เหลียนเซวียนไม่รู้เกี่ยวกับแคว้นหลีมากนัก เมื่อก่อนก็ไม่เคยติดต่อกับคณะทูตของแคว้นหลีมาก่อน ย่อมไม่มีสหายที่เคยคบค้าสมาคมในแคว้นหลี
หลายปีมานี้ แคว้นฉีมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่ซีฉีซึ่งเป็แคว้นศัตรูตัวฉกาจ แม้แต่ประชาชนทั่วไปก็ยังไม่สนใจข่าวลือเื่ความวุ่นวายในแคว้นหลี
เมื่อก่อนเหลียนเซวียนเองก็ไม่เคยคิดจะขยายอำนาจมาที่นี่ ตอนนี้จึงรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง
"ท่านว่าข้าควรเข้าเมืองนำเห็ดหลิงจือดำที่มีราคาต้นนั้นไปขายดีหรือไม่"
ดวงตากลมโตสีดำของเซวียเสี่ยวหรั่นกลอกไปมาเล็กน้อย ก่อนกดเสียงกระซิบถามเื่สำคัญ เธอคิดมาตลอดว่าอยากเข้าเมืองเอาหลิงจือดำไปขาย
เหลียนเซวียนรู้สึกขบขันในท่าทางตื่นตูมของนาง "ไม่ต้องไปเพื่อการนี้โดยเฉพาะหรอก ระหว่างเดินทางไปเมืองชางตานค่อยขายก็ยังไม่สาย"
แม้เห็ดหลิงจือดำจะมีราคาแค่ไหน อย่างมากก็ได้แค่ร้อยแปดสิบตำลึง ไม่คุ้มที่วิ่งไปขายตั้งไกลขนาดนั้น
ก็ดี เซวียเสี่ยวหรั่นพยักหน้า ก่อนจะนึกถึงของอีกอย่างหนึ่ง "เช่นนั้น ข้าจะขอให้ท่านลุงซีช่วยขายเขากวางกับหนังสัตว์เ่าั้ก่อนดีหรือไม่ หากนำเดินทางไปด้วยน่าจะยุ่งยากเกินไป"
"ได้สิ" ของเล็กน้อยเหล่านี้ไม่มีราคา ขายทิ้งไปบ้างก็ดี นางจะได้ไม่ต้องขนของจุกจิกสารพัดอย่างเดินทางไปด้วย
ระหว่างที่ทั้งสองกำลังคุยกัน น้ำก็เดือด เซวียเสี่ยวหรั่นวิ่งไปหยิบผ้าขี้ริ้วกำลังจะยกหม้อลง
อูหลันฮวาก็วิ่งมาจากห้องโถง
"ต้าเหนียงจื่อ ข้าเอง" นางคว้าผ้าขี้ริ้วจากมือเซวียเสี่ยวหรั่นไปหุ้มขอบหม้อแล้วยกลงมา
"วางตรงไหนเ้าคะ"
"หา? อ้อ วางไว้ข้างเตาก่อน" เซวียเสี่ยวหรั่นยังใกับการกระทำอันปุบปับของอีกฝ่ายอยู่
อูหลันฮวายกหม้อน้ำลงมาวาง แล้วหันไปมองในห้องครัว เห็นจานชามที่ยังไม่ล้างกองโต "ต้าเหนียงจื่อ นี่คงเป็จานชามที่ยังไม่ได้ล้างของเมื่อวาน ข้าจะเอาไปล้างที่ตาน้ำพุหลังเขานะเ้าคะ"
พูดจบก็ก้มลงไปยกกะละมังใบใหญ่ขึ้นมา
"อ๊ะๆ ไม่ต้องหรอกหลันฮวา พวกนี้เดี๋ยวนี้ข้าเอาไปล้างเอง"
เซวียเสี่ยวหรั่นมองจานชามสกปรกกองนั้นอย่างกระดากใจ เมื่อวานกลัวจะไม่มีน้ำอาบ วันนี้ก็ยุ่งตลอด่เช้าไม่มีเวลาล้างจนลืมไปเสียสนิท
"ต้าเหนียงจื่อ ท่านให้หลันฮวาทำงานเถอะ มิเช่นนั้น นางคงไม่สบายใจ" ซีมู่เซียงก็เดินเข้ามา
"หา? เหตุใดถึงไม่สบายใจล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นนึกอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนหยิบหนังสือขายตัวของหลันฮวาออกมา "หลันฮวา นี่ให้เ้า จากนี้ไปเ้ามีอิสระแล้ว อยากทำสิ่งใดก็ทำได้เลย ไม่มีผู้ใดบังคับเ้าได้ทั้งนั้น"
เซวียเสี่ยวหรั่นหัวเราะอย่างมีความสุข เธอรู้สึกว่าการจ่ายแปดตำลึงช่วยซื้ออิสระให้อูหลันฮวาเป็สิ่งที่คุ้มค่ามาก
การกระทำของเธอทำให้ซีมู่เซียงกับอูหลันฮวาใอ้าปากค้าง
"ตะ... ต้าเหนียงจื่อ ท่านไม่้าให้ข้าติดตามแล้วหรือ" อูหลันฮวาแทบจะน้ำตาไหล ยิ่งตื่นตระหนกก็ยิ่งพูดไม่ชัด
เซวียเสี่ยวหรั่นงุนงง ติดตามอะไร?
