เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูเบา ๆ หานรุ่ยจึงรู้ว่าจุนห่าวได้กลับมาแล้ว “กลับมาแล้วหรือ เื่ราวเป็อย่างไรบ้าง” หานรุ่ยถามกับจุนห่าวที่อยู่ในความมืด ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปกับจุนห่าว แต่จุนห่าวบอกให้เขาคอยอยู่ดูแลบ้าน ห้ามให้ใครบุกรุกเข้ามา เพราะในตอนนี้บ้านของพวกเขาไม่ปลอดภัยแล้ว แต่เขาก็อดเป็ห่วงจุนห่าวไม่ได้ หลังจากกล่อมลูกนอนแล้ว เขาจึงบำเพ็ญเพียรรอจุนห่าวกลับมาไปพลาง บัดนี้เขามีลมปราณขั้นที่สี่ระดับปลายแล้ว และจะเข้าสู่ลมปราณขั้นที่ห้าในอีกไม่ช้า ครานี้พวกเขากำลังเผชิญอยู่กับศัตรูที่แข็งแกร่ง หากไม่มีพละกำลังเอาไว้ป้องกันตัว เขาจะรู้สึกไม่ปลอดภัย เขาเคยมีชีวิตอย่างสุขสบาย ไม่ต้องรีบฟื้นฟูพลังปราณ แค่ค่อย ๆ บำเพ็ญเพียร และค่อย ๆ วางรากฐานที่ดีไปเรื่อย ๆ แต่เวลานี้เขาต้องฟื้นฟูความแข็งแกร่งให้มากกว่าที่ผ่านมา ก่อนหน้านี้เขาไม่ได้ใช้ยาเพิ่มพลังิญญา แต่เวลานี้กลับ้าใช้ เพราะยาสามารถช่วยฟื้นฟูพลังได้อย่างรวดเร็ว หากพลังปราณของเขาไม่ถูกทำลายเขา ตอนนี้เขาก็คงจะมีระดับพลังปราณอยู่ที่ลมปราณระดับสิบแล้ว และคงไม่ต้องมางอมืองอเท้าเช่นนี้
“ทุกอย่างราบรื่นดี ข้าปกปิดร่องรอยของพี่รองและพี่สามที่นี่แล้ว ข้าติดตามรอยไปอีกครู่หนึ่ง ก็ไม่ได้พบอะไรที่น่าสงสัย พวกเราคงอยู่ที่นี่ได้อย่างปลอดภัยอีกสักระยะหนึ่ง” จุนห่าวถอดเสื้อคลุมนอกออก เพราะเขามีพลังปราณแล้ว พอได้ทำอาชีพเดิมในอดีตก็ยิ่งราบรื่นมากขึ้น
“ข้าอยากดื่มยาเพิ่มพลังิญญา ข้าอยากรีบฟื้นฟูพลังปราณให้ฟื้นคืนไว ๆ พอไม่มีพลัง ข้าก็รู้สึกเหมือนงอมืองอเท้าอยู่ตลอด ข้าอยากมีชีวิตที่สามารถทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ” พอได้ยินจุนห่าวบอกว่า ทุกอย่างราบรื่นดี หานรุ่ยก็รู้สึกวางใจมากขึ้น
