สถานที่ตั้งของหออิ๋งชุนเองหาเจอได้ไม่ยาก ในตำบลมีพื้นที่ไม่กว้างนัก ทั้งตำบลมีหอคณิกาเพียงแห่งเดียว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในตำบล
ตอนนี้เป็เวลากลางวัน หอนางโลมจึงยังไม่เปิด เมื่อคนทั้งหมดเดินเข้าไปจึงเห็นเพียงลูกจ้างไม่กี่คนกำลังทำความสะอาดอยู่ ภายในหอนางโลมยังหลงเหลือกลิ่นสุราจากเมื่อคืน
ชายไว้หนวดเคราพาเสิ่นม่านและเสี่ยวตงเดินเข้าไปด้านหลัง เสิ่นม่านเดินไปถึงริมทางเดิน จู่ๆ ก็ชะงักและเอ่ยถามเสี่ยวตง
“แล้วน้องสาวของเ้าล่ะ? ไปเรียกน้องสาวของเ้าออกมา”
เสี่ยวตงเหลือบมองชายไว้หนวดเคราที่อยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายที่ไม่ได้แสดงท่าทีรำคาญ จึงยกเท้าวิ่งไปอีกทาง
ชายไว้หนวดเครากลัวเสิ่นม่านจะเล่นตุกติก จึงชักแส้ข้างลำตัวมาขู่นาง “ข้าขอเตือนเ้าก่อน อย่าคิดเล่นตุกติกเชียว! มิเช่นนั้น...”
เสิ่นม่านแสร้งยิ้ม “ข้าจะกล้าได้อย่างไร? พวกเ้ามีคนมากมายเพียงนี้ ข้าเล่นตุกติกอะไรไม่ได้หรอก”
นั่นก็ใช่ สตรีผู้หนึ่งจะมาก่อเื่ใหญ่โตอะไรได้?
ทั้งสองมาที่ลานด้านใน ชายไว้หนวดเคราเข้าไปในห้องก่อน ไม่รู้ว่าด้านในคุยอะไรกันบ้าง แต่ไม่นานนัก ประตูเรือนด้านในก็ถูกเปิดออก กลิ่นน้ำหอมโชยออกมาปะทะใส่หน้า
เสิ่นม่านกลั้นหายใจ ให้ตายสิ เกือบหลงไปกับกลิ่นนี้แล้ว!
ทันใดนั้น นางเห็นสตรีผู้หนึ่งสวมชุดสีแดงเขียว อายุราวสี่สิบปี อีกฝ่ายเดินบิดเอวสะโอดสะองเยื้องย่างมาทางนาง มองดูเนินทรวงอกที่แทบจะทะลักออกมาให้ได้นั่นแล้ว เสิ่นม่านก็อดไม่ได้ที่จะหรี่ตาเล็กลง
โอ้! นี่อย่างน้อยๆ ก็ต้องคัพอีสินะ?
แม่เล้าเดินมาตรงหน้านางอย่างเชื่องช้า ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับเหงื่อบนหน้า ทำให้เศษแป้งติดออกมาด้วย จากนั้นก็ค่อยๆ ชายตามาทางนาง
“ได้ยินว่าเ้ามีธุระกับข้าหรือ?”
เสิ่นม่านพยักหน้า “ข้ามารับหลานสองคนของข้ากลับบ้าน พวกเขายังเล็ก แต่กลับถูกแม่ขายมาที่หอของพวกเ้า ข้าที่เป็อาแท้ๆ ทนทำนิ่งเฉยไม่ได้...”
แม่เล้าเป็คนหลักแหลม นางสำรวจมองเสิ่นม่านั้แ่หัวจรดเท้า จากนั้นเชิดคางอวบอิ่มของตนขึ้นมาเบาๆ
“พาพวกเขากลับบ้าน? ได้สิ เด็กสองคนนี้ข้าจ่ายเงินซื้อมา หากเ้า้าไถ่ตัวพวกเขาก็ต้องใช้เงินสิบเท่ามาซื้อไป!”
“สิบเท่า?”
