“คุ่นหลง เสี่ยวอวี้ พวกเธอคิดว่ารูปภาพนี้เป็ยังไงบ้าง” ปรมาจารย์อวี้เฟิงมองภาพอักษรของกัวไฮว่แวบหนึ่งช่างวิจิตรเหมือนกับอักษรที่เขียนที่บ้านเขาไม่มีผิดเพี้ยน
“อาจารย์ ภาพอักษรนี่หนูดูแล้วไม่เข้าใจค่ะ” หลินอวี้มองอยู่สองนาทีแล้วพูดเบาๆ
“สวินอวี้ ให้นักเรียนแยกย้ายกันไปเถอะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้วล่ะ” ปรมาจารย์อวี้เฟิงเรียกหลี่สวินอวี้ แล้วพูดขึ้นยิ้มๆ
หลี่สวินอวี้ผงกศีรษะเล็กน้อยก่อนจะเรียกซุนหลิงหลิงแล้วพูดกับเธอสองสามคำ
“ผอ. งั้นจะประกาศรายชื่อผู้แข่งขันครั้งนี้เมื่อไหร่ล่ะคะ” ซุนหลิงหลิงชะงักไปครูหนึ่ง ก่อนจะถามขึ้นเบาๆ
“หนึ่งวันหลังจากนี้จะประกาศกันในเว็บบอร์ด ให้ทุกคนรอฟังข่าวก็พอ” พูดจบ หลี่สวินอวี้ก็เดินไปล้อมภาพอักษรนั้นอีกครั้ง
“นักเรียนทุกคนคะ การแข่งขันรอบที่สามสิ้นสุดลงแล้วขอให้ทุกคนออกจากหอประชุมตามลำดับด้วยนะคะ รายชื่อผู้เข้าแข่งขันจะประกาศในเว็บโรงเรียนและเว็บบอร์ดในวันพรุ่งนี้ขอให้ทุกคนปรบมือเพื่อแสดงความขอบคุณผู้เข้าแข่งขันและกรรมการด้วยการคัดเลือกครั้งนี้สิ้นสุดลงอย่างสมบูรณ์แบบแล้วค่ะ” ตอนที่ซุนหลิงหลิงบอกว่าสิ้นสุดอย่างสมบูรณ์แบบแล้วสมบูรณ์แบบ? สมบูรณ์แบบเหรอ?
“พี่หลิงหลิง ในเมื่อการคัดเลือกสิ้นสุดแล้ว งั้นก็ควรบอกชื่อเจ็ดคนแรกสิพวกเราพนันกันอยู่นะ หรือกรรมการจะบอกเองเลยแค่บอกว่ากัวไฮว่ได้เข้ารอบไหมก็พอแล้ว” เด็กหนุ่มที่อยู่ข้างฉินอวี้หลงพูดขึ้นเสียงดัง
“แน่นอนว่ากัวไฮว่เป็ตัวแทนโรงเรียนฟู่จงไปแข่งวิชาการส่วนอีกหกรายชื่อที่เหลือค่อยประกาศทีหลัง พวกเรายังต้องดูอักษรพวกนี้อีกสักหน่อยแยกย้ายกันเถอะ” หลี่สวินอวี้พูดเสียงดังกับคนด้านล่างเวที
“สนุกมาก การคัดเลือกครั้งนี้สนุกมากเลย” นักเรียนที่อยู่ล่างเวทีสองสามคนพูดอย่างตื่นเต้น
“กัวไฮว่ผ่านเข้ารอบ” เด็กหนุ่มมองหน้าฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้นยิ้มๆ “ไอ้ฉิน ตอนนี้คนเยอะ อย่าชักช้า ให้ทุกคนได้ชมความล่ำสันของนายหน่อยสิ”
“ไอ้บ้า ฉันให้เงินแกล้านนึง แล้วเื่นี้ก็ถือว่าเจ๊ากันไป เป็ไง” ฉินอวี้หลงพูดเบาๆ ด้วยใบหน้าอึมครึมขึ้นว่า “ความแค้นเคืองพึงละมิพึงผูก วันนี้นายยอมให้ฉัน วันหลังถ้ามีเื่อะไรในโรงเรียน ก็มาหาฉันได้ถ้าแกยังดึงดันแบบนี้ กลัวว่าโรงเรียนฟู่จงนี่จะเกิดอันตรายขึ้นนะ”
“ไอ้ฉิน นี่แกขู่ฉันเหรอ ฮ่าๆ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากทำแบบนี้นะแต่นายก็สาบานเอาไว้แล้ว ถ้าไม่ทำ เดี๋ยวฟ้าจะผ่าเอานะ อีกอย่างฉันไม่ได้ขาดเงินด้วย” เด็กหนุ่มหรี่ตามองฉินอวี้หลงแล้วพูดขึ้น