“ได้ ข้าเพิ่งจะปรุงยาเพิ่มพลังิญญาได้ชุดหนึ่งพอดี ดื่มแล้วไม่มีผลข้างเคียงใด ถึงเ้าไม่บอก ข้าก็ตั้งใจจะให้เ้าอยู่แล้ว จากนี้ไปพวกเราจะดื่มยาทุกวัน พลังปราณของข้าก็ยังถือว่าต่ำ จนเสี่ยวไป๋มาเยาะเย้ยข้าแล้ว มันชอบพูดว่าข้าไม่จัดการเื่ของตัวเอง มัวแต่ไปจัดการเื่ของคนอื่น เสียเวลาไปกับการค้นคว้าสิ่งที่ไร้ประโยชน์ บัดนี้ข้าจะต้องลุกขึ้นสู้แล้ว” จุนห่าวนั่งพูดอยู่บนเตียง คำเยาะเย้ยของเสี่ยวไป๋ยังคงดังก้องอยู่ในหัวของเขา
“เสี่ยวไป๋เป็อย่างไรบ้าง ข้าไม่เจอนานเลย” เมื่อเห็นท่าทางของจุนห่าวในวันนี้ที่ดูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาจึงรู้ว่าเสี่ยวไป๋คงจะยั่วยุจุนห่าวอีกเป็แน่ ั้แ่พวกเขาย้ายออกจากบ้านตระกูลจุน พวกเขาก็ไม่ได้เข้าไปในเทศะอีกเลย วิธีที่ดีที่สุดในการเก็บความลับ คือ ทำเหมือนไม่มี เช่นนี้ผู้คนก็จะไม่พบเบาะแส ในเวลานี้พวกเขาไม่ได้บ่มเพาะสิ่งที่กินได้ในเทศะแล้ว สิ่งที่ใช้กินในตอนนี้ล้วนมาจากที่นาิญญา แม้ว่าคุณภาพอาจจะไม่ดีเท่าที่ปลูกในเทศะ ทว่าก็มีพลังิญญาอย่างเพียงพอ เพราะในเทศะใช้ปลูกหญ้าิญญา จุนห่าวจึงนำหญ้าิญญามาใช้ในการฝึกเป็ส่วนใหญ่ การปรุงยา คือ อาชีพที่ทำเงินได้มาก หากไม่ใช่เพราะมีเทศะช่วยเกื้อหนุน ป่านนี้เขาก็คงล้มละลายไปแล้ว
“เสี่ยวไป๋นี่ จริง ๆ เลย พอโตก็คิดอยากมีเมีย มาบอกให้ข้าหาเมียให้มัน และจะเอาแต่หงส์ขาวด้วยนะ ข้าจะไปหาหงส์ขาวจากไหนมาให้มัน พอข้าบอกว่าจะหาลูกเป็ดมาให้ มันก็ไม่ยอม บอกว่าข้าหลอกลวงมัน มันพูดว่า ไม่อยากจะเห็นพวกเราหวานแหววกัน จึงหนีไปนอนแล้ว แต่หากพบหงส์ขาวให้บอกมัน แต่ถ้าไม่พบ ก็ห้ามรบกวน ตอนนี้ข้าก็ไม่ถูกรบกวนมาหลายวันแล้ว มิเช่นนั้นเสี่ยวไป๋ก็คงจะโผล่ออกมาเป็ครั้งคราว จนถูกมันทำให้เป็โรคจิตแตกแยก [1] ในอีกไม่นานเป็แน่” จุนห่าวพูดพลางบ่น เขาไม่กล้าบอกหานรุ่ยว่า มันแอบดูพวกเขาตอนทำอะไรกัน เพราะเกรงว่าถ้าหานรุ่ยรู้ คงไม่ยอมให้เขาขึ้นเตียงอีกแน่
“เสี่ยวไป๋ยังคงยืนกรานคำเดิมสินะ ถ้าอย่างนั้นพวกเราค่อย ๆ ช่วยมันตามหาแล้วกัน มันยังเด็ก ยังไม่ต้องรีบร้อนมีเมียหรอก” หานรุ่ยกล่าว เสี่ยวไป๋ยังไร้เดียงสา คงอีกนานกว่าจะโตเป็ผู้ใหญ่
“ข้าฟังเ้าแหละ ใช่แล้ว ข้าปรุงยาเพิ่มพลังิญญาได้แล้ว แต่ไม่รู้ว่าพลังของยาเป็เยี่ยงไร” จุนห่าวกล่าวจบ ก็หยิบยาิญญาหนึ่งขวดออกมาจากเทศะที่มีสีสันสวยงาม และส่งให้หานรุ่ย
