เมื่อพูดถึงโรงแรมใหญ่ ในเซี่ยงไฮ้มีซีเอ่อร์ตุ้น หยางเฉิงมีโรงแรมไป๋เทียนเอ๋อและฮว๋ากั๋ว รวมถึงโรงแรมฮวาหยวนซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง ปักกิ่งมีโรงแรมฉางเฉิงสี่ไหลเติง [1] ที่กำลังจะเริ่มสร้าง ส่วนเผิงเฉิงที่มีฐานะเป็เขตเศรษฐกิจพิเศษ เป็หนึ่งในเมืองสื่อกลางที่แสดงตนต่อสังคมโลกของประเทศ กลับขาดโรงแรมที่เป็แลนด์มาร์คคล้ายโรงแรมไป๋เทียนเอ๋อไปเสียได้
ดังนั้น ‘โรงแรมหนานไห่’ จึงเปรียบเสมือนเป็นามบัตรของเผิงเฉิงที่ถูกฝากความหวังสูงลิบลิ่วไว้นั่นเอง
ใช้เวลาคัดสรรมานานมาก และเพิ่งตัดสินใจเลือกแบบของสถาบันออกแบบเจ้อเจียงเมื่อปีกลายนี่เอง หลังโรงแรมเสร็จสมบูรณ์ มันจะเหมือนเรือใบลำั์ที่พร้อมแล่นออกจากอ่าว
ทิวทัศน์สวนแสนงดงาม พร้อมด้วยทัศนียภาพท้องทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา เลขาเผิงเคยดูภาพจำลองผลของสถาบันออกแบบโดยละเอียดแล้ว กระทั่งหลับตายังสามารถจินตนาการถึงความยิ่งใหญ่เกรียงไกรของโรงแรมหนานไห่ได้ สิ่งปลูกสร้างอันเป็จุดเด่นของสถานที่เช่นนี้ ถ้าการตกแต่งภายในไม่คู่ควร คงจะน่าเสียดายไม่ใช่น้อย!
มีผู้บริหารบางกลุ่มที่เสนอว่าควรเชิญบริษัทต่างชาติมาออกแบบและตกแต่งภายในเสียเลย ทว่ามีผู้บริหารอีกกลุ่มที่ยืนกรานจะให้บริษัทในประเทศเป็ผู้ทำ
เลขาเผิงรู้ว่าทังหงเอินคือกลุ่มหลัง แน่นอนว่าไม่ใช่เพื่อสหายหญิงสาวคนหนึ่งจากมณฑลอวี้หนาน แต่ทังหงเอิน้าให้อุตสาหกรรมในประเทศมีบางอย่างสอดคล้องกับนานาชาติทั่วโลกมากที่สุดเท่าที่เป็ไปได้ ดังนั้นควรให้โอกาสเพิ่มอีกหน่อยถึงจะเติบโตได้
บ้านพักรับรองเทศบาลเมืองก็คือโครงการสำหรับ ‘ฝึกฝน’ อย่างหนึ่ง
ผู้ใดทำให้การตกแต่งของบ้านพักน่าตื่นตาตื่นใจได้ โครงการตกแต่งภายในของ ‘โรงแรมหนานไห่’ ก็อาจตกเป็ของผู้นั้น
บริษัทตกแต่งภายในสองแห่งของฮ่องกงจึงรีบมาที่นี่ราวกับฉลามได้กลิ่นคาวเื หนึ่งในนั้นคือบริษัทฮ่องกงของเถ้าแก่หลิวผู้สร้างที่อยู่อาศัยเชิงพาณิชย์แห่งแรกของเผิงเฉิง ‘ตงหูลี่เยวี่ยน’ นั่นเอง ความสำเร็จของ ‘ตงหูลี่เยวี่ยน’ บรรเทาแรงกดดันทางการเงินของรัฐบาลท้องถิ่นเผิงเฉิง เทศบาลเมืองย่อมประทับใจเถ้าแก่หลิวมากเป็ธรรมดา เถ้าแก่หลิวเป็นักธุรกิจฮ่องกงที่หลักแหลมคนหนึ่ง นอกจากพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แล้ว