บ้านหลินไม่มีญาติในหมู่บ้านเค่าซาน แต่ฝั่งสวี่ซื่อมีญาติค่อนข้างเยอะ
พวกเขาตั้งโต๊ะในลานบ้านหกโต๊ะ ในห้องโถงสองโต๊ะ
ทั้งหมดแปดโต๊ะ ถือว่าเป็การลงทุนครั้งใหญ่ที่ไม่มีผู้ใดเห็นในหมู่บ้านมาหลายปี
หลินฮั่วช่วยจางซื่อต้อนรับแขกอยู่ในลาน
หลินชุ่ยยืนเฝ้าหน้าประตู เห็นพวกหลินหวั่นชิวเดินมาจากไกลๆ ก็รีบหันไปะโเข้าด้านใน “ท่านแม่ พี่สี่มาแล้วเ้าค่ะ”
จางซื่อได้ยินดังนั้นก็รีบเดินออกมา เดินพาหลินชุ่ยไปรับหลินหวั่นชิว
“หวั่นชิว เ้ามาแล้วหรือ ข้ากังวลตั้งนานว่าหากเ้าไม่มาจะทำอย่างไร” จางซื่อยังไม่ทันเดินมาถึงก็ยิ้มให้หลินหวั่นชิว
หลินหวั่นชิวยิ้มเช่นกัน แต่รอยยิ้มเ็าเล็กน้อย
“หากข้าไม่มา ท่านจะไม่จัดงานเลี้ยงแล้วหรือ? ท่านแม่รอง ข้าคงไม่กล้าเป็แพะรับบาป”
หลินหวั่นชิวพูดจาแบบไม่ไว้หน้า มีเจตนาหาเื่เต็มที่ แต่จางซื่อประหนึ่งฟังความหยาบคายในคำพูดนางไม่ไม่ออก ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ย่อมหวังว่าเ้าจะมาร่วมงานอยู่แล้ว หากเ้าไม่มาคงน่าเสียดายแย่ อันที่จริงข้าแอบกลัวว่าต้าเหยียบ้านเ้าจะไม่ยอมให้มา แต่ดูจากวันนี้…ดูเหมือนเขาจะดีกับเ้าไม่น้อย ไม่ได้ปฏิบัติกับเ้าไม่ดี ข้าเห็นเช่นนี้ก็สบายใจ”
คนทั้งกลุ่มเดินไปทางบ้านหลิน จางซื่อพูดอย่างไม่เดือดไม่ร้อน
หวางกุ้ยเซียงปากไว “ก็ใช่น่ะสิ พี่สะใภ้เพิ่งจะเคยได้กินอิ่มและเคยได้มีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ก็ตอนเข้ามาอยู่บ้านเจียง มิเช่นนั้นคงถูกบ้านหลินทรมานตายไปแล้ว”
จางซื่อพูดด้วยสีหน้าละอายใจ “หลายปีมานี้ข้าอยู่ในอำเภอมาโดยตลอด ไม่เคยรู้ถึงเหตุการณ์ที่บ้าน แต่เมื่อมาแล้วได้ยินเหล่าเหยียพูดถึงเื่ที่เกิดขึ้นก็รีบหาหวั่นชิวทันที หวั่นชิว เหล่าเหยียเขาอายุมากแล้ว บางครั้งก็เลอะเลือน อีกอย่าง ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่เ้าเป็คนจัดการครอบครัว… อย่างอื่นข้าคงไม่พูดกระไรมาก เพราะท่านพ่อเ้าก็ทำผิดจริงๆ ไม่กล้าแก้ตัวแทนเขา แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็พ่อแท้ๆ ที่ให้กำเนิดและเลี้ยงดูเ้ามา… บุตรมิพึงกล่าวถึงความผิดของบิดา… แม่รองไม่กล้าขอให้เ้าให้อภัยเขา ปล่อยให้เป็เื่ของอนาคตดีกว่า ท่านพ่อเ้าบอกว่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง จะชดเชยให้เ้า แล้วแต่เ้าว่าจะให้อภัยหรือไม่ แน่นอนว่าตอนนี้แม่รองดีใจเช่นกันที่เห็นเ้าอยู่ดีกินดี เจียงต้าเหยียดีกับเ้า แม่รองก็รู้สึกดีใจแทน”
เรียกได้ว่าคำพูดนี้ไม่มีช่องโหว่
จะบอกว่านางพูดผิดหรือ?
