เหนือท้องฟ้าตำหนักเฟิ่งชัยเมฆดำหนาปกคลุมบรรยากาศอึมครึม
ภายในตำหนัก หมอหลวงหลายคนต่างคุกเข่าร่างกายสั่นเทิ้มโดยไม่รู้ตัว แววตาเผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอย่างควบคุมไม่ได้
“สนมเหยียนสุขภาพไม่ดีมาโดยตลอด อีกทั้งหลายวันก่อนเพิ่งได้รับพิษ อาการป่วยย่ำแย่เป็ทุนเดิม กระหม่อมจนปัญญาจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”
ขณะที่หัวหน้าหมอหลวงเอ่ยบนหน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อจำนวนมาก
สีหน้าของซ่งอี้เฉินไม่ชัดเจนนัก ใบหน้าอึมครึมพานให้บรรยากาศอึดอัดภายในห้องเย็นะเืมากยิ่งขึ้น “หากช่วยชีวิตไม่ได้ พวกเ้าก็ไม่จำเป็ต้องมีชีวิตอยู่”
“กระหม่อมจะพยายามอย่างสุดความสามารถพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าาโปรดให้เวลากระหม่อม” หัวหน้าหมอหลวงรู้ว่าบางทีวันนี้ตนเองอาจจะผ่านเคราะห์ครั้งนี้ไปไม่ได้แล้วเป็แน่
อยู่ในวังมาหลายปี ขึ้นๆ ลงๆ อยู่หลายครั้ง เขาจะยอมแพ้ง่ายๆ ได้อย่างไร?
หัวหน้าหมอหลวงเอ่ยพร้อมกับแทบจะคลานไปข้างกายเหยียนอู๋อวี้ พลางวางผ้าสี่เหลี่ยมหนึ่งผืนตัวสั่นงันงก
ป้าโฉ่วแอบกังวลในใจ มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ว่าร่างกายของเหยียนอู๋อวี้ทนต่อเทียบยาของหมอหลวงเหล่านี้ไม่ได้
ทว่าด้วยสถานะในปัจจุบันของนางจึงมิอาจเปิดปากพูดได้ ทำได้เพียงมองหมอหลวงแต่ละคนที่เรียกได้ว่ามีพร์เหล่านี้ทำอันใดไม่ถูก
สุดท้ายไม่รู้ว่าเป็ผู้ใดเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงลังเล “มิสู้...…ใช้ผงตัดัเถิด!”
ทันทีที่คำพูดนี้ถูกเอ่ยออกมา คนโดยรอบต่างพากันคัดค้านทันที ซ่งอี้เฉินเอ่ยถามเสียงแ่เบา “หากใช้ผงตัดั มั่นใจเพียงใดว่าจะสำเร็จ”
หมอหลวงที่เสนอความคิดนี้ออกมาในตอนแรกมองฝ่าาที่อยู่เบื้องหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง ทว่าภายในใจกลับรู้สึกลนลานอย่างบอกไม่ถูก
ความจริงแล้วเขาเองก็ไม่ได้มีความมั่นใจว่ามันจะได้ผล เพียงแค่ต้องรักษาม้าตายเหมือนม้าเป็ก็เท่านั้น![1]
“ไม่มีเลยพ่ะย่ะค่ะ?”
หมอหลวงก้มหน้า ในเวลานั้นพลันมีเงาร่างหนึ่งก้าวมาข้างหน้าพร้อมกับคุกเข่าลงบนพื้น “ฝ่าา บ่าวขอฝ่าาโปรดทรงลองใช้ผงตัดัดูหน่อยเถิดเ้าค่ะ”
ซ่งอี้เฉินก้มหน้ามอง เป็แม่นมที่ติดตามอยู่ข้างกายเหยียนอู๋อวี้ทุกวันนั่นเอง เขาฟังนางพูดอธิบายต่อ “ยามนี้ใต้เท้าทุกท่านอับจนปัญญา หากเป็เช่นนี้ต่อไป เกรงว่านายหญิงจะไม่รอด ยามนี้มีแต่ต้องลองเท่านั้น! เชื่อว่าฝ่าาเป็โอรส์ พลังัจะต้องปกป้องให้นายหญิงต้องไม่เป็อันใดแน่นอนเ้าค่ะ!”
