เขาพูดประโยคเมื่อครู่จบ พวกคนที่ยืนอยู่ด้านหลังทหารอวี๋หลินต่างตัวสั่น สีหน้าขาวซีด เหงื่อผุดออกมาจากหน้าผากไหลลงมาไม่หยุด
สีหน้าของฮ่องเต้ย่ำแย่ เงียบอยู่ครู่หนึ่งไม่ได้พูดออกมา เื่นี้จี๋โม่หานมีเหตุผลจริง ถึงแม้เขาจะไม่ยินดีก็ทำอะไรไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้ก็อยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย
“เช่นนั้น” น้ำเสียงของจี๋โม่หานเผยกลิ่นอายอำมหิตออกมา “คนที่ลงโทษคุณหนูซูโดยพลการ เดินออกมาซะ”
ทุกคนเงียบกันหมด ไม่มีใครพูดอะไร วินาทีนี้พวกผู้คุมรู้สึกเหมือนเข้าไปในถ้ำน้ำแข็ง หลายคนหดตัวซ่อนอยู่ด้านหลังทหารอวี๋หลินไม่กล้าเอ่ยปาก
จี๋โม่หานยกยิ้มเย็น “ได้ ในเมื่อไม่มีใครออกมา หลิงชวน เ้าไปจัดการซะ”
“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”
หลิงชวนรับคำสั่ง เพียงครู่เดียวก็พุ่งตัวออกไป คนพวกนั้นพากันก้มหน้าลง ตัวสั่น ยังไม่ทันได้รู้สึกตัว วินาทีต่อมาก็ถูกหลิงชวนหิ้วหลังคอออกมา
ผู้คุมสามคนถูกโยนไปตรงหน้าจี๋โม่หานอย่างแรง หนึ่งในนั้นใจนปัสสาวะราด
ทั้งสามคนหมอบอยู่บนพื้นและเอาหัวโขกพื้นพลางกล่าวขอร้อง “องค์ชายสามได้โปรดไว้ชีวิตด้วยเถิด พวกข้าน้อยมีตาหามีแววไม่ พวกข้าน้อยเองก็ถูกบีบบังคับจนไร้หนทาง เป็องค์ชายห้าบีบให้พวกเราต้องทำเช่นนี้ องค์ชายสามได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วย”
จี๋โม่หานถอยหลังไปหนึ่งก้าว เขาไม่ได้ชายตามองสามคนที่ร้องขอชีวิต “หลิงชวน”
“พ่ะย่ะค่ะ” หลิงชวนเดินไปด้านหน้า มือวางลงกระบี่ที่เอว แสงเย็นวาบผ่านไป ทุกคนยังไม่ทันได้ตั้งตัว สามคนที่ร้องขอชีวิตบนพื้นก็หมดลมหายใจไปแล้ว
เืสดๆ พุ่งออกมาจากคอ ดวงตาของทั้งสามยังเบิกกว้าง ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เสียงร้องยังไม่ทันได้เปล่งออกมาก็สิ้นลมล้มลงไปที่พื้นแล้ว
หลิงชวนเก็บมือกลับมา แม้แต่เืสักหยดก็ไม่ติดอยู่ที่กระบี่ จากนั้นก็ถอยหลังกลับมา
ไม่มีใครกล้าเปล่งเสียง
“เ้า....เ้า.....” ฮ่องเต้โกรธจนริมฝีปากสั่นแล้วชี้ไปที่จี๋โม่หาน เขาไม่สามารถพูดออกมาเป็ประโยคได้อยู่ครู่หนึ่ง “ฆ่าคนต่อหน้าเจิ้น เ้าจะให้เจิ้นเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?”
