Chapter 22
เ้ากริฟฟินพาโจไซอามาที่ชายหาดทรงโค้ง บินร่อนลงต่ำช้า ๆ ปล่อยร่างองค์เทพลงบนผืนทรายอย่างนุ่มนวล แต่โจไซอาล้มลงนอนกับพื้นเพราะเหนื่อยอ่อนแรงจากการต่อสู้กับภูตผีคุ้มกันเกาะลึกลับแห่งนี้
โจไซอากระอักเื ผืนทรายของชายหาดเป็เม็ดทรงกลมขนาดเล็กสีดำสนิท เืสีแดงสดกองใหญ่กลืนกับสีดำของหาดทรายจนแทบมองไม่เห็น เพียงไม่นานน้ำทะเลที่พัดพาเข้าหาชายฝั่งก็เจือจางมันจนหายไป
เ้ากริฟฟินย่ำเท้าบนพื้นทรายไปหาเ้านายของมัน ใช้จะงอยปากเขี่ยข้างแก้มของโจไซอา แล้วนั่งลงเคียงข้าง กางปีกห่อหุ้มร่างกายสั่นสะท้านเพราะความหนาวเหน็บ
โจไซอาอ้าแขนโอบรอบแผงคอสีดำสนิท เขาวางมือััแ่เบาที่ขาหน้าของเ้ากริฟฟินเพราะมันมีรอยแผลจากการต่อสู้ มือเรียวบางวางแนบ รอคอยจนเืหยุดไหลและแผลปิดสนิท เขาช่วยรักษาให้เ้ากริฟฟินตอบแทนที่มันกางปีกห่อหุ้มกายปกป้องเขาจากลมหนาว
ร่างกายขององค์เทพเริ่มฟื้นฟู แต่ไม่มีทางกลับคืนสู่สภาพปกติด้วยโรครักระทม ที่แขนขวายังมีเืสีแดงเปื้อนเสื้อสีขาว รอยแผลจางลงแล้วแต่ยังปิดไม่สนิทดีและรู้สึกแสบยามที่ยกขยับ เ้ากริฟฟินเดินเคียงข้างโจไซอาใกล้ชิด คอยช่วยพยุงขณะที่โจไซอากำลังเดินไปใจกลางของเกาะ
โจไซอาเดินมาถึงถ้ำมืดมิด แต่เมื่อเดินเข้ามาได้สักระยะหนึ่งก็เห็นแสงสว่างสีขาวเจิดจ้าสะท้อนบนผนังของถ้ำ แสงนั้นเคลื่อนไหวเป็คลื่น และมีเงาสีดำของเทพแห่งความทรงจำนั่งอยู่บนผาหินในถ้ำ
“ท่านเทพแห่งความทรงจำ”
โจไซอาเอ่ยเรียกเมื่อยืนอยู่ด้านหลังเทพ อีกฝ่ายค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วหันมาสบตา ปรากฏเทพแห่งความทรงจำที่เป็ชายแก่ผมยาวสีขาวมัดรวบเป็มวยกลางศีรษะ ใบหน้ามีรอยเหี่ยวย่นของวัยชราอย่างที่เทพไม่เคยได้ัักับมัน แต่มันเกิดขึ้นกับเทพแห่งความทรงจำด้วยเหตุผลบางอย่างที่ไม่มีใครรู้
“ท่านเทพแห่งการร่วมประเวณี”
ถึงไม่มีใครเคยเห็นเทพแห่งความทรงจำเดินทางออกนอกเกาะลึกลับ แต่เทพกลับรู้จักโจไซอาและจดจำได้อย่างแม่นยำ คงเป็เพราะศีรษะขนาดใหญ่บนบ่าแคบของอีกฝ่ายที่กักเก็บความทรงจำมากมายเอาไว้
เทพสององค์ที่เพิ่งพบกันครั้งแรกทำความเคารพกันด้วยการยกมือข้างหนึ่งแนบอก แต่โจไซอาทำได้เพียงก้มหัวลงเล็กน้อยเท่านั้นเพราะแขนข้างขวาที่เ็ปเกินกว่าจะขยับได้ ผนวกกับความโมโหใจร้อนที่พาให้เขาต้องมาถึงที่นี่
“ท่านรู้หรือไม่ว่าซาตานจดจำเื่ราวในอดีตชาติได้ทั้งหมด” เทพผมสีขาวพยักหน้าเชื่องช้า
“แล้วเหตุใด… แซ็กคารี ลูกชายของาาเผ่าซาตานถึงจำฉันไม่ได้ ชาติก่อนตอนที่เขาเกิดเป็มนุษย์นามว่าเอเดน กริฟฟิน เขาเคยรักกับฉัน”
