เนื่องจากวันนี้เป็เทศกาลดอกไม้ ถึงแม้จะเย็นย่ำ ท้องฟ้าค่อยๆ มืดสลัวแล้ว ทว่าบนถนนใหญ่ยังคงจุดไฟสว่างจ้า ดูคึกคักอย่างยิ่ง
มีทั้งคู่รักที่มาเป็คู่
หรือหญิงสาวที่มาเป็กลุ่ม
ผู้คนเดินอยู่เต็มถนนจนแทบไม่มีช่องว่างให้น้ำไหลผ่าน
“ท่านอ๋อง หากเข้าไปข้างในอีก รถม้าจะเข้าไม่ได้แล้วนะพ่ะย่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ไป๋เซี่ยเหอก็ยกมือเลิกม่านขึ้นเล็กน้อยแล้วมองออกไปข้างนอก นางเห็นเพียงศีรษะของผู้คนที่กำลังเบียดเสียดกันเท่านั้น
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้วเล็กน้อยโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว หากเปรียบเทียบกับความครึกครื้นแล้ว นางชอบปลีกวิเวกมากกว่า เพราะบรรยากาศเช่นนั้นถึงจะคงสภาพความคิดอันเยือกเย็น และความสามารถอันปราดเปรียวของนางเอาไว้ได้
“ว้าว ช่างครึกครื้นจริงๆ คุณหนูเ้าคะ พวกเราเองก็ไปเที่ยวเล่นกันเถิดเ้าค่ะ”
คำกล่าวที่ว่าจะกลับจวนของไป๋เซี่ยเหอหมุนวนไปมาอยู่ในลำคอหลายรอบ ทว่าเมื่อเห็นแววตาที่เป็ประกายด้วยความคาดหวังของฝูเอ๋อร์ นางก็ถอนหายใจออกมา “ได้”
ไป๋เซี่ยเหอยกกระโปรงขึ้นก่อนจะะโลงจากรถม้า บุรุษที่นั่งอยู่บนรถม้าเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ คลายลง มุมปากยกขึ้นคล้ายมีคล้ายไม่มี
ทว่าฝูงชนข้างนอกกลับมีมากเกินกว่าที่ไป๋เซี่ยเหอคาดการณ์ไว้ เพิ่งเดินได้ไม่กี่ก้าว นางก็หาฝูเอ๋อร์ไม่เจอเสียแล้ว
“ฝูเอ๋อร์ ฝูเอ๋อร์!”
ไป๋เซี่ยเหอร้อนใจเล็กน้อย ฝูเอ๋อร์ในสายตาของนางคือสาวใช้ตัวน้อยที่ไม่มีความสามารถในการปกป้องตนเองแม้แต่น้อย จู่ๆ ก็พลัดหลงกันในสถานที่ที่มีคนมากมายปานนี้ อีกฝ่ายจะไม่ใจนร้องไห้หรือ?
ไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดๆ ดูเหมือนฝูเอ๋อร์จะถูกฝูงชนเบียดออกไปไกลแล้ว
ไม่ต้องพูดถึงฝูเอ๋อร์ ตอนนี้แม้แต่ไป๋เซี่ยเหอเองก็ถูกผลักและถูกเบียดให้เดินตามฝูงชนไป หากขัดขืนภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เกรงว่าต้องถูกเหยียบเละเป็แน่
ไป๋เซี่ยเหอมุ่นคิ้ว พยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้ร่างกายัักับผู้อื่น ขณะเดียวกันก็หันซ้ายแลขวา พยายามมองหาฝูเอ๋อร์
จู่ๆ นางก็รู้สึกว่าฝูงชนที่เบียดเสียดอยู่ข้างกายค่อยๆ ลดน้อยลง
เมื่อไป๋เซี่ยเหอปรายตามองก็พบว่า บุรุษที่ดูสูงส่งน่าเกรงขามได้ยื่นสองมือมาปกป้องนางไว้ตรงกลาง เพื่อแยกนางออกจากฝูงชน
เขาเป็โรครักความสะอาดไม่ใช่หรือ?
ทว่า...
เมื่อพิจารณาอย่างละเอียด จะเห็นความไม่สบอารมณ์และความอดทนอย่างยิ่งยวดในแววตาของฮั่วเยี่ยนไหว
แม้ว่านี่จะไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมนัก ทว่าไป๋เซี่ยเหอกลับหัวเราะออกมา
นับว่าฮั่วเยี่ยนไหวหนีบาปไม่พ้นได้หรือไม่?
