อิ้งเยว่แต่งงานออกไป เฉียวเยว่ก็หงอยอยู่พักหนึ่ง พูดตามตรง นั่นคือพี่สาวแท้ๆ ของนาง พี่สาวออกเรือน คนในครอบครัวก็น้อยลงไปหนึ่งคน นางย่อมจะว้าเหว่ รู้สึกเหมือนคนไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไร เหม่อลอยไปวันๆ
นอกจากเฉียวเยว่ คนอื่นๆ ของเรือนสามล้วนเป็เหมือนกัน แม้ไม่กระทบต่อการใช้ชีวิต แต่อย่างไรเสียก็ไม่เหมือนเดิม
โชคดีที่พวกเขาเริ่มดีขึ้นตามกาลเวลาที่ผ่านไป และค่อยๆ ปรับตัวได้กับการใช้ชีวิตหลังจากอิ้งเยว่ออกเรือนไป
แต่จะว่าไป่นี้ในจวนก็ยุ่งวุ่นวายไปกับการดูตัวให้คุณหนูคนอื่นๆ อันที่จริงเมื่อมาพินิจดูให้ดี อิ้งเยว่ตบแต่งให้รัชทายาท สถานะของทุกคนย่อมสูงขึ้นตามไปด้วย แม้เฉียวเยว่จะไม่ใส่ใจกับเื่เหล่านี้ แต่มิได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะไม่เก็บมาใส่ใจ ข้อเท็จจริงนี้ทุกคนล้วนเข้าใจเป็อย่างดี
แน่นอนว่ามีคนมาสู่ขอเฉียวเยว่
เพียงแต่เ้าตัวไม่รู้อันใดสักอย่าง บิดามารดาของนางต่างเก็บเงียบไม่เปิดโอกาสให้นางได้รู้
ซูซานหลางโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง บุตรสาวของเขาเพิ่งอายุสิบสอง เ้าพวกสารเลวไร้ยางอายเหล่านี้ยังกล้ามาสู่ขอ ไม่ส่องคันฉ่องดูตนเองเสียบ้างว่าเป็อย่างไร หากมีความจริงใจต่อบุตรสาวของตนเองจริง เขาก็คงไม่โกรธถึงเพียงนี้ แต่นี่เห็นอยู่ชัดๆ ว่ามาเพราะสถานะของจวนซู่เฉิงโหวและน้องสาวชายารัชทายาท
ท่าทีแบบนี้ทำให้ซูซานหลางโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ แต่ไรมาเขาเป็คนรักและปกป้องครอบครัว ย่อมไม่มีสีหน้าที่ดีให้กับคนที่มาสู่ขอเพื่อหวังผลประโยชน์เ่าั้
ไม่ว่าภายนอกจะเล่าลือกันอย่างไร เฉียวเยว่กลับไม่รู้เื่แม้แต่น้อย ขณะที่เขียนอักษรอยู่ จู่ๆ นางก็ถามฉีอัน "เ้าว่าที่นี่เลี้ยงปูได้หรือเปล่า?"
ชีวิตมันน่าเบื่อนักใช่หรือไม่!
เฉียวเยว่นึกประชดประชันตนเอง
ฉีอันอมยิ้ม "ในเมืองหลวงไม่ได้อยู่แล้ว แต่นอกเมืองได้หรือไม่ก็ไม่รู้เหมือนกัน"
พวกเขาทั้งครอบครัวต่างรู้ดีว่าเฉียวเยว่คลั่งไคล้ปูขนาดไหน จะเป็เวรกรรมที่พัวพันกันมาแต่ชาติปางก่อนหรือไม่ก็สุดรู้ แต่ชาตินี้เฉียวเยว่หลงใหลคลั่งไคล้ปูทุกชนิด
ไม่ว่าจะปูนา ปูแม่น้ำ หรือปูทะเล ล้วนไม่มีชนิดใดที่เล็ดลอดจากมือของนาง ดังนั้นตอนนี้คิดจะไปจับด้วยตนเองแล้วหรือ?
น่ากลัวจริงๆ
"ข้าช่วยไปถามพี่จ้านให้ดีหรือไม่?"
เฉียวเยว่เงยหน้า "เ้าไปญาติดีกับเขาั้แ่เมื่อไร เรียกพี่จ้านเสียด้วย น่าขัน"
เฉียวเยว่นึกเหยียดหยัน
ฉีอันอึ้งเล็กน้อย แล้วค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า "่นี้ก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น เอ๋ ไม่ถูกสิ... นี่เ้าคงมิได้ริษยาหรอกกระมัง?"
