หลังจากการประลองรอบแรกเสร็จสิ้น คนที่ผ่านมาได้ก็ต้องจับฉลากเพื่อหาคู่ต่อสู้ของตัวเอง จื่อต้าหลงจับหมายเลขของเขาขึ้นมาดู ‘หมายเลขแปด งั้นหรือ? อืมม…’
หลังจากที่ทุกคนได้หมายเลขของตัวเองเรียบร้อย ผู้าุโชางยี่ก็ประกาศขึ้นมา “ผู้ที่ได้หมายเลขหนึ่งทั้งสองคนขึ้นมาบนเวทีได้” สิ้นเสียงกล่าวก็มีสองร่างทะยานขึ้นไปบนเวทีอย่างรวดเร็ว คนแรกคือคุณชายบัณฑิตลวี่เหริน อีกคนคือผู้ที่มาจากตระกูลเซ่อ เซ่อหง เหล่าศิษย์จากสี่ตระกูลใหญ่ล้วนผ่านเข้ามาในรอบนี้เป็จำนวนมาก เช่นตระกูลหลิว มีถึงห้าคนที่ผ่านเข้ามาได้ ที่เหลือก็เป็ตระกูลจื่อ ตระกูลลวี่ ตระกูลเซ่อ ส่วนตระกูลอื่นๆนั้นมีผ่านเข้ารอบมาบ้าง อย่างเช่นเฉิงไฉเซียว เขาเองก็ผ่านเข้ารอบมาได้โดยที่ไม่ได้มาจากตระกูลใหญ่
หลังจากทั้งสองขึ้นมาบนเวที กรรมการก็ะโว่า “เริ่มได้”
“เซ่อหง เ้าน่าจะรู้จักพลังฝีมือของข้าดีนะ ยอมแพ้เสียเถอะ” ลวี่เหรินกล่าวเสียงเรียบ
“หึ!! มันก็ไม่แน่นักหรอกเ้าจะมั่นใจในฝีมือตัวเองมากเกินไปแล้ว” เซ่อหงพูดจบเขาก็ใช้วิชาตัวเบาทะยานเข้าไปโจมตีใส่ลวี่เหริน
“หึๆ คนตระกูลเซ่อนี่ ห้าวหาญแทบทุกคนจริงๆ ข้้า ลวี่เหรินได้แต่นับถือแล้ว”
วิชาหมัดตระกูลเซ่่อที่ใช้ออกโดยเซ่อหงนับว่าร้ายกาจเป็อยากยิ่ง เขาระดมชกเข้าไปที่คุณชายบัณฑิตถี่ยิบ แต่กลับไม่มีหมัดไหนเลยที่ถูกตัวลวี่เหริน ทุกคนต่างตกตะลึงที่ลวี่เหรินสามารถหลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย หลังจากปล่อยหมัดออกมาชุดใหญ่เซ่อหงก็ต้องหยุดชะงักเพราะต้องพักฟื้นลมหายใจ ลวี่เหรินเห็นอีกฝ่ายเปิดช่องว่างก็ใช้ฝ่ามือซัดใส่เซ่อหงไปสามครั้ง เซ่อหงไม่อาจหลบหลีกฝ่ามือที่รวดเร็วเช่นนี้ได้ จึงโดนเข้าไปเต็มๆ เขาถึงกับกระอักเืเซถอยหลังพลางคุกเข่าลงไปที่พื้น
“คุณชายบัณฑิตช่างร้ายกาจยิ่งนัก อีกทั้งรูปโฉมยังงดงามหล่อเหลาอีกต่างหาก”
“เ้าพูดถูก หากข้าเป็สตรีคงต้องหลงใหลคลั่งไคล้อย่างแน่นอน” เหล่าศิษย์ที่ร่วมชมการประลองต่างแสดงความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน
หลังจากที่โดนไปสามฝ่ามือเซ่อหงก็มิอาจลุกขึ้นมาได้อีก กรรมการจึงประกาศชัยชนะให้แก่ลวี่เหริน จื่อต้าหลงเห็นลวี่เหรินผู้นี้ บุคลิกไม่เลว แต่ค่อนข้างเงียบขรึมไปหน่อย น่าจะสนิทด้วยยาก
“รอบต่อไป หมายเลขสองขึ้นมาบนเวทีได้!” เซ่อเฉิงซานได้ยินดังนั้นจึงทะยานร่างขึ้นเวที ผู้ที่เขาต้องประลองด้วยคือ เฉิงไฉเซียว บัดนี้เฉิงไฉเซียวเข้าสู่ระดับลมปราณก่อเกิดขั้นที่สามสำเร็จแล้ว แต่เซ่อเฉิงซานแห่งตระกูลเซ่อก็มิใช่คนธรรมดา ่เวลาสั้นๆเพียงหนึ่งเดือนเขากลับบรรลุลมปราณก่อเกิดขั้นที่สี่ได้แล้ว