"ต้าเหนียงจื่อ นี่หมายความว่าอย่างไร" ซีมู่เซียงถามขึ้น
"เปล่านี่ ไม่มีความหมายอะไรทั้งนั้น คืนหนังสือขายตัวให้หลันฮวา สถานะของนางก็เป็อิสระแล้ว" เซวียเสี่ยวหรั่นอธิบาย
สถานะอิสระ? ซีมู่เซียงกับอูหลันฮวาหันมาสบตากัน ั์ตาของทั้งคู่ฉายแววงุนงง
"ความหมายของต้าเหนียงจื่อคือ ต่อไปให้หลันฮวาออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเองหรือไม่ก็กลับไปอยู่กับลุงของนางหรือ" ซีมู่เซียงขอคำยืนยันอย่างระมัดระวัง
อูหลันฮวาเม้มริมฝีปาก มือที่กำแน่นสั่นระริก
เซวียเสี่ยวหรั่นเบิกตากว้าง "กว่านางจะออกมาจากบ้านของลุงได้ไม่ง่าย เหตุใดต้องกลับไปอีกเล่า"
"นางไม่กลับไป ต้าเหนียงจื่อก็ไม่รับนางไว้ หรือจะให้หลันฮวาออกไปขอข้าวประทังชีวิต" ซีมู่เซียงถามต่อ
เซวียเสี่ยวหรั่นตะลึงงัน ดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจบางอย่างผิดไป
เห็นอูหลันฮวาหลั่งน้ำตาอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกรับมือไม่ถูก
"ข้า... ไม่ได้หมายความอย่างนั้น ความหมายของข้าคือ หลันฮวาเป็อิสระแก่ตัว สามารถเลือกใช้ชีวิตอย่างที่ตนเองปรารถนา ไม่ต้องคอยมองสีหน้าของผู้อื่น" เธอรีบอธิบาย
เหลียนเซวียนได้ยินเสียงนางแก้ต่างวุ่นวายอยู่ข้างนอก ก็เกิดความรู้สึกขบขัน
ไม่รู้ว่านางเติบโตมาในสภาพแวดล้อมแบบไหน ความคิดความเข้าใจแต่ละอย่างถึงชอบกลนัก
สตรีเช่นอูหลันฮวาต่อให้มีสถานะเป็อิสระแล้วจะทำอะไรได้
นางไร้บิดามารดา ไม่มีครอบครัวหนุนหลัง ถึงวัยออกเรือนแล้ว แต่กลับยังไม่ได้แต่งงาน ไม่อาจแยกออกมาอยู่คนเดียวได้ นางมีปัญหาเื่การพูด ไปหางานทำก็มีแต่จะถูกรังเกียจ อาศัยแค่แรงเยอะอย่างเดียว สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น
หากเซวียเสี่ยวหรั่นไม่รับนางไว้ จุดจบของอูหลันฮวาคืออาจถูกลุงของนางขายไปครั้งที่สอง
อีกด้าน เซวียเสี่ยวหรั่นเริ่มเข้าใจความเป็จริง ด้วยการอธิบายอย่างอดทนของซีมู่เซียง
เธอเกาหัวอย่างแรง มองอูหลันฮวาร้องห่มร้องไห้อย่างกระอักกระอ่วนใจ
"หลันฮวา อย่าร้องไห้เลย สัญญาขายตัวของเ้า ข้าจะเก็บไว้ให้ก่อน วันไหนที่เ้าอยากได้ ก็มาเอากับข้าแล้วกัน"
อูหลันฮวาได้ยินก็ยิ้มออกทันที รีบยกมือปาดน้ำตาบนใบหน้า "งั้นข้าไปล้างชามให้ท่านก่อน"
