ตอนที่ 4: ข้าวต้มหนึ่งถ้วย กับหยดน้ำตา
"เฟยเอ๋อ! เฟยเอ๋อ! ตื่นสิลูก!"
เสียงเรียกที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของหลินเจิ้งดึงสติของหลินเฟยกลับมาจากมิติิญญาอันน่าอัศจรรย์สู่ความเป็จริงอันโหดร้ายในกระท่อมอีกครั้ง
นางลืมตาขึ้นช้า ๆ เห็นใบหน้าของบิดาและน้องชายอยู่ใกล้จนแทบจะชิดจมูก ทั้งสองมองนางด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“เมื่อครู่...จู่ ๆ ลูกก็ตัวสั่นแล้วก็หมดสติไป พ่อเรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น” หลินเจิ้งกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ยังไม่หายสั่น “เป็อะไรไป? หรือว่าไข้จะกลับมาอีก?”
หลินเฟยมองใบหน้าที่ทุกข์ร้อนของบิดา แล้วเหลือบไปเห็นท่านแม่หลิวที่พยายามจะยันตัวลุกขึ้นจากเตียงด้วยความเป็ห่วง นางส่ายศีรษะเบา ๆ ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “ฉันไม่เป็ไรค่ะท่านพ่อ...แค่...แค่อ่อนเพลียไปหน่อยเท่านั้นเอง”
นางโกหก...แต่จะให้นางอธิบายได้อย่างไรว่าเมื่อครู่นี้ิญญาของนางได้เดินทางไปยังโลกอีกใบที่เต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า? พวกเขาคงคิดว่านางเสียสติไปแล้วจริง ๆ
“ตอนนี้ฉันหิว...มีอะไรให้กินบ้างไหมคะ?” หลินเฟยเปลี่ยนเื่ทันที นี่ไม่ใช่แค่ข้ออ้าง แต่นางรู้สึกหิวอย่างรุนแรงจริง ๆ การเข้าสู่มิติิญญาครั้งแรกและการใช้พลังดวงตาเทพอย่างเต็มที่นั้นสูบฉีดพลังงานของนางไปมหาศาล
คำถามของนางทำให้บรรยากาศในกระท่อมเงียบลงทันที หลินเจิ้งมีสีหน้าลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด เขามองไปยังหม้อดินเผาที่ว่างเปล่าตรงมุมห้อง แล้วก้มหน้าลงอย่างรู้สึกผิด “ข้าวสาร...ที่ปันส่วนมาเมื่อต้นเดือน...มันหมดแล้วลูก”
หัวใจของหลินเฟยกระตุกวูบ...หมดแล้ว? นี่เพิ่งจะกลางเดือนเท่านั้นเอง แล้วที่ผ่านมาพวกเขากินอะไรกัน?
ราวกับอ่านใจนางออก ท่านแม่หลิวก็พูดเสริมขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “สองสามวันนี้...พ่อของลูกต้องออกไปขุดรากไม้กับหัวมันป่ามาต้มให้พวกเรากิน...แต่เมื่อวานฝนตกหนัก...วันนี้เลยยังไม่ได้ออกไป...”
รากไม้...มันป่า...
คำพูดเ่าั้ราวกับเข็มนับพันเล่มที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของหลินเฟย ศัลยแพทย์มือหนึ่งที่ไม่เคยต้องกังวลเื่ปากท้อง บัดนี้กลับต้องมาอยู่ในครอบครัวที่แม้แต่ข้าวสารจะกรอกหม้อยังไม่มี! ความรู้สึกผิดและความสงสารครอบครัวนี้จับขั้วหัวใจของนางอย่างรุนแรง
นางมองไปที่หลินหยาง น้องชายตัวน้อยที่ยืนเงียบอยู่ข้างเตียง ท้องของเขาแฟบจนติดกระดูก แต่ดวงตากลมโตนั้นกลับไม่แสดงความหิวโหยออกมาแม้แต่น้อย ราวกับว่าความหิวเป็เื่ปกติของชีวิตจนชาชินไปแล้ว...
ไม่ได้...นางจะปล่อยให้เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้!
“พวกท่านรออยู่ตรงนี้สักครู่นะคะ” หลินเฟยพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ฉันจะไปหาอะไรมาให้กินเอง”
นางแสร้งทำเป็เดินไปที่มุมมืดหลังบ้านซึ่งเป็ที่เก็บฟืนและของจุกจิก เพื่อให้พ้นจากสายตาของทุกคน เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครมองมา นางก็หลับตาลงและส่งจิตของนางเข้าไปในมิติิญญาอีกครั้ง
ครั้งนี้ นางไม่ได้เข้าไปเพื่อสำรวจ แต่เข้าไปด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน จิตของนางพุ่งตรงไปยัง "โซนสรรพสิ่ง" และชั้นวางของแถวแรก...ชั้นวางอาหาร!
