ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
กระบี่คมจันทราและกระบี่ธุมเพลิงในมือสลับกันฟันเข้าไปยังต้นกำเนิดพลังแต่ละลูกและพอข้าใช้พลังออกไปมากๆ ลมปราณในร่างกายก็เริ่มไหลเวียนเร็วขึ้นพลังเืของสัตว์ิญญาระดับจักรพรรดิในตัวก็เหมือนกับถูกจุดไฟเผาให้ลุกโชนตอนนี้จึงไม่ใช่แค่หยู่เหวินชิงที่อยากจะฆ่าข้าฝ่ายเดียว แต่กลายเป็การต่อสู้ที่จะต้องให้ตายกันไปข้างหนึ่งเพราะถ้าข้าไม่สามารถฆ่าหยู่เหวินชิงได้ก็ไม่รู้จะระงับพลังภายในของตัวเองยังไงเหมือนกัน
...
“แกคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะสามารถทำลายพลังขั้นที่สี่ของข้าได้อย่างนั้นเหรอ?!”หยู่เหวินชิงว่าพลางยิ้มอย่างเยือกเย็น ก่อนที่พลังในตัวเขาจะเพิ่มขึ้นและทำให้จุดกำเนิดพลังของกระบี่ที่ปล่อยออกมาะเิออกกลายเป็คลื่นพลังถาโถมเข้ามา
ฟู่!
คลื่นพลังที่ถาโถมเข้ามานั้นรุนแรงจนข้าไม่สามารถลืมตาได้เพราะแบบนี้สิ่งที่ข้าทำได้เพียงอย่างเดียวก็คือหลับตาและทำร่างกายให้ผ่อนคลายเหมือนอยู่ในโลกแห่งการบำเพ็ญยุทธ์บนเส้นทางแห่งความตายและตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดของข้าก็มีเพียงการสังหารและชัยชนะเท่านั้น!
ปั้ง!ปั้ง! ปั้ง!
หลังจากใช้พลังของวิชาลมหายใจัขั้นที่สิบปกคลุมร่างกายแล้วข้าก็พุ่งเข้าไปทำลายพลังขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพของหยู่เหวินชิงจนสลายไปแต่ในเวลาเดียวกันก็ทำให้ข้าต้องกระอักเืและปลิวออกมาเช่นกันเพราะถึงยังไงหยู่เหวินชิงก็กินยาะเิพลังเข้าไปจึงมีพลังแข็งแกร่งจนข้าไม่สามารถต้านทานได้อยู่แล้ว
“เ้าสารเลว!”
หยู่เหวินชิงตวาดเสียงดังลั่นก่อนจะพูดต่อ“ข้าอยากให้เ้าตาย เ้าก็ต้องตายคนตระกูลปู้ที่ชั้นต่ำและยากจนข้นแค้นอย่างเ้าจะคู่ควรกับซูเหยียนได้ยังไง!”
ข้าได้ยินแบบนั้นจึงหลับตาลงท่ามกลางพลังของหยู่เหวินชิงที่แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณและพยายามใช้การฟังเพื่อหาจุดที่เขาอยู่และเข้าจู่โจมเพราะถ้ายอมให้เขาปล่อยพลังเข้ามา และข้าได้แต่รอรับมือไปเรื่อยๆพลังิญญาและพลังลมปราณในตัวข้าจะต้องรับไม่ไหวแน่นอน
เมื่อพลังการััและตาทิพย์ถูกใช้ร่วมกันได้ไม่นานก็สามารถหาต้นตอของพลังทั้งหมดได้อย่างแม่นยำ!
ต้องฆ่าสถานเดียว!
กระบี่ทั้งสองเล่มถูกจัดให้อยู่ในแนวตรงก่อนจะมีพลังที่รุนแรงของเคล็ดวิชาาพุ่งออกไปถึงเจ็ดครั้งซึ่งข้าเองก็พุ่งตามพลังกระบี่ไกลออกไปหลายสิบเมตรด้วยพลังที่แข็งแกร่งที่สุดของข้าตอนนี้ซึ่งก็คือห้าพลังรวมเป็หนึ่งนั่นเอง!
เมื่อข้าลืมตามองคนตรงหน้าก็เห็นว่าหยู่เหวินชิงก็มีสายตาที่หวาดกลัวออกมาเหมือนกัน
เชว้ง!
กระบี่ทั้งสองเล่มถูกฟันลงไปพร้อมๆกันด้วยพลังของการผสานห้าพลังรวมเป็หนึ่ง!
