ค่ำคืนมืดมิดเข้ามาเยือน
ณ ลานหลังเขาตระกูลเสิ่น เสิ่นเสวียนนั่งอยู่ภายในลานเพียงลำพัง
หลังจากพยายามมาตลอด่บ่าย ร่างกายของเสิ่นเสี่ยวเม่ยหายดีดังเดิมแล้ว ได้เห็นเสิ่นเสี่ยวเม่ยดีใจขนาดนั้นทำให้เสิ่นเสวียนพึงพอใจเป็อย่างมาก
ในตอนที่เขาฝ่าด่านเคราะห์จิตใจของเขาแข็งแกร่งไม่พอ เขาคิดหวังเพียงการบำเพ็ญเพียร ไม่มีประสบการณ์ในโลกมนุษย์มากนัก โดยเฉพาะความรู้สึกเกี่ยวกับครอบครัวและความรักนั้นว่างเปล่า เมื่อด่านเคราะห์์มาเยือน จิตใจดำดิ่งมาชั่วชีวิต สุดท้ายต้องยอมสลายร่างกลายเป็เซียนพเนจร
ตอนนี้ได้อยู่ในโลกใหม่ เขาจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อปกป้องสายสัมพันธ์ของตนเองเอาไว้ให้ได้
“พี่เสวียน ท่านหาข้าหรือ”
เสิ่นว่านซื่อยืนอยู่ด้านนอกลานด้วยท่าทางสงบนิ่ง
“เข้ามาเร็ว”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นว่านซื่อพลางยิ้มแล้วกล่าว
ต้องบอกว่านอกจากเสิ่นเสี่ยวเม่ยและเสิ่นล่างแล้ว คนที่เขาสนิทที่สุดในตระกูลเสิ่นมีเพียงเสิ่นว่านซื่อเท่านั้น ตอนนี้เขาคลี่คลายเื่ราวต่างๆ ในตระกูลเสิ่นไปแล้ว เขาจึงเตรียมพร้อมจะออกไปจากที่นี่ และหลังออกจากที่นี่ไปแล้ว เสิ่นว่านซื่อคือคนที่เขาพึ่งพาได้มากที่สุด
“พี่เสวียน”
เสิ่นว่านซื่อเดินเข้ามาในลาน แม้เสิ่นเสวียนยังคงทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดมากเหมือนเดิม แต่ด้วยอำนาจของเสิ่นเสวียนแล้วยังทำให้เขารู้สึกตื่นตระหนกอยู่ดี
“ข้าอยากให้เ้าฝึกตน เ้าคิดเห็นอย่างไร”
“ข้า...ข้าฝึกตนได้ด้วยหรือ”
เมื่อได้ยินคำของเสิ่นเสวียน เสิ่นว่านซื่อจึงกล่าวออกมาด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ
ั้แ่เขาเกิดมา เขาคิดว่าร่างกายของตนเองมิอาจกักเก็บพลังใดๆ ไว้ได้ และยิ่งไม่มีทางััได้ถึงพลัง กล่าวได้ว่าชั่วชีวิตนี้เขาถูกลิขิตให้เป็เพียงคนธรรมดา การฝึกตนเป็สิ่งที่เขามิอาจเอื้อม
แต่ตอนนี้เสิ่นเสวียนกลับบอกเขาว่าให้เขาฝึกตน!
“ทำได้”
“อยาก!”
เสิ่นว่านซื่อตอบกลับไปทันทีโดยไม่ต้องคิดเลย
ใครบ้างจะไม่อยาก แม้จะเป็ผู้ฝึกตนขั้นต่ำสุดก็ยังเหนือกว่าคนธรรมดา หากสามารถฝึกตนได้ในระดับหนึ่ง ก็นับว่าเป็เทพในสายตาของคนธรรมดาแล้ว
“ดี กินสิ่งนี้เข้าไป”
เสิ่นเสวียนนั่งอยู่ที่ม้าหิน ในมือของเขาพลันมีขวดสีดำปรากฏขึ้น
มันคือยาน้ำสกัดจากหลินจือโมรา เขามีอยู่ทั้งหมดยี่สิบขวด เสิ่นเสี่ยวเม่ยใช้ไปแล้วสามขวด ตอนนี้เขา้าใช้มันเพื่อวางรากฐานให้กับเสิ่นว่านซื่อ
"ขอรับ”
เสิ่นว่านซื่อรับยาน้ำสกัดขวดนั้นมาแล้วดื่มจนหมดในคราวเดียว
