การเคลื่อนไหวเท้าของชายผู้นั้นหนักแน่นคล่องแคล่ว ก้าวมาถึงขอบเตียงภายในสามก้าวห้าก้าว
เจินจูตึงเครียดจนหัวใจบีบรัดเกร็ง มือที่กุมขวดไม้เตรียมพร้อมตลอดเวลา
ขณะที่ชายผู้นั้นคิดจะอ้อมมาถึงโครงเตียงด้านหลัง นอกลานก็แว่วเสียงเอะอะโวยวายขึ้น
ฝีเท้าของเขานิ่งค้างลงทันที ตะแคงหูตั้งใจฟัง คล้ายว่าจะมีคนพุ่งเข้ามาภายในจวนและถูกผู้คุ้มกันพบเข้า
ชายหนุ่มขมวดคิ้วขึ้น คงไม่ใช่ความยุ่งยากที่สาวงามผู้นี้นำพาเข้ามาใช่หรือไม่
พี่ใหญ่อยู่ภายในจวน หากไปรบกวนเขาเข้า เื่ราวคงจัดการได้ไม่ง่ายแล้ว
เขาชำเลืองมองด้านหลังโครงเตียงปราดหนึ่ง ปล่อยนางไปก่อนแล้วกัน หน้าประตูใหญ่ลานบ้านมีหญิงรับใช้สูงวัยเฝ้าประตูอยู่ นางหนีออกไปไม่ได้แน่
ชายสวมชุดคลุมยาวสีน้ำเงินสดใสเดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
เส้นประสาทของเจินจูที่ตึงเครียดในที่สุดก็ผ่อนคลายลง นางได้ยินเสียงดังขึ้นจากด้านนอกไกลๆ เช่นกัน
เป็พวกหลัวจิ่งมาแล้วใช่หรือไม่?
เจินจูรีบสวมรองเท้าและยื่นตัวเดินออกมาจากหลังเตียง
ประตูห้องเปิดกว้างอยู่ นางตั้งใจฟังอย่างละเอียดพักหนึ่ง... ไม่ได้ยินเสียงลมหายใจของคน แต่นอกลานบ้านมีเสียงมีดดาบปะทะกันขึ้น
ไอ๊หยา ไม่รู้ว่าหลัวจิ่งพากำลังคนมาเท่าไร? จะเสียเปรียบไหมนะ?
เจินจูผลักหน้าต่างเปิดออก พบว่าตำแหน่งที่นางอยู่เป็ชั้นสองของลานแห่งหนึ่ง
ส่วนเสียงที่ดังขึ้นปะปนกันเป็เสียงที่แว่วมาจากในลานบ้านอีกฝั่ง ทางนั้นมีแสงไฟสว่างไสว พร้อมกับเงาคนเคลื่อนไหวไปมา
นางรวบรวมสมาธิเพ่งมอง หลัวจิ่ง ผิงอัน หลัวสือซานกำลังถูกผู้คุ้มกันกลุ่มหนึ่งโอบล้อม
โอ้พระพุทธองค์ พวกเขามาช่วยนางกันเพียงสามคนงั้นหรือ แม้แต่ผู้คุ้มกันสักคนก็ไม่ได้พามา นี่ตกเป็รองมากเกินไปแล้วกระมัง
เจินจูหัวใจดังไฟแผดเผา แทบอยากจะพุ่งเข้าไปเคาะกะโหลกพวกเขาทีละคนเสียจริงๆ
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยะโขึ้นมาจากชายคาระเบียง
“เสี่ยวฮุย เ้ามาแล้ว!” เจินจูประคองมันขึ้นมาด้วยความใระคนยินดี
“จี๊ดๆ” ข้าพาพวกเขามาช่วยแล้ว
พามาเพียงสามคนจะมีประโยชน์อะไร ไอ๊หยา ถูกคนมากมายเพียงนั้นโอบล้อม ไม่รู้ว่าพวกเขาจะค้ำยันไว้ได้อีกนานแค่ไหน
“เสี่ยวเฮยล่ะ?”