เฉียวเยว่เท้าสะเอว "ข้าริษยาไม่ได้หรือ พอเห็นพี่จ้านดีกับข้าคนเดียว เ้าก็มาเลยนะ"
เฉียวเยว่พูดทีเล่นทีจริง
"ข้าว่านะเฉียวเยว่ ไม่ว่าอย่างไรเ้าก็โตเป็สาวแล้ว เ้าเองก็พูดทั้งวันว่าโตเป็สาวแล้วมิใช่หรือ จะเอาแต่พูดปากเปล่าไม่ได้ การกระทำก็โตตามไปด้วยเหมือนกัน แต่ว่า... ปัดโธ่เอ๊ย แต่ว่าการกระทำของเ้าเช่นนี้ยังเด็กมาก"
พูดตามตรง ตอนนี้ฉีอันค่อนข้างเป็ห่วงเฉียวเฉียว รัชทายาทเป็บุรุษที่ประเสริฐยิ่งพวกเขาต่างรู้ดี พี่อิ้งเยว่ย่อมไม่ถูกรังแกอย่างแน่นอน แต่ทางเฉียวเฉียวยังบอกไม่ได้
นางมักโอ้อวดพูดจาไม่เข้าหูคน ทำให้ผู้อื่นชังน้ำหน้าได้ง่าย
"เฮ้อ เ้านี่ทำให้ผู้อื่นอดห่วงไม่ได้จริงๆ"
เฉียวเยว่มีสีหน้างุนงง "ข้าทำให้คนอดห่วงไม่ได้ตรงไหน?"
นางยอมรับไม่ได้กับจุดนี้
ปากน้อยๆ เริ่มยื่นออกมา แล้วเอ่ยเสียงเบา "เ้าเรียกว่าข้าพี่สาวดีๆ เหตุใดถึงพูดอะไรซี้ซั้วเยี่ยงนั้น"
ฉีอันถอนหายใจ "เ้าชอบก่อเื่มาแต่ไหนแต่ไร"
เฉียวเยว่ทำสีหน้าจริงจัง "ในบรรดาคุณหนูของจวนเรา ข้านับว่าเป็คนที่ไม่สร้างปัญหาที่สุดแล้ว เ้าลองนึกดูดีๆ ข้าว่านอนสอนง่ายที่สุดใช่หรือไม่ ส่วนคนอื่น... นี่ อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าทำสีหน้าเช่นนั้นหมายความว่าอย่างไร หรือที่ข้าพูดมาเป็ความเท็จ?"
"ไม่ใช่นะเ้าคะคุณหนู บ่าวไม่ได้หมายความเช่นนั้น" อวิ๋นเอ๋อร์รีบแก้ต่าง
หลังหยุดไปชั่วขณะ นางก็พูดต่อ "บ่าวเพิ่งมาจากมารดาของท่าน ดูเหมือนว่าไท่ไท่สามสกุลโจวจะมาอีกแล้วเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่ตะลึงงัน "มารดาของโจวเนี่ยนหรือ?"