สำหรับเขาแล้ว เขาเชื่อมั่นในตัวเสิ่นเสวียนโดยไม่มีเงื่อนไข เพราะเขารู้ว่าเสิ่นเสวียนไม่มีทางทำร้ายเขา
ทันทีที่ยาไหลลงคอไป ท่าทางของเสิ่นว่านซื่อพลันแข็งทื่อไปทันที แล้วขวดสีดำในมือก็ร่วงหล่นลง
เสิ่นเสวียนยื่นมือออกไปรับขวดสีดำนั้นเอาไว้
“ของดีแบบนี้ ทำหกไปน่าเสียดาย”
เสิ่นเสวียนเก็บขวดสีดำนั้นเข้าไปในมิติ แล้วเขาก็ลุกขึ้นยืนดูอาการของเสิ่นว่านซื่อ
เสิ่นว่านซื่อยืนแข็งทื่ออยู่ตรงนั้น น้ำแข็งก่อตัวขึ้นบนร่าง เดี๋ยวก็หลอมละลายกลายเป็น้ำ เดี๋ยวก็ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง
อาการของเขาวนเวียนอยู่อย่างนี้ประมาณสิบลมหายใจ จากนั้นเสิ่นเสวียนก็ใช้ฝ่ามือทาบลงไปบนร่างของเสิ่นว่านซื่อและมีพลังปะทุออกมาปกคลุมร่างของเสิ่นว่านซื่อในพริบตา โคจรพลังเข้าสู่ร่างของอีกฝ่ายทีละน้อย
เสิ่นว่านซื่อไม่เหมือนกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย ร่างกายของเสิ่นเสี่ยวเม่ยสามารถกักเก็บพลังไว้ได้ เพียงแต่นางไม่เคยฝึกตนมาก่อน ส่วนร่างของเสิ่นว่านซื่อมิอาจกักเก็บพลังได้ คิดจะเบิกทวารเป็เื่ที่ยากมาก โชคดีที่ยาน้ำสกัดจากหลินจือโมราได้หม่าเมี่ยนช่วยหลอมรวมให้ ไอิญญาที่หลงเหลืออยู่ภายในยานี้ช่วยหวนคืนร่างแต่กำเนิดกลับมาได้ และพลังเช่นนี้เหมาะสมกับการเบิกทวารมากที่สุด
ยาน้ำสกัดจากหลินจือโมราค่อยๆ ไหลหลั่งเข้าไปภายในร่างของเสิ่นว่านซื่อภายใต้การควบคุมของเสิ่นเสวียน และดูดซับเข้าไปทีละน้อย
วิธีการเปลี่ยนจากคนธรรมดาที่ไม่สามารถฝึกตนได้ให้กลายเป็ผู้ฝึกตนเรียกว่า ‘การเบิกทวาร’ สิ่งที่เขาประสบความสำเร็จมากที่สุดในชาติก่อนคือการเบิกทวารให้หมูตัวหนึ่ง และในท้ายที่สุดมันยังเลื่อนขั้นจนเข้าอาณาจักรเซียนได้สำเร็จอีกด้วย
หนึ่งชั่วยามผ่านไป
เสิ่นว่านซื่อยืนอยู่ในลานของเสิ่นเสวียน พลังบนร่างเริ่มสงบนิ่งลงแล้ว น้ำแข็ง น้ำ และไฟก่อนหน้านี้จางหายไป และภายในร่างของเขามีพลังกำลังไหลเวียนผ่านเส้นชีพจรไปอย่างราบรื่น ทุกครั้งที่โคจรพลังจะทำให้ชีพจรของตนเองมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้น จนถึงขั้นที่สามารถหลอมรวมได้
“รู้สึกอย่างไรบ้าง”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นว่านซื่อที่ไอพลังสงบนิ่งลงแล้วพลางกล่าว
เสิ่นว่านซื่อที่หลับตาอยู่ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในขณะเดียวกันเขาก็รับรู้ได้ถึงพลังบางอย่างที่ต่างไปจากก่อนหน้านี้ นี่คือไอพลังที่มีเฉพาะในผู้ฝึกตน สิ่งนี้ทำให้เขารู้ว่าเขาเข้าเงื่อนไขสำหรับการฝึกตนแล้ว
เสิ่นว่านซื่อกำหมัดแน่น เขาััได้อย่างชัดเจนว่ามีพลังปะทุออกมาจากมือของเขา
ตุบ!