แม่เล้ากวาดตามองเสื้อที่ทำจากผ้าฝ้ายแสนธรรมดาของนาง ดูก็รู้ว่าสตรีผู้นี้ไม่มีทางควักเงินออกมาได้! นี่จึงเป็เพียงข้ออ้างไล่นางไปก็เท่านั้น
“ใช่ สิบเท่า นั่นก็คือเงินหนึ่งร้อยตำลึง หากเ้าไม่มีแม้กระทั่งหนึ่งร้อยตำลึง ยังกล้าคิดจะมาที่หออิ๋งชุนอีกหรือ?”
หนึ่งร้อยตำลึง? นางมีไม่ถึงจริงๆ!
เมื่อครู่ตอนอยู่ที่ร้านช่างไม้กับร้านตำราใช้เงินไปราวสิบตำลึง ตอนนี้จึงมีเงินไม่เพียงพอ…
“ไม่มีหรือ? ใครก็ได้ มาไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปที! ไฉนหมาแมวที่ไหนก็สามารถเข้าหออิ๋งชุนของเราได้? เสียเวลาข้าจริงๆ!”
ทันทีที่เสี่ยวตงกับเสี่ยวหลานเข้ามา เมื่อได้ยินคำพูดของแม่เล้า ฉับพลันก็ใจนหน้าซีด เช่นนี้หมายความว่าพวกเขาก็ยังไม่สามารถไปจากที่นี่ได้หรือ?
“ช้าก่อน!”
เสิ่นม่านห้ามนักเลงที่กำลังจะไล่นางออกไป ระบบเพิ่งค้นพบอะไรบางอย่างที่ทำให้นางมีความเชื่อมั่น
นางมองไปที่แม่เล้าอย่างได้ใจ “เ้า้าเงินหนึ่งร้อยตำลึงจริงหรือ?”
แม่เล้าไม่รู้นางจะมาไม้ไหน จึงส่งเสียงฮึ่ม “จริง!”
“ตกลง!” เสิ่นม่านล้วงตั๋วเงินห้าสิบตำลึงออกมา จากนั้นแสร้งทำเป็แกว่งไปมาตรงหน้าแม่เล้าอย่างรวดเร็ว แล้วยัดคืนใส่ในเสื้อเช่นเดิม
“ข้ามีเงิน แต่หากข้าไถ่ตัวคนไปแล้ว พวกเ้าจะมีสัญญาเป็หลักฐานให้หรือไม่?”
กฎหมายที่นี่กำหนดว่า ไม่ว่าจะเป็การค้าทาสหรือคณิกา การซื้อขายทุกอย่างต้องมีหลักฐานบันทึก
แม่เล้าหัวเราะที่นางไม่ดูตาม้าตาเรือ “ก็ต้องมีสิ! หญิงชนบทเช่นเ้ารู้อักษรด้วยหรือ?”
“อืม เช่นนั้นก็ดี”
เสิ่นม่านผายมือพร้อมรอยยิ้ม “เช่นนั้นก็เร็วหน่อย ข้ารีบ”
ง่ายดายเยี่ยงนี้เชียวหรือ? นี่เป็ครั้งแรกที่แม่เล้าพบเจอคนประเภทนี้ นางอดไม่ได้ที่จะมองเสิ่นม่านอีกครั้ง อีกฝ่ายเป็สตรีชนบทแสนธรรมดา
นางเรียกให้คนมาเขียนสัญญาไว้เป็หลักฐาน
กระนั้น ขณะที่ยังไม่ทันได้เขียน เสิ่นม่านก็ะโขึ้นทันใด
“ช้าก่อน”
แม่เล้าเงยหน้าขึ้นอย่างไม่พอใจ “อะไรกัน คิดจะเปลี่ยนใจหรือ?”
