“ฮั่วเอ๋อร์…” หลังทานมื้อเที่ยง จางซื่อเรียกหลินฮั่วมาที่ห้อง
“ย่ารอง ท่านเรียกหาข้าหรือเ้าคะ?” หลินฮั่วเดินเข้ามาก็ถูกจางซื่อดึงไปนั่งที่ขอบเตียง นางถามด้วยความสงสัย
จางซื่อหยิบชุดกระโปรงสองสามชุดออกมาจากตู้ สีสันสดใสและปักลายทุกตัว
“น้าเล็กของเ้าโตกว่าเ้าแค่สองปี นี่เป็เสื้อผ้าเมื่อปีกลาย[1]ของนาง ตอนนี้เล็กไปหน่อย หากเ้าไม่รังเกียจก็นำไปใส่เถิด หากเ้าไม่ชอบก็ไม่เป็ไร ข้าเลาะเอวกับแขนเสื้อให้นางเอาก็ได้”
“ชอบ!” หลินฮั่วรีบตอน หยิบกระโปรงชุดหนึ่งออกมาทาบตัว
สวยยิ่งนัก
ถึงนางจะมีชุดกระโปรงเช่นกัน แต่อย่างดีสุดก็แค่ไม่มีรอยปะ ส่วนลายปัก…เหอะๆ ไม่มี
หนึ่งคือท่านแม่ปักไม่เป็ สองคือนางปักไม่เป็เช่นกัน
“เ้าชอบก็ดีแล้ว” จางซื่อยิ้มอย่างมีเมตตา “ปิ่นกับต่างหูคู่นี้ทำจากเงิน เ้านำไปใส่ สตรีสาวบ้านพวกเราควรแต่งตัวให้สวย เลยปีใหม่แล้วข้าจะนำเงินไปซื้อที่ ครอบครัวเราจะได้เป็เ้าของที่ดินเช่นกัน เ้าเองก็จะได้เป็คุณหนูบ้านเ้าของที่ดิน จะเป็เหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ ต้องแต่งตัวให้สวย วันหน้าจะได้แต่งงานย้ายไปอยู่ในตำบลหรืออำเภอกับบุรุษครอบครัวดีๆ”
หลินฮั่วเก็บคำพูดของจางซื่อไปคิด เมื่อก่อนท่านแม่มีแต่พูดว่าให้นางแต่งไปเป็อนุตระกูลร่ำรวยจะได้เสวยสุข
แต่ตอนนี้มีย่ารอง นางไม่จำเป็ต้องเป็อนุก็เสวยสุขได้
“ขอบคุณท่านย่า ท่านช่างดีกับข้าเหลือเกิน!” ผู้ใดมีประโยชน์ก็คือมารดา หลินฮั่วลืมเติมคำว่ารองลงไปในชื่อ
จางซื่อลูบหัวนาง “ข้าเห็นเ้าแล้วเอ็นดู เด็กสาวหน้าตางดงามควรแต่งเนื้อแต่งตัว วางใจเถิด วันหน้าย่าจะมอบเครื่องประดับให้เ้าอีก เ้าใกล้ชิดกับย่า ย่าเห็นเ้าเป็หลานแท้ๆ วันหน้าแต่งงานมีครอบครัวดีๆ แล้วอย่าลืมย่าล่ะ”
“ข้าจะกตัญญูต่อท่านย่าเป็แน่!” หลินฮั่วรับรอง
จางซื่อยิ้มตาหยีมองนาง มองได้สักพักก็ถอนหายใจ “ได้ยินว่าพี่สาวเ้าน่าสงสาร…หากนางยังอยู่ที่บ้าน ย่าจะทำดีกับนางเช่นกัน”
หลินฮั่วพูดแบบไม่คิดว่า “อย่าไปสนใจนางเลยเ้าค่ะ ตอนนางหนีไป นางขโมยเงินทั้งหมดของท่านแม่ไปด้วย ดีเสียอีกที่นังโง่หลินฉินหนีไป มิเช่นนั้นข้าคงต้องแย่งชิงกับนางอีก มิหนำซ้ำ ชื่อเสียงนางก็ป่นปี้ อยู่ไปก็มีแต่จะทำข้ากับน้าเล็กเสียชื่อ เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ยังไม่แต่งงาน”