ทุกยุคทุกราชวงศ์ปกครองประเทศด้วยหลักกตัญญู ต่อให้พ่อแม่ตีเ้าตาย เ้าก็ห้ามต่อต้าน
นับประสากระไรกับสถานการณ์ที่พ่อแม่แค่ปฏิบัติกับเ้าไม่ดี ยังไม่ได้ตีเ้าถึงตาย ทั้งยังสำนึกผิดแล้วอีกต่างหาก
หวางกุ้ยเซียงพูดกระไรไม่ออกอีกเช่นกันเมื่อถูกตอบกลับเช่นนี้
หลิวซื่อพูดว่า “ลูกคนนี้ วันปีใหม่อย่าพูดเื่ไม่มงคล” ถือเป็การหาทางลงให้หวางกุ้ยเซียงด้วยเช่นกัน ขณะเดียวกันก็สื่อว่าพวกนางจำเื่ที่บ้านหลินเคยทรมานหลินหวั่นชิวได้
“เช่นนั้นข้าคงต้องขอบคุณแม่รองมากเ้าค่ะ หากไม่รู้มาก่อนคงคิดว่าท่านต่างหากที่เป็ท่านแม่แท้ๆ ของข้า ส่วนท่านแม่อีกท่านเป็แม่เลี้ยง ที่โเี้ทารุณกับข้าเพราะอิจฉาท่าน” หลินหวั่นชิวยิ้ม พูดไปเรื่อยผู้ใดก็พูดได้ พูดไปก็ไม่เสียกระไร
จางซื่อได้ยินเช่นนี้ก็ดีใจ หลินชุ่ยตาเป็ประกายเช่นกัน
“พี่สี่ พวกเราเป็พี่น้องแท้ๆ ท่านแม่ข้าก็คือท่านแม่ของท่าน”
“หวั่นชิว ข้าเสียใจที่ไม่รู้เื่ของเ้าให้เร็วกว่านี้ มิเช่นนั้นจะให้พ่อเ้าส่งมาอยู่ด้วยกันที่อำเภอเป็แน่ พวกนางไม่เห็นค่าก็เื่ของพวกนาง แต่ข้าเห็นค่า เป็ลูกสาวแสนดีแต่กลับมีคนสายตามืดบอด”
พูดแค่ไม่กี่ประโยค จางซื่อกับหลินหวั่นชิวก็สนิทสนมกันมากขึ้น
หลินหวั่นชิวเหมือนฟังเจตนายุยงให้แตกกันในคำพูดอีกฝ่ายไม่ออกเช่นกัน ใบหน้ามีรอยยิ้มตลอดบทสนทนา
เข้ามาในลานบ้าน ภาพนี้ทำให้แขกที่มาร่วมงานแปลกใจมาก เพราะทุกครั้งที่หลินหวั่นชิวเผชิญกับคนบ้านหลินจะเหมือนทำา แต่แน่นอนว่านั่นเพราะคนบ้านหลินไม่หวังดีเช่นกัน หลินหวั่นชิวที่เข้าไปอยู่บ้านเจียงแล้วไม่เคยถูกเอาเปรียบ เป็ฝ่ายบ้านหลินที่ต้องพ่ายแพ้ด้วยความอับอายทุกครั้ง
นี่จางซื่อเพิ่งย้ายมาอยู่ ท่าทีของหลินหวั่นชิวก็เปลี่ยนเป็คนละคน
แต่หลังจากลองคิดดู ท่าทีที่จางซื่อมีต่อหลินหวั่นชิวเป็มิตร มือที่ยื่นมาย่อมไม่ตบคนที่ส่งยิ้มให้ บ้านแม่มีแม่รองที่รู้จักใช้คำพูด หลินหวั่นชิวย่อมต้องไว้หน้าอีกฝ่าย
“โอ้ หวั่นชิวมาแล้วหรือ รีบมานั่งตรงนี้”
“หวั่นชิวมีน้ำมีนวลขึ้นทุกวัน อย่างกับคนละคนกับเมื่อก่อน”
“ไอ๊หยา…นี่มันนังหนูสี่หรือ ข้าเกือบจำไม่ได้”
