จิ่นเซวียนรู้สึกหึงหวงซ่งจื่อเฉินเล็กน้อย เมื่อนางเห็นเ้าของเสียงนั้น โจวซู่ซิน เหตุในนางถึงมาที่นี่อีกเล่า เฮ้อ สตรีนางนี้คิดมิซื่อ นางตั้งใจมองซ่งจื่อเฉินอย่างอ่อนโยนที่สุดเท่าที่จะทำได้ จ้องสามีของผู้อื่นเช่นนี้ มิมียางอายบ้างหรือ?
“จื่อเฉินเอ๋ย ภรรยาของเ้าเก่งกาจยิ่งนัก จากนี้เ้าก็ทำทุกสิ่งที่เ้าอยากทำได้เหมือนคนทั่วไปแล้ว” โจวหลี่เจิ้งชื่นชมจิ่นเซวียนพอเป็มารยาท ความจริงแล้วเขาเสียใจเล็กน้อย หากซ่งจื่อเฉินมิได้ขาหัก เขาคงมิปฏิเสธการแต่งงาน แม้บ้านซ่งจะมิได้ส่งคนมาสู่ขอ แต่ทุกคนต่างก็รู้กันทั้งสิ้นว่าซ่งจื่อเฉินชอบโจวซู่ซิน
โจวหลี่เจิ้งอยากให้โจวซู่ซินแต่งกับผู้ที่เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและความสามารถ เพื่อเป็ประโยชน์ให้แก่พวกเขาบ้านโจว
คุณชายหวังนั้นดี แต่เขามิได้ถูกใจนัก บัณฑิตปัญญาชน กสิกร กรรมกรและพ่อค้าวาณิชย์[1] ในสี่อาชีพนี้ พ่อค้าเป็ชนชั้นล่างสุด หากอยากเข้าสังคมชนชั้นสูงย่อมต้องเป็ขุนนางเท่านั้น
ชีวิตของโจวหลี่เจิ้งนั้นมีลูกชายเพียงคนเดียวคือโจวเจียโย่ว เป็ลูกชายคนโต โจวเจียโย่วแต่งงานกับหานซื่อ มีลูกชายสองคน ลูกสาวสองคน ในหมู่หลานชายหลานสาว ผู้ที่โดดเด่นที่สุดคือหลานชายคนโต นามว่าโจวซั่ว และหลานสาวคนโตโจวซู่ซิน ส่วนลูกชายคนเล็กของโจวหลี่เจิ้งนั้นมิใช่ลูกแท้ๆ เขามีนามว่าโจวเจียอิ้ง แม้โจวเจียอิ้งจะมิใช้ลูกแท้ๆ แต่โจวหลี่เจิ้งก็หาภรรยาให้เขา ลูกสะใภ้เล็ก นามว่าหยวนซื่อคลอดลูกชายลูกสาวอย่างละคน หลานชายหลานสาวเหล่านี้มีคุณสมบัติปานกลาง โจวหลี่เจิ้งจึงมิค่อยชื่นชอบนัก
พูดกันตามตรงแล้วเขาหวังให้โจวซู่ซินใช้ความสัมพันธ์สมัยเด็กของพวกเขาแย่งซ่งจื่อเฉินมาจากจิ่นเซวียน ซ่งจื่อเฉินผู้นี้เป็เด็กอัจฉริยะ เขาสอบติดถงเซิงั้แ่แปดขวบ หากมิใช่เพราะล้มขาหัก มิแน่ซ่งจื่อเฉินอาจจะเป็ขุนนางใหญ่ไปแล้ว
“สามี ชายชราผู้นี้จ้องท่านด้วยสายตามีเลศนัยยิ่งนัก เขายังอยากได้ท่านไปเป็หลานเขยอยู่หรือไม่” จิ่นเซวียนมิชอบโจวหลี่เจิ้ง มอบแวบเดียวนางก็รู้ว่าเขาคือจิ้งจอกเฒ่าเ้าเล่ห์
“ภรรยา ข้ากับหลานสาวของเขามิใช่อย่างที่เ้าคิด ข้ามิเคยชอบนาง ทุกคนคิดไปเองทั้งสิ้น” ซ่งจื่อเฉินกลุ้มใจ เขามิเคยชอบโจวซู่ซิน แต่คนในหมู่บ้านกลับบอกว่าเขาชอบนาง
“นางงดงามถึงเพียงนั้น ท่านมิหวั่นไหวเลยหรือ?” จิ่นเซวียนมิเชื่อว่าซ่งจื่อเฉินมิเคยชอบโจวซู่ซิน หากเขามิชอบ แล้วผู้คนในละแวกนี้จะรู้เื่ของเขาและโจวซู่ซินได้อย่างไร
ซ่งจื่อเฉินเปลี่ยนไป แม้ก่อนหน้านี้เขาจะเ็าเพียงใด เขาก็ยังเหลือบมองนางบ้าง แต่เวลานี้ แม้กระทั่งสายตา เขายังมิส่งมาให้ พลาดไปแล้วก็มิมีโอกาสอีกเลยหรือ?