จางซื่อทำสีหน้าเหมือนคาดไม่ถึง “จริงหรือ? ข้าไม่รู้เื่นี้มาก่อน ปู่เ้าไม่ได้เล่าให้ฟัง ถ้าเช่นนั้นก็คิดเสียว่าเ้าไม่เคยบอกกับข้า มิเช่นนั้นหากปู่เ้าโมโห คิดว่าเ้าเอามานินทากับข้า เ้าถูกด่าถูกตีคงไม่เหมาะสม”
“วางใจเถิดท่านย่า วันหน้ามีกระไรข้าจะเล่าให้ท่านฟังทุกอย่าง ไม่ให้ท่านปู่รู้เป็แน่” หลินฮั่วรีบแสดงความจริงใจต่อจางซื่อ นาง้าเอาใจจางซื่อ วันหน้าค่อยๆ ตักตวงผลประโยชน์ ตัวเองจะได้สะสมสินเดิมติดตัวไปด้วย
จางซื่อ “เด็กดี หากเ้าไม่มีสิ่งใดทำก็เรียนเย็บปักถักร้อยจากน้าเล็ก น้าเล็กเ้าปักผ้าเก่ง สตรีสาวตระกูลใหญ่ต่างต้องเรียนเย็บปักกันทั้งนั้น”
ทั้งครอบครัวสายตาตื้นเขินกันหมด หลอกง่ายเสียจริง
“อื้ม ข้าจะไปหาน้าเล็กประเดี๋ยวนี้!” หลินฮั่วดีใจมาก นางรู้เช่นกันว่าการเรียนเย็บปักมีประโยชน์หลายอย่าง น่าเสียดายที่ท่านแม่นางทำไม่เป็ ท่านย่าก็ไม่เป็ แม้จะอยากเรียนแต่ก็ไม่รู้จะเรียนจากที่ใด
“ยังไม่ต้องรีบ ประเดี๋ยวเ้าไปบ้านเจียงเป็เพื่อนน้าเล็กก่อน เอาของไปให้น้าสี่ อย่างไรเสียนางก็เป็ลูกสาวบ้านหลินด้วยกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ควรผูกมิตรกันไว้ ท่านแม่กับท่านย่าเ้าไม่เข้าใจ แต่ข้าเข้าใจ ตระกูลใหญ่ให้ความสำคัญกับการปรองดองในครอบครัวมากที่สุด หากรู้ว่าพี่น้องทะเลาะกันจนไม่มองหน้า วันหน้าเ้ากับน้าเล็กจะแต่งงานยาก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรักษาหน้า ให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าเ้ากับน้าเล็กเป็กุลสตรี ทั้งงดงาม ใจดีและมีความอดทน เ้าเข้าใจความหมายหรือไม่?”
ตอนแรกหลินฮั่วไม่ค่อยพอใจที่ได้ยินว่าต้องเอาของไปส่งให้หลินหวั่นชิว แต่เมื่อจางซื่ออธิบาย นางก็เข้าใจทันที
รู้สึกดีใจที่ท่านปู่แต่งจางซื่อเข้าบ้าน มิเช่นนั้นนางคงถูกครอบครัวนี้สอนผิดอย่างไรบ้างก็ไม่รู้
หลินฮั่วรับประกันกับจางซื่อ “วางใจได้เลย ข้าจะจัดการเื่นี้ให้เหมาะสมเป็แน่เ้าค่ะ”
หลินชุ่ยกับหลินฮั่วถือห่อผ้าออกไป ถูกสวี่ซื่อเห็นเข้าและรั้งไว้ “พวกเ้าจะไปที่ใด?”
หลินชุ่ยยิ้ม “ท่านแม่ใหญ่ พวกข้านำของไปให้พี่สี่เ้าค่ะ”
สีหน้าสวี่ซื่อดำทะมึนทันที “ไม่ให้ไป! นังแพศยานั่นกินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา พวกเ้าจะเอาเยี่ยงอย่างหรือ? ต่อให้เป็ของให้สุนัขกินก็ไม่ให้นาง!”