จี๋โม่หานไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด สีหน้าไม่ได้เปลี่ยนไปเลย ก่อนจะยกยิ้มมุมปากแล้วพูดเสียงเรียบ “ที่พวกเขาตายนั้นถือว่าโชคดีแล้ว”
ฮ่องเต้ไม่ได้พูดอะไรอีก สายตาจ้องจี๋โม่หาน แววตาฉายจิตสังหารออกมาเล็กน้อยจนไม่มีใครจับได้
“ในเมื่อเื่นี้จัดการเรียบร้อยแล้ว เช่นนั้นกระหม่อมขอทูลลาพ่ะย่ะค่ะ” จี๋โม่หานกล่าว “แต่กระหม่อมหวังว่าท่านจะจัดการเื่นี้ได้น่าพอใจนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเชื่อว่าฝ่าาจะคืนความยุติธรรมให้”
จี๋โม่หานพูดจบก็อุ้มซูิเยว่ขึ้นม้าแล้วออกไป พวกหลิงชวนเองก็พาทหารหลายร้อยนายจากไปอย่างรวดเร็วเหมือนขามา
ฮ่องเต้นั่งอยู่บนเสลี่ยง สายตาจ้องไปยังจี๋โม่หานที่จากไปอยู่ตลอด จิตสังหารในแววตายิ่งเข้มข้นขึ้น
ซูิเยว่อยู่ในอ้อมกอดของจี๋โม่หาน สติเริ่มเลือนราง จี๋โม่หานกลัวว่าจะทำนางเจ็บ ทุกการเคลื่อนไหวจึงระมัดระวังมาก “อดทนอีกเดี๋ยวนะ จะถึงแล้ว”
ซูิเยว่ไอออกมาเบาๆ แล้วพูดอย่างไร้เรี่ยวแรง
บนถนนมีคนล้อมอยู่เยอะมาก เื่ที่จี๋โม่หานพาคนไปล้อมจวนองค์ชายห้าเมื่อเช้าถูกแพร่ออกไปแล้ว ข่าวนี้กระจายไปทั่วทั้งเมืองหลวงภายในเวลาอันรวดเร็ว เพียงครู่เดียวทุกคนก็รู้เื่ที่องค์ชายห้าใส่ร้ายซูิเยว่
ถนนทั้งสองข้างทางถูกล้อมไปด้วยผู้คนที่ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา
จี๋โม่หานพาซูิเยว่ตรงกลับจวน ก่อนจะลงจากม้าตรงหน้าประตูจวน แล้วอุ้มซูิเยว่สาวเท้ายาวๆ เดินไปเรือนหลัง เขาเดินไปก็สั่งการไป “ไปเรียกซูเฉินมา เร็วเข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ”
จี๋โม่หานอุ้มซูิเยว่เข้าไปในห้องของตัวเอง ส่วนซูเฉินก็ถูกจิ่งฉือลากมาด้วยสภาพหอบแฮ่กๆ
“ซูเฉิน รีบมาดูนางเร็ว”
“พ่ะย่ะค่ะ” ซูเฉินไม่กล้าชักช้า เขายังไม่เคยเห็นองค์ชายแสดงท่าทีร้อนใจเช่นนี้มาก่อน ตอนที่สายตามองไปยังร่างที่เต็มไปด้วยเืบนเตียง แม้แต่เขาที่เป็หมอมาหลายปี เคยเห็นาแต่างๆ จนเคยชินก็ยังขมวดคิ้วอย่างทนไม่ได้ “เหตุใดถึงได้าเ็หนักขนาดนี้”
ซูเฉินทำการตรวจสอบขั้นแรกให้ซูิเยว่อย่างระมัดระวัง บนตัวมีแผลจากแส้อยู่สามสิบสี่สิบแผล ทุกรอยล้วนเป็แผลแตกออก เห็นได้ชัดว่าคนที่ลงโทษในตอนนั้นใช้แรงเยอะมากแค่ไหน อีกทั้งปากแผลที่ยังไม่ได้รักษามาหนึ่งคืนตอนนี้ก็เริ่มอักเสบแล้ว ที่สำคัญนางยังตัวร้อนอีกด้วย
ก่อนหน้านี้ซูิเยว่ได้อาศัยความเชื่อมั่นในการยืนหยัดเอาไว้ พอเจอจี๋โม่หานจึงวางใจลง สติเริ่มเลือนราง ตอนนี้จึงสลบไปแล้ว