“พี่สะใภ้เล็กกับพี่จื่อเฉินรักกันมากจนทำให้ผู้อื่นอิจฉาเลยเ้าค่ะ” โจวซู่อิงยืนอยู่ข้างโจวซู่ซิน นางใช้ชีวิตร่วมกับโจวซู่ซินมาหลายปี นางย่อมรู้ดีว่าโจวซู่ซินเป็คนเช่นไร ความจริงมิได้เหมือนอย่างที่ทุกคนคิด ก่อนหน้านี้ญาติผู้พี่ใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ของนางกับซ่งเป่าจูไปเล่นที่บ้านซ่งบ่อยๆ เพื่อสร้างภาพหลอกลวงทุกคน
ซ่งจื่อเฉินจับมือจิ่นเซวียนอย่างเอาใจและสารภาพรักกับนาง “อิงจื่อ บางทีนี่อาจจะเป็โชคชะตา วินาทีแรกที่ข้าพบกับพี่สะใภ้เล็กของเ้า ข้าก็เหมือนเจอรักแรกพบ ตลอดสิบเก้าปีมานี้ นี่เป็หนแรกที่ข้าหวั่นไหวกับสตรี”
หนแรกที่หวั่นไหวกับสตรีหรือ พี่จื่อเฉิน ท่านเอาข้าไปไว้ที่ใดกัน
โจวซู่ซินชอกช้ำใจ นางมิคิดว่าซ่งจื่อเฉินจะชอบจิ่นเซวียนเข้าจริงๆ
“การแต่งงานของเฉินเอ๋อร์กับเซวียนเซวียนเป็์ที่ลิขิตมาแล้ว ผู้ที่มีชะตาต้องกัน มิว่าเมื่อใดก็จะได้อยู่เคียงคู่กัน” ซ่งผิงรู้ความจริงแล้วว่าลูกชายของเขามิเคยชอบโจวซู่ซิน ทั้งหมดคือสิ่งที่นางสร้างขึ้นมาเอง
“ใช่แล้ว โชคชะตาฟ้าลิขิต มิแน่ว่าเมื่อพันปีก่อนท่านผู้เฒ่าจันทรา[2] อาจจะผูกด้ายแดงให้จิ่นเซวียนกับจื่อเฉินไว้แล้ว” โจวซู่ซินเ็ปกับคำพูดของแม่สื่อโจวยิ่งนัก ซ่งจื่อเฉินกล่าวออกมาเช่นนี้ ทุกคนย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจว่านับจากนี้ภาพที่พวกเขามีต่อโจวซู่ซินจะเปลี่ยนไป
“พี่สะใภ้เล็กกับพี่จื่อเฉิน ข้าขอให้พวกท่าน ผู้มีรักแท้ได้ครองคู่กันตลอดไป ข้าดีใจกับพวกท่านจริงๆเ้าค่ะ” โจวซู่ซินรู้ว่าทุกคนมองนางอย่างไร นางจึงฝืนยิ้มอวยพรซ่งจื่อเฉินกับจิ่นเซวียน เพื่อปกปิดเื่ที่เคยกระทำ
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของเ้า เ้างดงามถึงเพียงนี้ สามีในอนาคตของเ้าต้องโดดเด่นมากแน่นอน”
จิ่นเซวียนนับถือทักษะการแสดงของโจวซู่ซินจริงๆ สัญชาตญาณเตือนนางว่าโจวซู่ซินมิใช่ผู้ที่จะรับมือได้ง่ายๆ
นางต้องเผชิญสถานการณ์เช่นนี้แล้วยังยิ้มแย้มพูดคุยได้อย่างปกติ สมกับที่เป็นางชาเขียวมากประสบการณ์