หลังจากเสียงสัญญาณเริ่มขึ้นทั้งสองต่างพุ่งเข้าหากัน สองคนนี้วิธีต่อสู้นั้นเหมือนกันราวกับฝาแฝด เน้นรุกไม่เน้นรับ เป็เื่น่าประหลาดที่เฉิงไฉเซียวกลับสามารถแลกหมัดกับเซ่อเฉิงซานหัวหอกรุ่นเยาว์ของตระกูลเซ่อได้กว่าร้อยกระบวนท่าก่อนจะพ่ายแพ้ไป
“เ้าชื่อเฉิงไฉเซียวสินะ ไม่ธรรมดาเลยระดับพลังต่างกันกลับแลกหมัดกับข้าได้นานขนาดนี้ ข้าขอนับถือ” เซ่อเฉิงซานยกมือขึ้นมาทำการคารวะ
“เ้าเองก็ไม่ธรรมดา การประลองครั้งนี้ข้าสนุกมาก” เฉิงไฉเซียวตอบกลับ
การต่อสู้ดำเนินไปจนถึงรอบที่แปดได้เวลาที่จื่อต้าหลงจะต้องประลองแล้ว หลังจากสิ้นเสียงของกรรมการ เขาก็ขึ้นไปบนเวทีก่อนจะมองไปยังคู่ต่อสู้ ทันทีที่เห็นอีกฝ่ายคิ้วของเด็กน้อยก็กระตุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ดูเหมือนโชคของเขาจะหมดลงแล้วคู่ต่อสู้ของเขาก็คือ หลิวสุ่ยเยว่!
‘นี่ข้าต้องประลองกับนางงั้นหรือ? ไม่เร็วไปหน่อยรึ? แต่… คิดไปคิดมาก็น่าดีใจอยู่หรอกนะที่ได้ประลองกับโฉมงามดูสักครั้ง’
ร่างงามค่อยๆเดินเข้ามากลางเวที นางจ้องมองไปยังจื่อต้าหลงแววตาช่างมุ่งมั่นเหลือคณานับ เป็ไปได้ว่าเด็กน้อยอาจโดนอัดเละก็เป็ได้ จื่อต้าหลงเห็นแววตาที่นางมองมาก็ถึงกับขนลุกเกรียว ‘เฮ้ๆ ไม่ต้องตั้งใจขนาดนั้นก็ได้มั้ง?’
ทันทีที่กรรมการให้สัญญาณนางก็พุ่งใส่เขาทันที จื่อต้าหลงรอรับอยู่แล้ว ถึงแม้นางจะรวดเร็ว แต่ก็ไม่อาจเร็วไปกว่าเขาที่สำเร็จท่าร่างัม่วงขั้นที่สี่ได้! อีกทั้งยังมีเคล็ดวิชาัม่วงที่ทำให้อ่านการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายอีก ศึกครั้งนี้จึงเป็ในรูปแบบโจมตีอยู่ฝ่ายเดียว จื่อต้าหลงนั้นหลบการโจมตีของเด็กสาวได้ทุกกระบวนท่า
“นายน้อยตระกูลจื่อ… ร้ายกาจกว่าที่ข้าคิดมาก งั้นข้าคงต้องเอาจริงแล้ว” หลิวสุ่ยเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงไพเราะ หลังจากที่จู่โจมไปได้หลายกระบวนท่า แต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรจื่อต้าหลงได้
‘หา? ที่ผ่านมาเกือบร้อยกระบวนท่ายังไม่ได้เอาจริงอีกหรือ?’ จื่อต้าหลงได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นจึงรู้สึกใ เดิมทีเขาวางแผนให้นางโจมตีไปเรื่อยๆ หลังจากที่นางหมดแรงเขาจะได้ลงมือจู่โจม ไม่คิดเลยว่าหลังจากผ่านไปนับร้อยกระบวนท่า นางยังดูเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอยู่เลย
หลังจากเด็กสาวพูดจบนางก็ปลดปล่อยพลังลมปราณก่อเกิดขั้นที่หกออกมา จื่อต้าหลงถึงกับหน้าซีดเผือด นี่มันห่างกับเขาที่อยู่ระดับเจ็ดเพียงหนึ่งขั้นเท่านั้น! ก่อนหน้านี้ตอนทดสอบกับกำแพงมรกตนางยังมีพลังอยู่ในระดับปราณก่อเกิดขั้นห้าเท่านั้น ไม่น่าเชื่อเวลาเพียงหนึ่งเดือน นางกลับบรรลุถึงปราณก่อเกิดขั้นหกแล้ว แถมยังชำนาญวิชายุทธอีก ส่วนตัวเขานั้นแทบไม่มีอะไรเลยนอกจากวิชาตัวเบา วิชาเกราะกายา และเคล็ดวิชาัม่วง ทันทีที่เด็กสาวะเิพลังออกมาทุกคนที่เห็นก็ได้แต่เงียบกริบ
