เกิดใหม่ชาตินี้ ขอเป็นเศรษฐีนีในยุค 80 (แปลจบแล้ว)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ชาวห้อง 307 ทุกคนล้วนเชื่อในตัวเซี่ยเสี่ยวหลาน

        เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ในสิ่งที่เพื่อนร่วมหอถกกันลับหลัง รวมถึงความเชื่อใจที่พวกเธอมอบให้กับตนเอง แต่หลังบาดหมางกับตระกูลจี้ในครั้งนี้ เธอก็ได้รับความหวังดีจากผู้คนจำนวนมาก และที่เหนือความคาดหมายก็คือ แม้แต่หนิงเสวี่ยก็ยังสนับสนุนเธอ เซี่ยเสี่ยวหลานจึงทำการ ‘วางแผน 5 ปี’ ในใจเป็๞ที่เรียบร้อย

        ตอนเธอเรียนจบปริญญาตรี เธอควรทำให้ได้ถึงจุดไหน? ทางที่ดีที่สุดคือควรทำให้จี้หย่าคุกเข่าขอขมาที่ถนนฉางอันให้ได้

        จะก้าวเดินช้าเกินไปไม่ได้ เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจไว้ว่าเปิดร้านที่ซีดันได้เมื่อไร เธอจะใช้ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ทั้งสองสาขาเป็๞หลักประกันขอกู้ยืมเงินจากผู้จัดการอู่จำนวนหนึ่ง

        เมื่อก่อนเธอคิดว่าค่อยๆ เป็๲ค่อยๆ ไปคงไม่เป็๲ไร แต่ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานอยากใช้เงินต่อเงิน

        จี้หย่า๻้๪๫๷า๹ใช้ชีวิตที่อเมริกามากนักใช่ไหม

        กว่าจี้หย่าจะรู้ตัวอีกที เซี่ยเสี่ยวหลานคงคว้าโอกาสตอนปฏิรูปเศรษฐกิจสร้างธุรกิจในประเทศจีนจนประสบความสำเร็จไปแล้ว!

        เ๹ื่๪๫ขอสินเชื่อจากผู้จัดการใหญ่อู่ เซี่ยเสี่ยวหลานค่อนข้างมั่นใจ ใครซื้อพันธบัตรรัฐบาล ผู้จัดการใหญ่อู่ย่อมให้สินเชื่อกับคนนั้น เซี่ยเสี่ยวหลานใช้ร้านเสื้อผ้าเป็๞หลักค้ำประกัน ไหนจะมีเรือนสี่ประสานที่สือช่าไห่ ผู้จัดการใหญ่อู่เป็๞คนเห็นเธอซื้อเองกับตา คงใช้เป็๞หลักประกันได้หลายหมื่นหยวนอย่างแน่นอน

        เงินปันผลปลายปีจากร้านเสื้อผ้าที่ซางตู เซี่ยเสี่ยวหลานคาดว่าคงได้ประมาณห้าหมื่นหยวนขึ้นไป รวมกับเงินที่มีอยู่ในมือตอนนี้ เธอจะนำไปเปิดร้านที่ซีตัน จากนั้นค่อยใช้ร้านที่ซีตันกับเรือนสี่ประสานเป็๲หลักค้ำประกัน และเซี่ยเสี่ยวหลานก็จะได้สินเชื่อจากผู้จัดการใหญ่อู่เพื่อเปิดร้านสาขาอีกแห่งหนึ่ง

        หากพึ่งพาแค่ร้านเสื้อผ้าที่ซีตันเพียงแห่งเดียว คงทำเงินได้ช้าเกินไป

        กรุงปักกิ่งนั้นกว้างใหญ่ยิ่งนัก ต่อให้เปิดร้านเสื้อผ้า 10 สาขาในคราวเดียวก็ยังไม่อาจกระจายได้ทั่วทั้งเมืองด้วยซ้ำ

        พื้นที่แถบชายฝั่งทะเลทางใต้เริ่มนิยมเกี่ยวกับแฟชั่น ทว่าความสามารถในการจับจ่ายใช้สอยของคนเมืองหลวงยังมีให้ตักตวงอีกจำนวนมหาศาล กรุงปักกิ่งใช่ว่าไม่มีของดี ของนำเข้าในปักกิ่งล้วนมีให้เลือกทุกอย่าง แต่ของดีพวกนั้นต้องใช้เงินตราต่างชาติในการใช้จ่ายน่ะสิ สำหรับชาวบ้านทั่วไปการใช้เงินตราต่างชาติช่างไม่เป็๞มิตรเอาเสียเลย ดังนั้นเสื้อผ้าที่เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจจะขายราคาย่อมไม่ถูก แต่ไม่ต้องใช้เงินตราต่างชาติในการซื้อ ใครมีเงินก็สามารถซื้อได้ทั้งนั้น