“ท่านพ่อ เมล็ดทานตะวันกับถั่วลิสงของพวกเราอยู่ที่ใดหรือเ้าคะ ข้าจะไปหยิบมาให้ทุกคนทานรออาหารเย็น พวกเราขอเชิญทุกคนให้มานั่งทานอาหารด้วยกันนะเ้าคะ” จิ่นเซวียนเห็นทุกคนยืนกันนานแล้ว คงจะเมื่อย นางจึงเรียกให้ทุกคนมานั่ง จากนั้นก็เดินไปหยิบเมล็ดทานตะวันกับถั่วลิสงมามอบให้กับทุกคน เพื่อกินระหว่างรออาหารทำเสร็จ
“พี่สะใภ้เล็ก ท่านเป็เ้าสาว ควรไปอยู่เป็เพื่อนพี่จื่อเฉิน เื่อาหารให้พวกเราทำเถิดเ้าค่ะ” คนที่ตนเองชอบแต่งงาน นางมิเพียงเข้าร่วมงานแต่ง ยังวิ่งรอกช่วยงาน โจวซู่ซินจิตใจเข้มแข็งยิ่งนัก
“ข้าทำงานที่บ้านอยู่บ่อยๆ ข้าจะไปช่วยทุกคนด้วย”
“ภรรยา เ้าเพิ่งเปลี่ยนชุดมา หากทำเปื้อนอีก ข้ากลัวว่ามันจะซักมิออก เ้าไปคุยเล่นกับทุกคนก่อนดีกว่า เดี๋ยวข้าทำงานให้เอง” ซ่งจื่อเฉินเห็นว่าจิ่นเซวียนผูกผ้ากันเปื้อนเตรียมจะทำงาน เขาจึงรีบห้ามมิให้นางทำ
ยิ่งเขาแสดงออกว่าชอบจิ่นเซวียนมากเท่าใด โจวซู่ซินก็ยิ่งเสียใจมากเท่านั้น
“จื่อเฉินเป็บุรุษที่ดีจริงๆ เขารักภรรยามากยิ่งนัก” สตรีออกเรือนแล้วที่อยู่รอบๆ ชื่นชมซ่งจื่อเฉินยิ่งนัก แม้ซ่งจื่อเฉินจะค่อนข้างเ็า แต่เขาก็ใจดี มิเคยวางอำนาจ ขอเพียงคนในหมู่บ้านป่วยและมาหาเขา เขาก็จะวินิจฉัยและออกใบสั่งยาให้
ทั้งยังมิยอมคิดเงินตั้งหลายหน จนพวกเขารู้สึกมิดีที่ให้ซ่งจื่อเฉินเสียแรงโดยมิให้ค่าตอบแทน พวกเขาจึงต้องยัดเงินใส่มือของซ่งจื่อเฉิน เขาถึงยอมรับมา
“สามี ท่านเพิ่งฟื้นตัว มิควรออกแรงมาก ข้าทำเองดีกว่า” จิ่นเซวียนยืนกรานว่าจะทำงาน ซ่งจื่อเฉินจึงช่วยผูกผ้ากันเปื้อนให้จิ่นเซวียนและปล่อยให้นางไปเป็ลูกมือของพวกเฉินซื่อที่อยู่ในครัว
“จื่อเฉิน เ้าวางใจเถิด ภรรยาของเ้าเลือกแต่งงานกับเ้าแล้ว นางมิหนีไปหรอก” พวกผู้ชายที่อยู่ในลานบ้านเห็นซ่งจื่อเฉินรักจิ่นเซวียนเช่นนั้น พวกเขาเลยอดที่จะหยอกซ่งจื่อเฉินมิได้
“จื่อเฉิน การสอบคัดเลือก่วสันต์ในปีหน้าเป็การสอบใหญ่ เ้าจะกลับเข้าสำนักศึกษาเมื่อใดหรือ?” โจวหลี่เจิ้งถามซ่งจื่อเฉินว่าเขาจะไปกลับเรียนหนังสือเมื่อใด
“หลายปีมานี้ แม้ข้าจะขยับได้มิค่อยสะดวกนัก แต่วิชาความรู้มิได้หล่นหายไปที่ใด ข้าคิดว่าจะมิกลับไปที่สำนักศึกษาแล้วขอรับ ปีหน้าข้าต้องเข้าไปสอบในเมืองหลวง จึงอยากช่วยทุกคนทำงานเก็บเงินค่าเดินทางขอรับ”
