“ะโลงไปในหุบเขา พวกเขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย…”
สมองของอินหัวเฉิงว่างเปล่า ม่านตาหดเรียวเท่าปลายเข็ม เขาเคยเห็นผู้คนมากมายแสดงกิริยาหวาดกลัวความตาย แต่ไม่เคยเห็นใครที่พุ่งเข้าหาความตายโดยไม่ลังเลเช่นนี้
หุบเขาชิงเยวียนแห่งนี้ลึกจนแม้แต่เขาก็ไม่อาจหยั่งถึง อีกทั้งยังมีแรงกดดันมหาศาล หากตกลงไป ไม่ว่าจะเป็พลังปราณในกายหรือแม้แต่ร่างกายภายนอก ล้วนถูกบีบอัดอย่างรุนแรง แม้แต่เ้าสำนักที่มีพลังถึงขั้นขอบเขตกายภาพนอกก็ยังไม่กล้าลงไปโดยไม่เตรียมตัว แล้วศิษย์ระดับปราณโลหิตสองคนนี้ หากตกลงไป ก็แทบไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย
“พวกเ้าสองคนบ้ายิ่งกว่าข้าอีก!”
อินหัวเฉิงทุบกำปั้นลงบนพื้นอย่างแรง ในใจเต็มไปด้วยความเสียใจอย่างสุดซึ้ง ที่เขายอมหลบกระบี่เมื่อครู่ก็เพราะกลัวาเ็ และหากาเ็อาจมีพิรุธได้ แต่สองคนนั้นกลับฉกฉวยโอกาส ทำให้เขาสูญเสียทุกอย่างในตอนนี้!
เท่ากับว่าเขาไม่เพียงพลาดวัตถุดิบฝึกวิชาชั้นเยี่ยมเท่านั้น แต่ยังก่อความผิดมหันต์ฐานปองร้ายศิษย์สายตรง!
“เหล่าผู้าุโกำลังจะมาถึงแล้ว”
อินหัวเฉิงฝืนทนอารมณ์ที่พลุ่งพล่านในใจ เขารีบถอดชุดสีดำออก โยนพร้อมกับหน้ากากเหล็กทิ้งลงไปในหุบเขาชิงเยวียน จากนั้นก็เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าของศิษย์สายตรง
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ เขาก็เตรียมจะส่งสัญญาณไปหาเหล่าผู้าุโ ทว่ายังไม่ทันขยับตัว...
ตู้ม—
อุกกาบาตเพลิงดวงหนึ่งตกลงมาในระยะเพียงสามจั้งจากหน้าผา แรงกระแทกทำให้ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ทรายและหินปลิวว่อน วังจันทราทั้งหลังสั่นะเืไปเล็กน้อย
เมื่อควันฝุ่นจางหายไป
ชุดคลุมยาวสีแดงเพลิงของสตรีพลิ้วไหว ผมสีดำสนิทปลิวสะบัดเป็รูปทรงของสายลม
“ศิษย์ของข้าไปไหน?”
เสียงของนางไม่มีความมึนเมา แต่กลับฟังดูแปลกไปเล็กน้อย
“กึก—ๆ—”
อินหัวเฉิงรู้สึกคอแห้งผากจากความร้อนแรงของเปลวเพลิง เขาพูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
“ศิษย์… ศิษย์ก็เพิ่งมาถึงเช่นกัน”
“ซางอู่ เ้ามีอะไรก็พูดกันดีๆ สิ”
เหล่าผู้าุโคนอื่นๆ ก็ลงมาแล้วเช่นกัน
“เอาเป็ว่ามาทำความเข้าใจก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น” อินหัวเซวียนมองบุตรชายของตนอย่างลึกซึ้ง
อินหัวเฉิงรู้สึกมีกำลังใจขึ้นเล็กน้อยจึงรีบเอ่ยปากว่า
“วังจันทราเป็พื้นที่ที่ศิษย์ดูแล เมื่อได้ยินเสียงพลุสัญญาณก็รีบมาทันที แต่เมื่อมาถึง วังจันทราก็ว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่แล้ว”
เมื่อสิ้นเสียงอินหัวเฉิง สีหน้าของทุกคนพลันย่ำแย่ลงอย่างยิ่ง ทางขึ้นวังจันทรามีเพียงเส้นทางเดียว เมื่อพวกเขามาถึงก็ไม่เห็นหลี่โม่และอิ๋งปิง
บนยอดผาเองก็ไม่มี นั่นหมายความว่า…
สายตาของทุกคนมองไปยังหุบเขาชิงเยวียน ความหวังในใจของพวกเขาก็ดิ่งลงเหว
“กระบี่เล่มนี้เป็ของอิ๋งปิง”
เซวี่ยจิงสีหน้าย่ำแย่ ถือกระบี่ยาวเล่มหนึ่งเดินออกมา กระบี่ถูกห่อหุ้มด้วยน้ำแข็ง ยังคงแผ่ไอเย็นออกมา
“เ้าหนูสองคนนั้นไม่ใช่ปราณโลหิตธรรมดา เมื่อร่วมมือกัน แม้จะเอาชนะระดับพลังลมปราณภายในไม่ได้ แต่ก็ควรจะยันเอาไว้ได้จนกว่าพวกเราจะมาถึง”
“หรือว่าคนที่ลงมือกับพวกเขาคือระดับปราณญาณเทพ?”