        ธุรกิจที่ต้นทุนต่ำแต่กำไรสูงนั้นมีไม่น้อย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะสามารถคว้ามันไว้ได้ อย่างเช่น ‘ชั้นเรียนกวดวิชา’ ของเซี่ยจื่ออวี้ เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่านั่นเป็๲ความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว

        ดูอย่างชั้นเรียนกวดวิชาซินตงฟางในโลกอนาคต ปี 2016 ชั้นเรียนกวนวิชาแห่งนั้นสามารถจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ของอเมริกาได้ ชั้นเรียนกวดวิชาที่เติบโตถึงขั้นนี้เท่ากับประสบความสำเร็จแล้วมิใช่หรือ?

        ก่อนเกิดใหม่ รายงานผลประกอบการประจำปี 2016 ของซินตงฟางแสดงให้เห็นว่า มีรายได้ตลอดทั้งปีเกือบ 1500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ คิดเป็๲เงินหยวนก็เท่ากับรายได้หลักหมื่นล้านหยวน คงไม่ต้องพูดถึงว่าทำกำไรได้มากน้อยเท่าไร ชั้นเรียนกวดวิชามีอิทธิพลต่อสังคมเป็๲อย่างมาก ทั้งระดับชื่อเสียงทางสังคม และการให้การยอมรับจากคนทั้งประเทศ แน่นอนว่าชื่อเสียงของชั้นเรียนกวดวิชาดีกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์เสียด้วยซ้ำ

        ‘ชั้นเรียนกวดวิชา’ มีอนาคตสดใส ผู้ก่อตั้งซินตงฟางเริ่มต้นมาจากการกวดวิชาภาษาต่างประเทศ เนื่องจาก๰่๭๫ต้นยุค 90 กระแสนิยมเ๹ื่๪๫การเดินทางออกนอกประเทศเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ก่อตั้งซินตงฟางจึงมุ่งเป้าไปที่การกวดวิชาภาษาอังกฤษ และก็ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม

        ชั้นเรียนกวดวิชาของเซี่ยจื่ออวี้มีการกวดวิชาหลากหลายวิชาแต่กลับไม่โดดเด่นสักอย่าง คิดว่าจ้างนักศึกษาจากวิทยาลัยฝึกหัดครูปักกิ่งมาสอนก็เพียงพอแล้วอย่างนั้นหรือ

        หากให้เซี่ยเสี่ยวหลานลงมือทำชั้นเรียนกวดวิชา เธอคงบุกตลาด ‘การสอบเข้ามหาวิทยาลัย’ แล้ว ครูอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถมีอยู่ในกรุงปักกิ่งมากมาย ไม่เชิญพวกเขามาสอน แต่กลับเรียกนักศึกษาที่มีความรู้ครึ่งๆ กลางๆ มาสอน? ค่ากวดวิชาเองก็ไม่ได้ถูก แม้จะจ้างอาจารย์เก่งๆ มาสอนอย่างไรค่าจ้างก็คงไม่แพงมากนัก เพราะเงินเดือนครูสมัยนี้ยังไม่สูงนักน่ะสิ

        เซี่ยเสี่ยวหลานขี่จักรยานพลางครุ่นคิด นี่เป็๲โอกาสทางธุรกิจที่ดีมากเหลือเกิน

        ทว่ายิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด ตลาดที่ดีขนาดนี้กลับถูกเซี่ยจื่ออวี้ทำพังเสียไม่เป็๞ท่า

        ตอนนี้เซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่กล้าทำธุรกิจแบบเดียวกันอีก เพราะ ‘ชั้นเรียนกวดวิชา’ ถูกต่อต้านกลายๆ ราวกับมีคนตั้งใจให้เป็๲เช่นนั้น รวมถึงปัจจัยเ๱ื่๵๹กลไกทางการตลาดอีกด้วย

        โอกาสทำเงินที่ดีเช่นนี้ ใช้ทำเงินเฉยๆ ไม่ดีหรืออย่างไรกัน แต่เซี่ยจื่ออวี้กลับ๻้๪๫๷า๹ทั้งหาเงินและใช้มันปูทางสร้างชื่อเสียงให้กับหวังเจี้ยนหัว... สองเป้าหมายนี้ใช้วิธีการดำเนินงานที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง เป็๞เซี่ยจื่ออวี้ที่โลภเกินไป!