ภาพของอาหารมากมายปรากฏขึ้นตรงหน้าจิตสำนึกของนาง ทั้งสเต็กเนื้อชิ้นโต, พิซซ่าร้อน ๆ , บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลากหลายรสชาติ...แต่นางรู้ดีว่าการนำของพวกนี้ออกไปจะสร้างความสงสัยมากเกินไป นางต้องเลือกของที่ดู "ธรรมดา" ที่สุด
สายตาของนางไปสะดุดกับ "ข้าวสารหอมมะลิ" เกรดเอที่บรรจุอยู่ในถุงสุญญากาศ และ "ซุปไก่สกัดเข้มข้น" ชนิดซองที่นางเคยซื้อตุนไว้ดื่มบำรุงร่างกายในโลกเก่า
"นำออกมา!" นางออกคำสั่งในใจ
สิ้นความคิดนั้นเอง ถุงข้าวสารขนาดหนึ่งกิโลกรัมและซุปไก่สกัดสองซองก็ปรากฏขึ้นในมือของนางที่ว่างเปล่าในโลกแห่งความเป็จริง!
หลินเฟยใเล็กน้อยกับการทำงานของมิติที่รวดเร็วและง่ายดายกว่าที่คิด นางรีบซ่อนของไว้ในอกเสื้อ แล้วเดินกลับออกมาจากมุมมืด ทำทีเป็ถือหม้อดินเผาใบเก่าออกมาด้วย
“ฉันเจอข้าวสารที่เหลืออยู่ก้นไหพอดีเลยค่ะ” นางโกหกอีกครั้ง “เดี๋ยวฉันจะต้มข้าวต้มให้ทุกคนกิน”
นางเดินไปที่เตาไฟเก่า ๆ อย่างคล่องแคล่ว เทข้าวสารที่ขาวสะอาดและเม็ดสวยงามลงไปในหม้อ ก่อนจะเติมน้ำและแอบฉีกซองซุปไก่สกัดเทผสมลงไปอย่างแเีเพื่อเพิ่มคุณค่าทางอาหาร จากนั้นก็เริ่มจุดไฟ
ไม่นานนัก...กลิ่นหอมของข้าวต้มที่ผสมกับกลิ่นไก่ตุ๋นก็ค่อย ๆ ลอยอบอวลไปทั่วทั้งกระท่อม
มันเป็กลิ่นหอมที่ครอบครัวนี้ไม่ได้ััมานานแสนนาน...
หลินหยางเป็คนแรกที่ทนไม่ไหว เด็กน้อยเดินเตาะแตะมาเกาะขอบเตา ดวงตากลมโตเบิกกว้างจ้องมองข้าวต้มที่กำลังเดือดปุด ๆ ในหม้อ น้ำลายใส ๆ ไหลออกมาจากมุมปากโดยไม่รู้ตัว
หลินเจิ้งและท่านแม่หลิวเองก็กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก สายตาของพวกเขาทั้งคู่จับจ้องไปที่หม้อข้าวต้มไม่วางตา ราวกับว่ามันคือสมบัติที่ล้ำค่าที่สุดในโลก
หัวใจของหลินเฟยบีบรัดตัวด้วยความเ็ประคนตื้นตัน นางเร่งไฟให้แรงขึ้น ไม่กี่อึดใจต่อมา ข้าวต้มร้อน ๆ ที่ข้นกำลังดีก็เสร็จสมบูรณ์
ภายในกระท่อมไม้ซอมซ่อที่แสงตะเกียงส่องให้ความสว่างเพียงริบหรี่ ความเงียบงันที่หนักอึ้งถูกทำลายลงด้วยเสียงทัพพีกระทบกับหม้อดินเบา ๆ
หลินเฟยกำลังตักข้าวต้มใส่ชามบิ่น ๆ สามใบอย่างประณีตและระมัดระวังที่สุดราวกับกำลังประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ เนื้อข้าวต้มที่ขาวนวลราวไข่มุกแต่ละเม็ดบานเต็มที่แต่ไม่เละ ลอยอยู่ในน้ำซุปสีทองจาง ๆ ไอร้อนกรุ่นที่หอมฟุ้งเกินกว่าจะเป็ข้าวต้มธรรมดาลอยอวลไปทั่วห้อง ปลุกความหิวโหยที่ซ่อนอยู่ลึกสุดในท้องของทุกคน