ความเหนื่อยล้าหลังผ่านการต่อสู้ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง โจไซอากล่าวยาวเหยียดด้วยเสียงดังเข้มแข็งเก็บซ่อนความเ็ป แววตามีแต่ความโมโห ไว้ท่าทีอย่างผู้เหนือกว่าไม่สนเื่ความนอบน้อบและมารยาทใด ๆ เขามาที่นี่เพื่ออาละวาดอย่างที่บอกกับแซ็กคารีจริง ๆ
“มีเพียงเหตุผลเดียว ท่านเทพ”
เทพแห่งความทรงจำพูดตอบอย่างเชื่องช้า ยิ่งทำให้โจไซอาร้อนใจ มือหนามีรอยย่นวาดเหนือบ่อน้ำเบื้องล่างที่ส่องแสงสีขาวสว่างไสวในถ้ำมืดมิด
โจไซอาเดินเข้าหาเทพแห่งความทรงจำ ซึ่งยืนบนหินผาสูงที่ยื่นไปตรงกลางบ่อน้ำพอดิบพอดี เขามายืนริมขอบผา มองลงไปในน้ำส่องสว่าง และได้เห็นความทรงจำเหตุการณ์ที่ทำให้โจไซอาเ็ปใจมาตลอด วันที่เอเดนประกาศออกมาว่าไม่รักโจไซอา และเป็วันเดียวกับที่เอเดนถูกซาตานพาตัวมาที่นี่
น้ำตาคลอขอบตาของเทพแห่งการร่วมประเวณี มันไหลลงถึงคาง หยดลงไปในบ่อน้ำแห่งนั้น จนภาพเหตุการณ์ที่ฉายซ้ำจางหายไป โจไซอาทรุดตัวลงนั่ง ยื่นหน้ามองที่บ่อน้ำอย่างโหยหาเพราะอยากเห็นภาพชายผู้เป็ที่รักอีกซ้ำ ๆ
“มนุษย์นามว่าเอเดน กริฟฟิน ถูกลบความทรงจำเกี่ยวกับเทพทั้งหมดตามโทษของเทพอารักษ์กฎั้แ่เมื่อ 99 ปีก่อน”
“หมายความว่า ถึงเกิดใหม่เป็ซาตาน ความทรงจำที่ถูกลบก็จะไม่กลับมาด้วยหรือ” โจไซอาเงยหน้ามององค์เทพชรา อีกฝ่ายพยักหน้าตอบ ร่างผ่ายผอมจึงพยายามลุกขึ้นยืน ปาดเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
“โทษจะสิ้นสุดเมื่อผู้ถูกลงโทษเกิดใหม่ และมีชีวิตใหม่ โทษของเอเดน กริฟฟินสิ้นสุดแล้ว ฉันขอสั่งให้เอาความทรงจำทั้งหมดคืนเ้าของ”
เทพแห่งความทรงจำส่ายหน้า ไม่ทุกข์ร้อนต่อน้ำเสียงเต็มไปด้วยแรงอารมณ์ของโจไซอา ราวเคยชินกับเหล่าเทพที่มักฝ่าภูตผีเข้ามากวนใจเสียแล้ว
“เป็ไปไม่ได้”
“ต้องได้สิ ฉันต้องทำยังไง ต้องเอาน้ำในบ่อนี้ไปให้เขาดื่มใช่ไหม”
ท่าทางที่แสนเชื่องช้าเนิบนาบของเทพแห่งความทรงจำเป็ตัวเร่งให้โจไซอาใจร้อนกว่าเดิม แต่เขากลับรู้สึกเหมือนผู้แพ้ที่ทำอะไรไม่ได้นอกจากต้องรอคอยคำตอบจากเทพอีกองค์ เทพที่เป็ผู้เอาความทรงจำเ่าั้ออกจากเอเดน
“นี่คือบ่อแห่งความทรงจำ” ดวงตาเล็กเหมือนเม็ดถั่วมองบ่อน้ำที่ส่องแสงสว่าง
“เมื่อฉันดึงความทรงจำของใคร ไม่ว่ามนุษย์หรือุ์ลงไปเก็บในบ่อแห่งนี้แล้ว ความทรงจำเ่าั้จะไม่กลับคืนสู่เ้าของอีก ไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม…”
โจไซอายืนกำหมัดแน่น หันมองบ่อน้ำที่มีคลื่นเล็ก ๆ จนผิวน้ำไม่เคยนิ่ง เหมือนมีบางอย่างขยับเคลื่อนไหวใต้บ่อน้ำตลอดเวลา ซึ่งสิ่งเ่าั้คือความทรงจำหลายล้านเื่ราวที่ลบออกจากเ้าของ โจไซอาเริ่มสิ้นหวัง
