เจียวอี้หลินนิ่งเงียบเหม่อมองออกนอกหน้าต่างรถม้าไม่ต่างจากเช่นขามาเสียเท่าไหร่นัก เพียงแต่ยามนี้แววตาอีกคนที่อยู่ตรงข้ามกลับจ้องมองเธอด้วยแววตากกรุ่นโกรธ แขนแกร่งกอดอกราวตั้งกราดป้องกันตน
ใช่ว่าเธอจะใส่ใจในเมื่อใบหน้าและแววตาที่แสนเ็ามักจับจ้องจ้าวซูหลินอยู่เสมอ ใบหน้าเนียนโต้ลมเย็นด้านนอกอย่างใจเย็น
"ดูเ้าสบายใจดีนักนะ" ใบหน้าเรียวผินมองทันทีที่เขาก็เอ่ยตัดบทขึ้นหลังจากที่บรรยากาศสงบเงียบมาได้พักใหญ่
"แล้วท่านแม่ทัพ้าให้ข้ากระวีกระวาดใส่หรืออย่างไร ในเมื่อข้าได้พิสูจน์ให้ท่านได้ว่าข้ายินดีมอบหนังสือให้แก่ท่านได้ด้วยความเต็มใจ" เธอโต้ตอบอย่างรำคาญสายตาคมดุตรงหน้า แต่ใบหน้าเขากลับดูไม่พอใจในคำตอบเธอนัก
"เ้าตัดเยื่อใยข้าเร็วราวกับไม่ใช่ตัวเ้าเลยนะ..จ้าวซูหลิน" ฉินลู่อวิ๋นเอ่ยขึ้น จนเธอทำตัวไม่ถูกก่อนเชิดหน้าตอบอย่างมั่นใจ
"เพราะข้าเห็นแล้วว่า ต่อให้อ้อนวอนท่านเท่าไรท่านก็หาได้สนใจในตัว" เจียวอี้หลินกล่าวอ้างไปอย่างแก้ตัว แม้เขาอาจจะไม่เชื่อถ้อยคำที่เธอเอ่ยออกไป แต่อย่างน้อยก็ทำให้เขาเงียบไปได้จนถึงจวนแม่ทัพใหญ่
"ฮูหยิน..ท่านกลับมาแล้ว เป็เยี่ยงไรบ้างเ้าคะ" มู่ชิงชิงที่ยืนรอหน้าประตูรีบวิ่งออกมาช่วยประคองร่างอรชรที่กำลังก้าวเดินลงตามฉินลู่อวิ๋น เจียวอี้หลินยิ้มตอบ
ในขณะที่เขาหมายจะช่วยประคองนาง รอยยิ้มบาง ๆ ไร้การเสแสร้งแกล้งทำนั้นเขาแทบไม่อาจเชื่อว่านั้นเป็แววตาของสตรีที่มีนิสัยโหดร้ายเช่นนาง รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น และดูน่ารักจนเขาต้องแอบกำมือเพื่อสลัดความคิดนั้นทิ้ง
"เสี่ยวมู่ เราไม่ต้องกลับจวนตระกูลจ้าวแล้ว ฝ่าามีรับสั่งให้ข้าเข้าวังเพื่อช่วยไทเฮาเตรียมงานราชสมภพฮ่องเต้ในอีกสามเดือนข้างหน้า" เจียวอี้หลินเดินสนทนากับมู่ชิงชิงขณะที่สาวใช้ข้างกายนางเดินประคองจนถึงหน้าเรือนนาง
แม้มู่ชิงชิงจะรู้สึกแปลกใจในท่าทางจ้าวซูหลิน แต่นางก็ไม่เคยปริปากถามใด ๆ เพราะคิดว่าที่นายหญิงของนางนั้นต้องเป็แบบนี้ก็เพราะถูกโจรหมายจับไปทำเมียจนสติแปรเปลี่ยนราวคนละคน แต่นางก็ชอบนายหญิงนางในยามนี้เสียมากกว่า