ไป๋เซี่ยเหอหัวเราะจนคิ้วและดวงตากลายเป็เส้นโค้ง หัวตาและปลายคิ้วทอประกายเฉลียวฉลาด ดวงตาสีดำดูมีชีวิตชีวาและแวววาว
สายตาของฮั่วเยี่ยนไหวตรึงอยู่บนร่างของนาง ถึงกับไม่อาจละสายตาได้ในชั่วขณะ เขามองเด็กสาวตรงหน้าอย่างเงียบงัน ดวงตาสีดำสงบนิ่งเผยความอ่อนโยนและความโปรดปรานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“อิ๋งเฟิงไปกับฝูเอ๋อร์ เ้าวางใจเถิด”
เขารับรู้ถึงความกังวลของนาง ดังนั้นเขาจึงจัดแจงทั้งหมดนี้ไว้เรียบร้อยั้แ่แรก
เขาตระหนักว่าฝูงชนแออัด ไม่แน่ว่าอาจต้องพลัดหลงกัน เขาจึงกำชับอิ๋งเฟิงไว้ว่าอย่าละสายตาจากฝูเอ๋อร์แม้เพียงครึ่งก้าว
“เช่นนั้นก็ดี”
เมื่อได้ยินประโยคนี้จากฮั่วเยี่ยนไหว จิตใจของไป๋เซี่ยเหอก็สงบนิ่งลงอย่างแท้จริง ถึงอย่างไรอิ๋งเฟิงก็เป็ถึงหัวหน้าของอินทรีโลหิต ย่อมต้องมีฝีมือเก่งกาจ การคุ้มครองฝูเอ๋อร์ที่เป็เพียงสาวใช้ตัวเล็กๆ คนหนึ่งย่อมเป็เื่ง่ายดาย
บรรยากาศอันเงียบสงัดโอบล้อมทั้งสองคนอีกครั้งโดยไม่ได้ตั้งใจ
“โคมดอกไม้จ้า โคมดอกไม้ หากซื้อโคมดอกไม้ของข้า จะต้องได้รับการคุ้มครองจากเทพบุปผาอย่างแน่นอน”
ได้ยินเสียงพ่อค้าแม่ค้าจำนวนมากเร่ขายโคมดอกไม้ ทว่าน้ำเสียงแก่ชราสายหนึ่งกลับลอยเข้ามาในหูของไป๋เซี่ยเหอ
นางเลื่อนสายตาไปตามเสียง
เห็นเพียงว่าแผงขายโคมดอกไม้ที่ตั้งอยู่รอบๆ ล้วนมีลูกค้าทั้งสิ้น มีเพียงแผงของหญิงชราที่ไม่มีลูกค้าสักคน หญิงชราหลังค่ะเบ็งเสียงเพียงลำพัง ดูแล้วชวนให้รู้สึกหน่วงหัวใจเล็กน้อยอย่างอธิบายไม่ได้
ไป๋เซี่ยเหอเอ่ยขึ้น “พวกเราไปที่แผงนั้นกันเถิด”
“เอาสิ”
ร่างสูงใหญ่ของฮั่วเยี่ยนไหวปกป้องสตรีร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน แล้วพานางเดินไปยังแผงขายโคมดอกไม้ที่ไป๋เซี่ยเหอชี้
เห็นอยู่ชัดๆ ว่าระยะทางไม่ถึงห้าเมตร ทว่ากลับใช้เวลาเดินเกือบยี่สิบนาที
“ท่านแม่เฒ่า โคมไฟดอกไม้ของท่านขายอย่างไรหรือ?”
หญิงชราสวมชุดเอ่าฉวิน[1]ที่ซักจนซีดขาว หนังตาเหี่ยวย่นที่ปิดลงกลับเปิดขึ้นเมื่อได้ยินเสียงคน
“แม่หนู โคมดอกไม้ของข้าเป็ข้าที่ทำเองกับมือ เ้าลองดูเถิดว่าชอบดวงไหน”
“ดวงนี้”
เงาดำเคลื่อนมาตรงหน้าทันที
มือใหญ่ที่ข้อนิ้วเด่นชัดคู่หนึ่งถือโคมดอกไม้ขนาดกะทัดรัดและประณีต โคมดอกไม้สีขาวนวลเป็รูปจิ้งจอก ทั้งยังมีเก้าหาง มองปราดเดียวก็รู้สึกว่ามันดูคุ้นตาเล็กน้อย
หากเดาไม่ผิด นี่น่าจะเป็รูปร่างของจิ้งจอกน้อยที่นางจำแลงกายกระมัง
“ท่านผู้เฒ่า ท่านเคยเห็นจิ้งจอกมาก่อนหรือ?”