สวี่ซื่อะโเสียงดัง เพื่อนบ้านระแวกใกล้เคียงพากันออกมาดู หลินชุ่ยเกลี้ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ใหญ่ ท่านแม่ข้าบอกว่าเราต่างเป็ครอบครัวเดียวกัน ก่อนหน้านี้มีกระไรเข้าใจผิดก็ให้ปล่อยเป็เื่ในอดีต พี่สี่เป็บุตรสาวของท่านเช่นกัน ท่าน…”
สวี่ซื่อเอื้อมมือมากระชากนางลงกับพื้น “ข้าไม่มีลูกสาวเช่นนั้น แม่เ้านางเป็คนดี ั้แ่มาอยู่ก็คอยส่งนั่นส่งนี่ แต่ทั้งหมดเป็เงินของบ้านหลิน! แต่ละคนเอาแต่ผลาญเงินเช่นนี้ จะให้บ้านหลินล้มละลายหรือไร!”
นางด่าหลินชุ่ยไปด้วย แย่งห่อผ้าไปด้วย ท้ายที่สุดห่อผ้าก็เปิดออก ชุดผ้าฝ้ายตัดใหม่หนึ่งตัวกับปิ่นเงินสองอันร่วงลงบนพื้น สวี่ซื่อใช้เท้าเหยียบด้วยความโมโห มีแต่นังแพศยา นางแพศยามอบของให้นางแพศยา นางต้องทำลายอย่าให้เหลือ!
“นังแก่นี่บ้าไปแล้วหรือไร!” หลินฟาไฉที่กำลังมีความสุขหลังกินข้าวอิ่มก็ออกไปเดินเล่นแล้ว เขามีความสุขกับสายตาและคำอิจฉาของคนในหมู่บ้านยิ่งนัก เดินฟังคำชมรอบหมู่บ้านแล้วอารมณ์ดี
ั้แ่หลินหวั่นชิวย้ายเข้าบ้านเจียง เขาต้องทนอัดอั้นมานาน ทว่าหลังจากแต่งจางซื่อเข้าบ้าน ตัวเขาได้กลับมามีเงินอีกครั้ง หากไม่ออกมาเชิดหน้าชูตาสักหน่อยคงอึดอัดตาย
ไม่นึกเลยว่าเพิ่งออกไปโอ้อวดแค่ครู่เดียว ภรรยาแก่ที่บ้านจะเป็บ้าเสียได้
“ท่านพ่อ ไม่ใช่ความผิดแม่ใหญ่เ้าค่ะ ข้าไม่ทันระวังจึงล้มเอง” หลินชุ่ยพูด “แต่วันนี้คงนำของไปส่งให้พี่สี่ไม่ได้แล้ว”
สวี่ซื่อแค่ถูกหลินฟาไฉทำตาขวางใส่ก็กลายเป็นกกระทาทันที ได้แต่เดินกลับห้องอย่างไม่ยอมใจ
จางซื่อออกมาช่วยประคองหลินชุ่ย เก็บของขึ้นจากพื้น ดวงตานางมีน้ำตาคลอและหยดลงอย่างเงียบๆ ทำเอาหลินฟาไฉสงสาร…
เหตุการณ์ที่บ้านหลินแพร่กระจายไปทั่วหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว พากันบอกว่าในที่สุดเหล่าหลินก็ได้ภรรยาที่มีเหตุผล ชมว่านางรู้จักจัดการปัญหา หวังดีกับคนบ้านหลินจากใจจริง อยากส่งของไปไถ่โทษให้หลินหวั่นชิวด้วยซ้ำ
ต้องบอกก่อนว่าที่ผ่านมาคนบ้านหลินมีแต่จะอยากขูดรีดเอาสิ่งของจากหลินหวั่นชิว มีแต่จางซื่อที่จะมอบของให้นาง ดูจากเสื้อผ้าที่ถูกเหยียบจนสกปรกกับปิ่นเงินที่เบี้ยวแล้วล้วนแต่เป็ของดีทั้งสั้น เห็นได้ว่ามีจริงใจเต็มเปี่ยม
เื่นี้ย่อมดังไปถึงหูหลินหวั่นชิวเช่นกัน
หลินหวั่นชิวคิดว่าจางซื่อทำเช่นนี้แล้วต้องมาโอ้อวดต่อหน้านางเป็แน่ แสดงท่าทีว่าตัวเองหวังดีกับนางขนาดไหน แต่นึกไม่ถึงว่ากระทั่งวันที่สามสิบ บ้านเหล่าหลินก็ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
จางซื่อผู้นี้…
น่าสนใจยิ่งนัก
เชิงอรรถ
[1] ปีกลาย หมายถึง ปีที่แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้