“มีเพียงวิธีเดียว” เทพแห่งการร่วมประเวณีสบตาเทพชรา
“เ้าของต้องเป็ผู้มาขอความทรงจำคืนที่นี่เอง
ปราศจากการบังคับ
ต้องมาจากการสมัครใจอย่างแท้จริง”
โจไซอาจำเป็ต้องกลับมาพักรักษาตัวที่บ้านในเมืองเทพ เขานอนนิ่งบนเตียงไม่อาจขยับเขยื้อนอยู่สามวัน เขาต้องทิ้งเวลาอย่างสูญเปล่าเพราะทำอะไรไม่ได้นอกจากนอนอดทนต่อความเ็ปตามร่างกาย พ่อเข้ามาเยี่ยมทุกวัน เทพแห่งความฝันผู้เป็เพื่อนรักคอยดูแลไม่ห่าง แต่วันนี้จูลิโอมีธุระอื่นจึงไม่ได้แวะมาหา
“ลูกอยากได้อะไรหรือเปล่า พ่อได้ยินว่าจูลิโอชอบชงชาแบบมนุษย์ให้ลูกดื่ม”
“ไม่เป็ไรท่านพ่อ ลูกดีขึ้นมากแล้ว”
ก่อนหน้านี้โจไซอาไม่ต่างอะไรกับมนุษย์ที่เป็อัมพาต ทำได้มากที่สุดคือกลอกตาไปมาซ้ายขวา เขาเพิ่งพูดได้เป็ประโยคในเช้าวันนี้จึงสามารถตอบคำถามของพ่อได้ ด้วยเสียงแหบแห้งและอ่อนแรง
“ลูกเดินทางไปหาเทพแห่งความทรงจำทำไม” ประมุขเทพองค์ใหม่จับมือลูกชาย นั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงสี่เสา หวังว่าจะมอบความอบอุ่นให้ลูกได้บ้าง แต่มือของเทพล้วนเย็นเฉียบ
“ลูกได้พบเอเดนแล้วท่านพ่อ เขาเกิดใหม่เป็ซาตานจริง และมีชื่อว่าแซ็กคารี เขาทั้งเอาของขวัญไปให้ทายาทตระกูลกริฟฟินที่ตกอับ ทั้งนอนอยู่ในกระท่อมเก่า ๆ ในเขตของคฤหาสน์กริฟฟินทิ้งร้าง เขาจำได้ทุกอย่าง แต่เขาจำลูกไม่ได้”
โจไซอาขยับตัวนั่งพิงหัวเตียง โดยได้รับความช่วยเหลือจากพ่อ ภูตประจำต้นไม้ผู้รับใช้ยกถาดใส่กาน้ำชาและแก้วชาเข้ามาในห้อง สองมือผ่ายผอมอบอุ่นขึ้นเมื่อได้โอบอุ้มแก้วชาร้อน ๆ เขาเริ่มมีแรงเพียงพอที่จะเล่าต่อ
“ลูกจึงไปหาเทพแห่งความทรงจำ— ลูกรู้ว่ามันอันตราย แต่ลูกต้องรู้ให้ได้” โจไซอารีบพูดขัดพ่อที่กำลังอ้าปากค้าน
“ท่านเทพบอกว่าความทรงจำถูกลบออกไปแล้ว ถึงเกิดใหม่เป็ซาตานมันก็จะไม่กลับมา มีอยู่แค่วิธีเดียวคือเอเดน... หรือว่าแซ็กคารีต้องเป็ผู้ขอความทรงจำพวกนั้นคืนด้วยตัวเอง”
“แล้วลูกจะทำอย่างไรต่อ”
“ลูกจะโน้มน้าวเขา ท่านพ่อ ลูกจะทำให้เขาเชื่อว่าลูกเป็คนรักของเขาเมื่อชาติก่อน”
แล้วลูกจะรู้สึกอย่างไร หากเขาจำเื่ทั้งหมดได้ และยังคงไม่รักลูกเหมือนเดิม
ผู้เป็พ่อเพียงแค่คิด แต่ไม่กล้าเอ่ยออกไป มือใหญ่วางบนข้อมือผ่ายผอมของลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่ร่างกายอ่อนแรงอย่างน่าใจหาย ประมุขเทพมองเห็นประกายความหวังในแววตาโจไซอา มองเห็นความมุ่งมั่นตั้งใจ และกำลังใจเพียงน้อยนิดอยู่ในดวงตากลมเฉี่ยวที่ได้มาจากเทพผู้เป็แม่