ซูเฉินตรวจชีพจรของซูิเยว่ที่อ่อนแรงมาก “องค์ชาย าแของคุณหนูซูหนักมาก าแบนตัวไม่ได้รับการรักษา ตอนนี้อักเสบไปหมดแล้ว อีกทั้งยังตัวร้อนมาก แต่ก็ไม่ได้อันตรายถึงชีวิต องค์ชายโปรดวางใจได้ เดี๋ยวกระหม่อมจะจัดการปากแผลของนางแบบง่ายๆ ไปก่อน ไปเอากรรไกรมา”
“ขอรับ” หลิงชวนหมุนตัวไปหากรรไกรมาส่งให้เขา
ซูเฉินรับกรรไกรมาแล้วตอบโดยไม่หันไปมอง “ไปเตรียมน้ำร้อนมา”
“ขอรับ”
ซูเฉินถือกรรไกรมาตัดเสื้อผ้าที่เปื้อนเืของซูิเยว่ออก แต่เสื้อได้ติดกับิัที่แตกไปแล้ว ทั้งเืยังแข็งตัวไปแล้ว เมื่อดึงเบาๆ จะทำให้ปากแผลที่แข็งแตกออกมาอีก และเืก็จะซึมออกมาอีกครั้ง
ซูิเยว่ถึงแม้จะสลบอยู่ก็ยังขมวดคิ้วอย่างอดใจไม่ได้ ใบหน้าขาวซีด ทั้งยังมีเหงื่อผุดขึ้นมาเล็กน้อย นางส่งเสียงร้องออกมาจากลำคอ
จี๋โม่หานที่ฟังอยู่ก็รู้สึกเหมือนมีมีดมากรีดแทงใจ เขายกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของซูิเยว่พลางเช็ดเหงื่อออกให้นางเบาๆ
ซูเฉินพยายามเบามือ แต่เสื้อผ้าที่ถูกดึงออกจากหนังนั้นทำให้าแเริ่มแตกออกเป็เส้นๆ ผ้าที่เปื้อนเืถูกโยนลงไปที่พื้น พวกจิ่งฉือที่อยู่ด้านข้างทนมองไม่ได้จนต้องเบือนหน้าหนีไปทางอื่น
ถึงแม้ซูิเยว่จะสลบอยู่ ความเ็ปที่ทิ่มแทงนั้นชัดเจนมากเป็พิเศษ นางหายใจถี่รัว ต่อมาก็กัดริมฝีปากจนเืออก
“ไม่มีวิธีลดความเจ็บลงเลยหรือ” จี๋โม่หานอดที่จะถามออกมาไม่ได้ ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็น แต่ว่าเสียงทรมานของซูิเยว่ที่ดังเข้ามาในหูนั้นทำให้หัวใจของเขาบีบรัดตามไปด้วย
ซูเฉินถอนหายใจ “ไม่มีวิธีอื่นแล้วพ่ะย่ะค่ะองค์ชาย”
หากมีวิธีเขาก็ใช้ไปแล้ว เพราะเขาเองก็ทนไม่ได้เช่นกัน
ซูเฉินตัดผ้าที่ติดตรงาแออกจนหมดแล้ว แต่อย่างไรชายหญิงก็มีความแตกต่างกัน จุดที่ไม่สะดวกเขาก็จะสั่งให้ิจิ่วมาทำ
เพียงแค่ตัดผ้าที่ติดาแออกเท่านั้น ทั้งตัวของซูิเยว่ก็เหมือนกับถูกดึงขึ้นมาจากน้ำ หน้าขาวซีดไม่มีสีเื เหงื่อผุดออกมาตามเส้นผมจนชื้น รวมทั้งผ้าปูใต้ร่างก็เปียกชื้น
นางสลบอยู่แต่ก็ยังกัดปากแน่น เืซึมออกมาจากปากเล็กน้อย กระทั่งซูเฉินหยุดมือลงถึงได้ปล่อยริมฝีปากแล้วหายใจเร็ว
ซูเฉินมองครู่หนึ่ง ตอนนี้เพิ่งจะแค่เริ่มต้นเท่านั้น จะปล่อยให้ซูิเยว่เป็แบบนี้ต่อไปไม่ได้ เขาจึงหันไปสั่ง “หลิงชวน ไปเอาผ้าขนหนูมาให้คุณหนูซูกัด ต่อไปอาจจะเจ็บมากกว่าเดิม”
“ขอรับ” หลิงชวนหมุนตัวออกไปเอาผ้าขนหนู แต่ก็ถูกจี๋โม่หานหยุดเอาไว้