ไม่ว่าจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ มนุษย์เดินดินธรรมดาหรือกระทั่งสัตว์เดรัจฉาน สิ่งมีชีวิตทุกชนิดล้วนมีพลังไหลเวียนอยู่ภายในเืของตน ทว่าภายในเืของผู้ฝึกยุทธ์จะมีพลังที่มากกว่าสรรพสิ่งอื่นๆ บรรจุอยู่ก็เท่านั้น
นอกจากนี้ภายในร่างกายของมนุษย์และสัตว์ยังมีสิ่งหนึ่งที่เรียกกันว่าแก่นโลหิต แก่นโลหิตนี้ถือเป็แก่นแท้ของเื นับเป็องค์ประกอบสำคัญของสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต
ในร่างกายของมนุษย์ทั่วไปจะมีแก่นโลหิตเพียงหนึ่งหรือสองหยดเท่านั้น แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์แก่นโลหิตจะเพิ่มขึ้นตามระดับวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งขึ้นของตน การสูญเสียแก่นโลหิตจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออายุขัย และในกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็อาจจะทำให้เสียชีวิตลงได้
เคล็ดวิชาชูร่าแห่งานั้นใช้แก่นโลหิตประกอบการฝึก โดยกลิ่นอายของเืจะสามารถช่วยเสริมให้พลังปราณแข็งแกร่งขึ้นได้
มู่เฟิงหยัดกายลุกขึ้นยืน เขาลากศพอันแห้งเหือดไปยังลานหลังบ้าน ก่อนจะเทน้ำมันก๊าดและจุดไฟเผา เพียงไม่นานร่างนั้นก็ถูกเปลวเพลิงเผาไหม้จนกลายเป็เถ้าธุลีสีดำปะปนไปกับพื้นดิน โดยหลังจากนี้มันยังสามารถนำมาใช้เป็ของบำรุงร่างกายต่อได้
การเข่นฆ่าและการกินมนุษย์ด้วยกันนั้นนับเป็ความโหดร้ายส่วนหนึ่งที่เกิดขึ้นบนโลกมนุษย์แห่งนี้ เพียงแต่มู่เฟิงไม่คิดว่าวิธีการของเขาเป็เื่โหดร้ายทารุณ เพราะหาก้าที่จะอยู่รอด เขาจำต้องฝึกฝนวรยุทธ์เพื่อพัฒนาความแข็งแกร่งของตัวเอง ถึงอย่างไรบนโลกใบนี้การต่อสู้และการเข่นฆ่าก็เป็สิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หากวันหนึ่งเขากลายเป็ซากศพนั้นเสียเอง เขาย่อมไม่รู้สึกเสียใจในภายหลัง เพราะมันเป็เส้นทางที่เขาเลือกที่จะเดินด้วยตัวเอง
ภายในเรือนพักอีกแห่งของจวนตระกูลมู่ซึ่งมีสภาพย่ำแย่กว่าเรือนตานซินของมู่เฟิง เด็กหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงินที่มีเข็มขัดสีทองรัดอยู่รอบเอว เวลานี้เขากำลังให้อาหารปลาทองในบ่อบริเวณลานบ้าน
เด็กหนุ่มผู้นี้มีอายุราวๆ สิบแปดปี เขามีใบหน้าหล่อเหลา คิ้วคมและจมูกโด่งเป็สัน ทว่าดวงตาคู่นั้นกลับดูเ็าเล็กน้อย
นามของเขาคือมู่ชิง บุตรชายของนายท่านสามแห่งตระกูลมู่ และยังเป็ลูกพี่ลูกน้องของมู่เฟิง
ณ ตอนนี้บ่าวรับใช้ทั้งสามคนที่หลบหนีจากเงื้อมมือของมู่เฟิงมาได้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ไม่ไกล พร้อมกับเอ่ยเล่าเื่ราวทั้งหมดให้ผู้เป็นายฟัง