มู่ชิงชิงรีบตระเตรียมน้ำอาบไว้ให้นายหญิงของนางอย่างอารมณ์ดี แม้ใจจะไม่อยากให้นายหญิงตนต้องย้ายออกจากจวนแม่ทัพใหญ่ก็ตาม
เจียวอี้หลินยืนมองท้องฟ้าที่สว่างเต็มไปด้วยแสงระยิบระยับของดวงดาวยามที่ไร้แสง เธออดคิดถึงสามีตนเองไม่ได้ เพราะมัวแต่สนใจหาแต่วิธีที่เอาตัวรอดจากชะตาที่โชคร้ายนี้ทำให้เธอหลงลืมคิดว่ายามนี้สามีเธอจะรู้สึกเสียใจเพียงใด ที่อยู่ ๆ เธอก็จากเขามา
‘ซินหยู ฉันขอโทษคุณด้วยนะคะ ที่ไม่อาจอยู่เคียงข้างคุณได้’ ใบหน้าขาวนวลอาบไปด้วยสายน้ำตาที่พรั่งพรูดั่งสายน้ำไหล ฉินลู่อวิ๋นอดแปลกใจในความคิดนางไม่ได้จนต้องอยากมาเห็นด้วยตนเอง
ไม่คิดว่าจะได้พบกับนางจากด้านล่างระเบียง ท่าทางที่ดูเสียอกเสียใจทำให้ร่างสูงกำมือแน่นก่อนจะเดินเข้าไปหานาง
"เ้ากำลังนึกเสียใจอยู่งั้นรึ" น้ำเสียงดังทุ้มด้านข้างจนร่างอรชรต้องรีบใช้มือปาดน้ำตาเพราะกลัวเขาจะเห็นสายน้ำตาที่เปรอะเปื้อนเต็มสองแก้มอิ่ม
"ใช่.... ข้าเสียใจก็เพราะที่ผ่านมาข้าไม่น่าตามืดบอดหลงรักท่านได้ยังไงล่ะ" เจียวอี้หลินสะบัดเสียง ก่อนเดินหลบร่างสูงที่ยืนบังประตู แต่ยังไม่ทันทีจะก้าวเท้าออกมือแกร่งก็คว้าต้นแขนเธอไว้
"ข้าก็หวังว่าเป็เช่นนั้นจริง ๆ ฮวาเอ๋อร์ก็ไม่ต้องคอยหวาดระแวงเ้าเหมือนที่ผ่านมา" มือแกร่งบีบต้นแขนแรงขึ้น จนเธอรีบยกมือจับรั้งให้เขาปล่อยก่อนหมุนตัวหนี
"ท่านไม่ต้องกังวล เื่ของท่านกับคุณหนูหลี่ข้าจะ....." ยังไม่ทันที่เธอจะเอ่ยจบ วงแขนแกร่งกระชากตัวเธอจนล้มลงในท่วงท่าที่ไม่น่ามองนัก ร่างสูงนอนหงายชันเข่าขึ้นขณะที่ตัวเธอนั่งคร่อมอยู่บนตัวเขาอีกที อาวุธลับที่มักติดตามเขาเสมอมันดุนดันก้นงอนจนอดเขินอายขึ้นมาไม่ได้ ใบหน้าเรียวก้มมองก่อนเอ่ย
"ข้าขอโทษ" เธอรีบยันตัวลุก แต่กลับถูกวงแขนแกร่งคว้าโอบจนใบหน้าเธอแนบกับแผลงอกเขา ก่อนได้ยินเสียงหนึ่งตกลงอยู่ข้างตัว
"มีศัตรู" ถ้อยคำเอ่ยเขาดึงความสนใจจากเธอได้
"ศัตรูที่ไหนช่างกล้าบุกถึงจวนแม่ทัพใหญ่เช่นท่านกัน" เธอสบถเอ่ยเสียงเบาอย่างสงสัย ก่อนแหงนมองใบหน้าเขา ฝ่ามือหนาดึงคว้าดอกธนูที่ปักตกอยู่ที่พื้นก่อนจะประคองเธอลุกขึ้น