“การโน้มน้าว อาจไม่ช่วยเท่าความผูกพัน” โจไซอาขมวดคิ้วสงสัยคำพูดกำกวมของพ่อ
“เหล่าซาตานมีความทรงจำดีเลิศมากกว่าเทพ พวกเขาไม่มีทางเชื่อคำพูดจากเทพที่สามารถสร้างภาพลวงตาพวกเขาได้ง่าย ๆ แต่ความผูกพันจะฝังอยู่ลึกไม่จางหายไปเหมือนความทรงจำ…” มือใหญ่วางบนเส้นผมของลูก ลูบแ่เบาหนึ่งครั้ง
“ความผูกพันจะแฝงอยู่ในความทรงจำ บ้างก็เกิด บ้างก็ไม่เกิด ลูกแค่ต้องทำแบบเดิมกับที่ลูกเคยทำกับเขา และต้องมั่นใจว่าการทำแบบนั้นมีความผูกพันแฝงอยู่”
ความหวังทอแสงประกายเจิดจรัสราวกับดวงดาวในแววตาของโจไซอาทันใด เพราะหากเอ่ยถึงความผูกพัน เทพแห่งความผูกพันย่อมรู้ดีที่สุด
“ขอบคุณท่านพ่อ” ร่างผ่ายผอมโผกอดพ่อแน่น
แต่เทพแห่งความผูกพันกลับพรูลมหายใจ เขากังวลเพราะลูกชายหัวแก้วหัวแหวนเหลือเวลาอีกไม่มากนักก่อนจะครบ 100 ปีของการเป็โรครักระทม เขาไม่อยากหักห้ามลูกเมื่อเห็นแววตาเป็ประกายเช่นนั้น แต่การติดตามแซ็กคารีให้จำเื่ราวในอดีตได้ ไม่มีทางทำให้โจไซอาหมดรักได้โดยง่าย หากโจไซอาทำไม่สำเร็จก่อนเวลา
เทพแห่งการร่วมประเวณี นามว่า โจไซอา จะสลายหายไปตลอดกาล
เมื่อร่างกายพร้อมออกเดินทาง โจไซอาเดินผ่านประตูเชื่อมไปที่โลกมนุษย์ในทันที เขาปรากฏกายที่ด้านนอกกำแพงสูง และสามารถเดินผ่านชายแดนทางเข้ากำแพงได้ง่ายดาย เพราะใช้อำนาจวิเศษสั่งให้ทหารเฝ้าประตูหลับไป
เขาได้ที่อยู่ของแซ็กคารีมาจากอดีตภูตประจำต้นไม้สาวตนหนึ่ง ว่ามีบางครั้งที่แซ็กคารีทำงานในร้านขายแซนด์วิชใกล้กับชายแดนทางออกไปนอกกำแพงสูง ร้านค้าอื่น ๆ ในเมืองใช้หุ่นยนต์ทำงานแทนแรงงานคนเกือบทั้งหมด เว้นแต่ร้านรอบ ๆ ชายแดนที่สัญญาณมักขัดข้อง หรือไม่ก็ไฟฟ้าส่งมาไม่ถึงอยู่บ่อย ๆ
โจไซอาเดินผ่านประตูกระจกอัตโนมัติ ป้ายตัวอักษรชื่อร้านเป็สีแดงขาว มีรูปวาดแซนด์วิชแปะอยู่ข้างกัน เป็การตกแต่งแบบง่าย ๆ และดูดิบถ้าเทียบกับป้ายร้านอื่น ๆ ในกำแพงสูงแห่งนี้ที่แข่งกันสร้างสไตล์ใหม่ ๆ แต่กลับออกมาเป็ความเรียบ หรูหราและสีขาวเหมือน ๆ กันไปหมด
เขากวาดตามองหาแซ็กคารี และเห็นอีกฝ่ายตั้งอกตั้งใจทำงานอยู่หลังตู้กระจกที่มีไส้แซนด์วิชเรียงราย ร่างกำยำของซาตานหนุ่มสวมเสื้อโปโลสีแดงคาดขาว สวมถุงมือขณะหยิบมะเขือเทศหั่นเป็แว่นใส่ขนมปังตามที่ลูกค้าคนก่อนหน้าชี้บอก โจไซอาเดินไปต่อแถว ยืนอมยิ้มมองแซ็กคารี เก็บความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
“รับอะไรดี… ครับ” เสียงทุ้มขาดหายไปใน่ท้าย เมื่อดวงตาสีเฮเซลเงยหน้าขึ้นจากไส้แซนด์วิช และพบว่าลูกค้าคนต่อไปเป็เทพที่เดินทางมาหาพร้อมพูดจาแปลก ๆ กับเขาเมื่อหลายวันก่อน
