หลินเป้ยเป้ยฟังแม่ของเธอเธอไม่ได้ออกจากโรงพยาบาล เนื่องจากเธอกลัวการเดินไปข้างนอกยามค่ำคืนเพียงลำพังเธอมาถึงศาลาในสวนหลังโรงพยาบาลและนั่งลงเธอมองดูดาวบนท้องฟ้าที่มืดสนิทและเหม่อลอยอีกครั้งหนึ่ง
ทันใดนั้นเงาดำสองร่างก็กระโจนออกจากด้านหลังของหลินเป้ยเป้ยพวกเขาสับต้นคอเธอให้สลบ แล้วแบกเธอขึ้นรถตู้และรีบหายไปในยามวิกาล
“นายน้อยอวี่ครับ เราได้ตัวเธอมาแล้ว เรากำลังจะมุ่งหน้าไปเดี๋ยวนี้ครับ”ภายในรถตู้ ชายมีหนวดเครากำลังคุยโทรศัพท์ด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
“เร็วเข้า!” มีสองคำดังออกจากโทรศัพท์และตัดสายไป
คนที่ลักพาตัวหลินเป้ยเป้ยโดยรวมแล้วมีสามคนคนหนึ่งเป็คนขับ ส่วนอีกสองนั่งขนาบข้างเพื่อคอยระวังเธอ ชายสองคนที่นั่งข้างหลังคนหนึ่งเป็ชายมีหนวดเคราที่เพิ่งโทรศัพท์เสร็จ ส่วนอีกคนหนึ่งเป็ชายหัวโล้น
เมื่อสายตาของทั้งคู่จ้องมองเรือนร่างของหลินเป้ยเป้ยสายตาของพวกเขาก็ยิ้มด้วยความชั่วร้าย
“พี่หนวด ยายเด็กนี่ค่อนข้างใสๆ นะ เธอดูเหมือนนางฟ้าจากรูปวาดเลยผมอดไม่ได้ที่จะอยากฮึ่มๆ เลยล่ะ” เ้าหัวโล้นพูดด้วยรอยยิ้ม
เ้าเคราเฟิ้มตบกะโหลกเ้าหัวโล้น“แกอยากตายสินะ ยายเด็กนี่เป็คนที่นายน้อยอวี่สนใจสิ่งที่เราทำได้มากที่สุดคือมอง ถ้าแกกล้าแอบแตะต้องเธอและนายน้อยอวี่รู้เข้าล่ะก็แกโดนฆ่าสิบแปดชั่วโคตรแน่ๆ”
เ้าหัวโล้นสะดุ้งจนดึงมือกลับและเกาหัวด้วยรอยยิ้มเก้ๆกังๆ “ผมล้อเล่นน่า ล้อเล่นเฉยๆ”
อีกครั้งที่ฉินเฟิงขี่จักรยานด้วยความเร็วเต็มพิกัดเขาขี่จักรยานจนแทบจะพุ่งทะยานออกไป ในไม่ช้าเขาก็มาถึงสโมสรหวงเจีย
“อ้าว นายน้อยฉินนี่นา คุณมาแล้ว!” ผู้จัดการหลิวตุ้ยนุ้ยต้อนรับเขาทันที
“วันนี้ไม่ใช่เื่ของแก ไสหัวไปซะ!” ฉินเฟิงอารมณ์ไม่ดีอย่างมากเขาโบกมือไล่ผู้จัดการหลิวไปและทะยานไปที่ห้องของหลินเป้ยเปยคนเดียว
เขาเปิดประตูและรีบเข้าไปเขามองรอบๆ ห้องสวีทและผิดหวังทันที
ไม่มีร่องรอยของหลินเป้ยเป้ยในห้องแม้แต่เสื้อผ้าและข้าวของก็หายไป เห็นได้ว่าหลินเป้ยเป้ยย้ายออกไปแล้วเธอออกไปโดยที่ไม่กล่าวคำอำลา