ซ่งจื่อเฉินคิดว่าปัญญาชนในสำนักศึกษาพวกนั้นมิได้มีระดับสูงเท่าเขา การไปเรียนที่นั่นมีแต่เสียเวลาเปล่า อีกอย่างเขาเพิ่งจะแต่งงาน เขามิอยากแยกจากภรรยาตัวน้อย
“จื่อเฉินเฉลียวฉลาดมาั้แ่เล็ก เขาเรียนเองก็ประสบความสำเร็จได้ หลายปีมานี้เขารักษาคนในหมู่บ้านไปไม่น้อย วิชาแพทย์ของเขาใช้ได้ตลอดชีวิตเลย” แม่สื่อโจวดีใจนักที่ซ่งจื่อเฉินฟื้นตัวแล้ว นางคิดหลังจากนี้นางจะจัดงานแต่งให้ดีมิให้แพ้แม่สื่อของทางการเลย
“ท่านอาเฉียว หากที่ใดมีแม่นางหรือเด็กหนุ่มดีๆ ท่านช่วยดูให้พวกเราด้วยนะเ้าคะ” ผู้ที่คุยกับแม่สื่อโจวคือสตรีออกเรือนแล้วในหมู่บ้านเดียวกันนามว่าจางชุ่ยหง สามีของนางอยู่รุ่นเดียวกับลูกชายของแม่สื่อโจว นางมีลูกสามคน ลูกชายคนโตนามว่าโจวต้าไห่ เขามีอายุสิบแปดปีแล้ว แต่ยังมิได้แต่งงาน ส่วนลูกสาวคนสุดท้องนามว่าโจวหลานหลาน นางเองก็มีอายุสิบห้าปีแล้ว ครอบครัวของนางยากจนจึงหาสะใภ้ลำบาก นางกลุ้มใจจนจะตายเสียแล้ว
“แม่นางในหมู่บ้านสกุลซย่าเป็สตรีนำโชค พวกเราไปหาจากหมู่บ้านสกุลซย่าเถิด” มีคนะโขึ้นมา
“เ้าคิดว่าผู้อื่นจะโชคดีเหมือนจื่อเฉินหรือ?หมู่บ้านสกุลซย่านั้นก็มีแม่นางหน้ามิอายอยู่ อย่างเช่นน้องสาวของภรรยาจื่อเฉินอย่างไรเล่า ข้าได้ยินว่านางรังแกภรรยาของจื่อเฉินบ่อยๆ”
ซ่งจื่อเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย น้องสาวภรรยาของเขามีชื่อเสียงเสียจริง เื่ที่นางรังแกภรรยาตัวน้อยทุกคนต่างก็รู้กันทั่ว สามวันจากนี้พวกเขาต้องกลับไปคารวะพ่อแม่ของภรรยา มิรู้ว่าคนบ้านซย่าจะแปลกใจหรือไม่ที่พบเขา
เชิงอรรถ
[1] บัณฑิตปัญญาชน กสิกร กรรมกร พ่อค้าวาณิชย์ หมายถึง การแบ่งชนชั้นตามอาชีพออกเป็ 4 กลุ่มในสังคมจีนยุคศักดินา
[2] ผู้เฒ่าจันทรา หมายถึง เทพเ้าแห่งความรัก เป็ผู้เฒ่าที่มีด้ายแดง นามว่าเทพเ้าจันทรา หรือผู้เฒ่าจันทรา ซึ่งเป็เทพผู้ควบคุมและกำหนดด้ายแดงแห่งโชคชะตา และการแต่งงานตาม ตามความเชื่อของชาวฮั่น ผู้เฒ่าจันทราจะผูกค้ายแดงไว้ที่นิ้วของชายหญิงที่เป็เนื้อคู่กัน เมื่อผูกด้ายแดงกันแล้ว หากถึงเวลาจะได้แต่งงานกัน มิว่าจะมีอุปสรรคขวากหนามมากมายเพียงใดก็ตาม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้