ยังควบรวมการบริการตกแต่งภายในด้วยตนเองอีก ทั้งสองธุรกิจเติมเต็มซึ่งกันและกัน—เซี่ยเสี่ยวหลาน้าทำเช่นนี้เหมือนกัน ทว่านายหลิวเริ่มลงทุนอสังหาริมทรัพย์ก่อนแล้วค่อยจับธุรกิจตกแต่งภายใน เซี่ยเสี่ยวหลานมีข้อจำกัดทางนโยบายภายในประเทศและทุนทรัพย์ของตนที่ไม่เพียงพอ จึงจำต้องวางแผนทำธุรกิจตกแต่งภายในก่อนและค่อยเริ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ภายหลัง
ใช่ ตัวของเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ห่างไกลถึงซางตู เธอไม่รู้เหมือนกันว่าบริษัทของนายหลิวเข้าร่วมการประมูลครั้งนี้ด้วย
แต่ถึงแม้เธอได้ยินชื่อของบริษัทนั้นก็ไม่น่าจะจำได้ เธอมีความจำดี แต่จำกัดอยู่ในแวดวงอาชีพที่เธอรู้จัก หรือโชคชะตานำพาให้จดจำบางคนได้โดยบังเอิญเท่านั้น... ยกตัวอย่างเช่นเฉินซีเหลียงที่เคยขึ้นอยู่บนข่าวกฎหมายในชีวิตก่อนของเธอ ช่างยากที่จะลืมเหลือเกิน
เถ้าแก่หลิวผู้ที่เซี่ยเสี่ยวหลานไร้ภาพในความทรงจำ ปัจจุบันมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัฐบาลท้องถิ่นเขตพิเศษเผิงเฉิงอย่างยิ่ง
เนื่องจากเถ้าแก่หลิวอยากประมูลโครงการตกแต่งภายในห้องอาหาร ดังนั้นเลขาเผิงถึงได้คิดว่างานนี้ยากเป็พิเศษ บริษัทฮ่องกงอีกแห่ง้าประมูลโครงการทั้งหมด บริษัทหัวเจี้ยนก็อยากได้โครงการทั้งหมดเช่นเดียวกัน ส่วนหนานทงอี๋เจี้ยนและหนานทงซานเจี้ยนค่อนข้างมักน้อยเจียมตัว ้าประมูลแค่โถงรับแขกและห้องอาหาร
เถ้าแก่หลิวแซ่หลิว เถ้าแก่ของ ‘หย่วนฮุย’ ก็แซ่หลิว เมื่อห้าร้อยปีก่อนเป็ครอบครัวเดียวกัน [2] เชียวนะ น่าเสียดายที่ระดับของทั้งสองคนห่างชั้นกันเหลือเกิน คนอื่นพากันไปดูหนังสือขอประมูลของเถ้าแก่หลิว มีเพียงเลขาเผิงที่อ่านเอกสารขอประมูลของ ‘หย่วนฮุย’ และค่อยๆ เกิดความสนใจขึ้นมา
“พวกคุณลองดูเอกสารชุดนี้สิ”
เลขาเผิงดันหนังสือขอประมูลของหย่วนฮุยไปยังกึ่งกลางของโต๊ะ เขาอ่านอย่างละเอียดถี่ถ้วนอยู่สิบกว่านาทีเลยทีเดียว
“หย่วนฮุยประมูลห้องอาหารใหญ่รึ เทียนเฉินก็เหมือนกันนี่”
“ผมว่าของเทียนเฉินไม่เลวนะ โอ่อ่าตระการตา แถมบริษัทฮ่องกงก็เป็มืออาชีพด้วย”
“ใช่เลย หย่วนฮุยอะไรนี่ไม่เคยได้ยินชื่อผ่านหูมาก่อน...”
เลขาเผิงไม่สนหรอกว่าพวกเขาเคยได้ยินชื่อหย่วนฮุยหรือไม่ ในเมื่อตอนนี้เอกสารประกวดราคาของหย่วนฮุยทำได้ดีจริงๆ ทำไมจะให้โอกาสไม่ได้เล่า?