“เ้าขุยซานสามารถทะลวงเส้นลมปราณได้ถึงเจ็ดจุดแล้ว นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังถูกสวะอย่างมู่เฟิงทุบตีจนตายได้ ช่างไร้ประโยชน์เสียจริง”
“แต่เ้าเด็กนั่นก็คงบ้าไปแล้วสินะ บิดาก็ตายไปแล้ว เวลานี้ตัวเองกลายเป็เพียงเศษสวะผู้หนึ่งยังไม่รู้จักเจียมตน ช่างไม่รู้จักประเมินสถานการณ์เอาเสียเลย ยังคิดว่าตัวเองเป็อัจฉริยะผู้นั้นอยู่อีกหรือ”
ใบหน้าของมู่ชิงดูมืดมน เผยให้เห็นร่องรอยของความเ็าวาดผ่าน
"ถูกต้องขอรับ คุณชายเฟิงผู้นั้นไม่เห็นท่านอยู่ในสายตาเลย การที่เขาสังหารขุยซาน แท้จริงแล้วก็เพื่อเป็การตบหน้าท่าน"
บ่าวรับใช้กล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
“ฮึ่ม ตบหน้าข้า เขาคิดว่าเขาเป็ใครกัน ทั้งหมดก็เพราะเขามีท่านลุงใหญ่คอยปกป้อง หากข้าขับไล่เขาออกจากตระกูลมู่ไม่ได้ข้าก็ไม่ใช่มู่ชิงแล้ว พวกเ้าสามคนตามข้ามา ข้าอยากไปเจอลูกพี่ลูกน้องของข้าผู้นี้เสียหน่อย"
มู่ชิงโยนอาหารปลาทั้งหมดในมือลงไปในบ่อ ก่อนจะเดินนำบ่าวรับใช้ทั้งสามคนไปยังเรือนตานซินของมู่เฟิง
ในเวลาเดียวกันนั้น ได้มีหนุ่มน้อยผู้หนึ่งมายังเรือนพักของมู่เฟิงด้วยเช่นกัน เขาเป็เด็กหนุ่มร่างสูงกำยำที่อยู่ในชุดคลุมสีดำ ผมของเขาสั้นราวกับเข็มเหล็ก
เด็กหนุ่มผู้นี้คือมู่ขวง เขาค่อนข้างเป็คนอารมณ์ร้อน แต่พร์ในการฝึกของเขานั้นนับว่าไม่เลวนัก เขามีอายุเท่ากันกับมู่เฟิง ในบรรดาคนตระกูลมู่เขาชื่นชมและเลื่อมใสในตัวมู่เฟิงเป็ที่สุด เขานับถืออีกฝ่ายที่สามารถเข้าร่วมกองทัพและทะลวงเส้นลมปราณได้ถึงเก้าจุดั้แ่อายุยังน้อย ถือเป็คนรุ่นเยาว์ที่มีพร์มากที่สุดของตระกูลมู่...
“พี่เฟิง ตอนนี้ร่างกายของท่านรู้สึกดีขึ้นบ้างหรือไม่?”
มู่ขวงนั่งลงตรงข้ามมู่เฟิง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยความเป็ห่วง
มู่เฟิงส่งยิ้มให้อีกฝ่าย "วางใจเถอะ ข้าไม่ตายหรอก ส่วนเื่เส้นลมปราณ ข้า..."
"พี่เฟิงอย่าได้กังวลไป เหล่าผู้าุโกำลังคิดหาวิธีช่วยท่านอยู่ เส้นลมปราณของท่านต้องสามารถฟื้นคืนกลับมาได้แน่"
แม้มู่ขวงจะพูดจาปลอบโยนไม่เก่ง แต่เขาก็ยังพยายามที่จะปลอบโยนอีกฝ่าย
“มู่เฟิง!”
ฉับพลันนั้นได้มีเสียงะโดังขึ้นจากนอกประตูของลานบ้าน แน่นอนว่าไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็มู่ชิงและบ่าวรับใช้ของเขานั่นเอง
มู่ชิงและบ่าวรับใช้เดินปรี่เข้ามาในเขตเรือนพักของมู่เฟิงทันที ขณะที่มู่เฟิงและมู่ขวงต่างก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน
“มู่ชิง เ้ามาทำอะไรที่นี่?”
