ซูอันที่เดินกลับออกมาด้านหน้าร้าน ได้เอ่ยเรียกคนที่คอยจับตามองนางให้ออกมา เนื่องจากตัวของซูอันรู้สึกผิดปกติมาหลายวัน เพียงแค่ยังไม่มั่นใจเท่าใดนักว่าสิ่งที่นางคิดจะเป็เื่จริงหรือไม่ จึงลองเดิมพันกับความรู้สึกของตนเองสักครั้ง
“จะจับตามองข้าอยู่ในที่ลับอีกนานหรือไม่ มีเื่อันใดใยไม่แสดงตัวออกมา ข้ารู้ว่าเ้ายังอยู่ที่ร้านหากยังไม่ยอมออกมา คนของข้าจะเป็คนไปลากตัวพวกเ้าออกมาเอง”
สองคนที่แอบหลบอยู่บนหลังคาร้านผ้าไหม ถึงกับขนอ่อนลุกชันพวกเขาไม่คิดว่าซูอัน จะมีความสามารถััถึงพวกเขาได้ สุดท้ายจำต้องออกไปแสดงความบริสุทธิ์ใจ ว่าพวกตนมิได้มีเจตนาร้าย
พรึ่บ! “คารวะคุณหนูรองขอรับ/ คารวะคุณหนูรองขอรับ”
เมื่อเห็นหน้าคนที่ตนเองเรียกออกมา ซูอันถึงกับหรี่ตาลงจ้องมองอู๋ซูกับไห่หยุนนิ่ง ๆ ด้วยแปลกใจที่พวกเขาสองคนยังอยู่ที่นี่ มิได้ตามเ้านายกลับเมืองหลวงพร้อมขบวนนักโทษ
“พวกเ้าสองคนเหตุใดถึงยังอยู่ที่เมืองผู่เถียน ใยไม่ติดตามเ้านายกลับเมืองหลวงเล่า หรือว่ายังมีภารกิจอื่นต้องทำเพิ่มอีกงั้นหรือ? หวังว่าจะไม่ใช่เื่ของพวกฏอีกนะ” นางไม่อยากไปวุ่นวายกับเื่นี้จนเกินไป
“เอ่อ ไม่ขอปิดบังคุณหนูรอง บ่าวอู๋ซูกับไห่หยุนได้รับมอบหมายภารกิจจริงขอรับ เพียงแต่ว่าภารกิจที่ต้องทำนั้นเกี่ยวกับท่านและพี่สาวขอรับ” อู๋ซูตอบคำถามของซูอันไม่เต็มเสียงนัก
ยิ่งฟังซูอันก็ยิ่งไม่เข้าใจ ว่านางกับพี่สาวเข้าไปอยู่ในภารกิจนั้นได้อย่างไร “ทำไมต้องเป็ข้ากับพี่หญิง ที่ทำให้พวกเ้าสองคนรั้งอยู่ที่นี่ อธิบายมาให้ละเอียดก่อนที่ข้าจะออกเดินทาง อย่าได้ปิดบังแม้แต่นิดเดียวพวกเ้าคงรู้ดี ยามนี้ข้ามีคนคุ้มกันมากกว่า จะจัดการพวกเ้าสองคนนั้นมิใช่เื่ยากข้าพูดถูกไหม?”
