เฮ่อฉางเหอมองสีหน้าหลากอารมณ์ของเฉินเฟยด้วยรอยยิ้มในใจมีแต่ความสะใจ แต่ทว่าเพียงไม่นานเขาก็ต้องขมวดคิ้วขึ้น
หากตอนที่ทำการทดสอบหลินเยว่เว่ยจิ้นจงก็ตั้งคำถามถามหลินเยว่ด้วย 2คำถามนี้ แล้วควรจะทำอย่างไรดี?
หากดูลักษณะนิสัยของเว่ยจิ้นจงแล้วมีความเป็ไปได้สูงมากที่เขาจะทำเช่นนี้!
เฮ่อฉางเหอจึงเริ่มกังวลขึ้นมาไม่รู้ว่าลูกศิษย์ของตนจะผ่านการทดสอบครั้งนี้ได้หรือเปล่าถึงแม้ว่าเฮ่อฉางเหอจะเคยอธิบายถึงเื่พวกนี้แล้ว แต่ทว่าเขาไม่ได้อธิบายอย่างเป็ระบบอีกทั้งตอนอธิบายก็ยังไม่มีของจริงมาดูประกอบ เขาจึงไม่รู้จริงๆว่าหลินเยว่จะฟังเข้าใจได้ถึงขนาดไหน
เขาคงได้แต่หวังว่าหลินเยว่จะพยายามจดจำให้มากที่สุดเท่านั้นเอง
“ปึ้ง!”
เฉินเฟยพลันตบโต๊ะอย่างแรง เขาผุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับตะคอกใส่ใบหน้ายิ้มแย้มของเว่ยจิ้นจง“นี่มันเป็คำถามเกี่ยวกับการพิสูจน์เครื่องเคลือบที่ไหนล่ะ?นี่มันเป็คำถามเกี่ยวกับการผลิตเครื่องเคลือบชัดๆ เนื้อหาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับการทดสอบในครั้งนี้เลย!”
เว่ยจิ้นจงหัวเราะ “เหอๆ”แล้วพูดกับเ้าหน้าที่ที่นั่งอยู่ตรงมุมห้อง “เริ่มจับเวลาได้แล้ว”
หลังจากนั้นจึงหันหน้ามามองเฉินเฟยพร้อมพูดด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“พี่เฉิน คุณเป็ผู้เชี่ยวชาญด้านการพิสูจน์เครื่องเคลือบมานานขนาดนี้มีตำแหน่งสถานะตั้งเยอะแยะมากมาย คุณไม่รู้จริงๆหรือว่าการทำของปลอมกับการพิสูจน์เครื่องเคลือบมีความเกี่ยวข้องกันตรงไหน?หากไม่รู้ว่าการทำของปลอมเป็อย่างไรแล้วจะพิสูจน์ว่าเป็ของแท้หรือของปลอมได้อย่างไรล่ะ?ตรงจุดนี้คุณในฐานะนายกสมาคมของคุณหรือเป็กรรมการอะไรสักอย่างไม่มีทางไม่รู้หรอกนะ!ยังเหลือเวลาอีก 2 นาที 45 วินาที!”
“คุณ......”
เมื่อเฉินเฟยได้ยินคำพูดของเว่ยจิ้นจงก็โกรธจนตัวสั่นเขาอยากพุ่งเข้าไปชกหน้าอีกฝ่ายหนักๆ สักหมัดจริงๆ แต่เขาทำได้เพียงอดทนไว้เขาสบถด้วยความโกรธจัด แล้วกระแทกตัวนั่งลงบนที่นั่งของตัวเองเมื่อเห็นสายตาของหลี่เฉียนโจวที่มองมายังตัวเขา เขาก็เริ่มออกอาการพาลใส่อีกฝ่ายเพราะเมื่อสักครู่ลูกศิษย์ของตนช่างตอบคำถามได้น่าอับอายขายหน้าจริงๆเขาจึงตะคอกใส่อีกฝ่ายทันที “ยังจะมองอะไรอีก! รีบตอบสิ!”
หลี่เฉียนโจวถึงกับสั่นไปทั้งตัวสายตาของเขามีแต่ความโกรธแค้น
ไอ้แก่... หากผมสามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว ผมไม่มีทางเคารพคุณอย่างนี้หรอกรอให้ผมประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงก่อนเถอะ ถึงตอนนั้นคุณก็หมดประโยชน์แล้ว ผมก็จะโยนคุณทิ้งไปแล้วก็ไสหัวไปให้ไกลที่สุด!