“เข้ามาเลย!”
หยู่เหวินชิงมองข้าด้วยสายตาที่โเี้พร้อมกับกวัดแกว่งกระบี่ในมือซึ่งเต็มไปด้วยพลังอันมหาศาลก่อนจะพูดต่อ “ระหว่างข้ากับเ้ามันต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!”
ปั้ง!
พลังของกระบี่ธาตุน้ำแข็งเหมือนกันทั้งสองเข้าปะทะกันจนเกิดแรงะเิซึ่งไม่น้อยหน้าการปะทะกันของสองพลังที่ต่างกันเลยแม้แต่น้อยข้าจับกระบี่ทั้งสองไว้แน่นก่อนจะฟันลงไปแบบสุดกำลัง ในเมื่อสิ้นหนทางที่จะถอยก็ต้องสู้ให้สุดกำลัง!
พอมองไปยังหยู่เหวินชิงก็พบว่าเขาดูเหมือนจะรับมือไม่ไหวจากนั้นพลังกระบี่ของหยู่เหวินชิงก็เกิดรอยร้าวเล็กๆทว่ารอยร้าวนั้นก็เหมือนกับประตูแห่งชัยชนะทำให้พลังของห้าพลังรวมเป็หนึ่งของข้าแทรกซึมเข้าไปเพื่อทำลายอย่างรวดเร็ว
เพล้ง!
เสียงะเิที่ดังขึ้นเหมือนกับกระจกบานใหญ่แตกออกและเมื่อพลังิญญาของเพลงกระบี่เวหาเหมันต์ของหยู่เหวินชิงสลายไปกระบี่คมจันทราและกระบี่ธุมเพลิงในมือข้าก็ฝังลงไปบนไหล่ของเขาจนได้!
ฉึบ!ฉึบ!
เสียงที่เกิดขึ้นคือเสียงของกระบี่ทั้งสองเล่มที่ฟันเข้าเนื้อและกระดูกของหยู่เหวินชิงแม้ว่ากระบี่คมจันทราและกระบี่ธุมเพลิงจะมีที่มาต่างกันแต่พลังของมันก็ไม่มีใครด้อยไปกว่าใครด้วยเหตุนี้จึงได้ทิ้งรอยแผลลึกกว่ายี่สิบเิเไว้บนร่างของหยู่เหวินชิงที่กำลังส่งเสียงร้องเพราะร่างกายที่เคยแข็งแกร่งถูกฟันจนแทบจะแยกออกจากกัน
อ๊ากกก!!...
เสียงร้องอันน่าเวทนาดังขึ้นก่อนที่เขาจะหมดลมหายใจแม้ว่าร่างของเขาแทบจะไม่มีแรงแต่หยู่เหวินชิงก็ยังจับกระบี่เพลิงโลกันตร์ขึ้นมาและพยายามจะสู้กับข้าอยู่ดีซึ่งตอนนี้ใบหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ยอมแพ้และไม่คาดฝันก่อนจะพูด“ทำไมสวะตัวหนึ่งอย่างเ้าถึงสามารถฆ่าข้าได้ทั้งที่เ้ามันไม่คู่ควรเลยสักนิดทำไม ทำไม!”
ข้าได้ยินแล้วก็มองเขาอย่างสงสารก่อนจะพูดขึ้น“นับั้แ่วันแรกที่เจอกัน เ้าก็เอาแต่ดูถูกข้าตลอดเวลาซึ่งข้าไม่รู้เหมือนกันว่าเ้าไปเอาความมั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งค้ำฟ้ามาจากไหน เพราะสำหรับข้าเ้าก็เป็แค่สุนัขตัวหนึ่งที่วันๆเอาแต่เห่าคนอื่นไปทั่วก็เท่านั้น! ข้าไม่เคยทำร้ายใครก่อนแต่เ้ากลับพยายามจัดการข้าอยู่ตลอดเวลาแล้วแบบนี้จะให้ข้าปล่อยเ้าไปเสวยสุขอย่างนั้นเหรอ?!”
“นี่เ้า...เ้ากล้าฆ่าข้าอย่างนั้นเหรอ?! ...ท่านอาจารย์...อาจารย์ซือเทียนสิงของข้าจะต้อง...จะต้อง...แก้แค้น...”เขาพูดอย่างตะกุกตะกักก่อนจะทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้นพร้อมกับหายใจอย่างรวยริน
“อย่างนั้นเหรอ? แต่ใครจะรู้ล่ะว่าข้าเป็คนฆ่าเ้า?”