ไห่หยุนคิดถึงความโเี้ของซูอัน ก็รีบอธิบายอย่างไม่หมกเม็ดไว้แม้แต่เื่เดียว “คะ คะ คุณหนูรองอย่าลงมือกับพวกบ่าวเช่นนั้นเลยขอรับ อันที่จริงแล้วนี่เป็คำสั่งของคุณชายทั้งสองของบ่าว เนื่องจากว่าเป็ห่วงความปลอดภัยของท่านกับครอบครัว เพราะร้านผ้าไหมของท่านเพิ่งเปิดได้ไม่นาน ก็มีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าร้านที่เคยทำการค้ามานาน อาจกระตุ้นให้พวกเขาเกิดความอิจฉาริษยาได้ขอรับ
และที่สำคัญที่สุดข้าคิดว่าคุณหนูรอง คงพอคาดเดาได้ว่าคุณชายของบ่าวทั้งสอง รู้สึกกับท่านและพี่สาวเช่นไรใช่หรือไม่ขอรับ พวกบ่าวไม่มีเจตนาอื่นนอกจากทำตามคำสั่ง คือการปกป้องท่านกับครอบครัวให้ปลอดภัยเท่านั้น”
อู๋ซูช่วยยืนยันคำพูดของสหายอีกคน “ไห่หยุนพูดเื่จริงขอรับ”
นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหยางไท่ิ กำลังคิดกับนางเช่นไรดังคำที่ว่า ดวงตาเป็หน้าต่างของดวงใจถึงจะเก็บซ่อนไว้มิดชิด แต่ไม่สามารถปกปิดมันไว้ได้ตลอดเวลา ยิ่งฟงเฉิงฮ่าวที่พยายามเข้าหาพี่สาวของนาง ยิ่งอ่านได้ง่ายกว่าหยางไท่ิเสียอีก
เพียงแค่นางยังไม่อยากคิดเื่ความรักในยามนี้ ในเมื่อรู้แล้วว่าคนที่นางให้ความร่วมมือ เกิดในตระกูลขุนนางชั้นสูง กำแพงของคำว่าชนชั้นก็กางกั้นไว้รอเสียแล้ว ตราบใดที่นางยังไม่มีอำนาจในมือด้านการค้า ก็ให้หยางไท่ิรอนางไปก่อนเถิด
“ลุกขึ้นเถิด เมื่อภารกิจของพวกเ้าคือคำสั่งของเ้านาย เช่นนั้นไม่จำเป็ต้องหลบซ่อนตัว นับจากวันนี้ก็คอยติดตามข้าเหมือนพวกเว่ยโฉวก็แล้วกัน”
“ขอบคุณคุณหนูรองขอรับ/ ขอบคุณคุณหนูรองขอรับ”
“เมื่อครู่บ่าวได้ยินว่าคุณหนูรองจะเดินทางไปเมืองถู่หลาน ท่านจะให้บ่าวติดตามไปด้วยหรือไม่ขอรับ หากเื่ที่ท่านคิดจะลงมืออาจทำให้นายท่านจินรู้สึกแย่ พวกบ่าวยินดีรับหน้าที่ลงมือแทนเองขอรับ” อู๋ซูย่อมสังเกตเห็นสายตาเศร้าโศกเสียใจ เมื่อซูอันพูดเื่ล้างแค้นกับตระกูลหลิว
แต่คนเด็ดเดี่ยวอย่างซูอันผู้นี้น่ะหรือ จะให้ผู้อื่นลงมือล้างแค้นแทนตนเองไม่มีทาง “ไม่จำเป็ คนพวกนั้นข้าจะลงมือเองเข้าใจไหม”
“พวกบ่าวเข้าใจแล้วขอรับ!”
เมื่อเว่ยโฉวนำรถม้ามาจอดรับซูอัน ก็พบว่ามีคนสนิทของบุรุษที่มาเป็แขกที่ร้าน ยืนพูดคุยกับเ้านายของตนอย่างจริงจัง เว่ยโฉวจึงเดินเข้าไปเงียบ ๆ มิให้ขัดจังหวะการสนทนา แต่เป็ซูอันที่หันมาสั่งการกับตนแทน
“เว่ยโฉวทั้งสองคนนี้คืออู๋ซูกับไห่หยุน ดูจากสายตาของเ้าคงจะจำทั้งสองคนได้กระมัง”
“ข้าจำพวกเขาได้ขอรับคุณหนูรอง”
“อืม เช่นนั้นการเดินทางไปเมืองถู่หลาน ข้าจะให้พวกเขาติดตามไปแทนก็แล้วกัน ส่วนทางนี้เ้ากับอวี้หลานช่วยดูแลทุกคนให้ดี หลังจากข้ากลับมาจากเมืองถู่หลาน บางทีอาจได้รับข่าวดีจากเมืองหลวงก็เป็ได้” เื่นี้ซูอันคาดหวังเอาไว้มากพอสมควร