ฉินเฟิงกดเลขและโทรเรียกผู้จัดการหลิว
“นายน้อยฉิน มะ...มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?” ผู้จัดการหลิวบอกได้ว่าวันนี้ฉินเฟิงหงุดหงิดมากเขารู้จักนายน้อยฉินมานาน แต่นี่เป็ครั้งแรกที่เห็นเขาโกรธขนาดนี้
“คนที่อยู่ในห้องนี้ไปไหน?” ฉินเฟิงะโใส่ผู้จัดการหลิว
“ผมไม่รู้ ธะ...เธอออกไปเงียบๆ ผมคิดว่าเธอย้ายไปตำหนักฉินและอยู่กับคุณเสียอีกดะ...ดังนั้นผมเลยไม่ได้ใส่ใจมากนัก”
เขาไม่สามารถถูกตำหนิได้เนื่องจากฉินเฟิงเพิ่งพาเธอออกไปเดินเล่นตลอดทั้งวัน และวันต่อมาเธอก็ย้ายออกตามนิสัยของฉินเฟิงก่อนหน้านี้จึงเป็ธรรมดาที่ผู้จัดการหลิวจะคิดว่าเธอถูกนายน้อยฉินพาไปและย้ายไปยังตำหนักฉินเพื่อเล่นเป่าขลุ่ยไม้ไผ่กับฉินเฟิงทุกคืน
“กลับมาเมื่อไร ฉันจะจัดการกับแกทีหลัง”ฉินเฟิงผลักผู้จัดการหลิวไปและวิ่งออกจากสโมสรหวงเจีย
หลังจากเดาอย่างจริงจังเขาก็ตระหนักว่าในเมื่อตอนนี้หลินเป้ยเป้ยไร้บ้านแล้วถ้าเธอไม่อยู่ที่สโมสรหวงเจีย งั้นเธอคงไปได้แค่ห้องของแม่ของเธอในโรงพยาบาล
10 นาทีต่อมา ฉินเฟิงมาถึงโรงพยาบาลชั้นหนึ่งของเมืองเว่ยเฉิงเขาไปที่ห้องของแม่หลินผลักประตูเข้าไปและเห็นแม่หลินกำลังนอนอยู่บนเตียงอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามเขาไม่เห็นหลินเป้ยเป้ย
“คุณน้าหลินครับ หลายวันที่ผ่านมา หลินเป้ยเป้ยอยู่ที่โรง’บาลตลอดเลยหรือเปล่าครับ?” หัวใจของฉินเฟิงเต็มไปด้วยความเป็ห่วงหลินเป้ยเป้ยเมื่อเขาเดินเข้ามาเขาก็พูดเข้าประเด็นทันที
แม่หลินลุกขึ้นนั่งเธอพิจารณาฉินเฟิงใกล้ๆ “เธอต้องเป็ฉินเฟิงใช่ไหม?”
“ผมเองครับคุณน้า เป้ยเป้ยไม่ได้ไปมหา’ ลัยมาหลายวันแล้ว ผมเลยตั้งใจมุ่งหน้ามาที่นี่เพื่อมาดูลาดเลา”
“ฉินเฟิง เป้ยเป้ยอยู่ที่นี่กับน้าในสามวันที่ผ่านมาน้าบอกได้ว่าเ้าตัวอารมณ์ไม่ดี...พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?” เมื่อแม่หลินเห็นว่าฉินเฟิงเป็ห่วงจนวิ่งมากลางดึกความกังวลในใจของเธอก็หายไป เธอบอกได้ว่าฉินเฟิงเอาใจใส่ลูกสาวสุดที่รักของเธอมาก
“คุณน้า แล้วเป้ยเป้ยไปไหนแล้ว?”