“พรุ่งนี้ข้าจะเข้าไปในป่าหลานอู ข้าว่าจะล่าสัตว์อสูรสัก 2 ตัว เดี๋ยวข้าจะลองดู หากใช้กับสัตว์อสูรได้ ก็ย่อมใช้กับมนุษย์ได้ หมายความว่าการปรับสูตรยาได้ผลสำเร็จ” หานรุ่ยกล่าวพลางมองดูยาิญญา คิดไม่ถึงเลยว่า จุนห่าวจะปรุงยาออกมาได้ดูดีขนาดนี้ แต่ไม่รู้ว่าผลลัพธ์จะเป็อย่างไร
“ก็ดี แต่ข้ารู้สึกว่า ยังสามารถปรับแก้ใบสั่งยาให้ดีขึ้นได้อีก ตอนนี้สูตรยายังไม่สมบูรณ์ ข้าคงไปกับเ้าไม่ได้” จุนห่าวพูดกับหานรุ่ย หานรุ่ยไม่ใช่คนอ่อนแอ เขาไม่อาจให้หานรุ่ยอยู่แต่บ้าน คอยดูแลลูกเพียงอย่างเดียว หานรุ่ยควรออกไปพบเจอโลกกว้าง แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยวางใจ แต่เขาก็ต้องยอม ความสามารถในด้านการบำเพ็ญเพียร คือ พลิกฟ้าได้ ไม่ก้าวหน้า ย่อมถอยหลัง ประจัญบานไม่ได้ ย่อมถูกเข่นฆ่า แม้เป็เพียงดอกไม้ในเรือนกระจก ต่อให้พลังปราณสูงขึ้น แต่ก็คงเป็เพียงแจกันดอกไม้เท่านั้น
“เ้าไม่ต้องไปกับข้าหรอก ข้าไปเองได้ แม้ข้าจะเคยล่าสัตว์อสูรไม่ถึงพันตัวก็จริง แต่ก็ถึงหลักร้อยแล้ว แม้ว่าพลังปราณของข้าในยามนี้จะไม่ดีเท่าเมื่อก่อน ทว่าข้าก็มีประสบการณ์การต่อสู้ อีกทั้งครั้งนี้แค่ทดลองใช้ยา ไม่ใช่จะล่าเอาชีวิตสัตว์อสูรสักหน่อย ไม่เป็ไรหรอก” หานรุ่ยเอ่ยขึ้น เขาไม่ได้ประจัญกับสัตว์อสูรมา 3 ปีกว่าแล้ว แค่คิดว่าจะได้ต่อสู้กับสัตว์อสูรในวันรุ่งขึ้น เืของเขาก็กลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง ชีวิต 3 ปีที่สงบสุข ไม่ได้ทำให้จิติญญาแห่งการต่อสู้ของเขาลดลงเลย จิติญญาแห่งการต่อสู้ของเขายังคงอยู่
“ดูจากความสามารถของเ้า ข้าก็มั่นใจ” จุนห่าวเอ่ย “ข้าแค่กังวล ก็ใครให้เ้าเป็คนรักของข้าล่ะ?”
หานรุ่ยเข้าใจดี ทำไมเขาจะไม่เข้าใจ ทุกครั้งที่จุนห่าวออกไปข้างนอก เขาจะรู้สึกพะวักพะวง คอยเป็ห่วงจุนห่าวอยู่เสมอ จนกว่าจุนห่าวกลับบ้านมาอย่างปลอดภัยเช่นกัน
[1] โรคจิตแตกแยก คือ อาการเพ้อฝัน บางครั้งก็เงียบขรึม บางครั้งก็นึกหัวเราะขึ้นมาเอง ซึ่งความคิดและอารมณ์จะไม่ประสานไปทางเดียวกัน