ในที่สุดคนอื่นๆ ก็เริ่มหยิบหนังสือขอประมูลของหย่วนฮุยมาดู
เอ๋ นี่มันคือภาพจำลองผลนี่นา ดูดีทีเดียว ที่แท้ไม่ได้มีแค่ภาพจำลองผลของห้องอาหาร ยังมีแปลนการออกแบบของทั้งบ้านพักอีกด้วย หย่วนฮุยน่าสนใจไม่น้อย ขอประมูลเพียงห้องอาหาร ทว่ากลับช่วยทำแปลนทั้งหมด
บริษัทจากฮ่องกงและหัวเจี้ยนมีแปลนออกแบบโครงร่างโดยรวมทั้งคู่ บริษัทฮ่องกงและเทียนเฉินของเถ้าแก่หลิวมาในแนวทางเดียวกัน โดยเลือกใช้การออกแบบที่หรูหราฟู่ฟ่า
ต่างกับหัวเจี้ยน ไม่รู้ว่าพวกเขาจ้างใครมาออกแบบ ตรงตามบรรทัดฐานดั้งเดิมทุกกระเบียดนิ้ว ััได้ถึงกลิ่นอายอันเข้มข้นของประเทศจีนั้แ่แรกเห็น
ก็เหมือนบ้านพักดาษดื่นที่มีอยู่ทุกหนแห่ง ถ้าอย่างนั้นจะเหลือความแตกต่างอะไรระหว่างบ้านพักเทศบาลเมืองเผิงเฉิงกับบ้านพักอื่นๆ ? แม้พวกเขาแขวนป้ายว่าเป็บ้านพัก อย่างไรเสียก็ยังอยากทำให้มันเป็โรงแรมรับรองที่มีระดับอยู่ดี และแน่นอนว่าจะหรูหราเกินความเหมาะสมไม่ได้
แต่ในเมื่อเหล่าผู้บริหารประชุมกันเรียบร้อยแล้ว ว่าจะแบ่งงานตกแต่งภายในทั้งหมดเป็หลายรายการย่อย บริษัทฮ่องกงและหัวเจี้ยนกลับเข้ามาเพื่อรับเหมาทุกอย่างให้ สิ่งนี้ขัดต่อการตัดสินใจของเหล่าผู้บริหารยิ่งนัก
ไม่มีไหวพริบเอาเสียเลย อีกทั้งราคาเสนอของบริษัทฮ่องก็ค่อนข้างสูง แต่สภาพคล่องทางการเงินของเขตเศรษฐกิจพิเศษไม่ได้ดีนักน่ะสิ
ราคาเสนอของหัวเจี้ยนต่ำ แต่จะขอรับเหมาโครงการตกแต่งภายในทั้งหมด... ไม่ได้ กระทั่งการออกแบบนั่นก็ไม่ได้ ทำตามการออกแบบของ ‘หย่วนฮุย’ ยังเข้าท่ากว่าเสียอีก
“ความเห็นของเลขาเผิงคือ?”
หลังจากผลัดกันอ่านหนังสือขอประมูลเสร็จ มีคนอดไม่ได้ที่จะออกปากถาม
ความคิดเห็นของเลขาเผิงก็คือความคิดเห็นของหัวหน้าไม่ใช่รึ การตั้งใจนำหนังสือขอประมูลของ ‘หย่วนฮุย’ ออกมาโดยเฉพาะเป็การสื่อนัยยะอย่างหนึ่งหรือเปล่านะ เช่นนั้นจะเลือกเทียนเฉินของเถ้าแก่หลิว หรือเลือกหย่วนฮุย เมื่อได้ข้อสรุปที่ไม่ตรงกัน ภายในห้องประชุมจึงเริ่มถกเถียงขึ้น
----------------------------------------
“สหายท่านนี้มั่นใจมากรึ?”
หลิวหย่งอยู่ในห้องอาหาร เนื้อสัตว์ที่เพิ่งรับประทานเข้าไปดันติดซอกฟันเสียแล้ว เขาจึงใช้ลิ้นดุนบริเวณนั้นตลอดเวลา กิริยานี้ทำให้สีหน้าของเขาดูประหลาดยิ่งนัก
เมื่อทุกคนล้วนสงวนท่าที มีเพียงเขาคนเดียวที่แสดงสีหน้าหลากหลาย แค่นั้นก็สะดุดตามากพอแล้ว
ประกอบกับมีคนคุ้มกันยืนเคียงข้าง จึงมีบางคนอยากรู้หัวนอนปลายเท้าของหลิวหย่ง หลิวหย่งมาจากไหนน่ะหรือ ของมีค่าสูงสุดที่ติดตัวก็คือใบสั่งจ่ายเงินทางโทรเลขสองใบ ใบหนึ่งมูลค่า 7 หมื่น อีกใบหนึ่ง 4 หมื่น เพื่อให้เขาสามารถรับงานในเผิงเฉิง ‘หลานเฟิ่งหวง’ จำเป็ต้องแบ่งเงินปันผลก่อนเวลา ฤดูร้อนสมกับเป็ฤดูกาลขายที่เฟื่องฟูจริงๆ แม้เพิ่งจำหน่ายแค่หนึ่งเดือน แต่เทียบเท่ายอดขายรวมเกือบสองเดือนของฤดูใบไม้ผลิเลยทีเดียว
สำหรับเงินที่นำออกมาจากการแบ่งกำไร เซี่ยเสี่ยวหลานและหลี่เฟิ่งเหมยไม่ได้แตะเลยสักนิด รวมเข้ากับ 1 หมื่นที่เซี่ยเสี่ยวหลานเก็บไว้ ให้หลิวหย่งพกมาด้วยทั้งหมดแล้ว
แต่ด้วยท่าทางแบบนั้นของหลิวหย่ง เหมือนคนที่ต้องรวบรวมเงินจากตรงโน้นทีตรงนี้ทีกว่าจะครบหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นหยวนหรือ?