ข้ายกยิ้มอย่างเยือกเย็นก่อนจะใช้กระบี่คมจันทราฟันเข้าไปคอของเขาจนขาดและพูดอะไรออกมาไม่ได้อีก...
ร่างกายที่เคยแข็งแกร่งล้มลงไปนอนกับพื้นบทสรุปของศิษย์อันดับหนึ่งของสำนักยาตรา์ได้จบลงแล้วคำว่าผู้แข็งแกร่งที่เขาเคยมีได้มาจากยาะเิพลังที่ทำให้เขามีพลังเทียบเท่ากับจอมยุทธ์ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพเท่านั้นแต่ไม่ได้ทำให้ศักยภาพของเขาเพิ่มขึ้นตามพลังเลยแม้แต่น้อย!
...
ฟู่!
ข้าถอนหายใจออกมายาวๆก่อนจะก้มลงไปถอดแหวนกระดูกจักรภพของหยู่เหวินชิงออกนึกไม่ถึงเลยว่ามันจะเป็ถึงอาวุธิญญาระดับเงิน...ดูเหมือนว่าซือเทียนสิงจะรักเขามากสินะแต่ก็อย่างว่าแหละ ไม่อย่างนั้นหยู่เหวินชิงก็คงจะไม่หยิ่งยโสขนาดนี้หรอก
ข้าไม่อยากจะเสียเวลามากจึงโยนแหวนกระดูกจักรภพของหยู่เหวินชิงเข้าไปเก็บไว้ในแหวนกระดูกจักรภพของตนเองไว้ก่อนหลังจากออกไปแล้วค่อยว่ากันเพราะตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือข้าจะต้องรีบเข้าไปในสนามประลองชั้นที่เจ็ดเพื่อตามหาซูเหยียนให้เจอเพราะศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาแต่ละคนต่างพากันถอนตัวออกจากการประลองไปหมดแล้วและดูเหมือนศิษย์ของสำนักหมื่นิญญาของพวกเราจะเหลือเพียงซูเหยียนที่เข้าไปในชั้นที่เจ็ดของสนามประลองเซินยวนนี้ได้และนางยังต้องเผชิญหน้ากับพวกของฟางชิงยวนและมู้เซวี่ยนรวมถึงคนของศิษย์จากสำนักวรยุทธ์นักปราชญ์คนอื่นๆ อีกด้วย
พอคิดได้แบบนี้ข้าก็รีบกัดกินโสมโลหิตและเนื้อปลาหลีฮื้อหลงหลิงแล้วพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายที่ถูกพลังของเคล็ดวิชาาทำร้ายได้ฟื้นฟูเพียงแค่ห้านาทีจากนั้นจึงพุ่งตรงไปยังหินาาสรรพสัตว์พร้อมกับกระบี่คมจันทราในมือทันที!
วัวโลกันตร์ที่นอนสัปหงกอยู่ในกลุ่มควันเงยหน้าขึ้นมองข้าราวกับอยากจะบอกว่าในที่สุดข้ากับหยู่เหวินชิงก็สู้กันจบสักที
ข้าเหาะลงไปยืนอยู่ใกล้กับหินาาสรรพสัตว์ที่อยู่ด้านหน้าเ้าวัวโลกันตร์ตัวนั้นก่อนจะวางมือลงไปเพื่อให้คะแนนที่สะสมไว้ในสายรัดผูกิญญาไหลเข้าไปในหินก้อนนั้นขณะนั้นวัวโลกันตร์ก็ดุร้ายขึ้นมาทันทีก่อนจะอ้าปากกว้างแล้วพ่นพลังไฟออกมาอย่างรวดเร็ว
ตูม!!
ร่างของข้าที่ถูกวัวโลกันตร์พ่นพลังใส่ก็ลอยปลิวไปชนกับหน้าผาหินสีแดงเพลิงจนเ็ปมากกว่าเดิม
วัวโลกันตร์คำรามออกมาเสียงดังก่อนจะพุ่งเข้ามาหาข้าอย่างรวดเร็วทว่าขณะที่ระยะห่างระหว่างข้ากับมันเหลือเพียงสิบเมตรมันก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะโซ่ที่ล่ามไว้ถูกดึงจนสุดแล้วแต่ถึงกระนั้นมันก็ยังใช้เท้าทั้งสี่ข้างคุ้ยอยู่บนพื้นด้วยความโกรธและอยากจะพุ่งเข้ามางับข้าให้ได้
ดูเหมือนมันอยากจะกินข้าจริงๆและไม่มีทางปล่อยให้ข้าเข้าไปในสนามเซินยวนชั้นที่เจ็ดง่ายๆ แน่
เต๊ง!เต๊ง! เต๊ง!
