิดปกติ จากนั้นเขาก็ค่อยๆทรุดตัวลงไป
จิงซิงอี้วิ่งเข้าไปคว้าตัวเด็กหนุ่มเอาไว้ ก่อนที่เขาจะร่วงลงไปที่พื้น จิงซิงอี้ประคองให้เด็กหนุ่มนอนหงาย เขาพยายามเรียกเด็กหนุ่ม และพบว่าเขายังไม่หมดสติเสียทีเดียว
จิงซิงอี้พยายามสอบถามอาการ เด็กหนุ่มไอออกมาอย่างรุนแรงและเอามือกุมหน้าอก เขาพูดด้วยความยากลำบากว่าเจ็บหัวใจ
จิงซิงอี้ใช้หูฟังแพทย์ที่คล้องคอเอาไว้ตรวจหัวใจของเด็กหนุ่มทันที เขาพบว่าหัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ จิงซิงอี้ขมวดคิ้ว เขาะโเรียกเย่เฉินที่อยู่อีกด้านหนึ่งให้มาช่วยเขาด่วน เมื่อเย่เฉินมาถึง เขาสั่งให้ทำ CPR ให้เด็กหนุ่มทันที
ในระหว่างนั้น จิงซิงอี้รีบดึงเป้ที่เขาสะพายเอาไว้ข้างหลัง และคว้ากล่องอุปกรณ์แพทย์ที่เขาพกติดตัวเอาไว้เสมอ เขาดึงห่อเข็มออกมา ปลดกระดุมเสื้อและขยายของกางเกงของเด็กหนุ่ม เพื่อให้หายใจสะดวก
จากนั้น เขาบอกให้เย่เฉิงหยุดทำ CPR และช่วยกันถอดเสื้อเด็กหนุ่มออก เอาปูรองพื้นไว้ไว้ และจับตัวเด็กหนุ่มนอนคว่ำ
จิงซิงอี้ใช้เข็มที่ฆ่าเชื้อแล้วในห่อปักลงไปที่จุดซินชู ตามด้วยจุดจฺวี้เชวี่ยด้านหน้า เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนเืของหัวใจ และช่วยลดอาการเจ็บจากกล้ามเนื้อหัวใจ
จากนั้น เขาก็ฝังเข็มต่อที่จุดยินซี่และซี่เหมินบริเวณข้อมือด้านหน้า เพื่อกระตุ้นหัวใจและรักษาอาการเจ็บหัวใจแบบเฉียบพลัน หลังจากเวลาผ่านไป 15 นาที จิงซิงอี้พยายามเรียกเด็กหนุ่ม ที่เริ่มรู้สึกตัวแล้ว เด็กหนุ่มตอบด้วยเสียงเบาว่า เขาเจ็บหัวใจน้อยลงแล้ว แต่ยังเพลียและหายใจลำบากอยู่
หลังจากนั้นไม่นาน รถพยาบาลก็ทยอยวิ่งไล่กันมา 2-3 คัน จิงซิงอี้และเย่เฉิงช่วยเรียกเ้าหน้าที่และพาเด็กหนุ่มขึ้นรถ เขาแจ้งเ้าหน้าที่ว่าได้ช่วยเหลือเบื้องต้นด้วยการฝังเข็ม เมื่อเ้าหน้าที่กำลังจะยกเตียงของเด็กหนุ่มเข้าไปในรถพยาบาล เด็กหนุ่มก็คว้าชายเสื้อของจิงซิงอี้เอาไว้ แล้วถามว่า “หมอครับ หมอชื่ออะไรครับ”
จิงซิงอี้ยิ้มและตอบว่า “จิงซิงอี้”
“ขอบคุณมากครับคุณหมอ!”
