ด้วยรู้ดีว่าไม่ใช่เื่ง่ายที่ลี่หลินจะยอมออกจากบ้านมาเปิดหูเปิดตาสู่โลกภายนอก
เพราะว่าก่อนหน้านี้หลังจาก ‘ลี่เหรินเจี๋ย’ ผู้เป็บิดาของลี่เซียนเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุจากการออกล่าสัตว์เมื่อสามปีก่อน
ลี่หลินผู้เป็แม่เลี้ยงก็เอาแต่เก็บตัวเงียบอยู่แต่ในบ้าน ไม่ค่อยพูดจากับใคร วันๆ นางเอาแต่นั่งถักไหมพรมขังตัวอยู่ในบ้าน
ลี่เซียนเห็นว่าถ้าทิ้งแม่เลี้ยงไว้คนเดียวนานกว่านี้ลี่หลินอาจจะกลายเป็โรคซึมเศร้าเข้าสักวัน ถ้าขืนยังปล่อยอารมณ์ให้ดำดิ่งลงไปในห้วงเหวแห่งอดีตจากการสูญเสียสามีอันเป็ที่รัก
“ได้โปรดอยู่ต่อนะท่านแม่… ”
เฟยหลงพยายามอ้อนวอนอย่างออกนอกหน้า
“ที่ไม่อยากอยู่ต่อก็เพราะว่าข้าไม่อยากจะเป็ภาระให้เ้าต้องดูแล… ”
ลี่หลินเป็คนมีนิสัยขี้เกรงใจมาแต่ไหนแต่ไร นางกล่าวพลางมองสบตาเฟยหลง
ไม่น่าเชื่อว่าดวงตาที่มองสบกันไปมาเพียงครู่สั้นๆ จะทำให้ลี่หลินรู้สึกได้ถึงประกายความเร่าร้อนบางอย่างที่วูบไหว ซ่อนเร้น อ้อนวอนอยู่ในแววตาของลูกเขยผู้มีใบหน้าหล่อเหลาจะทำให้นางตัดสินใจตอบรับในที่สุด
“งั้นก็ได้… ข้าจะอยู่ต่อ… ”
วันรุ่งขึ้น
ตอนเช้าตรู่ เสียงลมพัดลู่ป่าไผ่ แสงสีทองของรุ่งอรุณสาดทอขึ้นทางเบื้องทิศตะวันออก
ขณะที่ร่างสูงใหญ่ของเฟยหลงกำลังยืนรออยู่ใกล้ๆ กับขบวนรถม้าที่แต่ละตู้บรรจุไว้ด้วยข้าวของและสินค้าที่ผู้คนในหมู่บ้านเตรียมไปขาย เป็การเดินทางร่วมขบวนคาราวานเร่ขายไปด้วยกัน
“ท่านพี่… ข้าฝากแม่ด้วยนะ… ”
หญิงสาวกล่าวกับสามีของนาง หลังจากเดินเข้าไปมองที่รถม้าเพื่อตรวจดูว่าเฟยหลงไม่ลืมหีบที่ภายในอัดแน่นเอาได้ด้วยเสื้อผ้าและของใช้จำเป็สำหรับการค้างแรมหนึ่งสัปดาห์
“เ้าไม่ต้องห่วง… ข้าสัญญาว่าจะดูแลท่านแม่เป็อย่างดี… ”
เฟยหลงกล่าวให้ภรรยาสบายใจ คำพูดที่ได้ยินทำให้ลี่เซียนรีบแซวขึ้นว่า
“อันที่จริงข้าควรละพูดว่าฝากลูกเขยด้วยนะท่านแม่ เพราะว่าถ้าท่านแม่ไม่อยู่ข้าก็เดาได้เลยว่าสามีของข้าคงต้มบะหมี่กินทุกมื้อแน่ๆ… ”
คำพูดของลี่เซียนช่วยเรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มผุดพราวขึ้นบนดวงหน้าของทุกคน ก่อนที่นางจะเดินไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่ไม่ไกล
เฟยหลงกับลี่หลินยืนมองส่งจนขบวนคาราวานเคลื่อนออกไปลับตา
ในเวลาต่อมา
เฟยหลงกลับเข้ามาถึงบ้านในตอนใกล้เที่ยง หลังจากออกไปดูคนงานที่จ้างมาเก็บหัวไชเท้าในสวนผักมาพักใหญ่ๆ
และในขณะที่เฟยหลงกำลังจะเดินผ่านมาทางหลังบ้าน บังเอิญสายตาเหลือบมองผ่านช่องหน้าต่างเข้าไปเห็นแม่ยายคนงามกำลังนั่งอยู่ในห้อง
“ท่านแม่… ”
เฟยหลงชะโงกใบหน้าผ่านช่องหน้าต่างเข้ามาทักทาย เห็นลี่หลินผู้เป็แม่ยายกำลังเอามือบีบนวดบ่าและไหล่ของตัวเอง
“เ้ากลับมาแล้วรึเฟยหลง… ”
ลี่หลินเหลือบมองไปยังที่มาของเสียง…
“ข้ามีของมาฝากท่านแม่… รอเดี๋ยวนะ… ”
คนที่เพิ่งกลับมาถึงจ้องมองแม่ยายคนงามด้วยหัวใจเต้นแรงระทึก
เพราะว่านางอยู่ในชุดผ้าแพรลายดอกโบตั๋นผืนเดียวกระโจมอกเอาไว้ เผยให้เห็นหัวไหล่กลมกลึงและผิวพรรณยังตึงเต่ง ร่องอกเนียนขาวสะดุดตา
เฟยหลงรีบอ้อมมาทางประตูหลังบ้าน ตรงเข้ามาที่ห้องนอนของลี่หลิน
“ไหนล่ะ… ของฝากที่เ้าว่า… ”
ลี่หลินถามในทันทีที่เมื่อชายหนุ่มปรากฏกายขึ้นหน้าประตู