ในดินแดนเหยียนหวง ทุกวันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนแปด ของทุกปี จะมีการจัดพิธีไหว้พระจันทร์ขึ้น
วันนี้เป็วันแห่งชาติ ที่ไม่ว่าอาณาจักรหรือแคว้นใดล้วนต้องมีการจัดพิธีไหว้พระจันทร์ขึ้น และมีการจัดงานเลี้ยงอย่างยิ่งใหญ่
หลัวเลี่ยมองบัตรเชิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาเห็นคำว่า ‘วันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนแปด‘ และ ‘ไหว้พระจันทร์’ เขาก็รู้สึกอึดอัดใจ
เขาคิดถึงบ้าน
ถึง่เทศกาลไหว้พระจันทร์อีกแล้ว พ่อแม่ต้องคิดถึงเขาอย่างแน่นอน ไม่รู้ว่าพวกท่านจะเป็กังวลเื่ของเขาจนมีผมหงอกเยอะขึ้นหรือเปล่า
เมื่อเขามองไปที่บัตรเชิญนั้น หลัวเลี่ยก็ตกอยู่ในภวังค์ เขาไม่อาจบอกกล่าวเื่นี้กับใครได้ ยิ่งเป็เสวี่ยปิงหนิงเขาก็ยิ่งไม่สามารถบอกนางได้
“ท่านอ๋องน้อย นี่เป็โอกาสที่ดีในการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับองค์ชายเก้า” ซาเฉียนหลี่คิดว่าหลัวเลี่ยกำลังลังเลว่าจะเข้าร่วมงานเลี้ยงไหว้พระจันทร์ขององค์ชายเก้าหรือไม่
“ได้สิ”
หลัวเลี่ยไม่มีกะจิตกะใจจะไปคิดเื่เ่าั้
สุดท้ายซาเฉียนหลี่ก็สั่งให้คนไปตอบกลับว่า หลัวเลี่ยจะไปตามนัดอย่างแน่นอน
แต่เสวี่ยปิงหนิงคิดว่าหลัวเลี่ยกำลังคิดถึงอ๋องหนานหลี่และฮูหยินของเขา ดังนั้นนางจึงพูดปลอบเขาอย่างนุ่มนวล
สองวันต่อมาก็ถึงวันขึ้นสิบห้าค่ำ เดือนแปด ที่เป็วันไหว้พระจันทร์
วันนี้ในแคว้นจินหลานดูคึกคักเป็พิเศษ บ้านทุกหลังประดับประดาด้วยโคมไฟและพู่ห้อยอย่างตระการตา นอกจากนี้กษัตริย์แห่งแคว้นจินหลานยังมีการปราศรัยบางอย่างเพื่อกระตุ้นบรรยากาศของ่เทศกาล
โดยตลอดทั้งวัน กษัตริย์แห่งแคว้นจินหลานจะเป็ผู้นำคณะขุนนางจัดพิธีไหว้พระจันทร์อีกด้วย
น่าแปลกที่ในตอนกลางวันนั้นท้องฟ้าค่อนข้างขมุกขมัว แต่ในตอนกลางคืนกลับโปร่งโล่งเป็พิเศษ จนเห็นพระจันทร์เต็มดวงลอยเด่นอยู่เหนือกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ และลอยอยู่เหนือเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยความคึกคัก
หลัวเลี่ยเดินทางมาพร้อมกับเสวี่ยปิงหนิง โดยมีซูชิวเชิงเป็ผู้บังคับรถม้าไล่ตามพระจันทร์ไปยังเขาอวิ๋นเยว่
เขาอวิ๋นเยว่เป็ที่รู้จักกันในนามูเาศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นจินหลาน ซึ่งใช้เป็สถานที่จัดพิธีไหว้พระจันทร์และพิธีบวงสรวงสำคัญต่างๆ และทุกๆ ปีหลังจากเสร็จสิ้นพิธีไหว้พระจันทร์ก็จะมีงานเลี้ยงในตอนกลางคืน ซึ่งจัดขึ้นโดยเหล่าองค์ชาย