สายโซ่ที่ล่ามวัวโลกันตร์ตัวนั้นสะบัดไปมาจนเกิดเสียงดังและทำให้ทั้งเหวโลกันตร์สั่นไหวตามจังหวะการสะบัดของโซ่ขนาดใหญ่นั่นอีกทั้งหินที่ยึดโซ่เอาไว้ก็เริ่มเกิดรอยร้าวขึ้นมาแล้วด้วย
ข้ารู้สึกเย็นวาบขึ้นมาในหัวใจเพราะถ้าโซ่สองเส้นสุดท้ายนั้นขาดข้าจะต้องกลายเป็อาหารของเ้าวัวโลกันตร์ตัวนี้แน่นอนเพราะถึงอย่างไรมันก็เป็ถึงสัตว์ิญญาระดับแปดที่ข้าไม่มีทางจะสู้ได้ง่ายๆอยู่แล้ว
ดังนั้นข้าจะต้องอาศัย่เวลาไม่กี่นาทีก่อนที่โซ่เส้นนั้นจะขาดจัดการกับวัวโลกันตร์ตัวนี้ให้ได้เพื่อยืดเวลาชีวิตของตัวเองต่อ!
ความจริงข้าสามารถเป่าขลุ่ยกระดูกเพื่อถอนตัวออกจากการแข่งขันหรือไม่ก็หนีไปจากตรงนี้ซะ ทว่าทั้งสองอย่างไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากจะทำเลยแม้แต่น้อยเพราะข้าจะต้องเข้าไปในชั้นที่เจ็ดเพื่อทำตามสัญญาที่ว่าจะต้องไปเจอกับซูเหยียนในนั้นให้ได้!
พลังในร่างกายค่อยๆไหลลงไปยังเส้นปราณัที่อยู่ในร่างกาย ก่อนจะมีแสงสีทองแผ่ซ่านออกมาทั่วร่างซึ่งมันก็คือพลังของคันศรอัคนีนั่นเองเพราะตอนนี้สิ่งที่ข้าทำได้ก็คงจะเหลือแต่การใช้พลังของคันศรอัคนีเพื่อโจมตีวัวโลกันตร์ทางไกลเท่านั้น
ทว่า...
ข้าไม่ได้รีบร้อนลงมือเพราะรู้ดีว่าความน่ากลัวของสัตว์ิญญาระดับแปดนั้นมีมากขนาดไหน...
นอกเสียจากว่าพวกมันจะมีการโจมตีที่รุนแรงและยังมีเกราะิญญาสำหรับการป้องกันตัวที่แข็งแกร่งมากๆ อีกด้วยถึงแม้ว่าพลังของคันศรอัคนีจะแข็งแกร่งแต่การบำเพ็ญของข้าก็อยู่ในระดับต้นของขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์เท่านั้นซึ่งพลังที่อยู่ในตัวของข้าตอนนี้มีโอกาสยิงทะลุเกราะของวัวโลกันตร์แค่ 20% เท่านั้น และถ้าดูจากพลังภายในร่างกายที่เหลือข้าก็คงจะยิงออกไปได้อย่างมากก็แค่สองลูกแต่ถ้าพลาดก็เท่ากับว่าตัวเองตกอยู่ในอันตรายจนอาจถึงชีวิตเลยก็ว่าได้
มอออ!มอออ!
เ้าวัวโลกันตร์ตัวนั้นส่งเสียงร้องดังลั่นพลางมองข้าด้วยแววตาอันดุร้าย
เดี๋ยวก่อน!นั่นมัน...
เมื่อข้าเพ่งมองอย่างละเอียดก็ต้องชะงักไปเมื่อพบว่าคางของวัวโลกันตร์มีรอยแผลขนาดเท่ากำปั้นซึ่งมีลักษณะไหม้เกรียมเหมือนถูกเผาอยู่ และจะต้องเป็ผลมาจากพลังของเพลงกระบี่โลกชิตที่บอกให้รู้ว่าฟางชิงยวนเคยต่อสู้กับมันมาแล้วรวมทั้งิัด้านนอกของมันยังมีรอยแผลเล็กๆ เท่านิ้วมือซึ่งเกิดจากพลังของดรรชนีทะลวงวายุของมู้เซวี่ยนอีกต่างหากดูเหมือนว่าการโจมตีของฟางชิงยวนจะทำให้เกราะิญญาของวัวโลกันตร์ตัวนี้ลดลงไปกว่าครึ่งแล้วสินะ!