ชามใบใหญ่ที่สุด ซึ่งมีเนื้อข้าวและน้ำซุปมากที่สุด ถูกส่งให้หลินเจิ้งผู้เป็เสาหลักของบ้านอย่างนอบน้อม ชามใบรองลงมาถูกนำไปวางข้างเตียงของท่านแม่หลิวที่นอนซมป่วยอยู่ กลิ่นหอมของมันดูเหมือนจะช่วยให้ลมหายใจที่ติดขัดของนางผ่อนคลายลงเล็กน้อย และชามใบเล็กที่สุดสำหรับหลินหยาง น้องชายตัวน้อยที่มองตามทัพพีตาไม่กะพริบ ส่วนตัวนางนั้น...นางยังไม่ได้ตักให้ตัวเอง นางเพียงมองดูครอบครัวของนางด้วยหัวใจที่เต้นระทึก
“กินสิคะ...ทุกคน” นางพูดเสียงสั่นเล็กน้อย มันไม่ใช่แค่การเชื้อเชิญ แต่เป็ความหวังทั้งหมดของนางที่อัดแน่นอยู่ในนั้น
ไม่มีใครพูดอะไรอีก หลินเจิ้งรับชามข้าวต้มมาด้วยสองมือที่หยาบกร้านและสั่นเทา เขาก้มลงมองข้าวเม็ดสวยที่อวบอิ่มในชาม มองไอร้อนที่ลอยกรุ่นขึ้นมาปะทะใบหน้าที่ซูบตอบ...แล้วน้ำตาหยดใหญ่หยดหนึ่งก็ร่วงหล่นลงไปในชามข้าวต้มโดยที่เขาไม่รู้ตัว มันไม่ใช่หยดน้ำตาแห่งความเศร้า แต่เป็หยดน้ำตาของชายชาตรีผู้แบกโลกทั้งใบไว้บนบ่า และไม่ได้ัักับอาหารที่ดีเช่นนี้มานานเหลือเกินแล้ว
“กิน...กินเถอะ...” เขาพูดเสียงเครือ พยายามอย่างยิ่งที่จะกลืนก้อนสะอื้นลงคอ
เขาตักข้าวต้มคำแรกเข้าปากอย่างช้า ๆ ราวกับกลัวว่าภาพตรงหน้าจะสลายไป
วินาทีที่ข้าวต้มร้อน ๆ ััลิ้น
ดวงตาของหลินเจิ้งก็เบิกกว้างจนแทบถลน! ความรู้สึกที่พุ่งพล่านเข้ามาไม่ใช่แค่ "ความอร่อย" แต่มันคือ "ชีวิต"
รสชาติที่กลมกล่อมและเข้มข้นอย่างเหลือเชื่อของน้ำซุปไก่แผ่ซ่านไปทั่วโพรงปาก มันไม่ใช่รสของไก่ผอมโซที่พวกเขาเคยซื้อหาได้ แต่มันคือแก่นแท้ของรสไก่ที่ถูกเคี่ยวกรำมาอย่างดีเลิศ ความหอมหวานของเมล็ดข้าวแต่ละเม็ดนั้นบริสุทธิ์และชุ่มฉ่ำ ราวกับมันเติบโตขึ้นจากผืนดินที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในแดน์ ไม่ใช่จากเมล็ดข้าวสารเก่า ๆ ที่ใกล้จะหมดไหของพวกเขา
แต่ที่น่าใยิ่งกว่ารสชาติ คือพลังงานอันอบอุ่นสายหนึ่งที่พลันแผ่ซ่านจากช่องท้องไปทั่วร่าง ความเหนื่อยล้าที่กัดกินร่างกายและจิตใจมานานหลายปีดูเหมือนจะถูกชะล้างออกไปในทันที ความเมื่อยขบตามกล้ามเนื้อบรรเทาลง และเรี่ยวแรงที่เคยเหือดหายไปก็ราวกับจะถูกเติมเต็มขึ้นมาใหม่ในพริบตา
นี่มัน...ไม่ใช่แค่ข้าวต้ม! มันคือโอสถทิพย์ชั้นเลิศ!
เขารีบตักคำที่สอง คำที่สาม ตามเข้าไปอย่างลืมตัว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองหลินเฟยผู้เป็ลูกสาวด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ความตกตะลึง และความหวังอันเจิดจ้า...เป็ครั้งแรกในรอบหลายปี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้