“คุณหนูรองวางใจเถิด ข้ากับเหล่าสหายจะช่วยกันดูแลที่นี่เป็อย่างดีขอรับ” เว่ยโฉวรับคำสั่งของซูอันอย่างแข็งขัน
“ขอบใจมาก พวกเรารีบออกเดินทางกันเถิด จะได้จัดการเื่บ้าบอนี่ให้จบเสียที ข้าไม่้าให้คนตระกูลเดิมคอยสร้างปัญหาอีก ครั้งนี้ที่สองคนพี่น้องนั่นมาร้องะโ อยากได้ร้านผ้าไหมของข้าย่อมมีใครบางคน นำเื่ราวที่เกิดขึ้นในวันงานประมูลไปบอกต่ออย่างแน่นอน” ซูอันไม่เชื่อหรอกว่าพี่ชายของบิดา จะรู้ว่าร้านผ้าแห่งนี้เป็ของครอบครัวนาง
“เชิญคุณหนูรองขึ้นรถม้าเถิดขอรับ ไห่หยุนเ้าไปบังคับรถม้าตระกูลหลิว พวกเราจะเร่งเดินทางให้เร็วกว่าปกติ” อู๋ซูแบ่งหน้าที่ให้ตนเองกับไห่หยุน เพราะเขาย่อมเข้าใจสิ่งที่ซูอันพูดออกมา ยิ่งปล่อยเื่นี้ไว้นานเท่าใดยิ่งไม่เป็ผลดีในวันหน้า
เพียงแต่สายตาของอู๋ซูได้ส่งสัญญาณบางอย่าง เกี่ยวกับคนในรถม้าของตระกูลหลิว ตามที่ซูอันได้พูดไปก่อนหน้าว่า พี่ชายของบิดารู้ได้อย่างไรว่าครอบครัวของนาง มีกิจการร้านผ้าไหมอยู่ที่เมืองผู่เถียน ซึ่งไห่หยุนพยักหน้าตอบกลับไปเป็อันเข้าใจกลาย ๆ
เว่ยโฉวยืนส่งซูอันออกเดินทางจนรถม้าลับสายตา จากนั้นจึงกลับเข้าไปรายงานต่อมู่ถงกับเยี่ยนหลิง ว่าซูอันได้สั่งการอันใดกับตนไว้บ้าง รวมถึงคนสนิทของหยางไท่ิกับฟงเฉิงฮ่าว ที่ซูอันให้ติดตามไปเมืองถู่หลานแทนตนเอง
ซึ่งมู่ถงและเยี่ยนหลิงแปลกใจกับเื่คนสนิท ที่ถูกเ้านายสั่งให้รั้งอยู่ดูแลพวกเขา แม้จะยังไม่รู้รายละเอียดมากนัก แต่สองพ่อลูกก็มั่นใจว่าอู๋ซูกับไห่หยุน สามารถปกป้องซูอันได้เป็อย่างดี
เยี่ยนหลิงมองบิดาที่ได้รับาเ็ นางจึงสั่งให้เว่ยโฉวพาบิดากลับจวน “ท่านพ่อเ้าคะท่านกลับจวนไปพักก่อนเถิด แต่ท่านพ่ออย่าลืมเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้ท่านแม่ทราบนะเ้าคะ หากท่านพ่อไม่ยอมบอกความจริง คงถูกท่านแม่โกรธจนไม่ยอมพูดกับท่านแน่เ้าค่ะ”
มู่ถงที่คิดถึงยามฮูหยินของตนโกรธเคืองก็ทำให้ยิ้มได้บ้าง “พ่อไม่ลืมอยู่แล้วล่ะหลิงเอ๋อร์ไม่ต้องห่วง เช่นนั้นพ่อจะกลับไปก่อนเ้าเองก็อย่ากลับเกินยามเซินเล่า”
“เ้าค่ะท่านพ่อ”
เยี่ยนหลิงประคองบิดามาส่งขึ้นหลังม้า ที่ซูอันซื้อไว้เพื่อให้คนของตนใช้ยามส่งข่าวสาร ระหว่างร้านผ้าไหมกับหมู่บ้านซานอี๋ โดยตัวของเยี่ยนหลิงย่อมรู้ดีว่าเมื่อน้องสาวไม่อยู่ นางไม่สามารถรั้งอยู่ที่ร้านจนเย็นย่ำได้อีก ถึงแม้จะมีเป่าโยวคอยดูแลแต่กับคนนอก นางไม่อาจไว้ใจใครได้แม้แต่คนเดียว
มู่ถงเมื่อกลับถึงจวนได้เล่าเหตุการณ์ในวันนี้ให้จือเหมยฟัง นางทั้งรู้สึกเจ็บแค้นและรู้สึกเป็ห่วงสามีกับบุตรสาว ยิ่งรู้ว่าซูอันเร่งร้อนออกเดินทางไปตระกูลหลิว ความกังวลใจย่อมไม่อาจดับลงได้ง่าย ๆ แม้ผู้เป็สามีจะพยายามปลอบใจแล้วก็ตาม แต่ยังดีที่เยี่ยนหลิงไม่ร้องตามน้องสาวไปอีกคน หากพวกนางไปด้วยกันจือเหมยคงไม่ยอมกินยอมนอนแล้วกระมัง