“แกจะต้องเสียใจแน่” ฉินอวี้หลงขบฟันพูด
“พี่ฉ่วง ทำไมกัน พี่รู้จักกับฉินอวี้หลงเหรอ” ในขณะที่ทั้งสองทะเลาะกันอยู่นั่นเองชายรูปร่างใหญ่สูงร้อยเก้าสิบเซ็นคนหนึ่งก็เดินเข้ามา มองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูดขึ้น
“หู่จื่อ ไอ้ฉินนี่มันให้เงินปิดปากฉันล้านนึงนายว่าฉันขาดเงินล้านนึงหรือเปล่า” ในเวลานี้เด็กหนุ่มก็ลุกขึ้นมาเด็กหนุ่มที่ดูอ่อนปวกเปียกเมื่อสักครู่ก็พลันปรากฏความโเี้ขึ้นบนร่างกายของเขา
“เหอะๆ ล้านนึง ไอ้ฉิน อันดับแรกเลยนะ พี่ฉ่วงไม่เคยขาดเงินอันดับที่สองดูเหมือนว่าตอนนี้นายไม่มีเงินเยอะขนาดนี้นะไม่รวมเงินหนึ่งล้านที่แกพนันต้องจ่ายกัวไฮว่ ถ้านายจ่ายคนอื่นด้วยก็เป็หลายร้อยล้าน” หู่จื่อหรี่ตาพูด
“หลิวหู่ ดูท่าทางแกก็เอี่ยวกับเื่นี้ด้วยนะ ก็แค่คนใช้ตระกูลหลิวแกกล้าเป็ศัตรูกับฉันแบบนี้เหรอ” ฉินอวี้หลงหรี่ดวงตาแล้วพูดกับหลิวหู่
“ฉันเป็คนใช้ตระกูลหลิวก็จริง แต่พี่ฉ่วงไม่ใช่ ผู้นำตระกูลหลิวอยู่นี่ฉันกลัวว่าตระกูลฉินของแกได้ซวยแน่” เมื่อหู่จื่อได้ฟังคำพูดของฉินอวี้หลงก็พูดขึ้นอย่างไม่แยแส
“อย่าชักช้า ถ้านายไม่ยอมถอยอีก งั้นฉันให้หู่จื่อช่วยนายได้นะ” หลิวฉ่วงพูดยิ้มๆ ขึ้นว่า “ตระกูลฉิน ดีฉันจะไว้หน้าตระกูลฉินของนาย เหลือกางเกงในไว้ก็ได้ รีบถอดเร็วเข้า”
ในขณะที่ฉินอวี้หลงส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปยังพี่น้องทั้งสามคนพวกเจี่ยเปินเปินก็ทำเป็ไม่รู้จักเขา ในขณะเดียวกันก็หมุนศีรษะหันไปทางอื่นเพียงแค่่ขณะฉินอวี้หลงก็เข้าใจแล้วว่าอะไรคือความโดดเดี่ยวเดียวดาย
“ฉันจะถอด!” พูดจบ ฉินอวี้หลงก็เริ่มถอดเสื้อผ้าไม่นาน ก็เหลือไว้เพียงแค่กางเกงในหนึ่งตัว
“ไอ้ฉิน มัวรออะไรอยู่ รีบวิ่งสินายคิดว่าพวกเราชอบดูสภาพนายตอนมีอารมณ์หรือไง ฮ่าๆ” หลิวฉ่วงพูดพลางหัวเราะ “หู่จื่อ กัวไฮว่นั่นไม่เลวเลยนะ อย่างน้อยก็ทำให้ฉินอวี้หลงยอมรับผิดได้สบายจริงๆ วันนี้มีความสุขมากเลย ไปกัน เราไปกินมื้อใหญ่กันดีกว่า” พูดเสร็จ ชายสองคนคนหนึ่งสูงคนหนึ่งเตี้ยก็เดินออกจากหอประชุมไป
“ผอ.คะ การคัดเลือกครั้งนี้จบลงแล้วคุณต้องรีบประกาศรายชื่อผู้เข้าแข่งขันนะคะพวกเราจะนำไปประกาศในหน้าแรกของเว็บโรงเรียนแล้วก็เว็บบอร์ด” นักเรียนออกไปจากหอประชุมกันไปประมาณหนึ่งแล้วซุนหลิงหลิงก็เดินมายังเบื้องหน้าของหลี่สวินอวี้อีกครั้งแล้วพูดขึ้นด้วยเสียงเบาๆ
“หนานกงหลิงโม่ มู่หรงเวยเวย โหยวโยวโยว ถังซี เ้าเซวียน เฉียนตัวตัวกัวไฮว่ คืนนี้ติดต่อให้พวกเขาถ่ายรูป แล้วก็อัปโหลดรูปลงไป” หลี่สวินอวี้คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดยิ้มๆ “วางแผนแบบนี้น่าจะได้รางวัลในการแข่งวิชาการได้สบายๆเลย”