เพียงเท่านั้นใบหน้ายิ้มแย้มกับท่าทางขยันคล่องแคล่วก็หายไป มุมปากของแซ็กคารีกดคว่ำ ดวงตาเฉยเมยเรียบนิ่ง
“อะไรอร่อยเหรอ”
“แฮม” เขาตอบสั้นห้วน แต่โจไซอากลับยิ้มเอ็นดู
“เอาตามนั้นแล้วกัน”
“ขนมปังแบบไหนครับ”
“อะไรก็ได้ที่… คุ้มค่าต่อการเคี้ยวและกลืน”
ยิ่งเทพอายุมาก ความทรงจำก็ยิ่งเลือนราง แต่โจไซอายังจำคำพูดนี้ที่เคยบอกเอเดน กริฟฟินได้ ตอนที่มนุษย์ใสซื่อสงสัยว่าเทพ้าอาหารเหมือนกันหรือไม่ เขาใช้ประโยคคล้ายกันตอบแซ็กคารี ถึงแม้ปฏิกิริยาตอบกลับจะไม่เหมือนกับมนุษย์ใสซื่อชาติก่อน แต่มองอย่างไรท่าทางไม่สบอารมณ์ของแซ็กคารีก็น่าเอ็นดู
แซ็กคารีเลือกขนมปังที่นุ่มที่สุด ใส่ผักและแฮมให้โจไซอา เมื่อถึงเวลาที่ต้องคิดเงิน เขากดเครื่องคิดเงินจอััรุ่นเก่าอย่างคุ้นเคย โจไซอามองตามพร้อมรอยยิ้มชวนให้อึดอัด แซ็กคารีจึงทำตัวไม่ถูก เขาไม่ยอมพูด และชี้ตัวเลขจำนวนเงินที่หน้าจอแทน
โจไซอาแตะบัตรแข็งกับเครื่อง เมื่อเสียงแจ้งเตือนสั้น ๆ ดังขึ้นก็เก็บบัตรใส่กระเป๋าตามที่อดีตภูตประจำต้นไม้เป็ผู้สอนเขาก่อนมาโลกมนุษย์ที่หลายอย่างเปลี่ยนแปลง ครอบครัวโจไซอาไม่มีครอบครัวมนุษย์คอยดูแลสืบเชื้อสายกันมารุ่นต่อรุ่นอีกแล้ว เพราะเทพอารักษ์กฎเปลี่ยนกฎใหม่ เทพบางองค์ต้องศึกษาการใช้ชีวิตให้กลมกลืนกับมนุษย์ด้วยตัวเอง หรือให้ซาตานผู้รับใช้เป็ผู้อำนวยความสะดวกให้ หรืออาจเป็เหล่าภูตผีที่ไม่มีที่ไปหลังผังเมืองในโลกมนุษย์เปลี่ยน
“เธอเป็ถึงลูกของาาเลยนะ ทำไมถึงมาทำงานอย่างนี้ล่ะ”
แซ็กคารีเงยหน้าจากเครื่องคิดเงินสบตาโจไซอา แล้วหันมองผู้คนรอบข้างด้วยความกังวลว่าจะมีใครได้ยิน แต่ที่นี่มีลูกค้าเข้ามาน้อยนิด หญิงหลังค่อมคนหนึ่งกำลังนั่งกัดแซนด์วิชอยู่อีกมุมหนึ่งของร้านโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
“ผมจำเป็ต้องใช้เงิน”
“ขอฉันสิ ฉันมีเยอะ เอานี่ไปใช้ก็ได้” โจไซอานำบัตรแข็งที่ดึงออกมาจากกระเป๋าอีกครั้งยื่นให้แซ็กคารี แน่นอนว่าซาตานหนุ่มไม่รับ ทำเพียงส่ายหน้าและขมวดคิ้วดุให้รีบรับแซนด์วิชไปเสียที เพราะลูกค้าคนอื่นกำลังเดินมาต่อแถว
“เธอเลิกงานเมื่อไหร่เหรอ”
“บ่ายครับ” โจไซอายกนาฬิกาข้อมือกลไกแบบดั้งเดิมที่ข้อมือซ้ายขึ้นมอง
“อะไรกัน นี่เพิ่ง 8 โมงเช้าเอง อีกตั้งนานนี่” เสียงบ่นของโจไซอา ทำให้ลูกค้าคนที่มาต่อแถวขมวดคิ้วมองด้วยความไม่พอใจ เพราะเห็นว่าเขาไม่ยอมไปเสียทีตนจึงไม่ได้สั่งแซนด์วิช
“ฉันมีเื่อยากคุยกับเธอ”
“ผมทำงานอยู่ครับ”
“เลิกงานไม่ได้เหรอ ฉัน—”
“นี่คุณ เสร็จหรือยัง”