“จี๊ดๆ” ช่วยพวกเขาอยู่ทางนั้น
มารดาเถอะ สามคนหนึ่งแมวหากผู้ใดได้รับาเ็ไป นางก็ล้วนปวดใจทั้งสิ้น
“เร็ว เสี่ยวฮุย นำทางข้าที อันนี้ให้เ้า” เจินจูหยิบขวดไม้ใบเล็กที่เคยให้เสี่ยวฮุยใช้โดยเฉพาะออกมาจากมิติช่องว่างแล้วคล้องบนคอของมัน ด้านในบรรจุยาสลบแบบธรรมดาเอาไว้ นี่เป็สิ่งที่หลัวจิ่งซื้อให้นาง
เพื่อให้ได้ประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น นางจึงผสมผงม่านถัวหลัวลงไปด้านในไม่น้อย
คนในลานบ้านด้านนี่มีไม่มาก เมื่อได้เสี่ยวฮุยนำทางจึงมาถึงส่วนของประตูลานได้อย่างรวดเร็ว
หญิงรับใช้ชรารูปร่างสูงใหญ่เทอะทะสองคนนั่งเฝ้าประตูลานบ้านอยู่ใต้ชายคาของระเบียง
เสี่ยวฮุยเล่นลูกไม้เดิม ะโขึ้นไปบนชายคาจากนั้นโปรยผงสลบไปทางศีรษะของพวกนาง
ไม่นานหญิงรับใช้ชราสองคนก็ล้มลงไปกองอยู่บนพื้น ‘ผลุบ’
เจินจูที่รอคอยโอกาสอยู่แล้วจึงผลักประตูลานเปิดออก และตามเสี่ยวฮุยหลบซ้ายเบี่ยงขวาตลอดทาง อาจเป็เพราะการต่อสู้ในลานบ้านได้ดึงดูดผู้คุ้มกันไปรวมกันอยู่ที่นั่น นางจึงมาถึงประตูใหญ่ด้านหลังได้อย่างราบรื่นเป็อย่างมาก
นางไม่ได้ไปรวมตัวกับทางหลัวจิ่ง เพราะต่อให้นางไป ประโยชน์แม้แต่นิดเดียวก็ช่วยอะไรไม่ได้ อาจทำได้เพียงกลายเป็ความยากลำบากของพวกเขาแทน จึงรีบกลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วพาคนมาช่วยพวกเขาจะดีกว่า
พวกเขาต้องประคองสถานการณ์ไว้ให้นานสักพักแล้ว
เจินจูกัดริมฝีปาก กดความร้อนรนข้างในเอาไว้
ประตูใหญ่สีแดงเข้มหลังลานลงกลอนแน่นสนิท ดวงตาของนางผุดความกระสับกระส่ายออกมา มองแล้วกำแพงลานสูงมาก จากความสูงของนางปีนขึ้นไปไม่ได้โดยสิ้นเชิง
“เสี่ยวฮุย เ้าดูทีว่าแถวนี้มีสิ่งของจำพวกบันไดหรือม้านั่งไหม?” เจินจูสั่งเสียงแ่เบา
เสี่ยวฮุยเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว พบลานด้านหลังมีห้องเก็บของ ด้านในมีเครื่องเรือนไม้ที่คัดทิ้งออกมามากมาย
เจินจูลองกะระดับความสูง แล้วย้ายเก้าอี้ไม้แดงหนึ่งตัวกับเก้าอี้จีนทรงกลมหนึ่งตัวออกมา
เสี่ยวฮุยเฝ้าระวังอยู่บนกำแพงลาน ยืนมองนางออกแรงปีนขึ้นบนสันกำแพง
กว่าจะปีนขึ้นมาได้ไม่ใช่เื่ง่าย เมื่อมองไปที่พื้นล่างสุดก็รู้สึกแข้งขาอ่อนแรงทันที ไม่ใช่เตี้ยๆ เลยจริงๆ
แต่เมื่อคิดถึงพวกเขาที่กำลังต่อสู้กันสุดชีวิตทางด้านนั้น นางจึงกัดฟันะโลงมาจากสันกำแพง