“ใช้การแช่ลงในสารเคมีเพื่อเป็การขจัด ‘สีเคลือบจอมปลอม’ ออก วิธีการก็คือนำกรดไฮโดรฟลูออริกมาและเทน้ำใส่ในสัดส่วน1:1 หลังจากนั้นนำเครื่องเคลือบแช่ลงในของเหลวที่ผสมไว้เรียบร้อยแล้วหรือใช้แปรงชุบของเหลวนั้นทาลงบนผิวเคลือบให้สม่ำเสมอโดยเริ่มจากด้านล่างขึ้น้าหากตรงที่มีสีเคลือบค่อนข้างหนา ก็ให้ทาเป็เวลานานมากกว่าส่วนอื่น แต่ส่วนที่บางก็ให้ทาเป็ระยะเวลาสั้นลงโดยปกติจะทาประมาณ 1 นาทีหลังจากนั้นจะรีบใช้น้ำทำความสะอาดทันที เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการทาค้างไว้นานจนเกินไปชั้นเคลือบตรงผิวนอกจะถูกกัดกร่อนอย่างรุนแรงจนไม่มีความมันวาวหากรู้สึกว่ามันยังสว่างจนเกินไปก็สามารถใช้น้ำมันสลัดทาบริเวณผิวนอกผลลัพธ์เช่นนี้จะเป็จุดสำคัญในการแยกของปลอมจากสีเคลือบโดยการสังเกตสีตรงผิวนอกให้ละเอียดเนื่องจากวิธีการเช่นนี้เมื่อผ่านการกัดกร่อนแล้วความมันวาวด้านนอกของเครื่องเคลือบจะลดลง แต่สีเคลือบจะดูด้านและทื่ออย่างไม่เป็ธรรมชาติหากใช้แว่นขยายส่องดู การแยกของแท้หรือของปลอมก็จะง่ายมากยิ่งขึ้น เพราะเครื่องเคลือบที่ผ่านกรรมวิธีโดยกรดไฮโดรฟลูออริกแล้วหากใช้แว่นขยายกำลังขยายสูงในการสังเกตก็จะสามารถมองเห็นรูเล็กๆจำนวนนับไม่ถ้วนที่เกิดขึ้นจากการถูกกัดกร่อน ซึ่งถูกเรียกว่า“การกัดกร่อนแบบรูเข็ม” นอกจากนี้ หากนำไปต้มในน้ำที่กำลังเดือดก็จะได้กลิ่นเหม็นฉุนแสบจมูกราวกับอุจจาระ......”
……
“หมดเวลา!”
หลี่เฉียนโจวหยุดพูดอย่างจนปัญญา เขาพูดรัวๆ ด้วยความเร็วสูงที่สุดแล้วแต่กลับตอบได้เพียง3 ข้อเท่านั้น ตอนนี้เขาจึงทำได้เพียงจ้องเว่ยจิ้นจงด้วยสายตาโกรธแค้น
เว่ยจิ้นจงยิ้มเล็กน้อยหลังจากนั้นจึงทำเป็ส่ายศีรษะด้วยความเสียดายและใช้ปากกาเขียนคะแนนลงบนกระดาษเบื้องหน้า “2”
หลี่เฉียนโจวได้คะแนนเพียง 2 คะแนน!
เมื่อเฉินเฟยเห็นตัวเลขที่เว่ยจิ้นจงเขียนลงบนกระดาษแล้วเขาก็ได้แต่สบถด้วยความโกรธหลังจากนั้นจึงเบนสายตาหันไปทางอื่น เพราะเขากลัวใจตัวเองหากเขามองอีกฝ่ายนานขึ้นอีกเพียงนิดเดียวเขาอาจจะอดใจไม่ไหวลุกขึ้นไปชกหน้าอีกฝ่าย!
หากไม่ได้เป็เพราะว่าเมื่อกรรมการทุกคนให้คะแนนผู้เข้าแข่งขันคนใดคนหนึ่งครบแล้วจะต้องส่งกระดาษแผ่นนั้นให้กับเ้าหน้าที่เฉินเฟยจะต้องฉีกกระดาษที่เขียนคะแนนของหวังเยว่ใบนั้นทิ้งแล้วเขียนตัวเลข “0” ตัวโตๆ แทนที่!