โจไซอาพูดไม่ทันจบประโยค ลูกค้าคนต่อไปก็รีบเอ่ยขัดด้วยความโมโห เพราะเป็พนักงานที่ต้องเข้างานให้ทันเวลา การมาต่อแถวถัดจากโจไซอาที่ยุ่งวุ่นวายทำให้เข้างานสาย
เทพเริ่มโมโหขึ้นมา เพราะน้ำเสียงเต็มไปด้วยอารมณ์หงุดหงิดขัดใจ และแววตาดูถูกจากมนุษย์ หากโจไซอาไม่ได้เป็โรครักระทมอยู่ เขาคงอดกลั้นความโมโหได้ดีกว่านี้ แต่ตอนนี้สิ่งที่ยากที่สุดคือการควบคุมความรู้สึก เทพเอาลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม คิดอยากสาปแช่งมนุษย์ตรงหน้า
“นั่งรอที่โต๊ะก่อน… นะครับ”
แซ็กคารีรีบห้าม ดุผ่านสายตาว่าโจไซอาไม่ควรแสดงพลังอำนาจใด ๆ ในโลกมนุษย์ที่เทคโนโลยีก้าวหน้าเช่นนี้ โจไซอาจึงยอมถอยหลังออกไปพร้อมห่อกระดาษสีขาวสลับแดงที่มีแซนด์วิชแฮม ร่างผ่ายผอมเดินมานั่งโต๊ะริมหน้าต่างใกล้กับเคาน์เตอร์เพื่อให้มองแซ็กคารีถนัด
แล้วนั่งเอามือสองข้างรองคาง มองตามทุกการกระทำของแซ็กคารีอย่างเปิดเผย ด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ประดับประดาที่มุมปากตลอดหลายชั่วโมง แซ็กคารีอึดอัดจนไม่กล้ามองไปที่โต๊ะตัวนั้น ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเดียวโดยไม่สนใจอีกฝ่าย แต่การหลบหลีกเทพไม่ใช่เื่ง่าย แรงดึงดูดบางอย่างเชื้อเชิญให้สายตาของแซ็กคารีมองไปทางโจไซอาหลายครั้ง
ระหว่างที่ร้านเงียบ ไร้ลูกค้าคนอื่น ๆ นอกจากโจไซอาที่มานั่งรอเขาแต่เช้า แซ็กคารีคว้าผ้าสีน้ำเงินออกจากเคาน์เตอร์มาเช็ดทำความสะอาดโต๊ะทุก ๆ ตัวภายในร้าน หัวใจของซาตานหนุ่มเต้นอย่างรุนแรงเมื่อต้องเดินผ่านโต๊ะที่โจไซอานั่ง มือสองข้างเริ่มชื้นเหงื่อ เขากักเก็บความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายไว้ใต้ใบหน้าเรียบเฉย และเดินผ่านโต๊ะตัวนั้นโดยไม่หยุดมอง
“เอเดน” แต่ไม่สำเร็จ ชื่อนี้ทำให้เขาหยุดชะงักทุกครั้งที่ได้ยิน
“ไม่สิ แซ็กคารี” เขาหันหลัง มองเ้าของเสียงหวานที่เอ่ยชื่อของเขาทั้งชาติก่อนและชาตินี้
“อยากได้อะไรเพิ่มเหรอครับ”
“พอจะมีชาร้อน ๆ ไหม” ที่นี่เป็ร้านแซนด์วิช ขายแต่อาหารจานด่วนให้พลังงานสูง แน่นอนว่าไม่มีชาร้อนเสิร์ฟ
“ไม่ครับ”
“ไม่เป็ไร… เธอไปทำงานต่อเถอะ”
โจไซอาโบกมือไล่แซ็กคารีให้กลับไปที่หลังเคาน์เตอร์ตามเดิม น้ำเสียงหวาน ๆ ที่เถียงเขาก่อนหน้านี้เริ่มแหบแห้งฟังดูไร้เรี่ยวแรง แซ็กคารีเห็นมือผ่ายผอมกระชับเสื้อโค้ตยาวให้ปกปิดร่างกายแแ่ยิ่งขึ้น เห็นมือคู่นั้นแห้งลอกเป็ขุยสีขาวเต็มไปหมด