‘ผลุบ’ ขาและเท้าของเจินจูสั่นะเืจนเกิดอาการชา
นางไม่มีเวลาพอให้สนใจที่จะผ่อนคลาย รีบวิ่งตามหลังเสี่ยวฮุยไปอย่างรวดเร็ว
วิ่งตะบึงมาตลอดทาง ใช้พละกำลังสุดชีวิต สองชีวิตในสองชาติภพของนางรวมกันขึ้นมาแล้วไม่เคยวิ่งอย่างสุดความสามารถเช่นนี้มาก่อนเลย
เสี่ยวฮุยวิ่งๆ หยุดๆ คอยนางอยู่เป็ระยะ แล้วจึงวิ่งต่อไปข้างหน้า
ขณะที่เจินจูรู้สึกว่าปอดของตนเองจวนจะะเิแตกออกมา ข้างหน้าได้ปรากฏกองกำลังคนและม้าหนึ่งกลุ่มขึ้น แม้จะเป็ท่ามกลางความมืดมิดแต่เจินจูก็จำได้ในชั่วพริบตาเดียว ว่าเป็หัวหน้าองครักษ์จากจวนกั๋วกงเหยาเฮ่าหลาน
เห็นได้ชัดว่า เขาก็เห็นนางที่ตกอยู่ในที่นั่งลำบากเช่นกัน
“แม่นางหู นี่ท่านเป็อะไรหรือขอรับ?” เหยาเฮ่าหลานสาวเท้าวิ่งเข้ามา ลังเลอยู่เล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยื่นมือออกมาประคองเจินจูที่ยืนไม่มั่นคงเอาไว้
“…พวกเขา …ยังอยู่ …ด้าน …หลัง” เจินจูวิ่งมาจนสีหน้าขาวซีด กระหืดกระหอบหายใจไม่ทั่วท้อง พลางชี้ไปยังทิศทางด้านหลัง “…พวกท่านรีบไป ช่วยหน่อย พวกเขา …ถูกรุมโจมตีแล้ว”
แววตาเหยาเฮ่าหลานเย็นเยียบขึ้นทันที กองกำลังของพวกเขาจากจวนกั๋วกงพักอยู่ถนนข้างเคียงที่ห่างไปจากโรงเตี๊ยมฝูเซิงเล็กน้อย ผู้ใต้บังคับบัญชาที่เฝ้าเวรกลางคืนพบการเคลื่อนไหวทางพวกนางขึ้น จึงเริ่มออกมาช่วยทันที
“แม่นางหู อย่างเพิ่งรีบร้อน รายละเอียดตำแหน่งที่ตั้งอยู่ที่ใด ข้าจะนำคนไปช่วยเดี๋ยวนี้”
“…เสี่ยวฮุย เ้านำทางเขาไป …ระวังด้วย” เจินจูหอบหายใจหนัก ชี้ไปยังเสี่ยวฮุยที่อยู่บนพื้น ตอนนี้นางไม่มีเวลามาสนใจซ่อนเสี่ยวฮุยแล้ว
เหยาเฮ่าหลานมองไปที่หนูขนสีเทาบนพื้นอย่างนิ่งอึ้ง เขารู้ว่าสัตว์เลี้ยงของพี่น้องสกุลหูมีแมวหนึ่งตัวและหนูหนึ่งตัว แต่การที่หนูนำทางได้ เขาเพิ่งได้ยินเป็ครั้งแรกเลย
“จี๊ดๆ” เสี่ยวฮุยรีบพุ่งออกไปทันที ทั้งยังหันหน้ามามองพวกเขาอีกว่าทำไมไม่ตามมันไป
เหยาเฮ่าหลานโบกมือขึ้น ชี้ไปทางองครักษ์ผู้หนึ่ง ให้เขารั้งอยู่ดูแลแม่นางหู จากนั้นนำทางผู้ใต้บังคับบัญชาวิ่งตามเสี่ยวฮุยไปทันที
“…มากันเร็วจริงๆ เขาหาที่นี่เจอได้อย่างไรกัน?” ชายหนุ่มชุดคลุมยาวสีน้ำเงินสดใสมีลวดลายประปรายยืนอยู่หลังหน้าต่างที่แง้มไว้ครึ่งบาน มองไปยังสามคนภายในลานที่ถูกผู้คุ้มกันโอบล้อมอยู่