น้ำเสียงอันทุ้มต่ำและแหบพร่าของฮั่วเยี่ยนไหวเรียกขานท่านผู้เฒ่า ทำให้ไป๋เซี่ยเหอขนลุกขนชัน
มุมปากของนางกระตุก ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังบุรุษที่ยืนอยู่ข้างๆ ทว่าเห็นเพียงเขาใช้นิ้วจิ้มศีรษะเล็กๆ รูปแตงของโคมจิ้งจอกโดยที่สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย
หากหญิงชราทราบว่าคนตรงหน้าคือผู้ใด เกรงว่านางคงเป็ลมหงายหลัง
หญิงชราผงกศีรษะ ใบหน้าเหี่ยวย่นมีรอยยิ้มสดใส “ไม่รู้ว่าข้าทำบุญอะไรมา จึงโชคดีได้พบมันในป่าที่ชานเมือง แม้ว่ามันจะเคลื่อนที่ผ่านไปในชั่วพริบตา แต่ข้าก็เห็นอย่างชัดเจน รูปร่างของมันเหมือนกับโคมดอกไม้ดวงนั้นทุกประการ”
เหมือนโคมดอกไม้ทุกประการ?
ไป๋เซี่ยเหอเลิกคิ้วเล็กน้อย โคมดอกไม้ดวงนี้ทำขึ้นตามจินตนาการของหญิงชราชัดๆ ทว่าเหตุใดนางในร่างจิ้งจอกน้อยถึงได้ดูเหมือนกับมันทุกประการเล่า?
“พวกเราอยากได้ดวงนี้”
“ได้สิ โคมดอกไม้หนึ่งดวงสองอีแปะ”
“ไม่ต้องทอน”
ฮั่วเยี่ยนไหวทิ้งหนึ่งตำลึงเงินไว้ที่แผง จากนั้นก็เดินนำไป๋เซี่ยเหอเข้าไปในฝูงชน ก่อนจะหายไปในไม่กี่อึดใจ
หญิงชราหยิบหนึ่งตำลึงเงินบนแผงขึ้นมา ยกมือขยี้ตาอย่างรุนแรงพลางพึมพำ “อมิตาภพุทธ คนดีย่อมพบกับความร่มเย็นไปชั่วชีวิต”
ไป๋เซี่ยเหอถูกฮั่วเยี่ยนไหวจับจูงมือไว้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว นางถึงกับลืมสะบัดมือออกไปชั่วขณะ
นางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเซ่อเจิ้งอ๋องที่สูงส่งจะมีจิตใจละเอียดอ่อนเช่นนี้
เดินไปได้สักพักก็ค่อยๆ ทิ้งห่างจากฝูงชน
ฮั่วเยี่ยนไหวหยุดเดิน จากนั้นก็ส่งโคมจิ้งจอกในมือให้ไป๋เซี่ยเหอ “ของเ้า”
ไป๋เซี่ยเหอรับโคมดอกไม้มา เล็บที่ตัดแต่งมาอย่างดีถูกับที่จับของโคมดอกไม้
“เหตุใดถึงอยากมอบโคมจิ้งจอกให้ข้า?”
“มันเหมาะกับเ้า”
น้ำเสียงของเขายังคงราบเรียบ
ทว่าประโยคนี้กลับกระตุ้นระลอกคลื่นภายในใจของไป๋เซี่ยเหอ
เขารู้เื่อะไรบางอย่างเข้าแล้วหรือไม่?
“เป็อะไรไป?”
เมื่อเห็นไป๋เซี่ยเหอใจลอย ฮั่วเยี่ยนไหวก็ถามอย่างจริงจังโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า
“ไม่มีอะไร ข้าเพียงรู้สึกว่ารูปลักษณ์ของจิ้งจอกตัวนี้ดูดีนัก”
ฮั่วเยี่ยนไหวยกมุมปากขึ้นอย่างควบคุมไม่ได้ ซ่อนความพึงพอใจอย่างร้ายกาจไว้ในส่วนลึกของแววตา
“พวกเราเดินไปที่ริมทะเลสาบกันเถิด”
บริเวณริมทะเลสาบล้อมรอบไปด้วยต้นหลิว มีผู้คนมาปล่อยโคมดอกไม้ไม่มากนัก ทั้งสองเดินเคียงคู่กัน สายลมเอื่อยๆ พัดผ่าน บรรยากาศเคล้าไปด้วยความชื้นของน้ำในทะเลสาบ ชวนให้จิตใจผ่อนคลาย
“ไม่ได้ โคมดอกไม้ดวงนี้ไท่จื่อมอบให้ข้า ผู้ใดล้วนไม่อาจแย่ง”
“ไม่ได้ เ้าเลือกโคมดอกไม้ดวงใดก็ได้ แค่ดวงนี้เท่านั้นที่ข้าไม่ให้เ้า!”
------------------------
[1] ชุดเอ่าฉวิน หมายถึง ชุดที่เสื้อกับกระโปรงแยกจากกัน