และปีนี้เ้าภาพคือองค์ชายเก้า
เมื่อมองจากไกลๆ เขาอวิ๋นเยว่ดูเหมือนเป็แม่ทัพคนหนึ่งที่คอยปกป้องเมืองหลวงของแคว้นจินหลานจากอันตรายภายนอก
มีหินขรุขระและต้นไม้โบราณยืนต้นสูงตระหง่านอยู่บนเขาอวิ๋นเยว่ โดยที่มีต้นหอมหมื่นลี้เพียงต้นเดียวเท่านั้นที่เก่าแก่ที่สุด ลือกันว่าต้นหอมหมื่นลี้ต้นนี้มีอายุหลายหมื่นปีมาแล้ว และงานเลี้ยงในวันนี้ก็จัดขึ้นใต้ต้นหอมหมื่นลี้โบราณต้นนี้
เมื่อหลัวเลี่ยมาถึง ที่แห่งนี้ก็คึกคักมากแล้ว
บุรุษและสตรีสูงศักดิ์หลายคนของแคว้นจินหลานที่ได้รับเชิญมาร่วมงานต่างจับกลุ่มพูดคุยกันกลุ่มละสามถึงสี่คน นอกจากนี้ยังมีสตรีสูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยที่แวะเวียนมาหยอกล้อกับบุรุษ พากันส่งเสียงหัวเราะออกมาเป็ระยะๆ
พวกเขาไม่รู้จักหลัวเลี่ย ดังนั้นจึงไม่มีใครเข้ามาทักทาย
หลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงเดินมายังใต้ต้นหอมหมื่นลี้โบราณ พวกเขาเพลิดเพลินกับสายลมเย็นๆ ยามค่ำคืนอย่างเงียบๆ
อากาศเริ่มเย็นลงแล้ว
กลิ่นหอมจางๆ ลอยออกมาจากต้นและดอกหอมหมื่นลี้ที่มีลักษณะคล้ายัห้อยอยู่ หากตั้งใจฟังจะพบว่าเมื่อสายลมกระทบกับดอกหอมหมื่นลี้เหล่านี้จะมีเสียงคล้ายัร้องแ่เบา บรรยากาศบนท้องฟ้ามีเมฆและหมอกปกคลุม มีพระจันทร์ส่องสว่างอยู่เบื้องบน
หลัวเลี่ยจ้องมองแสงของพระจันทร์เต็มดวงจนลืมทุกสิ่งไปชั่วขณะหนึ่ง
เสวี่ยปิงหนิงเดินมาอยู่ข้างๆ เขา
พวกเขาเป็เหมือนเทพเซียนที่ไม่มีตัวตนและเป็ะ
“นี่ไม่ใช่คนที่เพิ่งเริ่มมีชื่อเสียงเมื่อสองสามเดือนนี้หรอกหรือ ท่านคือท่านอ๋องน้อยหลัวเลี่ยที่มาถึงแคว้นจินหลานของข้า แต่กลับไม่รู้จักแม้กระทั่งองค์ชายเก้าสินะ”
น้ำเสียงหาเื่ดังขึ้นมาทำลายความสงบใต้ต้นหอมหมื่นลี้โบราณ
บริเวณโดยรอบเงียบสงัดไปชั่วขณะหนึ่ง
เป็เพราะรูปลักษณ์ที่เหมือนเทพเซียนของหลัวเลี่ยและเสวี่ยปิงหนิงได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขา จนลืมเื่การหยอกล้อและพูดคุยกัน
หลัวเลี่ยหลุดออกจากความทรงจำครั้งเก่า และหันกลับไปมอง
ผู้พูดคือชายหนุ่มผมสั้น คิ้วยาว ตาเรียว จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง ประกอบกับสีหน้าอันโอหังของเขาทำให้คนที่มองอยู่นั้นอึดอัด
ก่อนหน้านี้ซาเฉียนหลี่ได้ให้ข้อมูลแก่หลัวเลี่ยเกี่ยวกับยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของสิบแคว้น รวมถึงผู้ที่มาจากแคว้นจินหลานด้วย