รูปร่างสูงทรงพลังตรงกลางนั่น เป็ชายหนุ่มรูปงามท่าทางโดดเด่น ใบหน้าเคร่งขรึมมือควบคุมตวัดคมดาบ วรยุทธ์ติดกายไม่ธรรมดา แผ่ไอสังหารอย่างเ็ากระจายออกมา เป็ผู้คุ้มกันบุปผางามที่อยู่ข้างกายสาวงามผู้นั้น
ชิ ชายผู้นี้กับสาวงามคงไม่ใช่ว่าเป็คู่หนุ่มสาวที่มีใจให้กันใช่หรือไม่
“ให้พวกชื่ออีเข้าไปร่วมสู้ด้วย เอาชนะสามคนนั้นให้ได้ เป็ตายไม่สนต้องลงมืออย่างรวดเร็ว จะได้ไม่กวนให้พี่ใหญ่ตื่นขึ้นมา” เขากำชับอย่างไม่ร้อนรน ทว่าในดวงตากลับปรากฏแสงสะท้อนมืดครึ้มหนาวเย็นออกมา ผู้ใดจะสนว่าพวกมันเป็ใคร ในเมื่อกล้าพุ่งเข้ามาก็ให้พวกมันได้เข้ามาแต่ไม่ได้ออกไปเสียเถอะ
“…รับทราบ”
พวกหลัวจิ่งสามคนเดิมทีตามอยู่ด้านหลังเสี่ยวฮุยกับเสี่ยวเฮย เลี่ยงผู้คุ้มกันนอกลานมาอย่างระมัดระวัง กระทั่งเกือบจะเข้าไปภายในลานได้อยู่แล้ว แต่ผิงอันไม่ทันระวังเหยียบเข้ากับกิ่งไม้แห้งที่ร่วงลงมา ทำให้ผู้คุ้มกันที่เฝ้าเวรยามดึกเกิดความตื่นตัวขึ้น
ภายในลานแห่งนี้ ผู้คุ้มกันที่ออกตรวจตรากลางดึกฝีมือค่อนข้างสูง ไม่เหมือนกับผู้คุ้มกันทั่วไป พวกหลัวจิ่งไม่สามารถเลี่ยงไปได้อย่างรวดเร็ว ทำได้เพียงหยิบอาวุธออกมาตอบโต้อย่างสุขุม
หลัวจิ่งกับหลัวสือซานมีประสบการณ์มาจากการต่อสู้มากมาย ให้รับมือกับผู้คุ้มกันเหล่านี้ช่างง่ายดายอย่างมาก ทว่าต้องแบ่งกำลังมาปกป้องผิงอันอยู่เป็ระยะๆ เขาอายุยังน้อย ไม่มีประสบการณ์เช่นนี้ จึงทำอะไรไม่ถูกไปอยู่บ้าง
เสี่ยวเฮยซ่อนตัวอยู่กลางแปลงดอกไม้ ั์ตาคู่เขียวมันขลับคอยเฝ้าระวังภายในลานอยู่ตลอด ผู้เป็นายสาวได้บอกไว้ให้มันปกป้องคนฝั่งตัวเอง ไม่เช่นนั้นรอปีหน้าเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ พวกเขาจะไม่ช่วยจับปลาเงินตัวน้อยในบึงมรกตให้มันแล้ว
หลัวจิ่งยกดาบขึ้นขวางคมที่พุ่งเข้ามาตรงหน้า ทันทีหลังจากนั้นยกเท้าออกแรงวาดขึ้นหนึ่งที เตะผู้คุ้มกันข้างหน้าลอยไปไกลสิบกว่าหลา
คืนนี้เขาตกอยู่ในความกังวลมากเกินไป ทำให้ไร้การยั้งคิดให้รอบคอบ พาพวกเขาเข้ามาตกอยู่ในอันตรายไปด้วย
กล้าจับตัวคนบนถนน ต้องมีฐานะเบื้องลึกเื้ัแน่ พวกเขาพุ่งพรวดพราดเข้ามาเช่นนี้ ช่างไม่ฉลาดเอาเสียเลยจริงๆ
ทว่าเมื่อคิดถึงเจินจูที่อยู่ในลาน เขาก็ไม่เสียใจอีก ในเมื่อมาแล้ว หึ... ก็ไม่มีเหตุผลให้ต้องกลับไปมือเปล่า
แววตาของเขาดุดันขึ้น รังสีที่แผ่ออกมาทำเอาคนหนาวเย็น อาวุธคู่กายในมือตวัดออกไปทันทีทำให้ความเงาของดาบสะท้อนวูบวาบ ระหว่างที่กวัดแกว่งไปมาเืสีแดงฉานก็สาดกระเซ็นออกมารอบด้าน
