ทะลุมิติไปเป็นฮองเฮา พร้อมระบบเชฟเทพนักปรุง (จบ)

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     ภายในห้องพิเศษ ตี้ เฟิ่งเฉี่ยนเดินหมากอย่างสบายใจ เมื่อเดินมาถึงก้าวที่ 51 ริมฝีปากสีผลอิงของนางโค้งขึ้นเป็๲รอยยิ้มสมใจ

        “สำเร็จแล้ว!”

        แทบจะเป็๲เวลาเดียวกัน ภายในห้องพิเศษ เทียน มีเสียงปรบมือดังก้องกังวานขึ้น ซือคงเซิ่งเจี๋ยหลุดปากออกมาอย่างตื่นเต้นว่า “เยี่ยม! เป็๲การเดินหมากที่เยี่ยมยอดก้าวหนึ่ง หลุดพ้นจากความตายเกิดใหม่อีกครั้ง!”

        วิธีการเดินหมากของหมากขาว ทำให้เขาที่เป็๞คู่ต่อสู้อดที่จะชื่นชมไม่ได้

        ซือคงจวินเย่สีหน้าเคร่งเครียด “หรือ...ทำลายได้อีกแล้ว”

        ซือคงเซิ่งเจี๋ยยากที่จะปกปิดสีหน้าท่าทางตื่นเต้นได้ เขาพูดอย่างกระตือรือร้น “นางไม่เพียงแต่ทำลายค่ายกลดาบโลหิตพญามัจจุราชของข้าลงได้ ซ้ำยังเอาคืนข้าได้อีกด้วย ท่านดูสิ...”

        ซือคงจวินเย่มองตามทิศทางที่น้องชายชี้มือไป เห็นเพียงบนกระดานหมากนั้นปรากฏให้เห็นหมากขาวที่ก่อตัวกันเป็๲เจดีย์แหลม มันแหวกผ่ากองทัพของหมากดำทะลุเข้ามา ราวกับเป็๲หน่อไม้ที่แตกยอดอ่อนหลังฝนผ่านพ้นไปอย่างไรอย่างนั้น!

        “นี่คือ...ค่ายกลเจดีย์หรือ”

        ซือคงเซิ่งเจี๋ยส่ายหน้า ในดวงตานั้นทอประกายแรงกล้า “ไม่ใช่ นี่ไม่ใช่ค่ายกลเจดีย์! เป็๲ค่ายกลดาวหกดวง!”

        “ค่ายกลดาวหกดวงหรือ” ซือคงจวินเย่จับจ้องสายตามองกระดานหมากอีกครั้ง พบว่าหมากขาวเหล่านี้เชื่อมโยงไว้ด้วยกัน ถึงกับกลายเป็๞รูปร่างของดาวทั้งหกดวงเชื่อมต่อกัน มีลักษณะคล้ายปิดทางเดินของหมากดำอย่างแน่นสนิท!

        “เป็๲ไปได้อย่างไร” เขาตื่นตะลึง ไม่อยากเชื่อ

        “เป็๞เพราะข้าประมาทเกินไป ด้วยคิดว่าเป็๞เพียงค่ายกลเจดีย์ธรรมดาๆ จึงไม่ได้ใส่ใจ ใครเลยจะรู้ว่านางถึงกับใช้หลักการสร้างค่ายกลเจดีย์มาอำพรางการก่อค่ายกลดาวหกดวง! วิธีการคิดล้ำลึกเช่นนี้ช่างเป็๞อัจฉริยะโดยแท้!” ซือคงเซิ่งเจี๋ยหัวเราะเบิกบานใจขึ้นมากะทันหัน “ทว่า สะใจ! ความสุขที่สุดของคนเราก็คือเมื่อได้ดื่มสุรากับสหายรู้ใจ เมื่อได้เดินหมากกับคนที่มีฝีมือสูสีกัน! วันนี้ได้พบคู่ต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมเช่นแม่นางเฟิง ไม่เสียแรงที่ข้าเดินทางไกลมาเป็๞พันลี้ เพื่อการประลองหมากกระดานหนึ่ง!”

        ซือคงจวินเย่กลับไม่พอใจ “อาเซิ่ง เ๽้าอย่าลืมว่า นางเป็๲คู่ต่อสู้ของพวกเรา!”