เสิ่นม่านลูบคางและทำท่าตื่นใ “ข้าเพิ่งนึกได้ว่า แคว้นของเรามีกฎหมายอยู่ไม่ใช่หรือ? ว่าห้ามผู้ใดค้าขายพลเมืองที่มีทะเบียนราษฎร์ มิฉะนั้นจะมีบทลงโทษ สถานเบาคือโดนโบยห้าสิบไม้ สถานหนักคือถูกส่งไปเป็แรงงานที่ชายแดน”
รอยยิ้มบนใบหน้าแม่เล้าพลันแข็งค้าง วันนั้นสตรีที่นำเด็กมาขาย้าเงินเร่งด่วน นางก็ไม่ทันได้ตรวจสอบเื่ทะเบียนราษฎร์ ยิ่งไปกว่านั้นในหออิ๋งชุน สตรีที่เป็พลเมืองมีทะเบียนราษฎร์ก็มีจำนวนไม่น้อย
ขืนถูกเปิดโปงออกไป...
แม่เล้าจ้องเสิ่นม่านและส่งเสียงขู่ขวัญ
“เ้าบอกว่าคือพลเมืองขึ้นทะเบียนราษฎร์ ข้าก็ต้องเชื่อหรือ?!”
แต่อีกฝ่ายกลับชี้ไปยังเด็กน้อยสองคนที่ยืนหวาดกลัวอยู่ตรงหน้าประตูและเอ่ยอย่างเชื่องช้า
“ต้องขอโทษที เสิ่นตงซาน เสิ่นเซียงหลาน เด็กสองคนนี้อยู่ในทะเบียนบ้านสกุลเสิ่นของข้า ไปตรวจที่ที่ทำการก็รู้! เ้ากล้าซื้อขายพลเมืองเชียวหรือ? ช่างกล้าหาญนัก...”
“เ้ากล้าขู่ข้าหรือ?!”
เห็นได้ชัดว่า แม่เล้าฟังคำนางจบก็ส่งสายตาให้ชายไว้หนวดเครา เพื่อให้เขาเข้ามาสั่งสอนนาง
เสิ่นม่านมีท่าทีใจเย็นและชำเลืองมองชายไว้หนวดเครา อีกฝ่ายลังเลครู่หนึ่ง นางพูดถูก หากว่าวันนี้เื่ราวบานปลายใหญ่โต เป็ไปได้ว่าจะทำให้หออิ๋งชุนถูกลากไปด้วย
"แม่เล้า วันนี้ข้าไม่ได้มาเพื่อเอาความเื่ทะเบียนราษฎร์”
นางล้วงเงินห้าสิบตำลึงวางลงบนโต๊ะ แล้วเปลี่ยนเป็ยิ้มตาพริ้ม “เอาเช่นนี้ ข้าเองก็ไม่้าให้เ้าทำการค้าลำบาก ข้ามีเงินอยู่ในมือห้าสิบตำลึงเพื่อขอไถ่ตัวเด็กๆ อีกทั้งยังรับปากว่าจะไม่บอกเื่ในวันนี้ออกไป เป็เช่นไร?”
“เ้า!” แม่เล้าโมโหจนทนไม่ไหว “เ้าอย่ารังแกกันเกินไปนะ!”
เสิ่นม่านเองก็รู้ประมาณตนดี เพราะถึงอย่างไรขณะนี้นางก็อยู่ในถิ่นของอีกฝ่าย และเด็กทั้งสองยังไม่ได้รับการไถ่ตัว
“ห้าสิบตำลึงเองก็ไม่น้อย ในเวลาเพียงไม่กี่วันสามารถได้กำไรจากส่วนต่างมากเพียงนี้ หากเปลี่ยนเป็ข้า คงรับไว้แน่นอน”
แม่เล้าไม่พูดอะไรอีก
นางพูดถูก เด็กสองคนนี้ซื้อมาในราคาแค่สองตำลึงเท่านั้น
พอนึกถึงว่านางเปิดหอนางโลมก็ไม่ใช่เื่ง่าย ไม่ควรปล่อยให้สิ่งที่นางสร้างมาด้วยเืเนื้อเป็เวลาหลายปีต้องถูกทำลายลงด้วยน้ำมือหญิงชนบทผู้นี้
ครู่ต่อมา แม่เล้าเอ่ยพร้อมกับสีหน้าบูดบึ้ง “ก็ได้”
เสิ่นม่านเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “แม่เล้าช่างเป็คนหลักแหลมนัก! เช่นนั้นก็รบกวนพวกเ้าช่วยนำสัญญาทาสกับสัญญาซื้อขายออกมาด้วย ยื่นหมูยื่นแมว!”