//ข้าจะมารับรางวัลจากท่านแน่ ฉินฮูหยิน// ข้อความที่อยู่บนแผ่นกระดาษทำให้เจียวอี้หลินรู้สึกเสียวสันหลังวาบ เพราะนึกถึงกลุ่มโจรลักพาตัวจ้าวซูหลินไปยังซุ้มโจรกลางป่า
"ใครผู้ใดมันช่างกล้า เหยียบถึงจวนข้า!!" น้ำเสียงเยียบเย็นเอ่ยขึ้น จนคนฟังอดขนลุกชันในสีหน้าและแววตาของเขาไม่ได้
จ้าวซูหลินคงสร้างความเจ็บซ้ำให้กับพวกโจรนั้นไว้มากนัก ไม่เช่นนั้นพวกมันก็คงไม่กล้ากระทำอาจหาญได้เยี่ยงนี้
"ท่านไม่ต้องกังวล ข้าจะไม่ทำให้เสียชื่อเสียงท่านแน่ ส่วนเื่จดหมายนี้ข้าจะจัดการเอง” เธอรีบคว้ากระดาษสีน้ำตาลแผ่นเล็กที่เคยถูกผูกติดมากับดอกธนูเมื่อครู่ ก่อนจะรีบย้ำเท้าเข้าห้องนอนทันที
ฉินลู่อวิ๋นมองตามร่างบางที่เดินเข้าไปอย่างเงียบ ๆ ภายในใจเขาเองก็ได้แต่ถามว่าเหตุใดเขาจึงเอ่ยออกไปเช่นนั้น ทั้ง ๆ ที่อีกไม่นานเขาและนางก็เป็เพียงคนแปลกหน้าต่อกันดังที่นางกล่าว
/รุ่งเช้า...
"นายท่าน รถม้าจากวังหลวงมารับฮูหยินแล้วขอรับ" เสียงบ่าวที่เฝ้าประตูวิ่งมาบอกเขาขณะที่คนฟังกำลังก้มหน้าอ่านตำราในมือ เขารีบปิดตำราก่อนจะเดินออกมาดู บุรุษร่างสูงโปร่งที่มาพร้อมกับรถม้าวังหลวง ท่าทางที่ประคับประคองนางดูระวังราวไข่ในหินยิ่งทำให้ใจของเขากลับเต้นแรงด้วยความโกรธเคือง ‘สตรีน่าไม่อาย ชื่นชอบอยู่แต่กับบุรุษ’ เสียงสบถออกมาเบา ๆ พร้อมสองมือที่ยืนกำแน่น ฉินลู่อวิ๋นทำท่าราวกับไม่อยากใส่ใจนัก แต่กลับก้าวเดินตรงมายังเรือนเล็กท้ายจวนอย่างเร่งรีบ
"ลำบากอ๋องสามแล้ว แต่เกรงว่ากระหม่อมมิบังอาจ ซูหลินกระหม่อมจะไปส่งนางเองพ่ะย่ะค่ะ" เจียจื่อฮั่วมองแววตาแข็งกร่าวตรงหน้า ท่าทางหึงหวงดูแล้วช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก เพราะเท่าทราบข่าว ฉินลู่อวิ๋นมีสตรีที่หวงแหงนอย่างคุณหนูตระกูลหลี่อยู่แล้ว แต่เพราะความมึนเมาทำให้ต้องแต่งจ้าวซูหลินอย่างไม่เต็มใจนัก ทั้งยังส่งนางมาอยู่ไกลถึงเรือนท้ายจวน หากไม่มาเห็นด้วยตาเขาก็คงไม่รู้ว่านางต้องอดทนสักเพียงไรที่ต้องอยู่ร่วมกับบุรุษแสนเ็าอย่างฉินลู่อวิ๋น
"ข้าตั้งใจมารับหลินหลินแล้ว ท่านไม่ต้องเกรงใจข้าหรอก" เจียจื่อฮั่วเอ่ยด้วยน้ำเสียงมีแววหลอกล่อ และรอยยิ้มร้ายกาจ คิ้วหนากระตุกขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่กล้าเอ่ยขัดขึ้น ฉินลู่อวิ๋นยืนมองสาวใช้ขนย้ายสิ่งของขึ้นรถม้าอย่างคล่องแคล่ว