ในจำนวนนี้มีสี่คนที่โดนเด่นที่สุดที่มาจากแคว้นจินหลาน
คนคนนี้เป็หนึ่งในนั้น
คิ้วที่ยาวและดวงตาที่เรียวรีเป็จุดเด่นของเขา
ชายหนุ่มคนนี้มีนามว่า ซือสิ่งหลง
กล่าวกันว่าดวงตาของเขามีลักษณะพิเศษเหมือนัที่เพิ่งตื่นขึ้นจากการหลับใหล นอกจากนี้พร์ด้านศิลปะการต่อสู้ของเขาก็ไม่เลว เป็ความหวังของตระกูลซือแห่งแคว้นจินหลาน ดังนั้นเขาจึงได้รับการขนานนามว่า ซือสิ่งหลง ที่แปลว่า ัที่ตื่นขึ้นของตระกูลซือ
ตระกูลซือเป็ผู้สนับสนุนที่ซื่อสัตย์ขององค์ชายเก้า
“ซือสิ่งหลง? มีเื่อะไรหรือไม่?” หลัวเลี่ยเอ่ยถามอย่างเฉยเมย
“ข้าจะบอกอะไรเ้าอย่างหนึ่ง อย่าคิดว่าเ้าเก่งในแคว้นเล็กๆ ที่แสนอ่อนแออย่างแคว้นเป่ยสุ่ย แล้วเ้าจะมาทำตัวโอหังที่นี่ได้ เ้าควรเจียมเนื้อเจียมตัวรอให้องค์ชายเก้ามาเป็ตัวแทนของแคว้นจินหลานเข้าร่วมการประลองยุวราชันสิบแคว้นก่อนเถอะ” น้ำเสียงของซือสิ่งหลงคล้ายกับกำลังสั่งการเขาอยู่
ในการประลองยุวราชันสิบแคว้น แต่ละแคว้นจะส่งผู้เข้าร่วมห้าคน
ผู้เข้าร่วมทั้งห้าคนจะรวมกันเป็กลุ่มเล็กๆ และจัดตั้งผู้นำที่สามารถออกคำสั่งในการประลองศึกได้ นั่นก็คือยุวราชันในแต่ละแคว้น
“น่าเบื่อ” หลัวเลี่ยหันกลับไปมองที่พระจันทร์ต่อ
“เ้าว่าอะไรนะ” ซือสิ่งหลงพูดด้วยความโกรธ
หลัวเลี่ยตอบอย่างเ็า “ข้าบอกว่าเ้าน่าเบื่อ!”
คนอื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าหลัวเลี่ยไม่มีความสนใจในการเป็ยุวราชันของแคว้นจินหลานเลย
สิ่งที่เขาต้องทำคือทำตามสัญญาและคว้าชัยชนะมาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะต้องเอาชนะยุวราชันทั้งสิบแคว้นได้ด้วยตัวเองหรือไม่
การที่เขามาที่แคว้นจินหลาน ก็เพราะหลิวจื่ออั๋งขอให้มา หลิวจื่ออั๋งคือใคร เขาคือผู้าุโลำดับที่เจ็ดของหอเซียวเหยา ซึ่งเป็กองกำลังหลักที่คอยสนับสนุนอยู่เื้ัแคว้นจินหลาน การที่ผู้าุโเจ็ดแนะนำหลัวเลี่ยให้แก่แคว้นจินหลาน หากกษัตริย์แห่งแคว้นจินหลานไม่มอบตำแหน่งยุวราชันให้แก่หลัวเลี่ย เช่นนี้จะไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่เคารพหลิวจื่ออั๋งหรือ ดังนั้นกษัตริย์แห่งแคว้นจินหลานจะกล้าผิดใจกับหลิวจื่ออั๋งได้อย่างไร
หลัวเลี่ยจึงถูกกำหนดให้เป็ยุวราชันแห่งแคว้นจินหลาน
แล้วเช่นนี้ยังจะมีคนมาขัดการชมจันทร์ อีกทั้งกล้าข่มตำแหน่งยุวราชันที่เขาได้มาอีกหรือ ช่างน่าเบื่อเสียจริง
“หลัวเลี่ย เ้ารู้หรือไม่ว่ากำลังพูดอยู่กับใคร” ซือสิ่งหลงจ้องมองอย่างเ็า