มู่ขวงหันไปมองทางมู่ชิงก่อนเอ่ยถามอย่างเ็า
“เ้าเป็เพียงทายาทตระกูลสายรอง ชื่อของข้าเ้าสามารถเรียกได้ตามใจชอบรึ? ไม่รู้จักเจียมสถานะของตนเอาเสียเลย”
มู่ชิงตอกกับมู่ขวงอย่างเย็นเช่นกัน มู่ขวงนั้นไม่ใช่ทายาทสายหลักของตระกูลมู่ เป็เพียงทายาทสายรองเท่านั้น ดังนั้นสถานะของเขาในตระกูลมู่จึงด้อยกว่ามู่เฟิงและมู่ชิงซึ่งเป็ทายาทสายตรง
"เ้า…"
มู่ขวงรู้สึกขุ่นเคืองอย่างมาก
มู่เฟิงจึงยกมือขึ้นแตะไหล่อีกฝ่ายเป็เชิงห้ามปราม ก่อนจะกล่าวกับมู่ชิงว่า "เอาละ หยุดพูดเื่ไร้สาระได้แล้ว เ้ามาทำอะไรที่นี่ หรือเ้ายังคิดจะแย่งชิงเรือนตานซินกับข้า"
“เฮอะ เรือนตานซินอะไรนั่นข้าไม่ได้สนใจนักหรอก มู่เฟิง ขุยซานเป็บ่าวรับใช้ของข้า แต่เ้ากลับสังหารเขา การกระทำเช่นนี้ของเ้าหมายความว่าอย่างไร”
มู่ชิงกล่าวอย่างเ็า โดยไม่คิดจะพูดถึงเื่เรือนตานซินเลยแม้แต่น้อย
“เ้าบอกเองว่าเขาเป็เพียงบ่าวรับใช้ แต่ข้าคือคุณชายเฟิงแห่งตระกูลมู่ บ่าวย่อมมีกฎของบ่าว ในเมื่อบ่าวรับใช้กล้าทำตัวกระด้างกระเดื่อง ข้าย่อมต้องทำให้เขาเข้าใจถึงกฎของบ่าว และถือเป็การเตือนใครบางคนด้วยว่าอย่าได้คิดมาเล่นแง่กับข้า”
มู่เฟิงจ้องมองมู่ชิงและตอบกลับอย่างเ็า
"เหอะ ได้ ข้าได้ยินข่าวมานานแล้วว่าเส้นลมปราณของน้องมู่เฟิงถูกทำลาย กระทั่งวรยุทธ์ระดับจื่อฝู่ยังสูญสลาย แต่ข้ามู่ชิงผู้นี้ไม่เชื่อ นานมากแล้วที่ไม่ได้ประมือกับเ้า เห็นทีวันนี้คงต้องของแลกเปลี่ยนและเรียนรู้จากเ้าสักสองกระบวนท่า”
มู่ชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มแม้จะรู้สึกกรุ่นโกรธ
ทันทีที่เขาก้าวเท้า คลื่นพลังสีขาวได้เริ่มไหลเวียนลงใต้ฝ่าเท้าของเขา ฉับพลันนั้น กระทั่งใบไม้แห้งบนลานบ้านยังหมุนเป็เกลียวคลื่นขนาดย่อม และในทันใดเด็กหนุ่มก็ได้ใช้หมัดพุ่งเข้าหามู่เฟิงโดยตรง
หมัดนี้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังสีแดง เสียงทะลวงผ่านอากาศของกำปั้นดังหวีดหวิว แน่นอนว่ามันย่อมทรงพลังไม่ธรรมดา
ใบหน้าของมู่เฟิงมืดครึ้มลง เขาทำได้เพียงก้าวถอยหลังออกไปสองก้าวเพื่อหลบหลีก เพราะเวลานี้เขายังไม่สามารถเอาชนะมู่ชิงได้
"ต่ำทราม!"
มู่ขวงคำรามออกมาอย่างเดือดดาล เขาปล่อยหมัดจากพลังปราณสีขาวปะทะกับอีกฝ่ายในทันที
เปรี้ยง…!
เมื่อหมัดทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันก็พลันก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้น พร้อมทั้งกระแสลมที่พัดผ่านใบหน้า มู่ขวงก้าวถอยออกไปอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่แขนและขาของเขาชาหนึบ
ส่วนมู่ชิงยังคงยืนอย่างมั่นคงอยู่ในตำแหน่งเดิม
นี่เป็เพราะความแข็งแกร่งั้แ่กำเนิดของมู่ขวง หากเปลี่ยนเป็ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นที่อยู่ในระดับทงม่ายขั้นเก้าเหมือนกับเขา เกรงว่าอีกฝ่ายคงไม่สามารถต้านทานพลังของหมัดนั้นได้
“ฮ่าๆ มู่เฟิง เหตุใดวันนี้เ้าถึงเอาแต่หลบหลังเ้าเด็กจากตระกูลสายรองผู้นี้เล่า เ้าทำให้ทายาทตระกูลหลักอย่างข้าต้องขายหน้านะ!”