        ซือคงเซิ่งเจี๋ยส่ายหน้า “ในสายตาของข้า ไม่มีคู่ต่อสู้ มีเพียงนักเดินหมาก!”

        คิ้วตาของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกเบิกบานใจ ราวกับแพ้ชนะสำหรับเขาแล้วไม่สำคัญอะไรเลย

        ค่ายกลถูกทำลาย โลกในจินตนาการจึงเลือนหายไปด้วย

        ฟางเสียและคนอื่นๆ ได้สติตื่นขึ้นมาจากโลกแห่งจินตนาการ แต่ละคนราวกับเพิ่งตื่น ตื่นตระหนกจนเหงื่อเย็นโซมกาย

        “เมื่อสักครู่เกิดอะไรขึ้น”

        “ข้าเห็นตัวเองเดินเข้าไปในค่ายกลดาบ ดาบจำนวนนับไม่ถ้วนอยู่ในตัวข้า น่ากลัวเหลือเกิน!”

        “ข้าก็เห็นเหมือนกัน! อันตรายเหลือเกิน!”

        “พวกเราถูกสถานการณ์บนกระดานหมากดึงเข้าไป หลุดเข้าไปในจินตนาการ!”

        “ตอนนี้สถานการณ์เป็๞อย่างไรบ้าง ค่ายกลถูกทำลายแล้ว”

        “แตกแล้ว! ทำลายแล้ว!”

        “แม่นางเฟิงทำลายค่ายกลใหม่อีกแล้ว!”

        “เหลือเชื่อ!”

        “เคราะห์ดีที่มีแม่นางเฟิง!”

        “...”

        ขณะที่ทุกคนกำลังส่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันอยู่นั้น ฟางเสียพลันส่งเสียงร้องเอ๊ะขึ้นมา สายตาของเขาตกอยู่บนกระดานหมากไม่เคลื่อนไหว หานหลินเยว่เห็นแล้วร้อนใจทันที “แย่แล้ว หรือศิษย์พี่ฟางติดอยู่ในค่ายกลอีกแล้วเ๯้าคะ ศิษย์พี่ฟาง รีบตื่นขึ้นเ๯้าค่ะ!”

        นางยื่นมือออกไปหมายจะเขย่าร่างของฟางเสีย ทว่าถูกฟางเสียขัดขวาง

        “ข้าไม่เป็๞ไร แต่สถานการณ์บนกระดานหมากมีปัญหา”

        “สถานการณ์บนกระดานหมากหรือ” หานหลินเยว่มองไปยังกระดานหมากอย่างไม่แจ่มแจ้ง

        ฟางเสียชี้ไปที่กระดานหมากแล้วพูดอย่างตื่นเต้น “เ๯้าดูสิ รูปร่างของหมากขาว เหมือนค่ายกลดาวหกดวงหรือไม่”

        หานหลินเยว่จับจ้องสายตามองไป ม่านตาของนางค่อยๆ ขยายกว้างขึ้นทีละน้อยจนกลายเป็๲สีหน้าประหลาดใจอย่างที่สุด “ค่ายกลดาวหกดวง! หรือเป็๲ค่ายกลดาวหกดวงหรือเ๽้าคะ”

        ฟางเสียพยักหน้ายืนยัน ในแววตานั้นยิ่งทอประกายเจิดจ้า “ถูกต้อง! นั่นคือค่ายกลดาวหกดวง! แม่นางเฟิงไม่เพียงแต่ทำลายค่ายกลของอีกฝ่ายลงได้ นางยังตอบโต้คู่ต่อสู้อีกด้วย! อัจฉริยะ ช่างเป็๞ยอดคนจริงๆ!”

        เขาชื่นชมไม่ขาดปาก

        คนอื่นๆ จึงพบพิรุธในตอนนี้เอง

        “ให้ตายเถอะ นั่นเป็๲ค่ายกลหกดาวจริงๆ ด้วย!”

        “แม่นางเฟิงเท่เหลือเกิน!”

        “นี่เป็๲ค่ายกลที่แม่นางเฟิงคิดค้นด้วยตนเองกระมัง ไม่เคยเห็นมาก่อน!”

        “แม่นางเฟิงเก่งจริงๆ!”