การแข่งขันก็ดำเนินต่อไปเรื่อยๆ 20 นาทีผ่านไปก็มาถึงกรรมการท่านที่ 8 เฮ่อฉางเหอ
เฮ่อฉางเหอพูดพร้อมส่งยิ้มให้กับหลี่เฉียนโจว“ในเมื่อมีคนสร้างความลำบากให้คุณแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไม่ทำแบบนั้นกับคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของหลี่เฉียนโจวพลันปรากฏสีหน้าที่มีแต่ความซาบซึ้งทันที
แต่ทว่าประโยคถัดมาของเฮ่อฉางเหอกลับทำให้เขาต้องตัวแข็งราวกับหลุดอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
“คุณอธิบายเกี่ยวกับลักษณะเฉพาะของเครื่องเคลือบในสมัยสาธารณรัฐจีนก็แล้วกัน”
ฮะ? อะไรนะ?
หลี่เฉียนโจวมองเฮ่อฉางเหออย่างตกตะลึงพร้อมอ้าปากหวอตอนแรกเขาคิดจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเขาคิดได้ว่าตาแก่เบื้องหน้าผู้นี้เป็ศัตรูคู่อาฆาตของอาจารย์ตัวเองสายตาของเขาจึงเต็มไปด้วยความคับแค้น
อาจารย์บ้าบออะไรเนี่ย! ทำไมถึงมีศัตรูเยอะขนาดนี้! แล้วผมจะชนะรอบนี้ได้อย่างไร! ตอนแรกใครเป็คนคิดการแข่งขันแบบนี้ออกมาวะนี่เป็การเดินอยู่ในทางตันชัดๆ!
แต่เมื่อหลี่เฉียนโจวลองคิดทบทวน...ดูเหมือนว่า... จะเป็สิ่งที่ตัวเขาเองเสนอออกมา!!!
เวรแล้วไหมล่ะ ที่แท้ก็เป็ผมที่คิดออกมาจริงๆ!!!
หลี่เฉียนโจวด่าอย่างโกรธแค้นเขาอยากจะยกมือตบปากตัวเองแรงๆ สักที ทำไมตอนนั้นเขาถึงพูดวิธีนี้ออกมาล่ะ!
สมัยสาธารณรัฐจีนมีเครื่องเคลือบตั้งเยอะแล้วยังมีของเลียนแบบอีกเพียบ แล้วเขาจะตอบอย่างไรล่ะ! หากเป็การอธิบายในชั้นเรียนอธิบายกันครึ่งค่อนวันก็อาจจะยังไม่ครบเลยด้วยซ้ำ
หลับหูหลับตาพูดไปเถอะ!
แต่หลี่เฉียนโจวยังไม่ทันเอ่ยปากพูดเฮ่อฉางเหอก็พูดต่อ “ผมมีคำถามเดียวเท่านั้น หากคุณตอบถูก 10 คะแนนนี้ผมยกให้คุณทั้งหมดแต่คุณต้องอธิบายลักษณะเด่นของเครื่องเคลือบปลอมทั้งหลายให้ชัดเจน รวมทั้งพวกรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ ด้วย เริ่มตอบได้”
ไอ้บ้าเอ๊ย! โหดเกินไปแล้ว!
หลี่เฉียนโจวรู้เป็อย่างดีเพราะอีกฝ่ายเป็กรรมการ เขาจึงต้องก้มหน้ารับกรรมไปหากเขาตอบโต้เฮ่อฉางเหอในตอนนี้ ไม่แน่อีกฝ่ายอาจจะมอบ “ไข่เป็ด” ตัวโตๆ ให้กับเขา...“0”
ยิ่งคิดหลี่เฉียนโจวก็ยิ่งรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมกับตัวเองตอนแรกเขาคิดว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเป็โอกาสที่เขาประสบความสำเร็จ สร้างชื่อเสียงไปทั่วทั้งวงการแต่ทำไมเขาถึงเป็ลูกศิษย์ของอาจารย์ที่มีศัตรูรอบด้านขนาดนี้ล่ะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงไม่มีอุปสรรคมากมายขนาดนี้หรอก!