“เป้ยเป้ย? เมื่อกี้ก็อยู่ที่นี่นะเห็นบอกว่าจะออกไปสูดอากาศ...เดี๋ยวสิ เด็กคนนี้ออกไปได้สักพักแล้วน้าบอกไว้แล้วว่าอย่าไปไหนไกล เ้าตัวควรจะกลับมาได้แล้วนี่นา?” แม่หลินเริ่มเป็ห่วงทันที
สีหน้าของฉินเฟิงเ็าทันทีเขามีลางสังหรณ์ไม่ดี แต่เพื่อไม่ให้แม่หลินเป็ห่วง เขาจึงกล่าว “คุณน้าครับไม่ต้องห่วง ผมจะออกไปหาเป้ยเป้ยเอง คุณน้าพักก่อนเถอะครับ อย่าเพิ่งคิดมาก”
“ก็ได้ๆ งั้นต้องรบกวนให้เธอไปหาเ้าตัวแล้วล่ะ” แม่หลินกล่าว
หลังจากออกจากห้องผู้ป่วยหนักฉินเฟิงก็โทรหาลุงฝูเพื่อให้หาตำแหน่งของโทรศัพท์ของอวี่เหวินเสียงเขาตัดทอนรายละเอียดลงจนคนที่กล้าข่มขืนหลินเป้ยเป้ยในมหาวิทยาลัยเว่ยเฉิงก็มีแต่อวี่เหวินเสียงเท่านั้น
ข้อความส่งตำแหน่งปัจจุบันของอวี่เหวินเสียงมาไวมากโรงแรมว่านเฟิง ในเมื่ออวี่เหวินเสียงอยู่ในโรงแรมตอนนี้ทำให้ฉินเฟิงรับรองได้ว่ามันลักพาตัวหลินเป้ยเป้ยไป
ความโกรธปะทุอยู่ภายในใจของฉินเฟิงั์ตาของเขาเป็สีแดงฉาน และร่างทั้งร่างก็ลุกไหม้เขารีบออกจากโรงพยาบาลและเร่งไปยังโรงแรมว่านเฟิงด้วยจักรยานทันที
...
ณโรงแรมว่านเฟิง ห้องพักเพรสซิเดนท์สวีทชั้นบนสุด
ครั้งนี้อวี่เหวินเสียงกำลังพิงโซฟาอย่างสบายๆซิการ์แกว่งในปากของเขาพร้อมกับถือแก้วไวน์แดงในมือเขาเพ้อฝันถึง่เวลาอันเลิศเลอที่ยังมาไม่ถึง
ทันใดนั้นเสียงออดก็ดังออกมาเพียงแค่อวี่เหวินเสียงส่งสายตา ชายชุดดำสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็วิ่งไปเปิดประตู
“นายน้อยอวี่ครับ พวกเราพาเธอมาแล้ว!”เ้าเคราเฟิ้มและเ้าหัวโล้นยิ้มแฉ่งขณะที่พาหลินเป้ยเป้ยเข้ามา
อวี่เหวินเสียงยืนตัวตรงเขามองหลินเป้ยเป้ยที่ไม่ได้สติด้วยสายตาเขียวคล้ำ “ดีมากพวกแกทั้งหมดออกไปรับรางวัลได้”
“ขอบคุณครับนายน้อยอวี่!” ทั้งสองยิ้มกริ่มและออกจากห้อง ครั้งนี้สีหน้าของอวี่เหวินเสียงจริงจังเขาส่งสายตาให้กับชายชุดดำทั้งสองคนพวกเขาพยักหน้าว่ารับทราบและตามอีกสองคนออกจากประตูไป
ไม่กี่นาทีต่อมาชายชุดดำทั้งสองก็กลับมาในห้องเพรสซิเดนท์สวีทพร้อมกับมือเปื้อนเืที่ยังไม่แห้งพวกเขาพูดด้วยความเคารพ “นายน้อยอวี่ครับ พวกตัวปัญหาโดนกำจัดแล้ว”