        สนใจแต่จะขยายกิจการให้ใหญ่โต ไม่คิดเลยว่าจะมีปัญญาดูแลให้ดีได้หรือไม่

        หากเซี่ยจื่ออวี้ไม่ได้ทำให้ชื่อเสียงของชั้นเรียนกวดวิชาฉาวโฉ่ เซี่ยเสี่ยวหลานยังคงคิดอยู่เลยว่าหลังผ่านเข้ารอบการแข่งขันภาษาอังกฤษ และได้อันดับดีๆ ติดไม้ติดมือกลับมา เธอสามารถลอกเลียนวิธีการกวดวิชาภาษาอังกฤษของซินตงฟางได้

        ช่างเถอะ ตลาดด้านการกวดวิชายังไม่โตพอ

        ซินตงฟางประสบความสำเร็จใน๰่๭๫ต้นยุค 90 เวลานั้นเงินเดือนและรายได้ของประชาชนเริ่มเพิ่มขึ้นแล้ว ทว่าปัจจุบันเพิ่งปี 1984 เท่านั้น แม้ภาษาอังกฤษจะเป็๞หนึ่งในวิชาที่ใช้สอบเข้ามหาวิทยาลัย แต่คนที่ตั้งใจฝึกฝนด้านนี้โดยเฉพาะยังมีจำนวนน้อยอยู่

        เซี่ยเสี่ยวหลานคิดไปคิดมา ธุรกิจที่ทำรายได้ได้ดีใน๰่๥๹ยุค 80 ยังคงเป็๲ธุรกิจเสื้อผ้า ซึ่งเส้นทางนี้เธอเลือกเดินไม่ผิด

        เครื่องใช้ไฟฟ้าก็สามารถทำเงินได้เช่นกัน แต่ต้องใช้เงินลงทุนเยอะน่ะสิ

        เงินทุนของเสื้อผ้าหนึ่งตัวราคาเท่าไร แล้วเทียบกับเงินทุนสำหรับทีวีเครื่องหนึ่งล่ะ

        ระหว่างเดินทางไปยังสือช่าไห่ สมองของเซี่ยเสี่ยวหลานก็จัดระเบียบความคิดเป็๞ที่เรียบร้อย ย่าอวี๋กับหลิวเฟินยังไม่ออกจากบ้าน ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงสามารถบอกสิ่งที่หนิงเสวี่ยฝากฝังมาได้อย่างทันท่วงที ตอนแรกย่าอวี๋ไม่ค่อยอยากเจอหนิงเยี่ยนฝานสักเท่าไร แต่สุดท้ายเธอก็เปลี่ยนใจ

        “ไม่ต้องรอเขามาหรอก ฉันไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไร เดี๋ยวฉันไปเจอเขาเองแล้วกัน ๰่๥๹เช้าเธอมีคาบเรียนหรือเปล่า”

        เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายศีรษะ “ไม่มีค่ะ แต่ฉันมีเรียนตอนบ่าย”

        “ถ้าอย่างนั้นก็ไปบ้านหนิงเป็๲เพื่อนฉันสักครั้งแล้วกัน”

        เรียนสถาปัตยกรรมในประเทศจีน อย่างไรก็ต้องได้เจอหนิงเยี่ยนฝานไม่ใช่หรือ

        หนิงเยี่ยนฝานสมัยยังหนุ่มนั้นเรียนอยู่ที่เป่ยผิง ตอนหลังเขาสนใจในด้านสถาปัตยกรรมจึงไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ เขาวิจัยศาสตร์ด้านสถาปัตยกรรมมานานหลายสิบปี ทั้งยังมีชื่อเสียงโด่งดัง การที่เซี่ยเสี่ยวหลานตามไปเจอเขาย่อมไม่เสียเวลาโดยเปล่า

        หากไม่มีย่าอวี๋พาไป หนิงเยี่ยนฝานจะเจอกับเด็กปีหนึ่งของภาควิชาสถาปัตยกรรมไปเพื่ออะไร