พวกหมอหลวงไม่กล้าคัดค้าน และไม่กล้ายืนยันเช่นกัน อาการป่วยของเหยียนอู๋อวี้ซับซ้อนยากจะคาดเดานัก หากเปิดปากตอนนี้ ผิดพลาดเพียงนิดเกรงว่าศีรษะอาจจะหายโดยไม่รู้ตัว
“พวกไร้ประโยชน์ทั้งนั้น” ซ่งอี้เฉินมองหมอหลวงที่นิ่งเงียบแล้วพลันเอ่ยเสียงเ็า “ไปเอาผงตัดัมาเดี๋ยวนี้!”
……
เวลานี้เหยียนอู๋อวี้รู้สึกราวกับว่าตนเองถูกคนจับวางไว้ในบ้านน้ำแข็ง นางหนาวสั่นสะท้านไปทั่วทั้งร่าง
นางได้ยินคนมากมายพูดคุยกันอยู่ข้างหูนาง ทว่านางกลับไม่สามารถเอ่ยสิ่งใดออกไปได้ เสียงดังสับสนวุ่นวายเ่าั้จู่โจมมาพร้อมกับความฝันในวันวาน ครู่หนึ่งนางอยู่ในสนามรบ ครู่หนึ่งกลับไปเมื่อยามเป็เด็กอีกครั้ง ครู่หนึ่งยืนอยู่ในวัง ครู่หนึ่งโผเข้าสู่อ้อมแขนของมารดาอีกครั้งหนึ่ง
รสขมฝาดเฝื่อนภายในปากนางไหลลงสู่ลำคอ ค่อยๆ วิ่งเข้าสู่หัวใจ ทำให้ทั่วทั้งร่างนางเบาหวิวขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ได้
นางได้ยินใครบางคนเรียกนางว่า “อวี้เอ๋อร์”
คล้ายนางคิดบางสิ่งขึ้นมาได้ นางพยายามดิ้นรนเพื่อมองดูว่าผู้ใดกำลังร้องเรียกนาง ทว่าทุกสิ่งตรงหน้ากลับพร่ามัวไปหมด
นางเห็นเพียงร่างสีเหลืองสว่างร่างหนึ่งเดินมาจากระยะไกล ในมือถือกระบี่วิเศษ
ไม่รอให้นางฟื้นคืนสติ ความเ็ปพลันแล่นขึ้นมาที่หน้าอก นางเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น ทว่านางกลับเห็นเป็ใบหน้าของซ่งอี้เฉิน
ขณะที่กระบี่ในมือซ่งอี้เฉินแทงทะลุหัวใจนาง ทำให้นางเข้าใจประโยคนั้นของบิดาที่ว่า ‘ซ่งอี้เฉินไม่ใช่สามีที่ดีต่อเ้า!’