มู่ชิงเหลือบมองไปทางมู่เฟิงอย่างเย้ยหยัน
“บัดซบ อย่าได้มากล่าวหาพี่เฟิงของข้านะ”
มู่ขวงร้องคำรามด้วยความโกรธ ก่อนจะพุ่งทะยานตัวออกไปหมายจะต่อยมู่ชิง
“มู่ขวงกลับมา!”
สีหน้าของมู่เฟิงพลันเปลี่ยนไปทันที ก่อนจะเร่งรีบห้ามปรามอีกฝ่าย
แต่มันกลับสายไปเสียแล้ว มู่ชิงหลบเลี่ยงหมัดนั้นได้อย่างง่ายดาย ก่อนที่เขาจะสวนหมัดกลับไปยังท้องของมู่ขวง
เปรี้ยง...!
อวัยวะภายในของมู่ขวงถึงกับสั่นะเื เขากระอักเืออกมาทันที มู่ชิงยกเท้าขึ้นหมายจะกระทืบลงไปยังท้องของเขาอีกครั้ง
“มู่ชิง เ้าพอได้แล้ว!”
ลูกพี่ลูกน้องของตนกำลังถูกทุบตี มู่เฟิงจะทนไหวได้อย่างไร ความโกรธทำให้เขาขาดสติและพุ่งตัวเข้าหามู่ชิงในทันที เด็กหนุ่มกระทืบเท้าอย่างแรงและะโขึ้นสูงสองเมตร จากนั้นขาข้างหนึ่งของเขาก็พุ่งเป้าไปยังมู่ชิง
มู่ชิงจับมู่ขวงโยนออกไปด้านข้าง ก่อนที่เขาจะไขว้แขนเพื่อล็อกการโจมตีของมู่เฟิงเอาไว้ และในเวลาเดียวกันนั้นเขาก็พุ่งตัวเข้าหาอีกฝ่ายพร้อมปล่อยหมัดออกมา
หมัดที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังสีแดงได้พุ่งทะลวงผ่านอากาศเข้าหามู่เฟิง
เปรี้ยง!
ร่างของมู่เฟิงกระเด็นออกไปไกลสามถึงสี่เมตร
ในขณะที่มู่ชิงกำลังย่างเท้าเข้าไปหามู่เฟิง มู่ขวงก็ได้คลานเข้าไปกอดขาของอีกฝ่ายเอาไว้
“พี่เฟิง รีบหนีไป รีบไปหาท่านผู้นำตระกูลเร็วเข้า”
มู่ขวงะโบอกเสียงดังลั่น ในขณะที่มู่ชิงได้ใช้เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงบนศีรษะของเขา เท้านี้ทำให้ศีรษะของมู่ขวงกระแทกลงบนพื้นเสียงดังโครม จนเืไหลออกจากปากและรูจมูก
แต่เขายังคงกอดขาของมู่ชิงเอาไว้แน่น โดนที่มู่ชิงยังคงใช้เท้ากระทืบลงบนศีรษะของเขาไม่หยุด
“มู่ชิง เ้ามันรนหาที่ตาย!”
เมื่อเห็นฉากนี้ ดวงตาของมู่เฟิงก็ทอประกายสีเื จิตสังหารพลันลุกโชนขึ้นมาภายในใจของเขา
"หยุดมือ!”
ฉับพลันนั้นเสียงะโเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ตามมาด้วยเงาของแส้ที่ฟาดลงบนตัวมู่ชิง
หลังจากที่มันฟาดลงบนตัวของมู่ชิงแล้วมันก็ได้ทิ้งรอยคราบเืเอาไว้ เนื่องจากขาของเขาถูกกอดไว้แน่นจนไม่อาจขยับได้ ดังนั้นมู่ชิงที่ได้รับความเ็ปจากการถูกแส้ฟาดจึงล้มลงบนพื้นในทันที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้