เด็กหนุ่มขอบคุณเขาด้วยเสียงสั่นเครือ จิงซิงอี้ตบไหล่เขาเบาๆ อวยพรให้เขาหายไวๆ ก่อนจะเดินกลับไปหาผู้ที่ได้รับาเ็คนอื่นๆ เด็กหนุ่มมองตามหลังและท่องชื่อจิงซิงอี้เอาไว้ในใจ และมองตามไปจนประตูรถพยาบาลปิดลง
จิงซิงอี้ไม่รู้เลยว่า ในวันนั้น มีหมอหลายคนเห็นตอนที่เขาช่วยเหลือเด็กหนุ่ม บางคนไม่เชื่อว่าเขาจะใช้การฝังเข็มช่วยคนป่วยที่มีอาการหัวใจล้มเหลวแบบนี้ได้ และบางคนไม่เชื่อฝีมือจิงซิงอี้ด้วยซ้ำ แต่ผลกลายเป็ว่า เขาสามารถช่วยให้เด็กหนุ่มอาการดีขึ้นได้ จนสามารถนำตัวส่งโรงพยาบาลได้ทัน
เหตุการณ์ในวันนั้นถูกบันทึกเอาไว้โดยหลายคนในที่เกิดเหตุ เด็กสาวคนหนึ่งที่ยืนดูเหตุการณ์รู้สึกประทับใจในตัวจิงซิงอี้ และกลุ่มแพทย์จีนที่สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยอาการวิกฤติได้
เธอนำวิดีโอไปโพสท์ในเพจของเธอ และเบลอหน้าของทั้งหมอและคนไข้เอาไว้ เธอบรรยายในโพสท์ว่า นี่เป็ครั้งแรกที่เธอเห็นแพทย์จีนรักษาคนไข้โรคหัวใจวายด้วยการฝังเข็ม และคนไข้ยังฟื้นขึ้นมาและมีอาการดีขึ้นจนส่งไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลได้
เธอยังนำเสนอเหตุการณ์การช่วยเหลือผู้าเ็คนอื่นๆโดยแพทย์แผนจีนในวันนั้น ตอนแรกเธอแค่้าจะแชร์เื่ราวน่าตื่นเต้นในชุมชนให้เพื่อนๆ ในโซเชียลมีเดียรู้ แต่คลิปของเธอก็ถูกแชร์ต่อออกไป และมีคนเข้ามาคอมเมนท์นับร้อยคน เช่น
คอมเมนท์ที่ 1: นี่มันเปิดโลกของฉันเลยนะ ใครจะเชื่อว่าหมอจีนที่มีภาพลักษณ์เชื่องช้าน่าเบื่อ จะวิ่งตัวปลิว ลงมือช่วยคนเจ็บได้จริงจังขนาดนี้!
คอมเมนท์ที่ 2: ดูหมอหนุ่มๆพวกนี้สิ ถึงพวกเค้าจะยังเด็ก แต่กลับทำงานได้คล่องแคล่วมืออาชีพมาก นี่พวกเขามาจากโรงพยาบาลไหนกัน!
คอมเมนท์ที่ 3: ฉันรู้! วันนั้นเป็วันที่แพทย์จากโรงพยาบาลแพทย์แผนจีนเซี่ยงไฮ้ออกมาบริการรักษาโรคฟรี ย่ากับปู่ของฉันก็ยังไปรักษาด้วยเลย
คอมเมนท์ที่ 4: เฮ้! คุณเมนท์ข้างบน ขอนอกเื่หน่อย แล้วรักษาได้ดีจริงมั้ย
คอมเมนท์ที่ 3: ดีจริงๆ โดยเฉพาะหมอคนนี้ ทั้งเก่งทั้งหล่อ เค้าบอกอาการได้ถูกต้องหมดเลยด้วย!
คอมเมนท์ที่ 5: คนไหนอะ คนที่กำลังฝังเข็มให้คนหัวใจวายในอีกคลิปหรือเปล่า
คอมเมนท์ที่ 3: ใช่เลย! คนนี้ละ สุดยอดมาก! แค่ดูหน้า จับชีพจร แล้วก็ถามอาการ ก็บอกได้แล้วว่าป่วยเป็อะไร
คอมเมนท์ที่ 6: ใครรู้ชื่อของหมอบ้าง ถึงจะเบลอหน้า แต่ฉันว่าเค้าต้องหล่อมากๆ ฮ่าๆๆๆ
คอมเมนท์ที่ 7: ผมเรียนแพทย์แผนจีนอยู่นะ การฝังเข็มรักษาคนไข้หัวใจวายนี่ยากมากเลยนะ มือต้องนิ่ง ต้องแม่นเื่จุดฝังเข็ม ทั้งจังหวะน้ำหนักการลงเข็มอีก หมอคนนี้ทำได้อย่างมั่นใจทั้งๆที่อยู่ในเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ต้องถือว่าเยี่ยมเลย!