เซวียเสี่ยวหรั่นยังไม่ทันห้ามปราม อูหลันฮวาก็ยกกะละมังใบใหญ่วิ่งแล่นออกไปจากเรือนเสียแล้ว
พริบตาเดียวก็หายไปไม่เหลือแม้แต่เงา ราวกับกลัวว่าถ้ารั้งอยู่นานกว่านั้น เซวียเสี่ยวหรั่นอาจเปลี่ยนใจ
ซีมู่เซียงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก "ต้าเหนียงจื่อ ข้าไปเย็บผ้าก่อน ท่านทำธุระของท่านเถิด"
กล่าวจบก็ออกไปจากห้องครัวอย่างรวดเร็ว
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนนิ่งงันอยู่ในครัวครู่ใหญ่ ถึงเดินคอตกออกมา
"เหลียนเซวียน การที่สตรีตัวคนเดียวจะใช้ชีวิตในโลกนี้เพียงลำพังมันยากมากเลยหรือ" เธอยั้งใจไม่ไหว วิ่งไปหาเหลียนเซวียน
คำกล่าวนี้ดูเหมือนเป็การถามแทนอูหลันฮวา แต่แท้จริงแล้วเป็การถามเพื่อตนเอง
เหลียนเซวียนมองด้วยสายตาเรียบเฉย "ยากสิ โดยเฉพาะหญิงสาวรูปโฉมงดงามใช้ชีวิตตัวคนเดียว เพียงไม่นานก็อาจตกเป็เป้าสายตาของผู้โฉดผู้มีประสงค์ร้าย ไม่มีทั้งบ้านมารดาและบ้านสามี ต่อให้ถูกจับไปขาย ก็ไม่มีผู้ใดไปฟ้องร้องทางการให้"
เซวียเสี่ยวหรั่นหน้าซีดเผือด
"สตรีหน้าตางดงามอยู่ตัวคนเดียว ไม่มีคนในตระกูลให้ความช่วยเหลือ ไร้ครอบครัวสามีอุปถัมภ์ค้ำจุน ก็เหมือนกับปลาบนเขียงไม้ รอวันถูกเชือดอย่างไร้ทางช่วย"
เสียงต่ำลุ่มลึกแหบพร่าน้อยๆ ดั่งลอยมาจากขุมนรก ทำให้เซวียเสี่ยวหรั่นตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้
"โอ้... น่ากลัวขนาดนี้เลยหรือ?"
เซวียเสี่ยวหรั่นขบริมฝีปาก รู้สึกว่าตนเองประเมินโลกนี้เรียบง่ายเกินไป
"เ้าว่าอย่างไรเล่า" เหลียนเซวียนพยายามกลั้นหัวเราะ ย้อนถามกลับเรียบๆ
เซวียเสี่ยวหรั่นยืนนิ่งกับที่ คิดแล้วคิดอีก ใบหน้าเดี๋ยวแดงเดี๋ยวซีด ในที่สุดนางก็แค่นเสียงหึใส่เหลียนเซวียน ก่อนจะเดินกลับไปที่ห้องครัวอย่างกระฟัดกระเฟียด
เขาจงใจขู่เธอ เธอถามแทนอูหลันฮวา ทำไมเขาต้องเอ่ยถึงหญิงสาวหน้าตางดงามอะไรนั่นด้วย
เขาต้องจงใจข่มขู่เธอแน่ๆ
มุมปากของเหลียนเซวียนโค้งขึ้น ยามเห็นนางหัวเสียออกไป
เขาตั้งใจขู่นางเอง
จะได้ไม่ต้องเสียเวลาคิดอะไรเพ้อเจ้ออีก ตอนอยู่ในป่า นางวางแผนจะใช้ชีวิตเพียงลำพัง อย่านึกว่าเขาไม่รู้
ทางที่ดีควรทำให้นางล้มเลิกความคิดเช่นนี้ไปเสีย มิเช่นนั้น...
เหลียนเซวียนเก็บรอยยิ้มลง ดวงตาลุ่มลึกจดจ้องไปทางห้องครัว