ผู้คุ้มกันโดยรอบที่ล้อมพวกเขาอยู่พากันร้องโหยหวนขึ้นเป็แถบ
ดวงตาผิงอันผุดประกายแวววาว มองหลัวจิ่งด้วยความเลื่อมใสที่องอาจห้าวหาญเต็มไปด้วยความกล้า
เขาถูกสองคนปกป้องให้อยู่ตรงกลาง แม้จะเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย แต่ถูกพวกเขาชิงจัดการทิ้งเกลี้ยงไปอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ความรู้สึกถูกบีบรัดจู่โจมก็พุ่งเข้ามา
ผิงอันยังไม่ทันได้ทำการโต้ตอบก็ถูกหลัวสือซานดึงถอยหลังไป
‘เคร้ง’ เสียงดังขึ้น
ขวานหัวพระจันทร์เสี้ยวหนึ่งด้ามฟาดฟันมากระทบบนดาบของหลัวจิ่ง
ชายร่างสูงใหญ่หนวดงอโค้งเต็มใบหน้าผู้หนึ่ง ถือขวานหัวพระจันทร์เสี้ยวในมือพุ่งแหวกอากาศตรงเข้ามา
แรงกดดันมหาศาลเข้าจู่โจมหลัวจิ่งผ่านดาบ เขาสีหน้าเคร่งขรึม ผุดประกายความหนาวเย็นในดวงตาวาบผ่านออกมา
ด้วยแรงของเขาที่ใส่เต็มกำลังความสามารถ ทำให้ดาบที่แต่เดิมถูกกดไว้ ได้ขยับดันขึ้น้าอย่างช้าๆ
ข้างในดวงตาของบุรุษร่างใหญ่ปรากฏความประหลาดใจและงงงันทันที เขาออกแรงแปดส่วนไปในหนึ่งขวาน แม้แต่ชื่อลิ่วที่กำลังแขนแข็งแกร่งที่สุดในจวนก็ยังไม่กล้างัดข้อกับเขาเลย
ชายหนุ่มรูปงามตรงหน้านี่ไม่เพียงรับขวานเอาไว้ แต่ยังมีแรงเหลือตีตอบโต้กลับขึ้นมาอีกด้วย
บุรุษร่างใหญ่กำยำแค่นเสียงขึ้นจมูกหนึ่งที ส่งแรงของตัวเองไปมากขึ้น ขวานพระจันทร์เสี้ยวหยุดไม่ขยับ ทว่าไม่สามารถกดคมดาบลงไปได้
‘เคร้ง’
สองคนแยกออกจากกันถอยหลังไปเล็กน้อย ทันทีหลังจากนั้นก้าวเข้ามาหากันอย่างฉับไว และปะทะอาวุธกันอีกครั้ง
เวลาไม่กี่ลมหายใจ สองคนประมือกันอยู่หลายหน
บุรุษร่างใหญ่หลังจากได้ประมือก็ยิ่งตื่นตระหนก ชายหนุ่มผู้นี้ดูแล้วอายุเพียงสิบหกหรือสิบเจ็ดปีเท่านั้น กำลังภายในไม่เพียงแข็งแกร่งและรับมือได้เป็เวลานาน แต่การเคลื่อนไหวในแต่ละกระบวนท่าก็ช่ำชองอย่างหาได้ยาก ทุกกระบวนท่าและการเคลื่อนไหวที่ลุยเข้ามาล้วนมีความว่องไวไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย นับได้ว่าเป็การเข่นฆ่าจู่โจมที่เขาเห็นมาจนเคยชินจึงอดชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้