คำพูดของเฉียนปู้ฟ่านเพิ่งสิ้นสุดลง ไม่มีใครคาดคิดว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคนชั่วจากพรรคอสูรปลุกิญญาที่อยู่เื้ัหวังหู่ กลับเป็ศิษย์สายตรงทั้งสองคน
ปัง—
ทันใดนั้น อินหัวเฉิงก็กระอักเืออกมา ร่างกายกระเด็นลอยออกไป ดูเหมือนจะกระแทกกับต้นไม้ แต่พลังไร้รูปกลับสลายแรงปะทะ ทำให้ร่างของเขาหมุนหลายตลบก่อนจะยืนขึ้นอย่างโซซัดโซเซ
อินหัวเซวียนพยุงบุตรชายของตน คิ้วขมวดมุ่น
“ซางอู่ ไม่มีใครอยากให้เื่เช่นนี้เกิดขึ้น ทุกปีมีการทดสอบย่อมมีผู้าเ็และเสียชีวิต การดูแลพื้นที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ย่อมยากที่จะดูแลได้ทั่วถึง จะให้ทุกคนมากล่าวโทษผู้าุโฝ่ายในได้อย่างไรกัน?”
ดวงตาที่เรียวลงของซางอู่ฉายแววเพลิงลุกวาบแล้วดับไปในพริบตา นางไม่ได้ลงมืออีก เพียงแต่กล่าวอย่างเ็าว่า
“อย่าให้ข้ารู้เชียวนะ ว่าเ้าเกี่ยวข้องกับเื่นี้ด้วย”
อินหัวเฉิงตกอยู่ในสถานการณ์คับขันถึงขีดสุด สีหน้าของเขาซีดเผือดลงทันที
“ซางอู่!”
อินหัวเซวียนโกรธจัด พลางกล่าวว่า
“ข้าเข้าใจความรู้สึกของเ้า แต่เ้าก็อย่ากล่าวหาผู้อื่นส่งเดช!”
ซางอู่ไม่สนใจความโกรธของเขาแม้แต่น้อย
“เอาล่ะ ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะทะเลาะกันเอง”
“อินหัวเซวียน นกที่ท่านควบคุมอยู่ มีข่าวคราวบ้างไหม?” เฉียนปู้ฟ่านถาม
“วังจันทราอยู่ใกล้กับหุบเขาชิงเยวียน ดังนั้นนกจึงไม่สามารถเข้าใกล้ได้”
“ข้าจะออกค้นหาบริเวณโดยรอบ หากพบผู้ต้องสงสัย จะรีบแจ้งให้ทุกท่านทราบทันที”
อินหัวเซวียนพยักหน้า
“การตามหาคนร้ายเป็เื่รอง สิ่งสำคัญเร่งด่วนคือการยืนยันความเป็ตายของหลี่โม่และอิ๋งปิง!”
เซวี่ยจิงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
เหล่าผู้าุโเมื่อได้ยินดังนั้น ก็ตกอยู่ในความเงียบ พวกเขาไม่รู้เลยว่าภายใต้หุบเขาชิงเยวียนมีสภาพเป็อย่างไร บันทึกของสำนักเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้แทบไม่มีเลย ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากของสำนักต่างสงสัยว่ามีสมบัติล้ำค่าซ่อนอยู่ข้างล่าง ทำให้หุบเขาชิงเยวียนมีแรงกดดันปกคลุมอยู่ตลอดทั้งปี มีคนจำนวนไม่น้อยพยายามลงไปสำรวจ แต่ก็หายสาบสูญไปไม่กลับมา หรือไม่ก็ต้องถอยทัพกลับมากลางคัน การะโลงไปจากที่นี่ เกรงว่าจะไม่มีใครได้พบเจอ ไม่ว่าจะยังมีชีวิตอยู่หรือเสียชีวิตไปแล้ว…
พลันนั้นเอง
กริ๊งๆ——
เสียงบางอย่างดังขึ้นสองครั้ง!