“นังหนูสี่ ตอนนี้เ้าได้ดิบได้ดีแล้วก็ควรดูแลบ้านแม่ รวมถึงบ้านยายด้วยเช่นกัน…นี่คือหลานชายหลานสาวของเ้า รีบแจกซองแดงให้พวกเขาสิ ซองแดงยิ่งใหญ่ ปีหน้าจะยิ่งราบรื่น”
ฟู่เหรินที่พูดเป็ป้าสะใภ้สามของหลินหวั่นชิว เมื่อก่อนเวลามาบ้านหลินเคยรังแกนางบ่อยครั้งเช่นกัน
สรุปคือ ตอนเ้าของร่างเดิมอยู่บ้านหลิน ไม่ว่าผู้ใดก็เหยียบย่ำรังแกนาง ไม่มีผู้ใดทำดีกับนาง
“นั่นน่ะสิ ถึงจะได้ดีแล้วก็อย่าลืมกำพืด โก่วจื่อ หนีจื่อ ซานหยาจื่อ…รีบมาเร็วเข้า น้าสี่พวกเ้าจะแจกซองแดงแล้ว”
“ไอ๊หยา…ปิ่นบนหัวเ้าสวยยิ่งนัก ยืมให้พี่ใส่หน่อยเถิด”
“ดอกไม้กำมะหยี่นี่ด้วย เหมาะกับพี่สะใภ้เ้ามาก”
คนบ้านสวี่คิดว่าหลินหวั่นชิวยังคงเป็ไก่อ่อนที่รังแกง่าย พากันรุมล้อมเข้ามาลงมือ
หลินหวั่นชิวเบี่ยงตัวหลบ พวกป้าสองจ้าวเอาตัวเข้ามาบังไม่ให้สตรีพวกนั้นเข้ามาใกล้
“แม่รอง ท่านพูดเสียดิบดีขนาดนั้นก็เพื่อให้ข้ากลับมาแล้วโดนเหยียดหยามเช่นนี้หรือ? ใช่ ตอนนี้ข้ามีเสื้อผ้าดีๆ ใส่ แต่มีชิ้นใดเป็ของข้าบ้างเล่า? กระทั่งตัวข้าก็เป็ของเจียงต้าเหยีย นับประสากระไรกับอย่างอื่น หากมาบ้านหลินแล้วทำของหาย…เกรงว่าเจียงต้าเหยียจะมาทวงจากบ้านหลิน”
“มีสิทธิ์กระไร ผู้ใดแย่งก็ไปทวงจากคนนั้นเสีย!” สวี่ซื่อพุ่งออกจากห้องครัวมาโวยวาย
จางซื่อรีบห้าม “พี่ใหญ่ หวั่นชิวแค่พูด แต่พี่น้องท่านเป็ฝ่ายลงไม้ลงมือ…ท่านควรช่วยพูดกระไรหน่อย มีเช่นนี้ที่ใดเล่า มาเป็แขกบ้านผู้อื่นแล้วยังแย่งของลูกสาวบ้านเ้าภาพอีก”
คำพูดของนางทำให้ทุกคนหัวเราะ พากันชี้ไม้ชี้มือวิจารณ์สวี่ซื่อกับคนบ้านสวี่
สวี่ซื่อโมโห อยากตบจางซื่อสักฉาด
น่าเสียดายที่เงินอยู่ในมือจางซื่อ อีกทั้งตาแก่ก็ตามใจนางมาก
“พี่สาว ท่านดูเสีย ภรรยารองบ้านท่านพูดจาเช่นนี้ได้เยี่ยงไร นางไม่ไว้หน้าท่านชัดๆ”
“นั่นน่ะสิ นังหนูสี่เป็หลานนอกของพวกเรา เป็ลูกสาวท่าน ท่านบอกนังหนูสี่ให้ถอดปิ่นกับดอกไม้กำมะหยี่ออกมาให้พวกข้า ต่างหูกับกำไลด้วย ท่านคลอดนาง เลี้ยงดูนาง นางสมควรต้องกตัญญูกับท่านอยู่แล้ว เกี่ยวกระไรกับภรรยารองด้วย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้