ทั้งสองตระกูลไม่เจรจากันต่อั้แ่ตอนนั้นแล้วมิใช่หรือ แล้วตอนนี้จะมาอีกทำไม? เฉียวเยว่นึกดูอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าโจวเนี่ยนผู้นั้นก็ไม่สามารถอยู่กินกับหร่วนหลีได้แล้วด้วย
"นางมาทำอะไร?" เฉียวเยว่ถาม
ั้แ่ไท่ไท่สามสกุลโจวแอบมาดูตัวหรงเยว่พี่สาวของนาง เฉียวเยว่ก็ไม่เคยรู้สึกดีต่อสตรีผู้นั้นอีกเลย
อวิ๋นเอ๋อร์ตอบเสียงเบา "ดูเหมือนจะคาดหวังว่าคุณหนูสามของพวกเราจะให้โอกาสโจวเนี่ยนอีกครั้ง" อวิ๋นเอ๋อร์ไม่ใช่คนปากร้าย คำถ้อยคำจาของนางมักอ่อนโยนเสมอ แต่ครานี้ถึงกับรับไม่ได้จริงๆ "คุณหนูว่าคนผู้นี้สมองมีปัญหาหรือไม่ บุตรชายของตนเองแท้ๆ กลับไม่รู้อันใดสักอย่าง ยังจะมาหมายมั่นคุณหนูสามของพวกเรา"
แม้คุณหนูสามจะหยิ่งผยองเอาแต่ใจ แต่เื่ราววุ่นวาย่สองปีมานี้ นางก็เหนื่อยพอแล้ว ไม่มีอารมณ์จะแสดงฤทธิ์เดชอะไรอีก
"แล้วท่านย่าเล่า? ท่านย่าคงไม่ยินยอมกระมัง?" เฉียวเยว่ถาม
อวิ๋นเอ๋อร์เบะปาก "ฮูหยินผู้เฒ่าน่าจะไม่ยอมหรอกเ้าค่ะ แต่ไม่รู้ไท่ไท่สกุลโจวผู้นั้นไปล่อลวงไท่ไท่รองอย่างไร นางถึงเกิดหวั่นไหวขึ้นมา รายละเอียดสถานการณ์เป็เช่นไรบ่าวก็ไม่ทราบเหมือนกันเ้าค่ะ"
เฉียวเยว่นิ่งคิดอยู่นาน ก่อนหัวเราะเยาะ "ป้าสะใภ้รองโง่งมจริงๆ"
"ทั้งที่รู้ว่าไม่ใช่คนดีก็ยังจะดันทุรัง เชื่อว่าน่าจะมีแผนการอื่นมากกว่า เ้านึกว่าป้าสะใภ้รองโง่งมจริงหรือ?" ฉีอันเอ่ยขึ้นมา
เฉียวเยว่ไม่เข้าใจ เอียงคอมองน้องชาย "ข้าพูดไปอย่างนั้นเอง ไม่ได้รู้รายละเอียดสักหน่อย"
เฉียวเยว่เบะปาก
แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าฉีอันจะพูดถูกเผง ค่ำวันนั้นเฉียวเยว่ได้ยินไท่ไท่สามเอ่ยขึ้นมาเองกับหู
"ป้าสะใภ้รองของเ้าไม่ยอมให้หรงเยว่แต่งไปสกุลโจวอยู่แล้ว ครานี้จึงเสนอเฉี่ยวเยว่แทน"
เฉียวเยว่ตกตะลึง "เฉี่ยวเยว่หรือ?"
"สกุลโจวไม่ยอมแพ้ พวกเขายังหมายมั่นหรงเยว่อยู่ แต่หากพวกเขายอมเปลี่ยนเป็เฉี่ยวเยว่ป้าสะใภ้รองของเ้าถึงจะยินยอม สุดท้ายตกลงกันไม่ได้ เชื่อว่าต่อไปนางคงไม่มาปรากฏตัวที่จวนเราแล้วล่ะ" ไท่ไท่สามตอบ
เฉียวเยว่รู้สึกว่าการเกี่ยวดองกับคนตระกูลเยี่ยงนี้เป็เื่ที่น่าอับอายมากกว่า
"ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ พวกเขายังมีหน้ามาจวนของพวกเราได้อย่างไร"
บุตรชายของพวกเขาจะเฟ้นหาภรรยา นางจะไปเลือกที่ไหนก็ไป ไยต้องมาตอแยพวกเราไม่เลิก จุดนี้เฉียวเยว่ไม่เข้าใจสักนิด
ไท่ไท่สามเห็นบุตรสาวมีสีหน้างุนงง ก็เอ่ยขึ้นมา "ก็ไม่ใช่เพราะป้าสะใภ้รองโง่งมของเ้าหรือไร พอเจอคนมีอำนาจบารมีเข้าหน่อย แต่ไม่มีใครยอมให้บุตรสาวของตนเองแต่งให้โจวเนี่ยน ใช่ว่าโจวเนี่ยนเป็คนไม่ดี แต่อนาคตของเขาถูกทำลายไปแล้ว ต่อให้สามารถเดินบนเส้นทางขุนนาง แต่ไม่อาจเข้าสำนักฮั่นหลิน เ้าก็ร่ำเรียนมาไม่น้อย คงรู้ว่าหากเข้าสำนักฮั่นหลินไม่ได้หมายความว่าอย่างไร ทั้งยังไม่มีสถานะบัณฑิตจากกั๋วจื่อเจียนเกื้อหนุน เขาก็ยิ่งไม่มีทางได้ดีไปกว่านี้ ได้แต่ต้องอาศัยจมูกคนที่บ้านหายใจเป็เศรษฐีว่างงานอยู่ไปวันๆ แต่เขาดันมีประวัติถูกไล่ออกจากกั๋วจื่อเจียนฐานล่วงเกินสตรีนี่สิ ดังนั้น... จึงยิ่งลำบาก"
เฉียวเยว่ย่อมรู้ แต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจเวลานี้ก็คือ เหตุใดหร่วนหลีผู้นั้นจึงยังลอยนวลอยู่ได้
แต่จะว่าไปโจวเนี่ยนก็โง่เอง
"ไม่ว่าบุรุษหรือสตรี ล้วนไม่ควรทำผิด พลาดพลั้งเพียงคราเดียวอาจต้องเสียใจชั่วชีวิต เฉียวเยว่ ฉีอัน พวกเ้าเข้าใจหรือไม่?"