เสิ่นว่านซื่อคุกเข่าลงกับพื้น คำนับต่อเสิ่นเสวียนสามครั้ง
“เ้าทำอะไร ลุกขึ้นเร็วเข้า”
เสิ่นเสวียนเห็นเสิ่นว่านซื่อคุกเข่าลงกับพื้นจึงเข้าไปประคองทันที แม้เขาจะมีตำแหน่งเหนือกว่า แต่เขาไม่ชอบธรรมเนียมการคำนับแบบนี้เลย
“ท่านผู้นำทำให้ว่านซื่อสามารถฝึกตนได้ บุญคุณยิ่งใหญ่เช่นนี้ คำนับสามครั้งเป็แค่เื่เล็กน้อย”
เสิ่นว่านซื่อน้ำตาไหลด้วยความดีใจ ั้แ่เขาเกิดมา เขาไม่เคยกล้าหวังว่าสักวันหนึ่งตนเองจะได้ฝึกตน ด้วยความที่เขาเพิ่งมีอายุสิบหกปี ยังอายุน้อย ใครบ้างไม่อยากกลายเป็ผู้ฝึกตนที่ผู้คนเคารพนับถือ ตอนนี้มันกลายเป็จริงขึ้นมาแล้ว เขาดีใจมากจนไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก ข้าให้เ้าฝึกตนเพราะข้ามีจุดประสงค์”
“ท่านผู้นำบอกมาได้เลย”
“ข้า้าให้เ้าปกป้องตระกูลเสิ่นหลังจากนี้ เพื่อให้มั่นใจว่าตระกูลเสิ่นจะปลอดภัยหากไม่มีข้า”
“ว่านซื่อยังอยู่ ตระกูลเสิ่นก็ยังคงอยู่”
เสิ่นว่านซื่อกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ดี ข้าดูเ้าไม่ผิดจริงๆ วันนี้แม้เ้าจะสามารถฝึกตนได้แล้ว แต่ก็เพียงเบิกทวารเท่านั้น เส้นทางของการฝึกตนไม่ได้สบายอย่างที่เ้าคิด มีแต่ความยากลำบากในความยากลำบาก เพื่อให้เป็มนุษย์เหนืุ์”
“ว่านซื่อเข้าใจ ว่านซื่อจะปกป้องตระกูลเสิ่นให้ดีที่สุด”
“ใช่แล้ว เสิ่นเหวินเทาตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง”
เสิ่นเสวียนถามเสิ่นว่านซื่อ เขาจดจำเสิ่นเหวินเทาได้ขึ้นใจ
“เขา...เขายังอยู่ตรงหน้าผาบนเขา”
เสิ่นว่านซื่อกล่าว ในใจเกิดความสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมเสิ่นเสวียนจึงถามถึงเสิ่นเหวินเทา
“เ้าไปกับข้า! จะไปคุยกับเขาสักหน่อย”
เสิ่นเสวียนยิ้มมุมปากน้อยๆ แล้วเดินนำออกไป
เสิ่นว่านซื่อยังคงสงสัย แต่ก็เดินตามไปด้วย
ระหว่างทางที่เดินไปในตระกูลเสิ่น คนในตระกูลส่วนใหญ่เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนก็ก้มหัวเพื่อแสดงความเคารพ ต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
กระทั่งถึงตอนนี้เขายังจำตอนที่ตนเองเพิ่งฟื้นขึ้นมาได้ เขาเดินอยู่บนถนนสายเดียวกัน แต่คนเหล่านี้กลับมองตนด้วยแววตาเ็าและห่างเหิน ตอนนี้กลับกลายเป็เคารพและเลื่อมใส
นี่คือความแตกต่างของพลัง
ณ ทะเลสาบเทียนซิน บนูเาด้านหลังตระกูลเสิ่น
เสิ่นเหวินเทานั่งยองๆ อยู่ภายในหอคอยใจกลางทะเลสาบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด แววตาของเขาฉายความหวาดกลัวออกมา
ยิ่งคิดถึงเหตุการณ์ที่ได้เห็นในวันนี้ยิ่งทำให้เขาหวาดกลัว บางครั้งเขายังสงสัยเลยว่า มนุษย์แข็งแกร่งได้ถึงขนาดนั้นจริงๆ หรือ
“กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับชีวิตอยู่หรือ”
ขณะนั้นเอง เสียงของเสิ่นเสวียนดังขึ้นในหูของเขา
สีหน้าของเสิ่นเหวินเทาแข็งทื่อขึ้นมาทันทีที่ได้ยินเสียง เขาลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแล้ววิ่งหนีออกไป
ทว่าเขาเพิ่งวิ่งไปได้แค่สามฉื่อ กลับโดนพลังที่มองไม่เห็นกระชากร่างของเขากลับมา จนร่างกระแทกพื้นอย่างรุนแรง
“ข้าไม่ได้บอกเ้าแล้วหรือ ไร้ประโยชน์”
เสิ่นเสวียนและเสิ่นว่านซื่อเดินเข้ามาแล้วหยุดอยู่ตรงทางเดินของหอคอย
“เ้าเป็ใครกันแน่… เ้าไม่ใช่เสิ่นเสวียนแน่ๆ บอกมา เ้าคือใคร”
เสิ่นเหวินเทามองเสิ่นเสวียนอีกครั้งพลางกล่าวพึมพำ ราวกับว่าเขาใกล้จะเสียสติแล้ว
“หากข้าไม่ใช่เสิ่นเสวียน แล้วใครคือเสิ่นเสวียน”
เสิ่นเสวียนมองเสิ่นเหวินเทา เขาไม่ได้กล่าวผิดเลย เขาก็คือเสิ่นเสวียน ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดนี่ก็คือชื่อของเขา แซ่เสิ่น ชื่อเสวียน
คำของเสิ่นเสวียนและเสิ่นเหวินเทาทำให้เสิ่นว่านซื่อที่อยู่ข้างๆ รู้สึกงุนงง เขาฟังไม่รู้เื่เลย อีกทั้งสองคนนี้ก็เคยเจอกันมาก่อนแล้ว
“หากเ้าคือเสิ่นเสวียน เช่นนั้นบอกข้าได้ไหมว่าแม่ของเ้าชื่ออะไร”
เสิ่นเหวินเทามองเสิ่นเสวียนแล้วเอ่ยถาม