ความรวดเร็วของหลิวสุ่ยเยว่เพิ่มขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ในสายตาของจื่อต้าหลงก็ยังเชื่องช้าอยู่ดี หลิวสุ่ยเยว่จู่โจมจื่อต้าหลงอย่างไม่หยุดพักและไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยสร้างความลำบากใจให้เขาเป็อย่างยิ่ง ในตอนนี้จื่อต้าหลงได้ใช้งานเคล็ดวิชาัม่วงมาพักใหญ่แล้ว เขาต่อสู้กับนางอยู่หลายร้อยกระบวนท่าจึงรู้สึกเหนื่อยล้าอยู่บ้าง สุดท้ายเด็กน้อยก็คิดว่าคงไม่สามารถเอาชนะนางได้ง่ายๆอย่างแน่นอนจึงปล่อยให้นางโจมตีโดยที่ตนไม่หลบหลีก ฝ่ามือของหญิงสาวประทับเข้าที่กลางอกของจื่อต้าหลงเต็มๆ หากเป็คนอื่นอาจต้องาเ็สาหัส แต่เขากลับไม่เป็อะไรเลย ด้วยระดับพลังลมปราณก่อเกิดขั้นเจ็ดที่ซ่อนเร้นไว้ บวกกับวิชาเกราะกายา เขาจึงแค่กระเด็นตกเวทีไปอย่างผู้แพ้ การที่จะเอาชนะหลิวสุ่ยเยว่ได้นั้น จื่อต้าหลงจะต้องปลดปล่อยพลังที่แท้จริงออกมา ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดไว้
“สนามประลองหมายเลขแปด! ผู้ชนะหลิวสุ่ยเยว่!!”กรรมการกล่าวเสียงดัง
“เหลือเชื่อ… คุณชายจื่ออายุเพียงสิบสามปีระดับพลังปราณก่อเกิดขั้นที่สาม แต่กลับสามารถรับมือกับแม่นางหลิวสุ่ยเยว่ที่มีระดับปราณก่อเกิดขั้นหกได้หลายร้อยกระบวนท่า นี่ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม?”
“เ้าไม่ได้ตาฝาดหรอก ข้าก็เห็นเหมือนกัน หากให้เวลาคุณชายจื่อสักหน่อย ข้ามั่นใจว่าในอนาคตเขาจะต้องแข็งแกร่งไม่แพ้แม่นางหลิวอย่างแน่นอน”
“ยอดเลยเขาทำได้อย่างไร? ข้าเองก็อยู่ในระดับปราณก่อเกิดขั้นที่สามเช่นกัน แต่ไม่มีทางรับมือกับศิษย์น้องหลิวได้เกินสิบกระบวนท่าอย่างแน่นอน”เหล่าศิษย์ที่รับชมการประลองต่างก็แสดงความคิดเห็นของตัวเองออกมา ทุกคนต่างตกตะลึงในความสามารถของจื่อต้าหลงและหลิวสุ่ยเยว่กันทั้งนั้น คนทั้งสองนับว่าเป็ยอดอัจฉริยะอย่างแท้จริง
‘อู้ยยย!! เจ็บกว่าที่คิดแฮะ นี่ขนาดนางอยู่ในระดับปราณก่อเกิดขั้นที่หกยังร้ายกาจถึงเพียงนี้ นี่ถ้าอยู่ขั้นเดียวกับข้า ข้าไม่เละเป็โจ๊กหมูเลยหรือ?’ จื่อต้าหลงรำพึง ขณะนี้เขานอนหงายหน้ามองฟ้าอยู่นอกเวที และเพื่อไม่ให้ผิดสังเกตุุเด็กน้อยจึงต้องทำทีเป็ลุกไม่ขึ้นจนกระทั่งมีคนมาหามออกไป จื่อต้าหลงนั้นไม่ชอบการต่อสู้ ยิ่งเป็การต่อสู้กับอิสตรีด้วยแล้วเขายิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้