ทั้งสองพยักหน้า
"โลกนี้ช่างอยู่ยากแท้" เฉียวเยว่รำพึง
ไท่ไท่สามหัวเราะพรืดออกมา คนว่างงานทั้งวันเช่นนาง กลับรำพึงเช่นนี้ออกมา จะไม่น่าขันได้อย่างไร
"เ้าอย่าแสร้งทำตัวเป็ผู้ใหญ่นักเลย"
ไท่ไท่สามเว้นจังหวะชั่วครู่ แล้วเอ่ยอีกว่า "ไฉนข้าได้ยินว่า่นี้เ้าอยากไปจับปูในทุ่งนาด้วยตนเองเล่า?"
เฉียวเยว่รีบพยักหน้า "ใช่แล้ว ใช่แล้ว ข้าอยากไปมาก ข้าอยากลองไปจับปูด้วยตนเองสักครั้ง น่าจะทั้งอร่อยและสนุกมากแน่ๆ"
นางปรารถนาสิ่งนี้มานานแล้ว
ไท่ไท่สามมองดวงตาดำขลับของเฉียวเยว่ ก็รู้สึกเหมือนมีดวงดาวน้อยๆ สุกสกาวอยู่ในนั้น
นางยิ้มเอ่ยเสียงเบา "ทุกคนต่างก็ตามใจเ้าเหลือเกิน"
เฉียวเยว่ร้องเอ๋ หลังจากนั้นมุมปากก็โค้งขึ้นด้วยความดีใจ แล้วถามอย่างกระตือรือร้น "ข้าไปได้ใช่หรือไม่?"
ไท่ไท่สามไม่ตอบ แต่ถึงกระนั้นมุมปากที่โค้งขึ้นก็อธิบายทุกอย่างชัดเจน เฉียวเยว่มีความสุขจนแทบจะจุกอกตาย นางปรบมือดีใจ "เยี่ยมไปเลย ท่านแม่รักข้าที่สุด ช่างดีเหลือเกิน ช่างดีเหลือเกิน"
เฉียวเยว่หิ้วชายกระโปรงวิ่งไปรอบห้อง
"เ้านี่นะ ข้ารักเ้าที่ไหน ท่านลุงของเ้าต่างหากที่รักเ้า เขาเตรียมการเรียบร้อยั้แ่สองวันก่อนแล้ว บอกว่าได้ยินเ้ารบเร้าั้แ่ปีกลาย แต่ตอนนั้นปลีกตัวไม่ได้ หากเขาไม่ตามไปด้วยก็คงไม่วางใจ ปีก่อนไปไม่ได้ ปีนี้ไหนเลยจะไม่เตรียมตัวล่วงหน้า"
เฉียวเยว่ดีใจจนแทบจะโบยบิน นางก็ว่าอยู่ปีนี้ตนเองไม่ได้เรียกร้องสิ่งที่อยากทำเท่าไร แต่ในบ้านรู้เื่นี้ได้อย่างไร
"เช่นนั้นพวกเราจะไปกันเมื่อไรหรือ?" นางถามอย่าเบิกบานใจ
"วันมะรืน ท่านลุงของเ้าลาพักผ่อนครึ่งเดือน ฉวยโอกาสนี้พาพวกเ้าไปได้พอดี มีเ้า ฉีอัน และท่านตาของเ้า"
นางเว้นจังหวะเล็กน้อย แล้วเอ่ยเสียงเบา "แล้วก็ท่านอ๋องอวี้"
เฉียวเยว่อึ้งงันไปชั่วขณะ ก่อนย้อนถาม "เหตุใดถึงมีท่านอ๋องอวี้ด้วยเล่า?"