หลัวสือซานปกป้องผิงอันอยู่ด้านข้างอย่างระมัดระวัง เห็นได้ชัดว่าลานของจวนแห่งนี้แปลกประหลาดยิ่ง คนธรรมดาที่ไหนจะมีผู้คุ้มกันที่มีฝีมือสูงและแข็งแกร่งเช่นนี้ ชายร่างใหญ่ผู้นั้นใช้ขวานเสี้ยวพระจันทร์ได้ถึงขั้นสุดยอด เหมือนเป็บุคคลของสำนักชาวยุทธ์ยิ่งนัก
แต่ไหนแต่ไรมาขุนนางราชสำนักกับจอมยุทธ์ในยุทธภพต่างไม่ยุ่งเกี่ยวกัน แม้ชาวยุทธ์ฝีมือจะสูงส่งมาก แต่สำหรับจวนขุนนางแล้วไม่มีประโยชน์ใดให้เก็บเกี่ยวได้ ต่อให้สำนักใหญ่แค่ไหนก็ไม่กล้าโผล่ออกมาเสี่ยงให้ถูกขุนนางประกาศจับ และล้อมจวนปราบเพราะลักพาตัวสตรีในครอบครัวไปหรอก
หลัวสือซานถือว่าเจินจูเป็ครอบครัวของหลัวจิ่งนานแล้ว
เมื่อเจินจูถูกจับไป ย่อมเป็สตรีของครอบครัวขุนนางถูกจับไปด้วย
“…ให้พวกชื่อชีเข้าไปร่วมด้วย อืดอาดอยู่นั่น ฟ้าจวนจะสว่างอยู่แล้ว” ชายที่อยู่หลังหน้าต่างฉลุลายใบหน้าอึมครึม รีบออกคำสั่งไปอีกครั้ง
“…คุณชายสาม หากพวกเขาเป็คุณชายคุณหนูของคนมีตำแหน่งสูงอำนาจมากที่ไหนเข้า จะกลายเป็เื่ยุ่งยากเอานะเ้าคะ” สตรีสวมเสื้อผ้าสวยงามโออ่าล้ำค่า บุรุษมีลักษณะท่าทีของผู้มีฐานะสูงส่ง ดูแล้วไม่ใช่เด็กที่ครอบครัวธรรมดาจะบ่มเพาะออกมาได้เลย
“เหอะ เ้าเคยเห็นคุณชายที่ไหนมีฝีมือเช่นเขาบ้าง คุณชายหรือท่านชายที่ถูกโอ๋มาแต่เด็กเ่าั้ จะมีกลิ่นอายดุดันรวดเร็วแผ่ออกมาเช่นเขาหรือ? ไม่ต้องสนใจเขา รีบไปจัดการตามคำสั่งข้า หากเกิดเื่อะไรขึ้นให้เป็หน้าที่ของคุณชายเช่นข้าแบกรับไว้เอง เ้าจะกังวลอะไร?” ชายหนุ่มชุดสีน้ำเงินสดใสโบกมืออย่างหงุดหงิดใจ
“…เ้าค่ะ”
หลัวจิ่งกำลังต่อสู้กับชายร่างใหญ่อย่างดุเดือด จู่ๆ บริเวณในลานก็ผุดชายรูปร่างสูงใหญ่ฝีมือไม่ธรรมดาสามคนออกมาเพิ่ม ในมือถืออาวุธแตกต่างกันไป ทันใดนั้นไม่เอ่ยวาจามากความแล้วพุ่งเข้ามาร่วมวงด้วย
หลัวสือซานตื่นตระหนกเป็อย่างยิ่ง เขากล่าวกับผิงอันหนึ่งประโยค “ระวังตัวด้วย” แล้วรีบวิ่งตรงเข้าไปร่วมการต่อสู้
สี่คนรุมโจมตีสองคน หลัวจิ่งกับหลัวสือซานอยู่ในสถานการณ์เป็รอง ตกที่นั่งลำบากทันที
ผิงอันมองจนเกิดความร้อนรน เขากัดฟันยกดาบในมือขึ้น แล้วพุ่งเข้าไปที่ชายร่างใหญ่ผู้หนึ่ง
เห็นได้ชัดมากว่าเขาเป็เพียงเด็กชายผู้หนึ่งที่เล่าเรียนการต่อสู้มาสามปีกว่า ต่อหน้าอันธพาลหนึ่งกลุ่มที่เดินอยู่บนเส้นทางความดำมืด ที่คาบเกี่ยวกับความชั่วช้าสามานย์อย่างสุดขีดแล้ว ก็เหมือนเด็กน้อยเพิ่งหัดเดินเท่านั้นเอง
เมื่อผ่านไปสามถึงห้ากระบวนท่า เด็กชายก็ตกอยู่ในวงล้อมอันตราย