        “ช่างเป็๲อัจฉริยะที่ยากจะพบในรอบร้อยปี!”

        “ครานี้ซือคงเซิ่งเจี๋ยแพ้แน่แล้ว!”

        “เขาสร้างตำนานไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน ในที่สุดก็ถูกคนทำลายสถิติแล้ว”

        “...”

        ภายในวังหลวง ขุนนางทั้งหลายค่อยๆ ได้สติเช่นกัน

        “อันตรายเหลือเกิน! ข้าเกือบจะถูกธาตุไฟเข้าแทรก!”

        “ซือคงเซิ่งเจี๋ยน่ากลัวเหลือเกิน! ถึงกับคิดค้นค่ายกลน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ออกมา!”

        “ฆ่าคนโดยไร้ร่องรอย!”

        “โหดร้ายเกินไปแล้ว!”

        “เคราะห์ดีที่หมากขาวทำลายค่ายกลได้ หากไม่แล้วพวกเราต้องแย่แน่!”

        “ใช่แล้ว เคราะห์ดีที่มีแม่นางเฟิง!”

        “เอ๊ะ พวกท่านดูสิ! หมากขาวดูแปลกๆ!”

        “หรือจะเป็๲ค่ายกลเจดีย์!”

        “ไม่ถูกต้อง! ไม่ใช่แค่ค่ายกลเจดีย์แน่ๆ! แต่เหมือน...ค่ายกลดาวหกดวงมากกว่า!

        “ถูกต้อง! เป็๲ค่ายกลดาวหกดวง! เป็๲ค่ายกลดาวหกดวงจริงๆ!”

        “แม่นางเฟิงเก่งเกินไปแล้ว! ความสามารถสูงล้ำ! ข้ายอมแพ้!”

        “ครั้งนี้ซือคงเซิ่งเจี๋ยแย่แล้ว! เขาแพ้แน่!”

        “ข้าตัดสินใจแล้ว ข้าจะวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิง! ไม่ว่าสุดท้ายแล้วแม่นางเฟิงจะชนะหรือแพ้ ข้าล้วนสนับสนุนนางจนถึงที่สุด!”

        “ข้าก็วางเดิมพันข้างแม่นางเฟิง เมื่อสักครู่นางช่วยชีวิตข้าเอาไว้!”

        “...”

        ดูเหมือนลมจะเปลี่ยนทิศกะทันหัน ขุนนางทั้งหลายต่างแห่กันไปสนับสนุนหมากขาว

        เฟิ่งชังมีสีหน้าลำพองใจอย่างที่สุด บุตรสาวของเขาเก่งจริงๆ ได้ดั่งใจเหลือเกิน!

        หลี่หรงเต๋อกลับรู้สึกหงุดหงิด เมื่อสักครู่เขาก็ติดอยู่ในค่ายกลเช่นกัน เขาลอบสาปแช่งซือคงเซิ่งเจี๋ยในใจ ในใจลึกๆ เขาเองก็อยากเปลี่ยนไปวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิง แต่เมื่อเห็นศัตรูตัวฉกาจยืนอยู่เบื้องหน้า โดยเฉพาะสีหน้าได้ใจนั้น เขาจึงกลืนน้ำลายตัวเองไม่ได้

        เวลาเพียงอึดใจเดียว นอกจากเขาคนเดียว คนทั้งหมดในท้องพระโรง ล้วนเปลี่ยนไปวางเดิมพันข้างแม่นางเฟิงทั้งสิ้น!

        เขาถูกทิ้งให้โดดเดี่ยวลำพัง!

        กระอักกระอ่วน ตะขิดตะขวงใจ

        เฟิ่งชังเห็นเช่นนั้นจึงปล่อยเสียงหัวเราะดังลั่น “ใต้เท้าหลี่ ตอนนี้มีเพียงเ๽้าคนเดียวต่อสู้กับพวกเราทั้งหมด! โอ๊ะ ไม่เดินตามกระแสน้ำ ยืนหยัดในอุดมการณ์ ช่างกล้าหาญ! ฮ่าๆๆ...”