"ได้ยินว่าเขาช่วยลุงของเ้าหาสถานที่ ช่างดีเหลือเกิน เมื่อเป็เช่นนี้ จะไม่ให้ผู้อื่นร่วมเดินทางด้วยได้อย่างไร น่าเกลียดแย่ อีกอย่างเด็กคนนี้ก็นิสัยดีมาก เ้าไม่ต้องกังวล"
เฉียวเยว่ตอบอื้ม ลอบคาดคะเนอยู่เงียบๆ ว่าหรงจ้านจะมาในบทบาทไหนของเื่นี้ แต่ไม่ว่าอย่างไร นางก็พึงพอใจอยู่ดี "แล้วท่านแม่กับท่านพ่อเล่า?"
นางถามขึ้นมาอีก
"พวกเราไม่ไป เ้าน่าจะรู้ งานของบิดาเ้าที่กั๋วจื่อเจียนยุ่งแค่ไหน ข้าจะพาพวกเ้าออกจากจวนไปเที่ยวข้างนอกได้อย่างไร หากเื่นี้แพร่งพรายออกไปคงฟังดูไม่ดีนัก"
เฉียวเยว่เบะปาก "ไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย ไม่มีคนนอกเสียหน่อย มีแต่ท่านลุงกับท่านตา"
ไท่ไท่สามลูบศีรษะเฉียวเยว่ เอ่ยเสียงเบา "เมื่อไรเ้าถึงจะเข้าใจหลักทำนองคลองธรรมเสียทีนะ"
แม้เฉียวเยว่จะไม่เข้าใจ แต่ไม่ขัดกับความสุขของนาง
ส่วนไท่ไท่สามก็เบิกบานใจเช่นกัน แท้จริงแล้วนางปรารถนาให้เฉียวเยว่กับฉีอันไม่อยู่บ้านใน่สองสามวันนี้ มีบางเื่ที่นางไม่ได้บอกเด็กสองคน ทางหวังหรูเมิ่งตั้งครรภ์แล้ว แม้เื่นี้จะมิได้ประกาศให้รู้ทั่วกัน แต่ไท่ไท่สามก็หาใช่คนอ่อนแอไม่รู้ความ นางย่อมมีคนของตนเองในจวนแห่งนี้
หวังหรูเมิ่งตั้งครรภ์ได้สองสามเดือนแล้ว แต่ไม่ประกาศให้คนล่วงรู้ ไท่ไท่สามรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง ยังได้ยินมาว่านางยังรมอ้ายเฉ่า [1] อีกด้วย
หากร่างกายแข็งแรง ไหนเลยจะต้องทำเื่พวกนี้?
ไท่ไท่สามรู้สึกไม่สบายใจ ตัวนางเองสามารถหลบเลี่ยงจากเื่ราววุ่นวายเหล่านี้ได้ แต่กลัวว่าบุตรของนางจะถูกดึงเข้าไปข้องเกี่ยว
ใครจะรู้ หวังหรูเมิ่งคิดจะทำสิ่งใด
ต่อให้ไม่ถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้อง ก็ยากจะเลี่ยงการเห็นเื่โสมมเหล่านี้ การให้พวกเขาออกจากจวนถึงเป็หนทางที่ดีที่สุด
เฉียวเยว่ไหนเลยจะรู้เื่ราวที่ซับซ้อนเหล่านี้ นางเริ่มเตรียมตัวอย่างกระตือรือร้น
"อวิ๋นเอ๋อร์ เ้าว่าข้าออกไปข้างนอกควรแต่งตัวอย่างไรดี หลั่นลั้นลา มีความสุขจริงๆ" เฉียวเยว่รู้สึกราวกับว่าตนเองจะสามารถเหาะเหินขึ้นไปได้
...
[1] อ้ายเฉ่า หรือโกฐจุฬาลัมพา เป็สมุนไพรที่มีสรรพคุณช่วยไล่ความชื้น ความหนาวเย็น ช่วยเพิ่มเื กระตุ้นการมีประจำเดือน ลดภาวะการมีบุตรยาก ส่วนการรมยาก็คือการนำอ้ายเฉ่ามาม้วนเป็แท่งแล้วจุดไฟเผาก่อนนำมารมบริเวณจุดฝังเข็มตามตำแหน่งเส้นลมปราณ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้