อาการของโจไซอาแย่ลงอีกครั้ง เขามักเป็เช่นนี้เสมอ โรครักระทมมอบ่เวลาเพียงสั้น ๆ ให้เทพเดินเหินคล่องแคล่วขึ้นมาเล็กน้อย ก่อนที่อาการจะแย่ลงเรื่อย ๆ อย่างน่าหงุดหงิด ความหนาวเหน็บของฤดูกาลในโลกมนุษย์ยิ่งทำให้โจไซอาเ็ปตามข้อกระดูก ทุกอย่างแห้งไปหมดทั้งผิวกายและลำคอของเขา เสียงที่เอ่ยออกไปฟังดูน่าเกลียดมากกว่าน่าฟัง ชุดที่คิดว่าหนาพอแล้วก็ไม่ช่วยอะไร
เสียงฝีเท้าดังขึ้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ปิดท้ายด้วยเสียงของแก้วกระทบกับโต๊ะตรงหน้าโจไซอา แก้วหูจับสีขาวมีควันสีจางลอยขึ้นจากปากแก้ว บ่งบอกถึงความอุ่นร้อนของของเหลวที่บรรจุข้างใน โจไซอาเงยหน้ามองผู้ที่เดินเข้ามาวางแก้วใบนี้ให้เขา และพบดวงตาสีเฮเซลกับใบหน้าเรียบนิ่งมุมปากกดคว่ำ
“แค่น้ำอุ่นน่ะครับ”
เพียงแค่น้ำอุ่น แต่กลับทำให้โจไซอายิ้มกว้าง
“ขอบใจ”
แซ็กคารีไม่อาจทนต่อความอึดอัดและความแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาเมื่ออยู่ใกล้โจไซอาได้อีก พนักงานกะต่อไปเดินเข้ามาทางประตูหลังร้าน โบกมือทักทายแซ็กคารีอย่างเป็มิตร เขาจึงเตรียมตัวเลิกงาน และเหลือบมองเทพที่มานั่งรอเขาหลายชั่วโมง
โจไซอายกมือข้างหนึ่งค้ำคางเอาไว้แล้วก้มหน้าหลับตานิ่ง มืออีกข้างกุมแก้วน้ำอุ่น แซ็กคารีจึงได้จังหวะหนีพอดี เขาหลบเข้าไปที่ห้องพนักงาน เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็เสื้อยืดกับโค้ตกันหนาวเก่าสีน้ำตาลซีด แล้วสะพายกระเป๋าเป้ที่ไหล่ซ้าย เปิดประตูหลังร้านออกไปในเวลารวดเร็ว
วันนี้เขาไม่มีเวลาดูแลเทพองค์ไหนทั้งนั้น และอาการป่วยที่เขายังหาคำตอบไม่ได้ของเทพโจไซอาดีขึ้นจากวันนั้นมากแล้ว เขาถึงได้กล้าทิ้งให้อีกฝ่ายอยู่ที่ร้านแซนด์วิช แซ็กคารีมีภารกิจ เขากำลังตามหาบางอย่างในโลกมนุษย์ เป็สถานที่ที่มีความทรงจำของเอเดน กริฟฟินเกิดขึ้นมากมาย เขาเพิ่งได้เบาะแสเพิ่มเติมเมื่อวาน จึงตั้งใจว่าจะออกตามหามันในวันนี้ทันทีที่เลิกงานแล้ว
เขาเดินขึ้นบันไดเหล็กแคบดูไม่แข็งแรงที่ติดชิดกับแนวกำแพง พยายามก้าวเท้าให้เบาที่สุดไม่ให้ทหารเฝ้าประตูชายแดนได้ยิน แต่บันไดขั้นหนึ่งมีสนิมเขรอะ เพราะน้ำจากท่อน้ำทิ้งของบ้านหลังหนึ่งที่ชั้นบนหยดใส่ทุกวัน แซ็กคารีเหยียบลงน้ำหนักอย่างไม่ทันตั้งตัว บันไดเหล็กจึงหักพร้อมส่งเสียงดังลั่น ทหารสวมหมวกสะดุ้งตื่น เงยหน้าหาที่มาของเสียงทันที แล้วหันไปคว้าปืนมาถือเอาไว้
แซ็กคารีใจเต้นแรง เหล็กที่หักแทงทะลุกางเกงยีนจนเกิดาแที่ขาข้างขวา เืไหลทะลักออกมาไม่หยุด เขากำมือพร้อมขมวดคิ้วอดกลั้นความเ็ป ถ้าหากเดินหน้าอีกก้าวเดียวทหารจะมองเห็นเขา หากเขาถอยหลังอาจร่วงตกบันได ไม่สามารถกางปีกใช้ร่างซาตานในที่ที่อาจมีมนุษย์มองเห็นได้ หากเขายืนนิ่ง เืจะหยดลงบนพื้นหิมะที่ชั้นล่างสุดของกำแพงกระทั่งทหารตามตัวเขาเจอ