อวี่เหวินเสียงหัวเราะอย่างบ้าคลั่งทันทีครั้งนี้เขาไร้กังวลแล้วตอนนี้นอกจากบอร์ดี้การ์ดชุดดำสองคนที่ยืนเฝ้าประตูก็ไม่มีใครรู้เื่ที่เขาลักพาตัวหลินเป้ยเป้ยอีกแล้วตอนนี้เขาสามารถมีความสุขกับมื้ออาหารที่น่าหลงใหลอย่างสงบสุขได้สักที
“พวกแกทั้งคู่ไปได้แล้ว” ด้วยคำสั่ง ชายชุดดำทั้งสองก็ออกไปและปิดประตู
อวี่เหวินเสียงยิ้มอย่างสำราญต่อหน้าหลินเป้ยเป้ยเขาสาดไวน์แดงที่ถืออยู่ใส่หน้าที่มีเสน่ห์ของเธอ ทันใดนั้นหลินเป้ยเป้ยก็ตื่นขึ้น
“พวกคุณสองคนจะทำอะไรน่ะ? ปล่อยฉันนะรีบปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!” หลังจากตื่นขึ้นมา ความทรงจำของหลินเป้ยเป้ยยังอยู่ใน่ที่เธอโดนทำให้หมดสติเธอรู้ว่าเธออยู่ในอันตรายและดิ้นสุดแรง
ร่างของเธอถูกมัดด้วยเชือกและมือก็ถูกมัดไพล่หลังไม่ว่าเธอจะดิ้นแรงแค่ไหน เธอก็ดิ้นไม่หลุด เธอเริ่มมองดูรอบๆ สถานที่เมื่อเธอเห็นอวี่เหวินเสียงยืนอยู่ต่อหน้าเธอ หัวใจของเธอก็จมดิ่งอย่างฉับพลัน
“นายน้อยอวี่ ปะ...ปล่อยฉันไปเถอะ”
“ฮ่าๆๆ ปล่อยเธอไป? เธอคิดว่ามันเป็ไปได้ด้วยเหรอ?”อวี่เหวินเสียงนั่งยองๆ และชื่นชมความสวยของหลินเป้ยเป้ย
เพราะเธอดิ้นสุดแรงผมและเสื้อผ้าของเธอจึงกระเซอะกระเซิง เปิดเผยความดื้อรั้นที่ยั่วยวน อวี่เหวินเสียงจึงใจไม่สงบขณะที่มองเธอ
“นายน้อยอวี่ ฉันขอร้องล่ะ ปล่อยฉันไปเถอะ” หลินเป้ยเป้ยดิ้นรนต่อเธอดิ้นจนน้ำตาไหลออกมา เธอดูทั้งน่าสงสารและน่าหลงใหล
“ก็ได้ เมื่อฉันเพลิดเพลินกับเธอเสร็จแล้ว ฉันจะปล่อยเธอไป”อวี่เหวินเสียงกล่าว
“อวี่เหวินเสียง รีบปล่อยฉันซะฉันจะไม่ให้นายได้แตะต้องฉันหรอก...ถ้านายกล้าแตะต้องฉันฉันจะบอกฉินเฟิงให้จัดการกับนาย”หลินเป้ยเป้ยรู้ว่าขอร้องกับสัตว์เดรัจฉานอย่างอวี่เหวินเสียงไปก็เปล่าประโยชน์ดังนั้นเธอจึงคิดว่าใช้ฉินเฟิงขู่เขาแทนอาจจะดีกว่า
สีหน้าของอวี่เหวินเสียงเ็าทันทีเขากัดฟันและจ้องหลินเป้ยเป้ยเหมือนกับสัตว์ป่าที่โกรธเกรี้ยว เขายื่นมือฟาดออกไป
เพียะ!