หลัวเลี่ยที่กำลังชื่นชมพระจันทร์อยู่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ซือสิ่งหลงคนนี้ช่างเป็คนที่จริงจังเสียจริง
หลัวเลี่ยจำได้อย่างชัดเจนว่า ซือสิ่งหลงเป็เพศชายอายุสิบเจ็ดปี ฝึกร่างกายอยู่ที่ระดับฝึกตนระดับที่เจ็ด และเคล็ดวิชาที่ใช้ฝึกคือเคล็ดวิชาอัสดงจำแลง
ตามหลักการแล้ว ความแข็งแกร่งของซือสิ่งหลงไม่เลวเลย เขาฝึกร่างกายได้ที่ระดับเจ็ด และเคล็ดวิชาอัสดงจำแลงก็เป็เคล็ดวิชาที่ดีมากเช่นกัน แต่สำหรับหลัวเลี่ยแล้ว ความสามารถเล็กน้อยเช่นนี้ไม่คู่ควรให้เขาต่อสู้ด้วย
จริงอยู่ที่ระดับพลังนั้นสูงกว่าเขาหนึ่งระดับ แต่วิชาที่เขาฝึกฝนคือเคล็ดวิชาั์ ซึ่งเป็เคล็ดวิชาอันดับหนึ่งของการฝึกฝนร่างกาย
แต่เคล็ดวิชาอัสดงจำแลงของซือสิ่งหลงนั้น เป็เพียงเคล็ดวิชาหนึ่งในร้อยลำดับแรกที่ถัดไปจากเคล็ดวิชาั์เท่านั้น
เพียงแค่อาศัยพลังที่มาจากเคล็ดวิชาั์ เขาก็มั่นใจว่าจะฆ่าซือสิ่งหลงคนนี้ได้ในทันที
“เ้ากล้าดีอย่างไรมาหัวเราะเยาะข้า” ใบหน้าของซือสิ่งหลงเริ่มถมึงทึง
“เ้าคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งมากสินะ?” หลัวเลี่ยถามกลับ
ซือสิ่งหลงพูดด้วยน้ำเสียงตะคอกว่า “ข้าสามารถทำลายเ้าได้ภายในชั่วพริบตา เ้าอย่าคิดว่าการที่เ้าเข้าใจเคล็ดวิชามหาสรรพฟ้าดินแล้วจะทำให้เ้ายิ่งใหญ่ ก็แค่เคล็ดวิชาระดับล่างเคล็ดวิชาหนึ่ง ระดับพลังของข้าก็สูงกว่าเ้า เคล็ดวิชาอัสดงจำแลงที่ข้าฝึกฝนก็เลื่องชื่อ เมื่อทั้งพลังของข้าและเคล็ดวิชาอัสดงจำแลงมารวมกัน ข้าไม่มีวันแพ้เ้าแน่”
หลัวเลี่ยกล่าวว่า “ข้าคิดว่าเ้าควรเปลี่ยนชื่อจากซือสิ่งหลงเป็ซือโง่เขลา เป็อย่างไร”
“ถ้าอย่างนั้นให้หมัดของข้าเป็สิ่งที่บอกเ้าแล้วกันว่าใครโง่เขลากว่ากัน” ซือสิ่งหลงยกกำปั้นขึ้น
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงคนะโดังขึ้นมา
“องค์ชายเก้าเสด็จแล้ว!”
คนทั้งูเาอวิ๋นเยว่เงียบเสียงลง
ชายหนุ่มรูปงามสวมกวานสีม่วงทองกับเสื้อคลุมผ้าทอกำลังก้าวเดินมาตรงหน้า โดยมีชายหนุ่มสวมเสื้อคลุมของนักเวทเดินตามหลังมาด้วยท่าทางที่ไม่ธรรมดา
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคือองค์ชายเก้าแห่งแคว้นจินหลาน ซึ่งเป็หนึ่งในผู้แข่งขันที่แข็งแกร่งที่สุดในการประลองยุวราชันคนต่อไปของแคว้นจินหลาน
ส่วนข้างๆ องค์ชายเก้าคือเฉิงปู้กุย นักเวทหนุ่มที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นจินหลาน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้