"ขอบคุณน้ำใจท่านแม่ทัพใหญ่ ที่ให้ที่พักข้าอยู่อย่างสุขสบาย หวังว่าจากนี้เราคงไม่ต้องพบเจอกันอีก" เจียวอี้หลินกล่าวน้ำเสียงกระซิบเขาเมื่อเดินผ่าน เธอรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก ที่สามารถออกห่างแม่ทัพใหญ่ที่แสนโหดร้ายผู้นี้ได้
ร่างอรชรเดินเชิดตรงไม่ผินมองแม้บ่าวไพร่ในเรือนจะยืนเรียงส่งมากมาย เพราะเธอรู้ดีว่าคนพวกนี้เพียงแค่อยากดูให้แน่ใจว่าตนได้ออกจากเรือนแม่ทัพนี้ไปแล้วจริง ๆ ก็เท่านั้น
"หลินหลินเ้ารีบขึ้นรถม้าเสียเถิด ข้าจะระวังเ้าให้" เจียจื่อฮั่วยกมือเชื้อเชิญให้จ้าวซูหลินขึ้นรถม้ายังไม่ทันที่จะก้าวขึ้น โต๊ะไม้สำหรับวางเท้าขึ้นรถม้ากลับพลิกทำให้เธอหงายหลัง เจียจื่อฮั่วรีบยกแขนประคองอุ้มเธอไว้ได้ทัน เช่นเดียวกับฉินลู่อวิ๋นที่ตอนนี้กลับเอาแขนตนไปรองไว้ใต้แขนเจียจื่อฮั่วอีกที เจียวอี้หลินกลอกตาไปมาระหว่างบุรุษสองคนที่มีร่างเธอคั่นกลางราวอยู่ในอ้อมแขนของทั้งสอง
"ขะ...ขอบพระทัยเพคะท่านอ๋อง" เจียวอี้หลินรีบยืนให้มั่นอีกครั้ง ก่อนจะจับมือเจียจื่อฮั่วขึ้นรถม้าอีกครั้ง
ฉินลู่อวิ๋นยืนมองจนรถม้าออกจากจวนไปไกล ร่างสูงยืนนิ่งราวกับไม่คิดจะขยับเคลื่อนไหว จนบ่าวไพรแยกย้ายกลับไปทำงานตนเองที่ค้าง สตรีอีกนางจับจ้องมองมาที่เขา
"ท่านพี่ลู่อวิ๋น ท่านมองอะไรหรือเ้าคะ" เสียงเล็กหวานใสเอ่ยถามขณะที่นางยืนมองเขาอยู่พัก หลี่ชินฮวายกยิ้มเมื่อแววตาคมผินกลับมามอง แววตาเหม่อลอยที่ดูไม่คุ้นเคยของเขาทำให้นางขมวดคิ้วโก่งเข้าหากัน
"ฮวาเออร์เ้ามาั้แ่เมื่อไหร่กัน" สุ่มเสียงอ่อนโยนของเขายังคงเดิม คนถูกถามไม่ตอบกลับรีบคว้าแขนเขามาควงกอดไว้ หลี่ชินฮวาคุ้นชินที่จะเดินเกาะแขนของเขามาแต่ไหนแต่ไร เขาเองก็คุ้นชินไม่ต่างกัน ทั้งคู่พากันเดินมานั่งที่เก๋งข้างสระบัวข้างเรือนใหญ่ บ่าวไพร่เห็นต่างหันจ้องกันแล้วพากันยิ้มออกมา
หากไม่ใช่ว่านายเขาผู้นี้จำเป็ที่ต้องแต่งจ้าวซูหลินเข้ามา ฉินฮูหยินยามนี้ก็คงเป็หลี่ชินฮวา สตรีที่แม่ทัพใหญ่ผู้นี้เฝ้าทะนุถนอมอย่างแน่นอน