“นายหญิง!” เสียงซูอิ่งคล้ายจะดังอยู่ข้างหูนาง
เหยียนอู๋อวี้พยายามเปิดเปลือกตาขึ้น แต่กลับพบว่ามันหนักอึ้งอย่างยิ่ง
ทว่าการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยนี้ทำให้ทุกคนมีความหวัง
โดยเฉพาะซ่งอี้เฉิน เขามองรูปโฉมสตรีที่อยู่เบื้องหน้าเขาซึ่งแตกต่างจากคนในใจอย่างสิ้นเชิง ทว่ากลับทำให้เขานึกถึงคนผู้นั้นอยู่บ่อยครั้ง
อู๋เหยียน…...เขาพึมพำชื่อนี้ในใจ ทว่าริมฝีปากและฟันกลับมีรสขมขื่นอย่างอธิบายไม่ได้
“ฝ่าา ดูเหมือนนายหญิงจะฟื้นสติแล้วพ่ะย่ะค่ะ” หัวหน้าหมอหลวงเหมือนเห็นความหวัง จึงรีบไปเอาความดีความชอบเบื้องหน้าซ่งอี้เฉิน
ซ่งอี้เฉินมิได้เอ่ยอันใดมากนัก เพียงแค่เดินไปที่โต๊ะด้วยสีหน้าอึมครึม
เขาหยิบฎีกาจากในนั้นขึ้นมาดู ทว่าในความเป็จริงความคิดของเขาล่องลอยไปนานแล้ว
สตรีในสนามรบผู้นั้นต่อสู้ทั่วทั้งแผ่นดินเพื่อเขา!
ทว่าเขากลับแทงกระบี่วิเศษทะลุหน้าอกของนางด้วยมือตนเอง...…
หลายปีหลังจากนั้น ทุกครั้งที่นึกเหตุการณ์ในเวลานั้น เขายังคงอดที่จะนึกถึงสายตาอาฆาตแค้นและเกลียดชังของนางไม่ได้
ครั้งนั้นเป็ครั้งแรกที่เขาเห็นอวิ๋นอู๋เหยียนมีสายตาเช่นนี้ ไม่ว่าเขาจะเคยทำให้นางอัปยศอดสูเพียงใด นางก็ไม่เคยปริปากบ่น
ในชั่วขณะนั้น หัวใจที่เต็มไปด้วยความรักของนางอาจจะตายไปแล้ว เหลือเพียงความเกลียดชังที่มีต่อเขา
อย่างไรเสีย เขาไม่เพียงถือกระบี่แทงทะลุหน้าอกนางด้วยมือตนเองเท่านั้น ทว่ายัง...…ทำให้ทั้งตระกูลอวิ๋นของนางถูกสังหารทั้งตระกูล
หากนางยังมีชีวิตอยู่ ชั่วชีวิตนี้คงไม่มีวันให้อภัยเขาแล้วกระมัง!
“ฝ่าา...…” ทันใดนั้นพลันมีเสียงอู้อี้ดังมาจากบนเตียง ดึงความคิดของซ่งอี้เฉินกลับมา “เจิ้นอยู่นี่!” ซ่งอี้เฉินเดินไปยังข้างเตียง โอบเหยียนอู๋อวี้ที่ยังนอนอยู่บนเตียงไว้ในอ้อนแขนตนเองอย่างอ่อนโยนพลางกล่าวเสียงเบา
“ฝ่าา…...” นางยังคงละเมอพึมพำ “ซูเฟย…...ฝ่าาอย่าทรงถือโทษนาง...…”
ซ่งอี้เฉินกายสั่นเทิ้ม อดที่จะจับมือนางแน่นไม่ได้ พร้อมกับหันหน้ามาตำหนิหมอหลวงด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด “เหตุใดนางจึงยังไม่ฟื้น?”
“ฝ่าา คุณสมบัติของยาตัวนี้...…” หัวหน้าหมอหลวงอธิบายด้วยท่าทางประหม่าพลางแสดงสีหน้าประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก “ฝ่าา สนมเหยียนฟื้นแล้วพ่ะย่ะค่ะ...…”
ซ่งอี้เฉินหันหน้ากลับไป ในที่สุดหัวใจที่แขวนค้างพลันกลับคืนสู่ตำแหน่งเดิม
แม้คนบนเตียงจะดูอ่อนแรง ทว่าสุดท้ายยังคงได้ยินเสียงจากปากนาง “ฝ่าา…...”
เชิงอรรถ
[1] รักษาม้าเป็เหมือนม้าตาย หมายความว่า รู้ว่าไม่มีหวังแต่ก็ยังอยากลองสักครั้ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้