“ตาแก่หลี่ โรงเรียนแกนี่ซ่อนของดีเอาไว้จริงๆ นะครั้งนี้ที่หนึ่งน่าจะเป็ของโรงเรียนฟู่จงแกแล้วล่ะ” เฉาสิงหลงมองไปที่อักษรของกัวไฮว่ประมาณสิบนาที ตัวเขาเองก็มองรสชาติจากอักษรพวกนี้ออก จึงพูดขึ้นอย่างจนใจ
“ฮ่าๆ เหล่าเฉา ดูแกพูดเข้า ปีหน้า ปีนี้พวกแกเตรียมการเพื่อปีหน้าได้” หลี่สวินอวี้หรี่ตามองผอ.ของแต่ละโรงเรียน แล้วพูดขึ้นอย่างพออกพอใจ “ไปกัน ไปกินข้าวที่โรงอาหาร วันนี้ฉันเลี้ยงเอง”
พูดจบ ทุกคนก็เดินไปยังโรงอาหารหลี่สวินอวี้บอกให้ซุนหลิงหลิงเก็บภาพอักษรไว้ให้ดีจากนั้นก็เดินตามออกไป
“เหล่าหลี่ เด็กตระกูลหนานกงนั่นมาอยู่ในโรงเรียนแกได้ยังไง ตามหลักแล้วการแข่งการต่อสู่ปีหน้าเธอก็น่าจะต้องเข้าร่วมด้วยใช่ไหม” ชายแก่ที่คนหนึ่งเดินไปยังข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วพูดขึ้น
“ผู้นำตระกูลหลี่ส่งมาให้น่ะ อีกปีหนึ่งกว่าจะถึงการแข่งต่อสู้เขาอยากให้หนานกงหลิงโม่อยู่ที่โรงเรียน อย่างน้อยก็จะไม่ถูกรบกวน” หลี่สวินอวี้พูดอย่างไม่ปิดบัง
“เหล่าหลี่ ปีนี้พวกนายศักยภาพแกร่งขนาดนี้กล้าสร้างทีมมาสู้กับทีมเจ็ดโรงเรียนของเราหน่อยไหม” เฉาสิงหลงดื่มเหล้าไปไม่น้อยเขาเดินไปข้างๆ หลี่สวินอวี้แล้วถามขึ้นเสียงดัง
“สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน? เจ็ดโรงเรียนของพวกแกเตรียมจะสร้างสมาพันธ์เหรอแล้วถ้าพวกแกชนะแล้วที่หนึ่งจะเป็ของใครล่ะ” หลี่สวินอวี้ถามขึ้นยิ้มๆ
“เื่นี้แกไม่ต้องสนหรอก ดูแค่ว่าแกกล้าตกลงหรือเปล่า” เฉาสิงหลงถามขึ้นด้วยเสียงดัง “ฉันยอมรับว่าฉันเฉาสิงหลง มีบางด้านที่สู้แกไม่ได้ อย่างเช่นที่แกสั่งสอนกัวไฮว่จนกลายเป็แบบนี้แกสุดยอดจริงๆ เลย แต่ถ้าแกอยากให้ฉันนับถือแกงั้นแกก็มาแข่งกับเจ็ดโรงเรียนของพวกเราหน่อย แกกล้าไหมล่ะ”
“ตาแก่เฉา แกยุฉันเหรอ ฮ่าๆ ฉันรู้ว่าแกยุฉันอยู่ ฉันก็ต้องรับปากสิการแข่งวิชาการครั้งนี้ ฉันให้พวกแกได้หอมปากหอมคอแน่” หลี่เหล้าถือเหล้าเอาไว้แล้วพูดขึ้นเสียงดัง
“ดี งั้นเราก็ไม่กินเหล้านี่แล้ว สิบวันหลังจากนี้ เรามาเจอกันพวกเราจะติดต่อสมาคมวิชาการให้ออกข้อสอบให้เจ็ดโรงเรียนของพวกเราแข่งกับโรงเรียนฟู่จงของแก พวกแกคอยดูเถอะ” พูดจบ เฉาสิงหลงลุกขึ้นออกไป สวี่อู๋อี้และคนอื่นๆ ก็ตามไปด้วย
“สมาพันธ์เจ็ดโรงเรียน ฉันพนันไว้เลยถ้าบั้นปลายชีวิตฉันสามารถทำให้โรงเรียนโรงเรียนเดียวชนะสมาพันธ์เจ็ดโรงเรียนได้เกรงว่าตอนฉันตายจะหัวเราะออกมา ฮ่าๆ” หลี่สวินอวี้ดื่มเหล้าแก้วสุดท้ายหมดก็เดินเอื่อยเฉื่อยออกจากโรงอาหารไป