“จับมือฉัน” เสียงแหบแห้งดังขึ้นด้านหลัง แซ็กคารีหัวใจเต้นแรงกว่าเดิมราวจะทะลุออกมาด้านนอกเมื่อเห็นโจไซอาไต่บันไดแคบตามเขามา
“เร็ว ๆ สิ”
มือผ่ายผอมส่งมาให้แซ็กคารี ทหารเดินมาหยุดยืนที่พื้นด้านล่างของเขาพอดี เืที่ไหลทะลักกองอยู่บนขั้นบันได กำลังไหลหยดลงบนพื้นหิมะ ที่ที่ทหารเฝ้าประตูชายแดนกำลังยืนอยู่ แซ็กคารีไม่มีทางเลือกอื่น
เขาจับมือโจไซอาทั้งที่ไม่รู้ว่าทำไม และโจไซอาเองก็ไม่มั่นใจว่าพลังอำนาจอ่อนแรงยามเป็โรครักระทมจะสามารถพาซาตานหนุ่มหายตัวไปพร้อมกับตนเองได้หรือไม่ แต่ความกล้าทำให้เขายอมเสี่ยง
เืซาตานหยดลงพื้นชั้นล่างของกำแพงในที่สุด สีแดงสดตัดกับสีหิมะสีขาว ทหารมองหยดเืนั้นนิ่ง และค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น
โจไซอาพาแซ็กคารีหายตัวสำเร็จแม้ทุลักทุเล เมื่อถึงที่หมายด้านนอกกำแพง ทั้งคู่กระเด็นออกจากกันไปคนละทิศคนละทาง แซ็กคารีร้องครางอย่างเ็ปาแลึกที่ขาขวาของเขา เืยังคงไหลอาบ และค่อย ๆ ไหลเปื้อนหิมะเป็วงกว้าง
โจไซอาพยุงตัวลุกขึ้น มือััหิมะเย็นเฉียบและเ็ปไปทั้งตัวจากความหนาวเหน็บ เขามองหาแซ็กคารี มองเห็นอีกฝ่ายนั่งหอบหายใจพร้อมเืไหลออกจากแผลที่ขาจนหิมะโดยรอบเปลี่ยนเป็สีแดง เทพจึงละทิ้งความเ็ปในทุก ๆ ก้าวเดินเพื่อช่วยรักษาชายผู้เป็ที่รัก
“เอเดน!” โจไซอานั่งลงข้างกับอีกฝ่าย วางมือผ่ายผอมบนแผลทันที แต่กลับเรียกเสียงร้องเ็ปจากแซ็กคารีให้ดังมากกว่าเดิม มือใหญ่ปัดมือของเขาออก
“ท่านเทพ อย่า—”
“ไม่ ฉันกำลังช่วยเธอ”
แซ็กคารียังไม่เข้าใจพลังอำนาจของโจไซอา มือผ่ายผอมไม่ยอมแพ้และวางบนาแลึกอีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างพยายามจับมือใหญ่แน่น มองดวงตาสีเฮเซลตรงหน้าด้วยความคิดถึงและความกังวล แผลเริ่มแคบลงเรื่อย ๆ แต่เืยังไม่หยุดไหล
“ฉันต้องจูบเธอ” แซ็กคารีไม่เข้าใจ แต่ความใจร้อนและเป็ห่วงมีมากจนโจไซอาไม่อยากรออธิบาย
เทพขยับเข้าหาซาตานหนุ่ม มอบจุมพิตริมฝีปากให้แซ็กคารี เพียงแค่แตะเข้าหากันและแนบค้าง ความชื้นของเืสีแดงสดละเลงบนฝ่ามือโจไซอาที่ปิดทับแผลอยู่จึงค่อย ๆ หายไปทีละน้อย ซาตานหนุ่มลืมตามองเทพในระยะใกล้ชิด กลิ่นหอมราวดอกไม้สีขาวลอยเข้าจมูกชนะกลิ่นคาวเื ความเ็ปที่าแลดลงอย่างน่าอัศจรรย์
กระทั่งแผลปิด ไม่มีรอยเืหลงเหลืออยู่อีก โจไซอาจึงผละจูบ มองผิวเนื้อเรียบสนิทด้วยความโล่งใจ หิมะรอบ ๆ กลับมาเป็สีขาวอีกครั้ง
แต่โจไซอากลับเป็ฝ่ายหอบหายใจ พร้อมเืกำเดาไหลออกจากจมูกเสียเอง
tbc.
#เฮเซลอาย