ในดวงตาเรียวเล็กของซางอู่ฉายแววแปลกประหลาด นางรีบยกข้อมือขึ้น มันคือกระดิ่งรวมใจ!
หลี่โม่ยังไม่ตาย!
“รีบห้ามไว้!”
“ซางอู่ เ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนะโลงไป หากคนยังอยู่ เรามาปรึกษาวิธีที่จะช่วยพวกเขาขึ้นมาไม่ดีกว่ารึ”
ซางอู่ตั้งใจจะบุ่มบ่ามลงไปช่วยคน เหล่าผู้าุโรีบห้ามไว้ทันที
สถานการณ์วุ่นวายอยู่พักหนึ่ง มีเพียงสองพ่อลูกอินหัวเฉิงและอินหัวเซวียนเท่านั้น ที่เผยสีหน้าประหลาดใจออกมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
อินหัวเฉิงกำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่าง ก็ถูกบิดาจ้องกลับด้วยแววตาที่ขุ่นเคือง
“กลับไปที่ยอดเขาอสูร!”
“…ครับ”
ในหุบเขาชิงเยวียน
“ท่านอาจารย์คงจะรู้แล้วว่าข้ายังไม่ตาย” หลี่โม่กำกระดิ่งรวมใจแน่น
เมื่อล่องลอยอยู่ในเมฆหมอกเป็เวลานานจนยากจะคาดเดา ผู้คนจะสูญเสียแิเื่เวลาและสถานที่ไป
สิ่งที่ยืนยันได้คือ พวกเขากำลังดิ่งลงไปลึกมาก แรงกดดันนั้นก็ยิ่งหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ หลี่โม่แทบััสิ่งใดรอบตัวไม่ได้เลย ราวกับทุกสิ่งถูกบีบอัดจนสลายไปกับสายลมที่พัดกระหน่ำ มีเพียงความเย็นจากมือเล็กๆ ในฝ่ามือเท่านั้น ที่ทำให้เขารู้สึกถึงความเป็จริง
หลี่โม่มองเ้าของมือเล็กๆ นั่นอย่างเลือนราง ในดวงตาที่เรียวลงของนาง ยังคงฉายแววเ็าและบริสุทธิ์ไม่เปลี่ยนแปลง
ไม่รู้ว่าเป็เพราะความมั่นใจเต็มเปี่ยม หรือเป็เพราะไม่เกรงกลัวความตายกันนะ
‘ที่สูงขนาดนี้ ถ้าลิขิตฟ้าไม่ดี พวกเราคงได้ตายกันหมดแน่ๆ และต่อให้โชคช่วย ข้างล่างมีสิ่งป้องกันจากการตก ก็อาจจะสลบหรือาเ็สาหัสได้’
หากไม่มีอิ๋งปิง สถานที่สืบทอดลึกลับนั่นก็คงไม่ถูกค้นพบ และหากหาง่ายถึงเพียงนั้น ก็คงไม่หลงเหลือมาจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้น…ก่อนที่จะถึงสถานที่ลึกลับนั่น ยัยก้อนน้ำแข็งจะต้องไม่เป็อะไรอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงเื่นี้ได้ หลี่โม่ก็ดึงนางเข้ามาใกล้โดยไม่รู้ตัว ร่างนุ่มนิ่มอยู่ในอ้อมแขนของเขา เสียงหัวใจที่เต้นอย่างอ่อนโยนแต่หนักแน่นส่งผ่านร่างกายที่นุ่มนวล
อิ๋งปิงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัย
เขากำลังจะยอมเป็เบาะรองให้ข้าอย่างนั้นหรือ?
แม้จะใจสงบดุจน้ำนิ่ง นางก็อดรู้สึกว่าไร้สาระจนแทบหัวเราะออกมา
สูงขนาดนี้ ถ้าตกลงกระแทกพื้นจริง ๆ การที่เ้าเป็เบาะรองจะมีประโยชน์อะไรกันเล่า?
นางไม่เคยแนบชิดกับเพศตรงข้ามมากขนาดนี้มาก่อนเลย ในชาติก่อน ไม่มีผู้ชายคนไหนกล้าเข้าใกล้ตัวนางในระยะสามเมตรเลยด้วยซ้ำ
อิ๋งปิงเม้มริมฝีปากเบาๆ หากขยับตัว อาจทำให้ทิศทางการดิ่งลงเปลี่ยนแปลงได้…
สุดท้าย นางก็ไม่ได้ผลักเด็กหนุ่มออกไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้