        หลี่หรงเต๋อหน้าแดงก่ำ เขาลอบด่าในใจ “ถุย เดินตามกระแสน้ำอันใด ยืนหยัดในอุดมการณ์อันใด มิใช่เป็๞เพราะท่านหรอกหรือ”

        หลี่หรงเต๋อแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย “ทุกคนล้วนวางเดิมพันคนเดียวกัน จะสนุกอะไร ข้ายินดีเสียสละ ส่งเสริมทุกท่าน ให้ทุกท่านสนุกสนานมากขึ้น!”

        เฟิ่งชังได้ยินแล้วลอบถ่มน้ำลายในใจ “เ๯้าเสแสร้ง! เสแสร้งต่อไปเถิดเ๯้า!”

        ทว่าเขาในนาทีนี้ ไม่มีกะจิตกะใจจะไปโต้เถียงกับอีกฝ่าย เพราะเขาถูกฝีมือการเดินหมากของหมากขาวทำให้ยอมแพ้ทั้งกายและใจ

        ดูบุตรสาวของข้าสิ ทักษะการเดินหมากสูงล้ำเพียงใด!

        เดินหมากสองสามก้าวก็ทำลายค่ายกลได้แล้ว ยังช่วยคนทั้งท้องพระโรงเอาไว้ได้อีก ช่างเก่งกาจเหลือเกิน!

        ทำให้เขาได้หน้ายิ่งนัก!

        น่าเสียดายที่ตอนนี้เขาไม่อาจบอกความจริงกับทุกคนว่าผู้ที่เดินหมากขาวเป็๲บุตรสาวของเขาเอง หาไม่แล้วจะต้องทำให้หลี่หรงเต๋ออิจฉาริษยาจนตายแน่นอน!

        คิดแล้วอารมณ์ของเขาก็ยิ่งดีขึ้นไปอีก เขาหรี่ตาลงดื่มสุรา คลอนศีรษะไปมาขาดเพียงไม่ได้ผิวปากเท่านั้น

        ไท่จื่อน้อยเองก็มีความสุขไม่แพ้กัน ใบหน้าเล็กๆ นั้นแดงก่ำ น่าเอ็นดู

        “ทูลไท่จื่อ ฮองเฮาเก่งกาจเหลือเกินพ่ะย่ะค่ะ!” ลั่วเฟิงเข้ามากระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้น

        “ชู่วว เบาเสียงหน่อย!” ซิงกู่หันไปยื่นนิ้วให้เขานิ้วหนึ่ง แล้วพูดด้วยท่าทีเป็๲ความลับ “ทุกคนยังไม่รู้ว่าผู้ที่เดินหมากขาวเป็๲ฮองเฮา!”

        ไท่จื่อน้อยยิ้มจนดวงตาโค้งลง “อยากเห็นสีหน้าท่าทางของทุกคนหลังจากรู้ความจริงเหลือเกิน!”

        ดวงตาทั้งคู่ของลั่วเฟิงทอประกายราวกับมีดวงดาวอยู่ข้างใน “ทุกคนจะต้องทำแว่นตาหลุดแน่นอน!”

        ซิงกู่มองเขาด้วยหางตาอย่างดูแคลน “เ๯้าโง่! เขาเรียกว่าตื่นตระหนกต่างหาก!”

        ลั่วเฟิงเกาศีรษะ “ความหมายใกล้เคียงกัน!”

        ซิงกู่ถลึงตา “ห่างกันมากต่างหาก เ๯้ามันโง่เขลา!”

        ลั่วเฟิงกำหมดชูขึ้น “เ๽้าต่างหากที่โง่เขลา!”

        ไท่จื่อน้อยเห็นคนทั้งสองโต้เถียงกัน จึงส่ายหน้าจนปัญญา “พวกเ๯้าอย่าทะเลาะกันเลย ล้วนกล่าวว่ามนุษย์เป็๞สัตว์สังคม พวกเ๯้าทำเช่นนี้มีแต่จะทำให้ข้ารู้สึกว่าตัวเองเป็๞คนโง่เขลาเช่นกัน!”

        ลั่วหยิ่งที่ยื่นอยู่ไม่ไกลออกไปนัก ได้ยินบทสนทนาของเด็กน้อยหลายคนแล้วเกือบปล่อยเสียงหัวเราะพรืดออกมา ช่างเป็๲ตุ๊กตามีชีวิตสามตัวจริงๆ!

 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้