จากนั้นใบหน้าของแม่เล้าถึงผ่อนคลายลง แล้วให้คนไปนำสัญญาทาสกับสัญญาซื้อขายมา จากนั้นรับเงินห้าสิบตำลึงไป
ตอนที่แม่เล้าตรวจนับตั๋วเงิน เสิ่นม่านก็ตรวจตราสัญญาทั้งสี่ฉบับเรียบร้อย แม้ว่าจะมีความแตกต่างระหว่างอักษรตัวย่อกับอักษรตัวเต็ม แต่เมื่อมีระบบช่วยแปลภาษา ย่อมเกิดความผิดพลาดได้ยาก
โชคดีที่ไม่มีปัญหาใดๆ
โจวชุ่ยหลานตัวดี ถึงขั้นขายลูกแท้ๆ ของตนเองเข้ามาอยู่ในหอนางโลม ชั่วช้าเสียจริง!
เสิ่นม่านถือสัญญาไว้ในมือ ในใจก็เ็ป หนึ่งร้อยตำลึงที่เพิ่งได้มาอยู่ในกระเป๋ายังไม่ทันไร ก็ต้องจ่ายออกไปห้าสิบตำลึง
หลังจากไถ่ตัวเด็กทั้งสองแล้ว เสิ่นม่านไม่้าอยู่ที่นี่ต่อแม้แต่วินาทีเดียวนางกล่าวลาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพาเด็กทั้งสองจากไป
“ท่านอา เงินห้าสิบตำลึงที่ท่านไถ่ตัวพวกข้า ต่อไปหาข้าเติบใหญ่ ข้าจะหาเงินมาคืนท่านให้จงได้”
เสิ่นม่านลดสายตาลงมาที่ใบหน้าผอมซูบของเสี่ยวตง มุมปากยังคงมีรอยฟกช้ำจากการถูกทำร้ายในวันนี้ เสี่ยวหลานที่อยู่ข้างๆ ก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่ดีกว่ามากนัก เสื้อผ้าที่สวมใส่ไม่รู้ว่าไปเก็บมาจากที่ใด แขนที่เผยออกมาให้เห็นของทั้งสองนั้นมีรอยฟกช้ำดำเขียวปรากฏให้เห็นอยู่ชัดเจน
ดูท่าทางแล้ว ่ไม่กี่วันที่อยู่ในหอนางโลม พวกเขาทั้งสองคงถูกทำร้ายไม่น้อย
เสิ่นม่านลูบศีรษะของทั้งสอง แม้ในใจรู้สึกเ็ป แต่ก็แสร้งหยอกพวกเขากลับไป
“แน่อยู่แล้ว! ดูเ้าอวดดีถึงเพียงนี้ ต่อไปหากเติบใหญ่หาเงินเป็ ข้าจะคิดดอกเบี้ยด้วย”
เสี่ยวตงไม่ตื่นตระหนก เขารีบพยักหน้าขึงขังด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว “อืม! ข้าจะคืนให้พร้อมดอกเบี้ยแน่นอน! ต่อไปข้าจะพยายามหาเงินให้มากขอรับ!”
เดิมทีนางเพียง้าจะหยอกล้อเขา แต่เด็กน้อยกลับคิดเป็จริงเป็จัง
เสิ่นม่านยิ้มร่า จากนั้นมองดูชุดหลุดลุ่ยของเด็กทั้งสอง จึงพิจารณาว่าตนเองยังเหลือเงินสี่สิบตำลึงเศษ นางตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวและพาพวกเขาไปยังร้านขายชุด
ใครจะรู้ว่าพอไปถึงหน้าประตู พวกเขาทั้งสองกลับไม่ยอมเข้าไป
-----