        ภาควิชาสถาปัตยกรรมของหัวชิงเองก็หนีไม่พ้นอิทธิพลของหนิงเยี่ยนฝาน เขาเป็๲ผู้ทรงคุณวุฒิที่ได้รับการยอมรับ นักเรียนของเขาล้วนเป็๲อาจารย์ของภาควิชาสถาปัตยกรรม เซี่ยเสี่ยวหลานมีหรือจะปฏิเสธโอกาสการได้พบหน้าคนใหญ่คนโตของสาขานี้

        อย่าว่าแต่เด็กใหม่รุ่นปี 1984 ของภาควิชาสถาปัตยกรรมเลย หากรุ่นพี่สาขาเดียวกันมีโอกาสเดียวกันนี้ก็คงผลักเซี่ยเสี่ยวหลานกระเด็น แล้วเสนอตัวไปแทนอย่างแน่นอน

        หน้าตาดีแค่ไหน เป็๲ดาวมหาลัยหรือไม่ ล้วนไม่อาจเทียบกับการได้พูดคุยกับคนระดับปรมาจารย์

        พอรู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจะไปด้วยกัน หนิงเสวี่ยก็ไม่รู้สึกแปลกใจแต่อย่างใด ย่าอวี๋อายุมากแล้ว การมีเด็กรุ่นหลานตามมาด้วยถือเป็๞เ๹ื่๪๫ปกติ

        หนิงเสวี่ยเองก็ไม่รู้ว่าเซี่ยเสี่ยวหลานกับย่าอวี๋เป็๲อะไรกัน ทว่าคุณปู่ของเธอดูเคารพย่าอวี๋มาก หนิงเสวี่ยจึงไม่อาจสะเพร่าได้ เมื่อมาถึงบ้านตระกูลหนิง หนิงเยี่ยนฝานก็ยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว

        ได้พบหน้าคนรู้จักในรอบหลายปี หนิงเยี่ยนฝานเองย่อมรู้สึกดีใจ

        “รุ่นน้องอวี๋ ถ้ารู้ว่าเธอยอมออกจากซางตู ฉันคงเชิญเธอมาเป็๲แขกที่ปักกิ่งนานแล้ว”

        ย่าอวี๋พึมพำ “ปักกิ่งมีอะไรดีกัน ขนาดหมายังไม่ลืมรากเง้า ซางตูต่างหากที่เป็๞บ้านของฉัน”

        ซางตูเป็๲บ้านเกิดของตระกูลอวี๋ ดังนั้นย่าอวี๋ถึงได้อยู่เฝ้าบ้านเก่าไม่ยอมไปไหน เพราะกลัวตระกูลอวี๋คนอื่นๆ กลับมาแล้วจะไม่มีที่ไป หนิงเยี่ยนฝานทำได้เพียงทอดถอนหายใจ หลายปีมานี้เขาคอยสืบข่าวคราวของคนตระกูลอวี๋อยู่ตลอด ทว่าก็เหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เขาไม่ได้ข่าวอะไรกลับมาเลย

        รุ่นน้องอวี๋ต้องโดดเดี่ยวใน๰่๭๫บั้นปลายชีวิต ตอนนี้มีคนอยู่เคียงข้างแล้ว ไม่ว่าคนคนนั้นจะมีสัมพันธ์กันทางสายเ๧ื๪๨หรือไม่ก็ตาม คิดได้ดังนั้นน้ำเสียงที่หนิงเยี่ยนฝานพูดด้วยก็เปี่ยมไปด้วยความเมตตา

        “เธอคงเป็๲เซี่ยเสี่ยวหลานสินะ เพื่อนร่วมมหาลัยของหนิงเสวี่ย นึกไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเจอกันเช่นนี้ อยากไปดูห้องทำงานของฉันไหม”

        ห้องทำงานของหนิงเยี่ยนฝาน?

        คนเรียนสถาปัตยกรรมทุกคนล้วนสนใจการออกแบบของผู้เฒ่าหนิง อีกทั้งผู้เฒ่าหนิงยังขยันสร้างสรรค์ผลงาน และตอนนี้เขายังคงเป็๲มือหนึ่งของวงการนักออกแบบ

        “ถ้าอย่างนั้นคงต้องขอรบกวนแล้วค่ะ”

        สองผู้๵า๥ุโ๼ไม่ได้เจอกันมานานหลายปีย่อมมีเ๱ื่๵๹ที่อยากคุยกันเป็๲การส่วนตัว ทันทีที่เซี่ยเสี่ยวหลานตอบรับว่าอยากชมห้องทำงานของหนิงเยี่ยนฝาน หนิงเสวี่ยจึงทำหน้าที่ผู้นำทางไปโดยปริยาย

         

        

         

         

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้