“ในประวัติศาสตร์จีนเครื่องเคลือบในสมัยสาธารณรัฐจีนมีจุดเด่นคือการลอกเลียนแบบในทุกๆ ด้านมีของเลียนแบบจำนวนน้อยที่ทำขึ้นอย่างละเอียดสวยงามแต่ส่วนใหญ่กลับทำออกมาแบบหยาบๆ ตัวเครื่องเคลือบและสีเคลือบผสมผสานกันไม่แน่นหลุดลอกออกได้ง่าย เครื่องเคลือบในสมัยสาธารณรัฐจีนที่ค่อนข้างมีความโดดเด่น คือเครื่องเคลือบเขียนสีเฉี่ยนเจี้ยงไฉ่ในรัชศกเสียนเฟิงแห่งราชวงศ์ชิงและเครื่องเคลือบเขียนสีเฉี่ยนเจี้ยงไฉ่รูปแบบใหม่ที่เริ่มมีขึ้นในสมัยสาธารณรัฐจีนตอนต้นเดิมทีเครื่องเคลือบเฉี่ยนเจี้ยงไฉ่มีที่มามาจากภาพเขียนทิวทัศน์เฉี่ยนเจี้ยงของจิตรกรในสมัยราชวงศ์หยวนผู้มีนามว่าหวงกงวั่งเป็การนำวิธีการเขียนภาพภาพนี้มาใช้กับการตกแต่งเครื่องเคลือบ อีกทั้งยังสร้างความสวยงามที่มีความแตกต่างจากสมัยก่อนลักษณะเด่นของเฉี่ยนเจี้ยงไฉ่รูปแบบใหม่คือการใช้เครื่องเคลือบทำเป็กระดานสำหรับวาดภาพหลังจากนั้นจึงมีการเลือกภาพเขียนจีนที่สวยงามในอดีต โดยเฉพาะภาพเขียนทิวทัศน์ภาพูเาแม่น้ำ ภาพดอกไม้และนกต่างๆ นำมาดัดแปลงและเขียนตกแต่งลงบนเครื่องเคลือบอีกทั้งเป็การขยายขอบเขตในการเขียนภาพสีอีกด้วยวิธีการเช่นนี้จึงกลายเป็การเขียนภาพสีที่มีความนิยมของจิ่งเต๋อเจิ้นในยุคนั้นเครื่องเคลือบที่ทำการลอกเลียนแบบมี......”
เพียงไม่นาน เวลา 6 นาทีก็ผ่านไป
หลี่เฉียนโจวได้แต่ทำหน้าเศร้าคอตกเพื่อรับการทดสอบจากกรรมการท่านที่9
เมื่อมองสีหน้าของหลี่เฉียนโจว มุมปากของเฮ่อฉางเหอก็ปรากฏรอยยิ้มเ้าเล่ห์ขึ้นขณะที่เขียนคะแนนเขายังจงใจหันหน้าไปมองเฉินเฟยชั่วครู่หลังจากนั้นจึงยกปากกาขึ้นเขียนตัวเลขลงบนกระดาษ “4”
ถึงแม้ว่าเขาอยากจะเขียนตัวเลขที่น้อยกว่านี้อีกทั้งเขาก็รู้ดีว่าตอนที่หลินเยว่เข้ามาทดสอบ เฉินเฟยจะต้องกลั่นแกล้งลูกศิษย์ของเขาอย่างหนักแต่ทว่านี่ก็จะเป็การทดสอบความสามารถที่แท้จริงของหลินเยว่ ดังนั้นถึงแม้ว่าเขาจะกังวล แต่เขาก็ยังรู้สึกรอคอยเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นเขาจึงไม่ได้คิดจะหักคะแนนหลี่เฉียนโจวมากกว่าที่ควรจะเป็อีกฝ่ายควรจะได้คะแนนเท่าไรเขาก็เขียนคะแนนเท่านั้น
เฮ่อฉางเหอเชื่อว่าหลินเยว่จะต้องทำได้ดีกว่านี้
เวลาผ่านไป 40 นาทีคนที่อยู่ด้านนอกจึงเห็นหลี่เฉียนโจวทำหน้าเศร้าเดินคอตกออกมาจากคฤหาสน์เมื่อเขาเดินมาถึงตรงศาลา เขาก็ถลึงตาใส่หลินเยว่และหวังเยว่ด้วยความแค้นหลังจากนั้นจึงหาที่นั่งให้ตัวเองเลียแผลอยู่เงียบๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้