เขาดูมีความมั่นใจกว่าเศรษฐีเสียอีก อากัปกิริยาที่ไม่ยี่หระต่อสิ่งใด ละม้ายคล้ายกับบุคลิกของมหาเศรษฐีเลยทีเดียว
ตัวแทนจากหนานทงซานเจี้ยนย่อมอดใจทักทายไม่ได้น่ะสิ
หลิวหย่งส่ายศีรษะ “ไม่มั่นใจหรอก ผมแค่มาเพื่อหาประสบการณ์น่ะ”
ตัวแทนบริษัทฮ่องกงหัวเราะร่วน “เถ้าแก่ประมูลรายการอะไรรึ”
“ห้องอาหาร”
รอยยิ้มของตัวแทนชะงักไปเล็กน้อย เทียนเฉินของพวกเขาก็ประมูลห้องอาหารเหมือนกัน สำหรับธุรกิจระดับนี้ นายใหญ่จะไม่มาด้วยตนเอง
ตัวแทนจากเทียนเฉินมั่นใจเหลือล้น “ชะตาลิขิตเสียจริงๆ นะ บริษัทพวกเราก็ประมูลห้องอาหารเช่นกัน”
ส่งหนังสือขอประมูลแล้ว จะเปิดเผยข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่เป็ไรหรอก สิ่งสำคัญคือเทียนเฉินมีความสัมพันธ์อันดีกับฝ่ายบริหารท้องถิ่น การประมูลรายการห้องอาหารนี้จึงง่ายดายราวกับเอื้อมมือไปคว้ามา ยิ่งเป็บริษัทใหญ่ยิ่งต้องสงวนท่าที ดังนั้นตัวแทนจากหัวเจี้ยนและบริษัทฮ่องกงต่างก็ไม่ใส่ใจทักทายใครอื่น
พอเริ่มสนทนา เวลาก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็ 3 นาฬิกาแล้ว
หลิวหย่งมองเห็นชายหนุ่มที่เสี่ยวหวังติดตามก่อนหน้านี้คนนั้น เขาเดินออกมาพร้อมกับอีกสองสามคน ในมือถือเอกสารขอประมูลของทุกคนไว้
“กระบวนการประมูลครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ขอบคุณการเข้าร่วมของทุกท่านเป็อย่างยิ่ง ตอนนี้จะประกาศผลการประมูล รายการที่ชนะการประมูลอันดับแรกคือรายการตกแต่งภายในห้องอาหาร ผู้ชนะการประมูลได้แก่... ตกแต่งภายในหย่วนฮุย”
ตัวแทนของเทียนเฉินถึงกับลุกขึ้นยืนแล้วด้วยซ้ำ ทว่าชื่อที่ประกาศออกมากลับเป็ชื่อของ หย่วนฮุย แทน
เป็ไปได้อย่างไรกัน?
หลิวหย่งตกอยู่ในภวังค์ นี่เขาชนะการประมูลจริงหรือ?!
เมื่อครู่คนฮ่องกงนั่นเอาแต่พูดพล่ามกับเขาตลอดเวลา คุยโวโอ้อวดเป็นัยว่าบริษัทของพวกเขาเก่งกาจขนาดไหน ทำเอาหลิวหย่งนึกว่าตนเองคงไม่มีหวังแน่ๆ
ตอนนี้หลิวหย่งรู้แล้ว คนฮ่องกงนี่เป็นักแสดงชั้นยอดจริงๆ เอาความมั่นอกมั่นใจมาจากไหนกัน คุยโวโอ้อวดเช่นนี้น่ารำคาญจริงเชียว ทำไมไม่โดนฟ้าผ่าตายกันนะ?
เชิงอรรถ
[1]长城喜来登酒店 โรงแรมฉางเฉิงสี่ไหลเติง คือ โรงแรมภายใต้แบรนด์เชอราตัน (Sheraton) ซึ่งเป็แบรนด์โรงแรมและรีสอร์ทที่มีกิจการกระจายทั่วโลก ปัจจุบันอยู่ในกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ทสตาร์วู้ด
[2]五百年前是一家 เมื่อห้าร้อยปีก่อนคือครอบครัวเดียวกัน คือ ประโยคสนทนาตามมารยาทที่แสดงไมตรีต่อผู้มีนามสกุล (แซ่) เดียวกัน เนื่องจากประชาชนจีนใช้นามสกุลสืบต่อกันมาเป็พันปี มีความเป็ไปได้ว่าผู้ที่มีแซ่เดียวกันอาจมีบรรพบุรุษร่วมกัน