จิงซิงอี้ซึ่งกลับมานอนพักอย่างหมดแรงที่อพาร์ทเมนท์ ไม่รู้เลยว่าในโลกโซเชียลมีเดียกำลังมีการพูดถึงเขามากมายแค่ไหน พรุ่งนี้เขาจะต้องเดินทางกลับเพื่อไปเปิดคลินิกต่อ จึงต้องนอนเอาแรงไว้
เมื่อตื่นเช้าขึ้นมา เขาเปิดโทรศัพท์ดู ก็พบข้อความนับสิบจากเพื่อนๆและคนที่รู้จักส่งเข้ามา และยังรวมไปถึงโทรศัพท์ที่เขาไม่ได้รับสาย
เขายังไม่ได้อ่าน เพราะ้าไปซื้ออาหารเช้าก่อน แต่แล้วโทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาพบว่าเป็เบอร์ที่เขาไม่รู้จัก คนที่โทรมาเป็ผู้ชายที่พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสุภาพนอบน้อม เขาแนะนำตัวว่า
“สวัสดีครับ คุณหมอจิงซิงอี้ ผมชื่อเจิ้งเว่ย ผมเป็ตัวแทนคุณจางเซี่ย โทรมาเื่เด็กหนุ่มที่คุณช่วยชีวิตจากโรคหัวใจเมื่อวานครับ”
ชายหนุ่มขมวดคิ้วแต่ก็ตอบรับว่าจำได้ เจิ้งเว่ยจึงพูดต่อว่า
“ผมต้องขออภัยด้วยที่ถือวิสาสะโทรมา แต่ผมต้องขอรบกวนเวลาคุณหมอครับ เนื่องจากเมื่อวานนี้ คุณหมอได้ช่วยเหลือคุณจางเซี่ยเอาไว้ และอาการป่วยก็ดีขึ้น ทางคุณพ่อของคุณจางเซี่ย คือ คุณจางเซียวจึงอยากจะขอรบกวนให้คุณหมอช่วยกรุณารักษาอาการของคุณชายจางเซี่ยจะได้ไหมครับ”
จิงซิงอี้อึ้งไป ในขณะที่อีกฝ่ายรอให้เขาตอบอย่างใจเย็น สักพักจิงซิงอี้จึงพูดว่า
“ผมไม่มีปัญหาที่จะรักษาให้ แต่ผมจะต้องกลับไปที่หมู่บ้านแล้วก็ทำงานต่อ ผมไม่สามารถเดินทางไปๆมาๆ ได้ด้วยครับ พวกคุณหาหมอคนอื่นที่อยู่เซี่ยงไฮ้ไม่ดีกว่าหรือ”
เจิ้งเว่ยบอกเขาว่า เขาขอเวลาปรึกษากับเ้านายก่อน เขาหายไปสักพัก แล้วก็โทรกลับมาว่า เ้านายของเขายัง้าจะขอรักษากับจิงซิงอี้ เจิ้งเว่ยจึงขอให้จิงซิงอี้แนะนำมาได้หรือไม่ว่า ถ้าจะรักษากับเขา ต้องทำอย่างไรบ้าง จึงจะสะดวกกับเขามากที่สุด
จิงซิงอี้นิ่งคิดและตอบว่า
“ถ้าเป็ไปได้ อยากจะให้มาที่คลินิกของผมที่หมู่บ้านเจียวจู แต่ที่นี่เป็คลินิกขนาดเล็ก ไม่ใช่โรงพยาบาลที่ให้ผู้ป่วยค้างคืนได้ คุณจะต้องหาที่พักเอง ส่วนการรักษานั้น ผมต้องตรวจอาการอย่างจริงจัง ถึงจะบอกได้ว่า จะรักษาอย่างไรบ้างและใช้เวลานานแค่ไหน ยังไงก็ควรมาให้ผมตรวจอาการก่อน”
เจิ้งเว่ยจึงตอบตกลง และจะโทรศัพท์นัดจิงซิงอี้อีกครั้ง เพื่อหาเวลาที่เหมาะสม จากนั้นเขาก็ขอบคุณอย่างสุภาพและวางสายโทรศัพท์ไป