รอยแผลขนาดเท่ากำปั้นนี่แหละที่จะเป็โอกาสชั้นดีของข้า!
...
ข้าชี้ปลายกระบี่คมจันทราไปยังวัวโลกันตร์ตัวนั้นก่อนจะพูดขึ้น“เข้ามา แน่จริงเ้าก็เข้ามาเลยสิ!”
วัวโลกันตร์ตัวนั้นเงยหน้าขึ้นพลางส่งเสียงร้องอย่างเดือดดาลพร้อมกับใช้เท้าทั้งสองข้างขุดคุ้ยบนพื้นราวกับอยากจะเข้ามากัดข้าให้ตายๆ ไปซะแต่การกระทำของมันกลับเป็กุญแจสำคัญที่ทำให้าแใต้คางของมันเปิดออก...ไม่ผิดแน่!เพราะทุกครั้งที่มันส่งเสียงร้องพร้อมกับเงยหน้าขึ้นจะมีเวลาอยู่สองวินาทีที่มันจะเงยหน้าขึ้น ซึ่งเผยให้เห็นาแใต้คางที่ชัดเจนและสำหรับข้าแล้วการยิงคันศรอัคนีออกไปภายในเวลาสองวินาทีนั้นถือเป็การท้าทายอย่างมากเลยก็ว่าได้
แต่ข้าก็ไม่มีทางเลือกอื่นดังนั้นต้องลองดูสักตั้ง!
ข้าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะให้พลังิญญาที่มีอยู่ในตัวไหลลงไปรวมกันอยู่ในปราณิญญาัและประกบมือทั้งสองข้างเข้าด้วยกันแล้วแยกออกจนเผยให้เห็นคันศรอัคนีที่เปล่งแสงสีทองออกมาซึ่งเมื่อปรายตามองวัวโลกันตร์ก็เหมือนกับว่ามันจะรับรู้ได้ถึงพลังของคันศรอัคนีแล้วจึงได้เลือกที่จะเงียบไปแต่ก็ยังใช้เท้าทั้งสี่ข้างขุดคุ้ยดินเพื่อให้ตัวเองหลุดจากการพันธนาการของโซ่ตรวนอยู่เหมือนเดิม
ไม่ได้ถ้ามันยังเงียบอยู่แบบนี้ข้าจะยิงให้ถูกแผลมันได้อย่างไรจะต้องหาวิธีให้มันร้องออกมาให้ได้!
ข้าคิดได้แบบนี้แล้วก็พูดขึ้นเสียงดัง“เ้าวัวโลกันตร์ ถ้าเ้าฟังภาษาคนคนรู้เื่ละก็...ไอ้เ้าวัวสวะ ไอ้เ้า@#$%@$!$^%*%$#*&) _*...”
มอออ!
ในที่สุดเ้าวัวโลกันตร์ตัวนั้นก็ร้องออกมาด้วยความโกรธอีกจนได้!
...
เมื่อมันเงยหน้าขึ้นและส่งเสียงร้องข้าก็รู้ได้ทันทีว่าโอกาสอันน้อยนิดของข้าได้มาถึงแล้ว!
ข้าง้างมือออกเพื่อให้พลังิญญาก่อตัวเป็ลูกศรซึ่งขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีก่อนข้าจะยิงออกไปอย่างรวดเร็ว
ฟิ่ว!
ลูกธนูสีเืพุ่งออกจากคันศรพร้อมกับพลังที่ม้วนตัวเป็เกลียวคลื่นสีขาวและก็เป็ไปตามคาดเมื่อลูกธนูได้พุ่งเข้าใส่าแใต้คางของวัวโลกันตร์จนเกิดเสียงดังสนั่นเพราะมันได้แทงทะลุั้แ่คางขึ้นไปจนถึงหัวของวัวโลกันตร์ก่อนจะะเิออกมาเสียงดังอีกครั้ง
ตูม!
คางของวัวโลกันตร์ถูกกระทบด้วยพลังที่ะเิออกจนมีควันลอยฟุ้งพร้อมกับเืที่สาดกระเซ็นไปทั่วบริเวณอย่างน่าเวทนา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้