เป็การตบที่รุนแรงมากเืไหลออกจากมุมปากของหลินเป้ยเป้ยอย่างไรก็ตามไม่มีเศษเสี้ยวความกลัวหรือความเจ็บบนใบหน้าของเธอเธอดึงดันเงยหน้าและมองอวี่เหวินเสียงอย่างเ็า “ตบฉันสิ ทุกตบที่นายให้ฉันฉินเฟิงจะช่วยฉันเอาคืนให้เป็สิบเท่า”
“ยายร่านเอ๊ย!” อวี่เหวินเสียงโกรธจนตบไปอีกดอกหนึ่ง
ทันใดนั้นเขาก็พุ่งเข้าหาเธอและ้าจะฉีกเสื้อผ้าเธอ“แกคิดว่าฉินเฟิงมันดีนักใช่ไหม? ตอนนี้พ่อกำลังขืนใจแกแล้วมันทำอะไรได้วะ? ตอนนี้มันอยู่ไหน? มันอาจจะกำลังกอดสาวอื่นอยู่ก็ได้แกประเมินตำแหน่งของตัวเองในหัวใจมันสูงไป”
อวี่เหวินเสียงเริ่มฉีกเสื้อผ้าหลินเป้ยเป้ยอย่างบ้าคลั่งขณะที่เธอเองก็ดิ้นสุดแรงเกิดอย่างไรก็ตาม แขนเสื้อทั้งสองของเธอโดนฉีกออกแล้ว เผยสายรัดสีขาวออกมาภาพนี้ทำให้ความปรารถนาของอวี่เหวินเสียงพุ่งทะยานเสียดฟ้า
“ฮ่าๆๆ สาวสวยอันดับสองของคณะศิลปะ ให้พ่อได้ลิ้มรสแกคืนนี้เถอะและดูว่าแกจะอร่อยสักแค่ไหน”สายตาของอวี่เหวินเสียงส่องแสงสีเขียวขณะที่จ้องหลินเป้ยเป้ยครั้งนี้เขาตะครุบที่ต้นขาของเธอและ้าจะถอดกางเกงยีนของเธอออก
น้ำตาของหลินเป้ยเป้ยไหลเป็สายฝนหัวใจอ่อนแอและบอบบางของเธอเต็มไปด้วยฉินเฟิงและไม่เคยมีชายอื่นเธอ้ามีชีวิตอยู่ในฐานะผู้หญิงของฉินเฟิงหรือไม่งั้นก็ตายก่อนที่จะโดนคนอื่นข่มขืน
ทันใดนั้นหลินเป้ยเป้ยก็กระโจนสุดแรงและพุ่งไปยังโต๊ะกาแฟข้างๆ
ตุบ!
ด้วยเสียงทึบดังออกมาหลินเป้ยเป้ยได้ใช้หัวโหม่งเข้าเหลี่ยมมุมของโต๊ะกาแฟเืไหลนองจากหน้าผากของเธอทันที สติของเธอดำมืดและสลบไปในที่สุด
“บัดซบเอ๊ย โชคร้ายอะไรอย่างนี้วะ” เมื่อเขาเห็นฉากนี้ใบหน้าของอวี่เหวินเสียงก็เ็า เขาถ่มน้ำลาย“ในเมื่อแกยอมตายดีกว่ายอมให้พ่อแตะต้องเพื่อคงความบริสุทธิ์ได้ต่อไปพ่อจะไม่ทำอย่างที่แก้าหรอก แม้ว่าแกจะตายพ่อก็ต้องดื่มด่ำให้หนำใจก่อนที่จะให้แกตาย”
สายตาของอวี่เหวินเสียงแดงฉานเขากลายเป็โรคจิตโดยสมบูรณ์ เมื่อเขาเห็นใบหน้านองเืของหลินเป้ยเป้ยเขาไม่เพียงแค่ไม่หยุด แต่เขาเริ่มตื่นเต้นมากขึ้นแทนเขายื่นมือออกมาเพื่อจะฉีกกางเกงของหลินเป้ยเป้ย